บทที่ 471

บทที่ 471

เมื่อได้ยินคำพูดห้ามปรามของถังหยิน ฝูงชนก็หยุดมือแล้วเงยหน้ามองเขา

ซึ่งมันก็เปิดช่องให้ถังหยินกล่าวต่อไปว่า “โทษของซ่งเทียนนั้นไม่อาจให้อภัยได้ ข้าเข้าใจความรู้สึกของพวกท่านดี แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะฆ่าเขา ขั้นแรกเราต้องสอบสวนและประจานมันให้โลกได้รับรู้เสียก่อน !”

“ท่านถังพูดถูก !”

หลังจากที่ถังหยินจัดการพี่น้องจ้านและจับซ่งเทียนได้ คะแนนความนิยมของเขาก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นไม่ว่าชายหนุ่มจะพูดอะไรก็ตาม พวกชาวเมืองก็จะพากันหลงเชื่อไปหมด

…พวกเขาต่างมองถังหยินด้วยสายตาปลาบปลื้มและเคารพนับถือ ซึ่งถ้าดูเพียงแค่นี้ มันก็คงบอกได้แล้วว่าความนิยมของถังหยินมากกว่าสามตระกูลหลักเสียด้วยซ้ำไป

อู่หยูถอนหายใจและหัวเราะอย่างขมขื่นกับภาพตรงหน้า เพราะยังไงเสียถังหยินก็ต้องใช้ตระกูลอู่ของเขาเป็นสะพานเพื่อขึ้นเป็นอ๋อง แถมอีกฝ่ายยังมีความสัมพันธ์กับอู่เหมยอยู่ด้วย ดังนั้นเดี๋ยวตัวเขาเองก็จะได้ประโยชน์จากความสำเร็จในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน !!

อู่หยูนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับถังหยิน ในขณะที่อีกสองตระกูลไม่มีอะไรเลย ดังนั้นเมื่อถังหยินกลายเป็นอ๋องเมื่อไหร่ พวกเขาที่เหลือจะต้องถูกเขี่ยทิ้งเป็นแน่ !!!

ด้านนอกเมืองว่าคนเยอะแล้ว หากแต่ด้านในเมืองกลับเยอะยิ่งกว่า เมื่อถังหยินเข้าไปในเมือง ก็มีแต่กลีบดอกไม้ลอยไปมาในอากาศอย่างสวยงาม

นานมากแล้วที่เมืองหยานไม่ได้มีชีวิตชีวาแบบนี้ ทุกครอบครัวต่างแขวนตะเกียงและมีเสียงหัวเราะดังออกมาแทบจะตลอดเวลา

ถังหยินจัดให้กองทหารและหน่วยลับของเขาพาซ่งเทียนไปยังคุกใต้ดิน ส่วนตัวเขาจะเดินทางไปจวนตระกูลอู่ก่อนพร้อมกับพวกขุนนางคนอื่น ๆ

หลังมาถึงจวน อู่หยูก็ได้เสนอให้ถังหยินนั่งตรงกลาง แต่ถังหยินกลับปฏิเสธและให้อู่หยูนั่งแทน

อู่หยูที่ได้ฟังแบบนั้นจึงดีใจมาก เขาจัดแจงที่นั่งให้กับทุกคน และแม้ว่าถังหยินจะนั่งในตำแหน่งที่ทุกคนชวนหมั่นไส้ หากแต่รอบข้างกายเขาก็มีแต่แม่ทัพของตัวเองนั่งกันเต็มไปหมด

ภายใต้สายตาของอู่หยู หลังจากที่ชาถูกนำมาวางแล้ว เขาก็พลันหัวเราะออกมาอย่างยินดี “ครั้งนี้ท่านถังนำกองทัพออกไปรบได้ด้วยดี ลูกสาวของข้าได้เป็นภาระของท่านหรือไม่ ?”

ตอนนี้สองพี่น้องอู่ไม่ได้มีตำแหน่งสูงมาก ดังนั้นพวกนางจึงไม่อาจมาปรากฏตัวในที่สาธารณะเช่นนี้ได้ แต่พวกนางก็ยังฟังอยู่จากด้านนอก

ถังหยินไม่ได้มองไปที่ประตูแม้แต่น้อย เขาพูดด้วยท่าทียิ้มแย้มออกมาว่า “ท่านอู่ก็พูดเกินไป ถ้าไม่ได้พวกนาง ป่านนี้ข้าก็จับซ่งเทียนไม่ได้แน่ ๆ”

ได้ยินแบบนั้นสองพี่น้องอู่ก็พลันหน้าแดงเขินอาย เพราะจริง ๆ แล้วพวกนางไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แถมยังโดนจับตัวจนต้องลำบากถังหยินอีกด้วย

ซึ่งหลังจากที่ถังหยินพูดชมไปแบบนั้น มันก็ทำให้อู่หยูดีใจมาก “ท่านถังนี่ช่างเอาใจนางเสียเหลือเกิน” เมื่อก่อนชายชราแทบไม่สนใจอู่เหมยเลยด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้เขากลับจำต้องพึ่งพาอู่เหมยเพื่ออนาคตที่ดีของตระกูล !!

ภาพตรงหน้าทำเอาขุนนางคนอื่น ๆ เริ่มอิจฉา ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่มีลูกสาวงาม ๆ แบบอู่เหมยบ้างกันนะ ?!

อู่หยูที่เห็นท่าทีของคนอื่น ๆ กลายเป็นแบบนั้นจึงรีบเปลี่ยนประเด็นคุยทันที “ท่านถัง ซ่งเทียนสร้างความวุ่นวายมามากพอแล้ว มันต้องถูกลงโทษโดยเร็ว”

ถังหยินพยักหน้าให้

“ข้าเองก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ท่านถังคิดว่าใครจะเป็นคนสอบสวนซ่งเทียนกัน ?”

