เสี่ยวเชี่ยนพอได้พูดออกไปแล้วก็โล่งใจ
เป็นศิษย์อาจารย์กันมาสองชาติ ความสัมพันธ์จะขาดสะบั้นแค่คำพูดไม่กี่ประโยคได้อย่างไร เธอรู้ว่าอาจารย์ตัวเองเป็นคนอย่างไร พูดออกไปแบบนี้แล้วต่อไปอาจารย์ก็คงไม่บังคับเธออีก
เสี่ยวเชี่ยนเพิ่งเดินไปถึงที่รถอาข่าก็เรียกเธอจากด้านหลัง
“ประธานเชี่ยน”
“มีธุระอะไรเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม
“บอสฉันอยากเจอเธอ”
“หืม?” มือเสี่ยวเชี่ยนปล่อยประตูรถเรียบร้อยแล้ว เธอหันไปมองอาข่าเต็มๆตา
บุคคลลึกลับที่อยู่เบื้องหลังอาข่าในที่สุดก็จะเปิดเผยตัวแล้วเหรอ?
ตอนที่ไปช่วยฉิวฉิวอาข่าพูดมาแล้วว่า พอกลับมาบอสของเธออยากเจอเสี่ยวเชี่ยน แต่เสี่ยวเชี่ยนไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้
“เบบี๋เชี่ยน~” ศาสตราจารย์ชีวิ่งหอบมาแต่ไกลพลางยิ้มหน้าบานให้เสี่ยวเชี่ยน
เด็กคนนี้ใส่ส้นสูงแต่ทำไมวิ่งได้ไวขนาดนี้นะ เมื่อกี้ตอนเขาออกมาถูกศาสตราจารย์คนหนึ่งขอคุยด้วยเกือบตามเสี่ยวเชี่ยนไม่ทันแล้ว
“ก็บอกแล้วว่าอย่าเรียกฉันแบบนั้น” เสี่ยวเชี่ยนได้ยินเขาเรียกแบบนี้ก็รู้สึกขนลุก
“เบบี๋เชี่ยน?”
“…คุณมีธุระอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนพบว่าเธอหมดแรงทุกครั้งที่ต้องเจอกับตาคนหน้าหนาคนนี้
“ผม่มียาอมชุ่มคอสูตรพิเศษมาให้ น่าจะช่วยเรื่องเสียงคุณได้บ้าง เสียงคุณยังดูแหบๆอยู่เลย” ศาสตราจารย์ชียิ้มกว้างพลางล้วงกระปุกยาอมออกมา
เนื่องจากเป็นสูตรทำเองจึงไม่ได้ห่อสวยงาม
แต่อย่าคิดว่าเขาห่อด้วยพลาสติคแบบนี้ แต่ถูกจัดวางในกล่องไม้แกะสลักสวยหรูนะจะบอกให้ แถมด้านบนยังมีเพชรพลอยประดับด้วย
นี่เป็นของมีราคา เหมือนกับขวดโบราณราคาแพงที่บรรจุเหล้าคราวก่อน ของยังไม่แพงเท่ากล่อง
“ฉันไม่ชอบรับของจากคนแปลกหน้า” เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ยื่นมือออกไป แค่หันไปมองเขาอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าตานี่ดูตื๊อเธอมาก
“คุณพูดเองนะว่าให้ผมมาเอง คุณถึงจะยอมกินยา ตอนนี้ผมมาแล้ว เด็กดี ถึงเวลากินยาก็ต้องกิน เดี๋ยวเกิดทิ้งโรคเรื้อรังอะไรไว้จะไม่ดีนะ”
อาข่าพยักหน้าเห็นด้วย ใช่ บอสพูดถูก
เดิมเสี่ยวเชี่ยนมีสีหน้าไม่แคร์ แต่ทันใดนั้นเธอก็getคำพูดของศาสตราจารย์ชี เขามาด้วยตัวเองเธอถึงจะยอมรับของจากเขาแถมยังจะกินยาด้วย…หรือว่า?
