พิษร้ายกาจของแมงป่องทองเริ่มโจมตีพวกเขา เหล่าศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาก็ยิ่งดูน่าสังเวชขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียวดูแทบไม่ได้
ทว่านี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าสังเวชที่สุด มู่เฉียนซีเรียกพิษในตัวนางขึ้นมาเตรียมใช้มันอีกครา
ศิษย์พี่ใหญ่ของหุบเขาหมอเทวดาเบิกตากว้างพลางกล่าวอย่างตระหนกตกใจ “เจ้า…”
“พิษเหล่านี้…”
“เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับราชาปีศาจหมื่นพิษรึ ?”
มู่เฉียนซี “ในเมื่อเจ้ารู้จักพิษนี้ แล้วบรรพบุรุษของตระกูลพวกเจ้าไม่ได้สอนพวกเจ้าถึงวิธีการแก้พิษนี้มาก่อนหรือ ? พิษเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกบันทึกไว้ในหม้อพิษสามอสูร”
ใบหน้าของศิษย์พี่ใหญ่แปรเปลี่ยนกลายเป็นดุร้าย พิษระดับนี้… อันตัวเขานั้นก็ไม่ใช่ศิษย์สายตรงของบรรพบุรุษ จะแก้พิษนี้ได้อย่างไร ?
เขาเคยได้ยินข้อมูลมาเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่เขาไม่เคยรู้วิธีการแก้มันมาก่อนเลย
เขากล่าวอย่างมีเหตุมีผล “หุบเขาหมอเทวดาของข้าเป็นสํานักปรุงยา จะเรียนรู้วิธีทำยาพิษชั่วร้ายนี้ได้อย่างไร ? เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายข้า”
จวินโม่ซีได้ยินคำกล่าวนี้ก็โกรธมาก “หุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้ากล่าวเรื่องไร้สาระเช่นนี้ทุกวัน น่ารําคาญเสียจริง! ปรุงยาพิษไม่เป็น เหอะ! พวกข้าหาใช่คนโง่งม เจ้าไปหลอกผีเถอะ!”
เข็มยานับไม่ถ้วนพุ่งออกไป มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมา “แม้ว่าพวกเจ้าจะเข้าใจพิษของราชาปีศาจหมื่นพิษ แต่ดูสิว่าพิษของข้าพวกเจ้าจะแก้ได้อย่างไร”
มู่เฉียนซีรู้ดีว่าการต่อกรกับพวกหุบเขาหมอเทวดานั้นไม่สามารถใช้เพียงพิษที่สืบทอดกันมาของผู้เฒ่าประหลาดนั่นได้ เพราะบรรพบุรุษของหุบเขาหมอเทวดาได้หม้อพิษสามอสูรไปแล้ว เขาย่อมเข้าใจพิษบางอย่างเหมือน ๆ กัน
ผสมผสานกับมรดกของผู่เฒ่านั่นเพื่อสร้างพิษใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสําหรับความต้องการอย่างไม่จํากัด!
ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาผู้สง่าผ่าเผยกลับถูกพิษโจมตีจนสิ้นเปลืองพลังเช่นนี้ พวกเขาทั้งอับอาย ทั้งโกรธจนดวงตาแดงก่ำ
— ตึง! ตึง! ตึง! —
เหล่าศิษย์น้องล้มลง และจมลงน้ำโดยฝีมือของกลุ่มแมงป่องพิษสีทอง หลังจากนั้นก็ถูกแมงป่องกลืนกินไปในชั่วพริบตา แม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือให้เห็น
“อ๊ากกกก!”