ทุกสายตาจับจ้องมาที่ถังหยิน

นี่คือประเด็นสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ เพราะคนที่จะสอบสวนซ่งเทียนจะต้องได้รับการไว้ใจอย่างยิ่งและจะกลายเป็นคนที่ได้หน้าได้ตาไปในทันที

ถังหยินไม่สนใจอยู่แล้ว เขาอยากได้บัลลังก์เท่านั้น ชายหนุ่มยิ้มให้ “ท่านอู่มีคนในใจหรือยังล่ะ ?”

ชายแก่พูดขึ้นมา “ข้าคิดว่าควรเป็นท่านถังเองนั่นแหละ”

ได้ยินแบบนี้พวกขุนนางที่อยากได้หน้าก็เร่งหุบยิ้มกันทันที ด้วยไม่มีทางที่พวกเขาจะสู้ถังหยินได้

แต่ทว่าถังหยินไม่ได้สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย ด้วยเขาไม่มีเวลามากพอ ชายหนุ่มจึงครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมาว่า “แม้ว่าซ่งเทียนจะทำตัวชั่วช้า แต่เขาก็ยังมีศักดิ์เป็นขุนนาง และกับข้าที่เป็นแค่ผู้ว่ามณฑลเท่านั้นแล้ว …มันคงทำอะไรไม่ได้หรอก”

คำพูดนี้ทำเอาพวกขุนนางจิตใจลุกโชนขึ้นอีกครั้ง

อู่หยูที่ได้ยินแบบนี้ก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน

และเมื่อไม่มีใครเอ่ยปากเลยสักคน จึงเป็นจี้หยาง ฮ่าวชุนที่ลุกขึ้นเสนอตัว “ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ข้าจะทำให้มันพูดออกมาให้ได้”

ถังหยินแทบจะหัวเราะออกมา เพราะแบบนี้ซ่งเทียนน่าจะไม่ตายดีแน่ ดูทรงแล้วจี้หยาง ฮ่าวชุนไม่ได้อยากจะสอบสวนซ่งเทียนหรอก หากแต่เขาต้องการจะทรมาณอีกฝ่ายจนกว่าจะสาสมใจเสียมากกว่า !

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่เป็นไร เพราะเขาไม่สนใจอยู่แล้ว หากทว่าที่สำคัญกว่านั้นคือชายหนุ่มรู้สึกว่าจี้หยาง ฮ่าวชุนไม่ใช่คนที่คู่ควร และเมื่อเขาเหลือบมองไปเห็นสีหน้าอู่หยูที่บึ้งตึง ชายหนุ่มก็พลันเข้าใจทันที

“ท่านอู่คือขุนนางฝ่ายกิจการภายใน ข้าว่าเขาจะต้องคุ้นเคยกับซ่งเทียนมาก่อนแน่ ข้าจึงคิดว่าจะมอบหมายงานนี้ให้กับท่านอู่ แล้วข้าจะมอบหมายงานอื่นให้ท่านจี้หยางเอง”

จี้หยาง ฮ่าวชุนได้ยินแบบนี้ก็หงุดหงิดมาก แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร อู่หยูก็พลันพูดขึ้นมาก่อน “ขอบคุณท่านถังที่คิดถึงข้า ข้าจะทำหน้าที่นี้และนำความสำเร็จมาให้ท่านแน่นอน”

แม้ว่าเหลียงซิงและจี้หยาง ฮ่าวชุนจะมีคนสนับสนุนมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าสู่เกมการเมืองในครั้งนี้ได้เลย ทั้งสองรู้ดีเลยว่าอนาคตของพวกเขาจะต้องสิ้นสุดในเร็ววันนี้แน่ผิดกับอู่หยู

…ในครั้งนี้ทุกคนที่สนับสนุนอู่หยูจึงพากันลุกขึ้นประกบมือ “ท่านถังช่างหลักแหลมยิ่งนัก !!”

จี้หยาง ฮ่าวชุนไม่พอใจเป็นอย่างมาก ส่วนเหลียงซิงก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างสิ้นหวังเช่นเดียวกับจี้หยาง ฮ่าวชุน ด้วยเขารู้อยู่แล้วว่าคนที่ทำหน้าที่นี้จะได้หน้ามากที่สุด และพวกเขาก็รู้ตัวดีเลยว่าทำไมอู่หยูถึงได้สู้สุดใจขนาดนี้

ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังไม่มีใครในนี้เข้าตาแม้แต่น้อย และตราบเท่าที่ถังหยินได้เป็นอ๋อง ชายผู้นี้ก็สามารถเปลี่ยนขุนนางในราชสำนักได้ทุกเมื่อ

อู่หยูดีใจมากที่เขาได้เป็นคนสอบสวนซ่งเทียน เขานั้นอยู่ในเมืองนี้มานานและอยากจะได้ความดีความชอบในการกู้ชาติบ้านเมืองครั้งนี้ด้วย !!

หลังจากที่พูดคุยตกลงกันเสร็จสิ้น อู่หยูก็พลันลุกขึ้นยืนและบอกให้ถังหยินกับคนอื่นอยู่ก่อน เพื่อจะได้กินมื้อเที่ยงกัน

และเมื่อมื้อเที่ยงเริ่มขึ้น อู่หยูก็ได้ดึงตัวถังหยินมานั่งลงข้าง ๆ แล้วเอ่ยถาม “คุณชายถัง ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าบ้านท่านอยู่ที่ไหน ?”

“ถามทำไมกัน ?” นี่เป็นการถามเรื่องส่วนตัว เพราะการที่อู่หยูไม่เรียกตำแหน่งเขา แสดงว่าจะต้องมีเรื่องอื่นอีกแน่