“บอสหักเงินเดือนฉันเถอะค่ะ…ฉันมันไม่เอาไหนเรื่องเรียนจิตวิทยาเลยจริงๆ หัวกะทิโมโหบอสหนีไปแล้ว ไปทดสอบเขาเถอะค่ะ”
“ฉันยังต้องทดสอบเขาด้วยเหรอ?”
ชีอวี่เซวียนนึกถึงการแข่งขันอีกไม่กี่วันหลังจากนี้แล้วก็ผุดรอยยิ้มออกมา
จะได้เห็นเบบี๋เชี่ยนแสดงความสามารถอีกแล้ว เขาชอบการแข่งขันจริงๆ
“การแข่งขันระดับนานาชาติเมื่อไม่กี่ปีก่อนทำให้ฉันได้เห็นเขา ตอนนี้การแข่งขันก็ทำให้พวกเราได้ขยับเข้ามาใกล้ชิดมากกว่าเดิม อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ”
“บอสพูดเรื่องอะไรคะ?” อาข่าไม่เข้าใจ
“พูดผิดน่ะ”
“อ่อ…บอสก็มีตอนที่พูดผิดด้วย”
“หักเงินเดือนสามวัน”
“ทำม้าย” ฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ
“เมื่อกี้ที่ถามเรื่องทฤษฎีของซิกมันด์ ฟรอยด์ไง ทำไมเรียนแล้วไม่จำ ซิกมันด์ ฟรอยด์เคยกล่าวไว้ ไม่มีหรอกการพูดผิด มันคือความคิดจริงๆจากจิตใต้สำนึก เรียนจิตวิทยามาตั้งหลายปี ตอนที่เบบี๋เชี่ยนของฉันยังเป็นปีหนึ่งเธอก็ปีหนึ่งเหมือนกัน นี่เบบี๋เชี่ยนเรียนปริญญาโทแล้วเธอยังสอบซ่อมอยู่เลย แค่ซิกมันด์ ฟรอยด์ยังไม่เข้าใจ โดนหักเงินเดือนก็เหมาะสมแล้วไม่ใช่หรือไง?”
“ฉันยังแอบคิดว่ารอเงินเดือนออกจะไปเลี้ยงของอร่อยประธานเชี่ยน งั้นหักไปเถอะค่ะ หักให้หมดฉันจะได้ไม่เหลืออะไรเลย” อาข่าไม่อยากสนใจบอสแล้ว คนที่โหดร้ายที่สุดก็คือบอส
“จะไปกินข้าวกับเขาเหรอ?”
“ถ้าบอสไม่หักเงินที่ฉันแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายจนหมด ฉันก็อยากเลี้ยงข้าวเขามื้อใหญ่สักมื้อ ช่วงนี้ฉันได้อะไรมาเยอะเลย เป็นครั้งแรกที่มีเพื่อนด้วย”
“ก็ได้ ไม่หักแล้ว ไปเลี้ยงของอร่อยเขานะ”
“รู้แล้วค่ะ บอส ทำไมถึงได้ดีกับประธานเชี่ยนขนาดนี้คะ?”
บอสมีสิ่งที่ชอบทำสามอย่างคือ หักเงิน หักแต้ม และก็ชมประธานเชี่ยน รู้อยู่แล้วว่าถ้าเอาประธานเชี่ยนมาอ้างบอสจะต้องติดกับแน่
“เขาเป็นลูกสาวที่พลัดพรากของฉัน”
“หา” อาข่าตัวแข็งไปเลยทีเดียว
ชีอวี่เซวียนหัวเราะ “ล้อเล่นน่ะ”
อาข่าตบหน้าอกเรียกขวัญกลับมา “ตกใจหมดเลยบอส ไม่ตลกเลยนะคะ ประธานเชี่ยนจะมีพ่อที่เหมือนปีศาจแบบนี้ได้ไง?”
