ตอนที่ 859 เธอกำลังโต

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“ให้ฉันเรียนทำอาหารไหม?” รู้สึกว่าแต่งงานแล้วถ้าทำอาหารไม่เป็นเลยมันออกจะนั่นไปหน่อย ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงมุมนั่งเล่นริมหน้าต่าง เธอเห็นสะใภ้ทหารเดินถือตะกร้าจ่ายตลาดกัน เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วเธอดูบกพร่องในหน้าที่ของภรรยา

 

 

“ไม่ต้องหรอก หาแม่บ้านแถวนี้ให้มาทำสะดวกกว่า เอาแบบไม่ต้องให้ค้าง ดูแลอาหารสามมื้อ ช่วยทำความสะอาดบ้านนิดหน่อยก็พอ ช่วงนี้งานผมค่อนข้างยุ่ง ถ้าผมอยู่ก็ไม่ต้องหาคนมาทำหรอก”

 

 

“แบบนี้อีกหน่อยเวลาที่นายโม้ให้เพื่อนทหารฟังมันจะทำให้ความภูมิใจลดน้อยลงหน่อยหรือเปล่า?”

 

 

ภรรยาคนอื่นมีเมนูเด็ดเป็นของตัวเองทั้งนั้น แต่ประธานเชี่ยนกลับถนัดระเบิดครัว

 

 

“เรื่องโม้น่ะอย่าพูดถึงเลย…” อวี๋หมิงหลางยังจำคราวก่อนที่โม้ไปแล้วโดนแฉได้อยู่เลย

 

 

“คุณค่าของคนเราไม่ได้แสดงออกแค่เรื่องทำอาหาร คุณไม่ถนัดงานครัวแต่ถนัดอ่านใจคน เรื่องนี้ไม่ต้องโม้ คุณแค่ไปเดินเล่นในหมู่บ้าน แค่นี้ก็มีเกียรติเกินพอ”

 

 

มีภรรยาที่มากความสามารถเขาก็ภูมิใจมากแล้ว

 

 

คำพูดนี้ประจบได้ดี เสี่ยวเชี่ยนสบายใจขึ้นมาก

 

 

เธอสบายใจ เสี่ยวเฉียงน้อยก็อิ่มไปด้วย เพราะลูกเชี่ยนมีแถมบริการนวดหลังให้ด้วย นวดๆอยู่ก็ไปนวดจุดอื่น สุดท้ายกว่าทั้งสองคนจะได้ออกไปหาอะไรกินก็สี่ทุ่มแล้ว

 

 

ความสุขในชีวิตก็คือการได้กินเนื้อย่างเสียบไม้ทุกวัน แถมภรรยาสุดที่รักยังอาบน้ำเป็นเพื่อนด้วย ของแบบนี้ให้เอาเงินมาแลกเท่าไรอวี๋หมิงหลางก็ไม่ยอม ชีวิตแบบเทวดาจริงๆ

 

 

ทั้งสองคนเลือกร้านที่อยู่ไม่ไกล ปรากฏว่าได้เจอคนรู้จักด้วย

 

 

“พี่รอง?” อวี๋หมิงหลางเห็นครอบครัวสามคนของพี่รองทันที

 

 

พ่านพ่านที่เข้าเรียนอนุบาลแล้วเริ่มมีมาดความหล่อ ทำทรงผมทหารแบบเดียวกับพี่รอง ถึงจะยังเด็กแต่กลับมีความสุขุม

 

 

เด็กคนนี้ตอนที่ยังเล็กกว่านี้เคยมีปัญหาเรื่องการมีปฏิสัมพันธ์ไประยะหนึ่งหนึ่งเพราะเคยถูกภรรยาเก่าของพี่รองทำร้าย ต่อมาด้วยความพยายามของต้าอีที่รักษาให้จนใกล้เคียงกับเด็กทั่วไปแล้ว เพียงแต่เด็กคนนี้จะดูนิ่งกว่าเด็กคนอื่น พูดน้อยมาก ยังดีที่ไอคิวไม่ต่ำ ตัวแค่นี้ท่องกลอนสมัยถังสามร้อยบทได้หมดแล้ว เท่าที่ฟังจากต้าอีเล่า ช่วงนี้เด็กคนนี้กำลังไล่ท่องกลอนสมัยถังให้หมด

 

 

เสี่ยวเชี่ยนสงสัยว่าเด็กคนนี้จะไอคิวสูงกว่าเด็กทั่วไป แต่ต้าอีกับพี่รองต่างไม่อยากพาลูกไปทดสอบไอคิว ให้อยู่แบบนี้ไปก่อน

 

 

พอเห็นครอบครัวของน้องชายอวี๋หมิงอี้ก็พยักหน้า “กำลังจะโทรหาพวกนาย พวกนายก็มาพอดี”