เวลานี้ฝั่งของพวกเขายิ่งน่าเวทนามากขึ้นเรื่อย ๆ ศิษย์พี่ใหญ่โกรธกรุ่นแทบบ้าคลั่ง
“สงบศึก! สงบศึกเถอะ!” เวลานี้เขากลัวความตายอย่างมาก เขารู้ดีว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะพวกมู่เฉียนซีได้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ตอนที่เจ้าตามล่าคนอื่นและต้องการฆ่าสังหารคน เมื่ออีกฝ่ายบอกว่าให้สงบศึก เป็นเจ้า เจ้าจะปล่อยเขาไปหรือไม่ล่ะ ? ช่างกล้าเอ่ยออกมาได้ น่าขำขันเสียจริง”
“คนอื่น ๆ ไม่เหลือชีวิตรอดแม้แต่คนเดียว ดังนั้นชีวิตของเขายังคงมีประโยชน์อยู่”
เสี่ยวหงและอู๋ตี้แสยะยิ้ม อู๋ตี้กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน พวกข้ารู้แล้วว่าจะทำอย่างไรต่อ”
— ปัง! —
มีแมงป่องพิษสีทองมาลงมือด้วยเอง มู่เฉียนซีประสบความสําเร็จในการแก้ปัญหากลุ่มคนเหล่านี้ เชลยศึกเดียวของพวกเขาคือศิษย์พี่ใหญ่ผู้นั้น
เวลานี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพิษ ร่างกายของเขาไม่มีพลังหลงเหลือแม้เพียงนิด เวลาชีวิตของเขาเหลืออีกไม่มากแล้ว
มู่เฉียนซีโรยผงยาจํานวนมาก ทําให้แมงป่องพิษสีทองที่โกรธเกรี้ยวเหล่านี้สงบลงและกลับไปที่ถ้ำของพวกมัน
ศิษย์พี่ใหญ่อยู่อย่างโดดเดี่ยว เขารีบกล่าว “อย่าฆ่าข้า ข้าเป็นศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาของสํานักนิกายระดับสอง หากเจ้ากล้าสังหารข้า สํานักของอาจารย์ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
จวินโม่ซีหัวเราะเยาะเย้ย “ฮ่า ๆ ๆ เจ้าหมายความว่าถ้าพวกข้าปล่อยเจ้าไปตอนนี้ หุบเขาหมอเทวดาของอาจารย์เจ้าจะไม่ตามล่าพวกข้าอีกรึ ? คํากล่าวของคนโง่งมโดยแท้ เจ้าเอาไปหลอกเด็กยังไม่ได้ผลเลย อย่าเอามาขู่พวกข้าให้เสียเวลาจะดีกว่า”
ใบหน้าศิษย์พี่ใหญ่เปลี่ยนเป็นสีเขียวเล็กน้อย เขากล่าวว่า “แล้วพวกเจ้าต้องการสิ่งใดเล่า ?”
มู่เฉียนซีถามขึ้น “แผนที่บนม้วนไม้ไผ่… ม้วนไม้ไผ่ม้วนที่สามไม่ได้อยู่กับเจ้ารึ ? ถ้าหากเจ้าเอามันออกมามอบให้พวกข้า ข้าจะปล่อยให้เจ้าตายอย่างมีความสุข แต่ถ้าไม่ให้ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองรสชาติของชีวิตความเป็นที่ไม่ได้ดีไปกว่าความตาย”
เขาเคยเห็นความสามารถของมู่เฉียนซีมาก่อนแล้ว การที่มู่เฉียนซีจะปล่อยให้เขามีชีวิตที่ไม่ต่างกับตาย นางไม่เพียงแค่ขู่อย่างแน่นอน เขารู้ดี…
“ข้าได้รับคําสั่งให้ตามล่าจวินโม่ซีที่ทวีปเซี่ยโจว ข้าต้องการม้วนไม้ไผ่ม้วนที่อยู่กับเขา ส่วนม้วนไม้ไผ่ที่ระบุข้อมูลแผนที่ของหม้อเทพนิรันดร์ที่อยู่กับทางพวกข้า เป็นไปไม่ได้ที่พวกข้าจะนำออกมาด้วย หากไม่ได้อยู่ในมือของหัวหน้าหุบเขา ก็คงจะอยู่ในมือของผู้อาวุโส”
เมื่อถูกบีบบังคับเช่นนี้ เขาย่อมไม่กล้าโกหก
มู่เฉียนซีกล่าว “นอกจากศิษย์พี่รองผู้นั้นของเจ้าแล้ว ยังมีคนอื่นของหุบเขาหมอเทวดาของพวกเจ้ามาที่ทวีปเซี่ยโจวนี้อีกรึ ?”
คนเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าอำนาจของสํานักอวิ๋นเยียน
ทว่าศิษย์พี่ใหญ่ได้ยินคำกล่าวของมู่เฉียนซี เขาก็ตกใจ “อะไรกัน ? ศิษย์น้องรองก็มาด้วย บัดซบ เขาปิดบังข้า”
“ดูเหมือนว่าเจ้ายังไม่ได้ตอบคําถามข้า” เสียงของมู่เฉียนซีเปลี่ยนเป็นเย็นชาแล้วในเวลานี้
“ศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาของพวกเรา เพื่อแย่งชิงความดีความชอบล้วนกระทําการส่วนตัว ย่อมไม่บอกอีกฝ่าย นอกจากกลุ่มของพวกเราแล้ว ข้าก็ยังไม่รู้ว่ามีใครรู้อีกบ้างว่าจวินโม่ซีอยู่ในทวีปเซี่ยโจว”
เห็นได้ชัดว่าจากปากของเขา ไม่สามารถถามข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆได้
จวินโม่ซีเอ่ยขึ้น “มู่เฉียนซีสาวน้อย เจ้ายังมีอะไรจะถามอีกอีกหรือไม่ ? ถ้าไม่มี ข้าก็จะลงมือแล้ว เจ้าหมอนี่ตามล่าข้ามายาวนานนัก ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ข้าจะแก้แค้น”
“ลงมือเลย” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่ใส่ใจสิ่งใดอีกต่อไป
จวินโม่ซีไม่รอช้า โจมตีศิษย์พี่ใหญ่อย่างไม่เกรงใจ จากนั้นก็ทําลายซากศพอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่นี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หุบเขาหมอเทวดาจะหาเบาะแสบางอย่างได้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “คนทั้งสองนี้จัดการไปแล้ว จะมีคนอื่นอีกหรือไม่ก็ไม่แน่ใจ จวินโม่ซี เจ้าจะทําอย่างไรต่อไป ?”
“มู่เฉียนซีสาวน้อย เจ้าจัดการคนทั้งสองกลุ่มนี้ให้ได้เถอะ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาย่อมไม่มีโอกาสมาสงสัยในตัวเจ้าอีก ส่วนข้า แน่นอนว่าข้าต้องหนีต่อไป แม้ว่าข้าจะเสียใจอย่างยิ่งยวดที่ต้องจากเจ้าไป แต่ข้าไม่สามารถกลับไปแคว้นจื่อเยี่ยได้ ซึ่งก็เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะสร้างปัญหาให้กับเจ้า อย่างไรเสียข้าหวังว่าเราอาจได้พบกันในภายภาคหน้า” อู๋ตี้เบ้ปากที่เต็มไปด้วยขนของมัน มันกล่าวขึ้นว่า “หวังจะพบกันภายภาคหน้า เจ้าตัดใจทิ้งนายท่านไม่ลงรึ ? เหอะ! ข้าดูท่าทางเจ้าแล้ว เจ้าตัดใจทิ้งของอร่อยไม่ได้เสียมากกว่า!”