เธอนึกออกแล้ว ก่อนหน้านี้อาข่าให้ของเธอ ตอนที่เธอปฏิเสธเธอได้พูดกับอาข่าว่า ถ้าอยากให้เธอรับของก็ให้บอสอาข่ามาด้วยตัวเอง
สาดตาจานชีพูดแบบนี้ หรือว่าเขาจะเป็น…
“เขาเป็นบอสฉันเอง”
คำอธิบายของอาข่าทำให้โลกหยุดไปชั่วขณะ
กลางวันแสกๆ มีคนและรถผ่านไปมา แต่มีแค่สามคนนี้เท่านั้นที่ยืนนิ่งเหมือนหุ่นขี้ผึ้ง คล้ายกับว่าลืมแม้กระทั่งหายใจ
“ดังนั้น คุณก็คือคนที่ส่งให้อาข่ามาอยู่ข้างฉัน?” เสี่ยวเชี่ยนกัดฟันพูดออกมา
“ใช่ครับ”
“คุณให้เขาคอยปกป้องฉัน?”
“ถูกต้อง”
“เขาเอาเครื่องดักฟังมาแอบฟังฉันกับสามีก็เป็นสิ่งที่คุณสอนมา?”
“…นั่นมันนิสัยพิเรนทร์ของเขา ในความเป็นจริงเขาไม่ใช่แค่ดักฟังคุณ ผมมีแฟนเขาก็แอบดักฟัง” ศาสตราจารย์ชีเองก็จนปัญญากับนิสัยนี้ของอาข่า
“แล้วสรุปว่าคุณทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่? อย่าบอกนะว่าคุณจะรับเด็กคนนึงตรวจสอบเข้มยิ่งกว่ารัฐบาลอีกน่ะ” น้ำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนฟังดูเหมือนอ่อนโยน แต่ถ้าเสี่ยวเฉียงอยู่ตรงนี้ล่ะก็จะต้องถอยหลังออกไปแล้วแน่
มีแค่คนที่นอนข้างกันเท่านั้นถึงจะฟังออกว่าน้ำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนมีกลิ่นดินระเบิดโชยมา ถึงชีอวี่เซวียนจะเคยวิเคราะห์นิสัยของเสี่ยวเชี่ยนในเชิงลึก แต่ก็ยังไม่รู้จักถึงนิสัยความเคยชินบางอย่างของเสี่ยวเชี่ยนดี พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแบบนี้จึงยังยิ้มหน้าระรื่นได้
“ตอนนี้ผมยังบอกจุดประสงค์ที่มากับคุณไม่ได้ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายกับคุณ ผมเชื่อว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกสิ่ง กลอนโบราณเขาว่าไว้ไงนะ…หัวใจเย็นชาในกาหยก”
“อ่อ…กาหยกเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างเย็นชา
“อื้อๆ” สาดตาจานที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองพยักหน้าอย่างดีใจ
“ได้ ดีมาก”
เสี่ยวเชี่ยนพูดจบก็ก้าวไปข้างหน้าแล้วตบหน้าชีอวี่เซวียนสองผัวะ
ตบได้เสียงดังสนั่น เล่นเอาชีอวี่เซวียนหน้าหัน
“อย่าให้ฉันเห็นหน้าคุณอีก ไปให้พ้นหน้าเลย” เสี่ยวเชี่ยนพูดจบก็ยกนิ้วกลางให้ชีอวี่เซวียน ไม่ได้เข้ากันกับภาพลักษณ์ของเธอในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับเข้ากันได้ดีกับน้ำเสียงที่นุ่มนวลผิดปกติ
“ถ้าให้ฉันเห็นคุณส่งคนมาดักฟังฉันกับสามีอีกล่ะก็ ฉันจะตบคุณอีก”
พูดจบก็เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง
การรับมือกับคนที่ส่งคนมาแอบดักฟังเธอ เห็นเธอเป็นคนโง่ เธอไม่ต้องทำตัวมีมารยาทใส่ ตบน่ะถูกต้องแล้ว
จนกระทั่งรถคันเล็กสีแดงของเสี่ยวเชี่ยนเหลือไว้เพียงควันจากท่อไอเสีย อาข่าถึงได้สติจากอาการอึ้งเมื่อครู่
“บะ บอส?” เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่
เมื่อกี้ไม่ใช่ภาพลวงตาใช่ไหม?