“เธอว่าใครเป็นปีศาจ?” ชีอวี่เซวียนที่กำลังหยิบเงินหยุดชะงักทันที อาข่ารีบยิ้มประจบ
“ฉันเองค่ะ ฉันเป็นปีศาจตัวใหญ่ที่สุด~”
อาข่ารับเงินมาจากชีอวี่เซวียนแล้วก็ยิ้มกว้าง
“ฉันไปก่อนนะคะบอส~ ต่อไปอย่าล้อเล่นอะไรแบบนี้อีกนะคะ”
พออาข่าเดินไปไกลแล้ว ชีอวี่เซวียนถึงได้หุบยิ้มลง เขามองไปยังทิศทางที่รถเสี่ยวเชี่ยนขับออกไปพลางพูดพึมพำกับตัวเอง
“ที่อาข่าสอบซ่อมบ่อยๆใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ซิกมันด์ ฟรอยด์เคยกล่าวไว้ ไม่มีหรอกการล้อเล่น มันมีความจริงแฝงอยู่ในนั้นเสมอ”
ประโยคทองที่ซิกมันด์ ฟรอยด์เคยกล่าวไว้มีมากมาย เด็กเรียนไม่เก่งอย่างอาข่าจะจำได้หมดได้ยังไง
แต่เด็กคนนั้นที่จำได้หมด ตอนนี้ยังเกลียดเขาอยู่เลย พอนึกถึงเสี่ยวเชี่ยน ชีอวี่เซวียนก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที เบิกบานเหมือนกับแสงแดดในตอนนี้
มีเธออยู่ โลกถึงจะมีสีสัน
เดี๋ยวกลับไปสืบดู เบื้องหลังน้องชายอาจารย์คนนั้นน่าจะมีคนคอยชักใยอยู่แน่ๆ ลำพังแค่นักธุรกิจคนเดียวผ่านไปตั้งหลายปีเพิ่งจะมาคิดแค้นเรื่องงี่เง่าแบบนี้เนี่ยนะ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่เชื่อ
แต่สีหน้าที่มั่นอกมั่นใจของเสี่ยวเชี่ยนทำให้ศาสตราจารย์ชีหยุดความบุ่มบ่ามของตัวเองไว้ก่อน เขาอยากรอดูว่าเสี่ยวเชี่ยนจะทำยังไง
“ขอบคุณฟ้า ขอบคุณผืนดิน ขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราได้เจอกัน~” ชีอวี่เซวียนฮัมเพลงประกอบละครองค์หญิงกำมะลอ
มีคู่รักนักศึกษาสองคนที่เดินอยู่แถวนั้น ผู้ชายรีบดึงผู้หญิงมาไว้อีกข้าง ตานี่ดูเหมือนคนไม่สมประกอบ อยู่ห่างๆไว้ดีกว่า…
เสี่ยวเชี่ยนขับรถกลับบ้าน ไฟโกรธในใจยังไม่เบาบางลง
ถึงวันนี้จะเจอเรื่องมากมาย แต่เมื่อเทียบกับเรื่องที่เธอต้องเข้าแข่งรายการที่เป็นเหมือนกับดักนั่นแล้ว เธอหงุดหงิดที่ได้รู้ว่าบอสของอาข่าคือศาสตราจารย์ชีมากกว่า
และศาสตราจารย์ชีคนนี้ ก่อนหน้านี้หลายครั้งได้เข้ามาหาเธอ จุดประสงค์ของเขาคืออะไร?
ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์อะไร เสี่ยวเชี่ยนก็หงุดหงิดทั้งนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ความฉลาดที่เธอแสนภาคภูมิใจถูกดูหมิ่นขนาดนี้ ตานี่วนเวียนอยู่รอบตัวเธอมาตั้งนานแต่เธอกลับไม่เอะใจ
และที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือ จนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้ว่าตาชีอวี่เซวียนคนนี้เข้าใกล้เธอด้วยเหตุผลอะไร เห็นเขาทำหน้าระรื่นแล้วมันน่าหงุดหงิดนัก
สุดๆเลยจริงๆ
หรือเสน่ห์ของเธอมันมีมากเสียจนทำให้หนุ่มใหญ่มาหลงรัก?