 

 

นี่แหละความรู้ใจ

 

 

อวี๋หมิงหลางพาเสี่ยวเชี่ยนเดินเข้าไป พ่านพ่านพอเห็นเสี่ยวเชี่ยนก็อ้าปากเรียกอา สำหรับเด็กน้อยแล้ว นี่ถือเป็นคนที่เขาชอบมากที่สุด

 

 

ถ้าเป็นคนที่เด็กน้อยไม่ชอบหรือไม่คุ้นเคย แม้แต่เรียกสักคำก็ยังไม่มี

 

 

เสี่ยวเชี่ยนสงสัยมาตลอดว่าสามคนนี้อยู่กันยังไง

 

 

คนที่พูดน้อยทั้งสามคนมาอยู่ด้วยกัน

 

 

พี่รองเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยมีเรื่องคุย ต้าอีเองก็พูดน้อย พ่านพ่านยิ่งแล้วใหญ่ วันๆพูดไม่เกินสิบประโยค เสี่ยวเชี่ยนสงสัยว่าบ้านพี่รองตั้งแต่เช้ายันเย็นคงจะเงียบมาก

 

 

“แถวบ้านพวกพี่ไม่มีร้านเนื้อย่างหรือไง ทำไมมากินแถวนี้?” หมู่บ้านของอวี๋หมิงหลางอยู่คนละทางกับหมู่บ้านพี่รอง ดังนั้นเสี่ยวเฉียงถึงได้สงสัยการมาของครอบครัวพี่รอง

 

 

รอบๆหมู่บ้านทหารมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย ค่อนข้างมีครบทุกอย่าง ใช้ชีวิตได้อย่างครบวงจร โดยเฉพาะทหารอากาศอย่างพี่รอง คุณภาพชีวิตดีกว่าพวกอวี๋หมิงหลาง

 

 

“ต้าอีบอกอยากกินทางนี้” แต่ไหนแต่ไรมาพี่รองตามใจภรรยาตัวเองตลอด อันที่จริงพวกเขากินข้าวเย็นกันแล้ว ทุกคนเตรียมเข้านอนกัน แต่ต้าอีนอนไม่หลับเดินไปเดินมาอยู่ในห้องบอกว่าอยากกินเนื้อย่างแถวบ้านเสี่ยวเชี่ยน

 

 

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยมากินด้วยกัน ตอนนี้นอนไม่หลับ ถ้าไม่ได้กินจะว้าวุ่นใจ รู้สึกแย่มาก

 

 

“เอ๋ ไม่น่าเชื่อ เธอเป็นคนที่ไม่เรื่องมากกับการกินไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกแปลกใจ ต้าอีเป็นผู้หญิงที่กิน อยู่ แต่งตัวง่ายมาก ไม่พิถีพิถันกับการกินเท่าไร เป็นคนที่เลี้ยงง่ายเว่อร์ๆ

 

 

 

 

นิสัยที่ถ้าอยากกินอะไรแล้วไม่ได้กินจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แบบนี้มันเป็นนิสัยของหลิวเหมยกับสืออวี้มากกว่านะ

 

 

ต้าอีเองก็แปลกใจ

 

 

“ช่วงนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อยากกินเนื้อตลอด”

 

 

ไม่ใช่แค่ตอนกลางวันที่อยากกิน บางครั้งก็อยากตอนกลางคืนด้วย

 

 

ถ้าพี่รองอยู่บ้านก็จะพาเธอกับพ่านพ่านออกมา แต่ถ้าไม่อยู่เธอก็จะซื้อเนื้อวัวเนื้อไก่เท้าไก่ยัดไว้เต็มตู้เย็น ดึกๆก็จะเอาออกมานั่งกิน

 

 

มีวันหนึ่งพ่านพ่านตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกเกือบช็อค แสงไฟจากตู้เย็นส่องไปที่หน้าแม่ที่กำลังกินเท้าไก่อยู่ โอ๊ย น่ากลัวมาก

 

 

“ฉันอ้วนขึ้นมาหลายโลแล้วเนี่ย อ้วนกว่านี้คงได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่” ต้าอีไม่ได้ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ เธอเสียดายเงินถ้าต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่

 

 

“ไม่เป็นไรหรอก อ้วนหน่อยดูมีสุขภาพดี” พี่รองพูดเสริมในใจ กอดทีเต็มไม้เต็มมือดี

 

 

พวกเขานั่งกินเนื้อย่างเสียบไม้ด้วยกัน เสี่ยวเชี่ยนเห็นต้าอีซ้ายขวาถือข้างละไม้ ปริมาณที่ต้าอีกินเมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วน่าตกใจมาก

 

 

“พี่รองเลี้ยงต้าอีอดๆอยากๆเหรอ?” เห็นต้าอีกินแบบนี้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนอดถามไม่ได้