จวินโม่ซีเพียงยิ้มให้อู๋ตี้ แต่เขากล่าวกับมู่เฉียนซีอีกว่า “สาวน้อย ข้าต้องไปแล้ว เจ้าไม่ใช่ว่าต้องเตรียมอาหารอร่อย ๆ ให้ข้าด้วยหรือ ? จากกันครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะได้กินของอร่อยฝีมือเจ้าอีก”
กล่าวจบ จวินโม่ซีมองมู่เฉียนซีด้วยสายตาที่ดูแล้วน่าสงสาร
ถ้าหากจวินโม่ซีจะไป มู่เฉียนซีก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ณ เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นนางหรือตระกูลมู่ก็ไม่สามารถปกป้องจวินโม่ซีจากภายใต้การไล่ล่าของหุบเขาหมอเทวดาได้
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ได้! หาพื้นที่สีเขียวกลางทะเลทราย ข้าจะเตรียมอาหารให้เจ้า”
จวินโม่ซียิ้ม “สาวน้อย เจ้าเป็นคนดียิ่งนัก เจ้าจะต้องเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีอย่างแน่นอน”
จวินโม่ซีหยิบของอร่อยเข้าปากอย่างบ้าคลั่ง เขาดูเหมือนกินเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ เกือบจะทำให้ท้องตัวเองระเบิดออกมา
ครั้นแน่นท้องแล้วเขาเอนกายลง นอนแผ่อยู่บนพื้นหญ้าของพื้นที่สีเขียวกลางทะเลทรายก่อนจะกล่าวว่า “สาวน้อย ข้าจะหยุดพักสักพักหนึ่งก่อนแล้วค่อยไป ครั้งก่อนเป็นข้าไปก่อน ครั้งนี้เจ้าไปก่อนบ้างเถอะ ข้าคงไม่ส่งเจ้าแล้ว”
มู่เฉียนซีก้มหน้าลง มองเขาและกล่าวขึ้นว่า “ได้ ข้าจะไปก่อน แต่จวินโม่ซี เจ้าอย่าถูกใครฆ่าได้ง่าย ๆ ล่ะ”
จวินโม่ซีโบกมือ “เจ้าวางใจเถอะ พละกำลังของข้าไม่แข็งแกร่ง แต่ทักษะการเอาชีวิตรอดของข้านั้นจัดได้ว่าร้ายกาจ”
“เช่นนั้นข้าไปล่ะ” มู่เฉียนซีพยักหน้า จากนั้นนางกับชิงอิ่งหันหลังเดินจากไป
จวินโม่ซีลุกขึ้นมา เห็นเงาร่างสองร่างค่อย ๆ ห่างออกไปกลายเป็นจุดสีดําตรงหน้า เขาพึมพํากับตัวเอง “บอกว่าอย่าให้ใครฆ่าข้า เจ้าเองก็เช่นกัน หากเจ้าตาย ต่อไปจะมีใครทําของอร่อย ๆ ให้ข้ากิน…”
ต้องบอกเลยว่าช่วงเวลาที่เคยได้อาศัยอยู่ในแคว้นจื่อเยี่ยเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและมีความสุขที่สุดของเขา แต่ท้ายที่สุดมันก็ต้องจบลง
น่าเศร้าใจระคนใจหายอย่างแท้จริง
หุบเขาหมอเทวดา… เพื่อที่จะได้มีอาหารอร่อย ๆ กินอยู่อย่างสุขสบายในอนาคต เขาจะต้องทําให้หุบเขานั่นหายไปให้ได้!
ดวงตาของจวินโม่ซีเป็นประกายกล้า
……
มู่เฉียนซีกลับมาจากทะเลทรายเมฆามืด นางพบว่าฮั่วอู๋จี๋ เจ้าสำนักเฟินเทียนกําลังรอนางอยู่ในจวนสกุลมู่
เขากล่าวอย่างร้อนรน “ผู้นำตระกูลมู่ในที่สุดก็กลับมา หากมาช้าไปอีกเพียงหนึ่งวัน พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว”
ในตอนนั้นเอง เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“เจ้าคือผู้นำตระกูลมู่มู่เฉียนซี วางตัวสูงส่งโอหังนัก! ปล่อยให้หัวหน้าสํานักของพวกข้าและพวกข้ารออยู่ที่จวนสกุลมู่ของเจ้าเป็นเวลาสามวัน เกือบทําให้สํานักเสียเวล่ำเวลา”
.