ประธานเชี่ยนไม่ใช่แค่ตบบอสเธอสองที ยังยกนิ้วกลางให้ด้วย?
“ฮ่าๆ น่ารักจริงๆ” ชีอวี่เซวียนส่ายหน้าให้กับรถเสี่ยวเชี่ยนที่แล่นออกไป ทำไมถึงได้อารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้นะ
“เธอนิสัยแบบนี้แหละค่ะบอส เรื่องนี้ต้องโทษฉันที่ไม่ได้เคลียร์เรื่องนี้ให้ชัดเจน ประธานเชี่ยนไม่ชอบให้ใครไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา” อาข่าอธิบายพลางมองบอสอย่างระมัดระวัง
เธอกลัวบอสจะโทษประธานเชี่ยน เธอยังจำได้ คนที่เคยล่วงเกินบอสตอนนี้เป็นอย่างไรแล้ว…ก็ผู้อำนวยการโรงเรียนที่อยากปล่อยคนบ้ามารังแกประธานเชี่ยนนั่นไงล่ะ
ตอนนี้เสียสติถูกรักษาอยู่ในโรงพยาบาลประสาท
บอสเป็นคนที่มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ แต่ไม่มีใครมองออกเลยว่าเขายิ้มจริงหรือเป็นยิ้มหลอก ดังนั้นหลังจากที่เห็นประธานเชี่ยนทั้งด่าทั้งตบ เรื่องแรกที่อาข่าคิดทำก็คือยืดอกรับบาปแทน
“มันผิดที่เธอตั้งแต่แรก” บอสถลึงตาใส่อาข่า “หักเงินครึ่งเดือน ฉันบอกให้คอยคุ้มกันเขาอยู่ใกล้ๆ แล้วฉันสั่งให้ดักฟังเขาตอนไหนกัน?”
“ฉันก็แค่เผลอใจไปหน่อย…ใครจะไปรู้ว่าเธอกับเสี่ยวเฉียงจะ…”
“แล้วไอ้อวี๋เสี่ยวเฉียงนั่นถนอมเสี่ยวเชี่ยนหรือเปล่า?”
“นุ่มนวลดีค่ะ” เอ๋ ทำไมหลุดเข้ามาประเด็นนี้?
อาข่ารู้สึกงง
“บะ บอส?”
เมื่อกี้บอสยังตำหนิเธอเรื่องที่ดักฟังสองผัวเมียคู่นี้เลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมอยู่ๆอยากเม้าท์เรื่องนี้ล่ะ?
“อยากโดนฉันหักเงินเดือนอีกใช่ไหม? ในเมื่อดักฟังแล้วก็ให้มันได้อะไรบ้างสิ ผู้ชายคนนั้นเก่งแค่ไหนเรื่องอย่างว่า? ทำให้เบบี๋เชี่ยนของฉันพอใจได้หรือเปล่า? แต่ละครั้งกี่นาที มีเปลี่ยนท่าบ้างไหม?”
“…ฉันแค่ฟังช่วงเริ่มต้นเท่านั้นค่ะบอส ไม่ได้ฟังจนจบ แต่จากที่ฟังเสียงสด…น่าจะเยี่ยมอยู่นะคะ…”
ชีอวี่เซวียนเบ้ปาก “ไว้ฉันเรียกเขาออกมาไปซาวน่าด้วยกันสักหน่อย ฉันต้องดูเรื่องขนาดอะไรพวกนี้หน่อยแล้ว…”
“บอส?” คุณพระ เขาพูดเรื่องความคิดพิเรนทร์ของตัวเองออกมาได้หน้าตาเฉย นี่ใครพิเรนทร์กว่ากันเนี่ย
ในใจอาข่ารู้สึกอยากกรีดร้อง
“เกิดปีนกแก้วหรือไง? ชอบพูดเลียนแบบ? มองอะไร ไปสิ เดี๋ยวพาไปกินข้าว จะได้ทดสอบด้วยช่วงนี้เรียนได้อะไรไปบ้าง เข้าใจเรื่องทฤษฎีการวิเคราะห์จิตใจของของซิกมันด์ ฟรอยด์ดีหรือยัง?”