 

 

พี่รองเองก็งง ตู้เย็นในบ้านของกินเต็มตู้ ถึงต้าอีจะเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างประหยัด แต่เนื่องจากในบ้านมีพ่านพ่านที่อยู่ในวัยกำลังโต ดังนั้นต้าอีจึงให้ความสำคัญกับเรื่องกิน แต่ทำไมช่วงหลายวันมานี้ต้าอีถึงกินเก่งไปด้วย พี่รองเองก็ไม่เข้าใจ

 

 

ต้าอีได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดถึงตัวเองจึงหยุดกินทันที แสร้งทำเป็นกินอิ่มแล้ว แต่สายตายังจับจ้องไปที่ของกินอยู่ เล่นเอาเสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนตัวเองทำบาปลงไป

 

 

“ไม่เป็นไร กินเถอะ เธอยังโตได้อีกนะ กินเยอะๆจะได้โตไวๆ” พี่รองรีบพูดปลอบ

 

 

เสี่ยวเชี่ยนอยากพูดออกไปว่า ถ้าไม่ได้โตในแนวตั้งแต่ขยายออกข้างจะทำไง?

 

 

แต่ด้วยสมองอันชาญฉลาดของเธอ จึงเงียบเอาไว้ดีกว่า

 

 

ถ้าไปขัดจังหวะการกินของต้าอีอีก นิสัยอย่างพี่รองไม่ว่าอะไรเธอแน่นอน แต่จะไปลงกับเสี่ยวเฉียงร้อยเปอร์เซ็นต์

 

 

ระหว่างที่กินอยู่ๆต้าอีก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง

 

 

“ประธานเชี่ยน วันนี้ตอนที่ฉันไปรับพ่านพ่านเจอเถ้าแก่ใหญ่ด้วย เขาบอกว่าเธอจะเข้าแข่งขัน ฉันไปเป็นผู้ช่วยเธอได้ไหม?”

 

 

เถ้าแก่ใหญ่มีลูกสาวบุญธรรมชื่อหูเหม่ยจิ้ง เป็นครูอยู่ที่โรงเรียนอนุบาล และยังเคยเป็นคู่หมั้นของลูกชายคนโตที่ตายไป เถ้าแก่ใหญ่มักจะคอยไปเยี่ยมเยียนหูเหม่ยจิ้งเสมอ วันนี้ไปเจอต้าอีที่ไปรับพ่านพ่านพอดี

 

 

“ตอนนี้เธอเรียนจบแล้ว ช่วงเวลารอยต่อระหว่างรอเข้าเรียนปริญญาโทเธอมาร่วมแข่งกับฉันได้เหรอ?”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้จริงๆว่าพาผู้ช่วยไปได้ด้วย

 

 

“เถ้าแก่ใหญ่ดูเงื่อนไขให้แล้ว เขาบอกว่าได้ การแข่งขันทางวิชาชีพครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะมุ่งเน้นไปที่นักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ ยังเน้นไปที่คนทำงานแล้วด้วย ไม่ใช่แค่จิตแพทย์ที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล ยังมียังมีเจ้าหน้าที่รัฐกับEAPขององค์กรภายนอกด้วย เปิดกว้างมาก”

 

 

EAPก็คือโปรแกรมจิตวิทยาที่เอาไว้ช่วยเหลือพนักงานในองค์กร

 

 

ส่วนหน่วยงานรัฐที่จำเป็นต้องใช้นักจิตวิทยามืออาชีพโดยทั่วไปเป็นระบบด้านการรักษาความปลอดภัย อย่างเช่น เรือนจำ สถานฝึกอาชีพทัณฑสถาน เป็นต้น

 

 

จิตวิทยาถูกนำไปประยุกต์ใช้ในวงกว้าง การคัดเลือกคนเข้าทำงานก็ใช้เยอะ แต่การที่จะสามารถทำงานแบบนี้ได้อย่างน้อยๆก็ต้องจบปริญญาโท จบแค่ปริญญาตรีไม่มีอนาคต

 

 

เปิดเทอมเดือนกันยายนต้าอีเพิ่งจะเป็นนักศึกษาปริญญาโทปีหนึ่ง ดังนั้นเธอจึงไม่มีสิทธิ์ลงแข่งขัน ศาสตราจารย์หลิวรู้ว่าเธอไม่เพียงแต่จะเป็นพี่สะใภ้เสี่ยวเชี่ยน ยังมีความสัมพันธ์เป็นศิษย์อาจารย์กันอีกด้วย จึงอยากให้ต้าอีไปเป็นผู้ช่วยเสี่ยวเชี่ยน คอยช่วยค้นหาข้อมูลและจะได้เพิ่มพูนประสบการณ์ไปในตัว