พอคิดมาถึงตรงนี้เสี่ยวเชี่ยนก็ขนลุก ถึงเธอจะไม่รู้อายุจริงของชีอวี่เซวียน แต่ฟังจากเวลาเขาเรียกศาสตราจารย์หลิว อายุก็คงไม่น้อยแล้ว ถึงเขาจะดูแลตัวเองดีเหมือนเพิ่งอายุสามสิบต้นๆ แต่นึกถึงที่ศาสตราจารย์หลิวเคยบอกว่าเขาผ่านช่วงยุคสมัยพิเศษมา ถ้าอย่างนั้นเขาก็น่าจะอายุพอๆกับแม่เธอ
น่าขยะแขยงจริงๆ
ผู้ชายคนหนึ่งพยายามตื๊อผู้หญิงคนหนึ่ง ยากที่จะไม่ให้เสี่ยวเชี่ยนคิดไปในเชิงชู้สาว แต่เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด
แต่ไม่ว่าอย่างไร ชีอวี่เซวียนคนนี้ก็รู้เรื่องของเธอเยอะเกินไป แค่ช่วงเวลาสั้นๆกลับวิเคราะห์ได้ว่ามีคนชักใยอยู่เบื้องหลังน้องชายอดีตครูที่ปรึกษาของเธอ
และเรื่องที่ทำให้เสี่ยวเชี่ยนโมโหที่สุดก็คือชีอวี่เซวียนบอกว่าเธอใจดีเกินไป ไม่จัดการขั้นเด็ดขาด เธอจะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า แต่ละคนต่างมีศีลธรรมในตัวเอง เธอจะทำอะไรไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสั่ง
ต่อให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลระดับโลกก็ไม่ได้
สำหรับคนที่มีอาชีพเป็นทหาร เรื่องที่มีความสุขที่สุดบนโลกใบนี้คืออะไร?
สร้างเกียรติให้กับประเทศ อีกเรื่องก็ยามที่กลับไปถึงบ้านแล้วได้กลิ่นอายของครอบครัว
ตอนที่อวี๋หมิงหลางเข้าไปในบ้าน วินาทีที่เขาผลักประตูเข้าไปแล้วเห็นเสี่ยวเชี่ยนนั่งกอดชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ที่ริมหน้าต่าง เขามีความสุขที่สุดแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอ”
สายตาดีใจของเธอทำให้ท้องฟ้าที่มืดมนข้างหลังเธอส่องสว่างในทันตา
สองทุ่มกว่าแล้ว คิดว่าวันนี้เขาจะไม่กลับมาแล้วเสียอีก ได้เห็นเขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกรางวัลใหญ่
“ทำไมกินไอ้นี่ล่ะ” อวี๋หมิงหลางเดินเข้าไปหยิบชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในมือเธอทิ้งถังขยะ
“ไม่เป็นไร ก็แค่อยากกิน”
อันที่จริงเธอรอเขากลับมาเพื่อไปกินข้าวข้างนอกฉลองให้เขา แต่รอตั้งนานก็ยังไม่กลับมาเสียทีเธอก็เลยต้มบะหมี่กิน
“ผมไปเปลี่ยนชุดก่อน เดี๋ยวพาคุณไปกินข้าวข้างนอก” เขาทำงานมาทั้งวันแต่กลับดูไม่เหนื่อยล้าเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเพราะพลังเยอะหรือเพราะเห็นเธอที่กำลังรอเขากลับมาก็เลยมีพลังขึ้นมาทันที
ถ้าจะนับกันจริงๆ นี่เป็นวันแรกที่ทั้งสองคนย้ายบ้านมาอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ถึงจะเคยมาค้างคืนบ้าง เสี่ยวเชี่ยนเองก็ค้างอยู่หลายวัน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เขากลับมาแล้ว
“ต่อไปถ้าเกินหกโมงครึ่งผมไม่กลับมาคุณก็ไม่ต้องรอแล้วนะ กินข้าวไม่ตรงเวลาเดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ ผมจะวานคนให้หาแม่บ้านมาทำพาร์ทไทม์ เวลาที่ผมไม่อยู่บ้านถ้าคุณหิวจะได้ไม่ลำบาก”
อวี๋หมิงหลางพูดพลางเปลี่ยนเสื้อผ้า เสี่ยวเชี่ยนเอาเสื้อนอกที่เขาถอดไปแขวน อวี๋หมิงหลางที่เปลือยท่อนบนทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านขึ้นมาหน่อย