พวกเธออยู่เมืองหลวงมานานแล้ว ทั้งสองเจอฉินฮั่นชิวแค่ตอนเปิดเทอม แต่ก็พยายามหลบเลี่ยงเขาตลอด
พอมาได้ยินฉินอวี่พูดแบบนี้
ปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของหนิงฉิงก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้
“ลูกดูผิดแล้วมั้ง? จะเป็นไปได้ยังไง” พอเธอรู้สึกตัวก็หยิบแก้วน้ำที่วางบนโต๊ะ ทว่าเห็นอย่างชัดเจนว่ามือกำลังสั่น
ฉินอวี่เป็นคนรอบคอบ การที่เธอยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดด้วยความมั่นใจนั่นก็แสดงว่าเป็นเรื่องจริงไปแล้วเก้าสิบเปอร์เซ็นต์
ทั้งสองนั่งเก้าอี้ที่อยู่ด้านนอก ใคร่ครวญอยู่นานก็ไม่พูดอะไร
หลังจากทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ฉินอวี่ก็ไม่ได้รีบกลับมหาวิทยาลัย เธอถือโทรศัพท์กลับห้องตัวเองแล้วปิดประตู
พลันนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้เปิดฟังลิงก์ที่เสิ่นอวี่เหวินส่งมาให้ ฉินอวี่จึงจับหูฟังแล้วค่อยๆ เปิดเพลงที่อีกฝ่ายส่งมา
ชื่อเพลง Return to Silence
เมื่อคลิกที่ลิงก์และอ่านความคิดเห็น ฉินอวี่ถึงได้รู้ว่านี่คือเพลงของเหยียนซีในช่วงแรกๆ เหยียนซีขายลิขสิทธิ์เพลงจำนวนมากให้กับซอฟต์แวร์ แต่มีแค่เพลงนี้เท่านั้นที่ไม่ได้ใช้ เหยียนซียังเคยระบุในเวยป๋อว่าสำหรับเขาแล้ว เพลงนี้ต่างออกไปมาก
หลังจากฟังจบ
แววตาฉินอวี่ก็สั่นไหว
เธอดูที่หน้าแรกของเพลง
เนื้อร้อง : เหยียนซี
ทำนอง : เจียงซานอี้
เรียบเรียงเพลง : เจียงซานอี้
ส่วนมากเพลงของเหยียนซีเขาจะเป็นคนแต่งเนื้อร้องเอง มีแค่เจียงซานอี้เท่านั้นที่เป็นผู้รับผิดชอบเรียบเรียงเพลง และมีอีกหลายเพลงดังที่เป็นทำนองของเจียงซานอี้
แต่มีแค่เพลงนี้เท่านั้นที่รู้จักกันเพียงแฟนคลับกลุ่มเล็กๆ เพราะลิขสิทธิ์ไม่เผยแพร่ให้คนภายนอก
เพลงนี้ถูกสร้างเมื่อสี่ปีก่อน
เร็วกว่าฉินหร่าน
ฉินอวี่เปิดวิดีโอนั้นที่อยู่บนหน้าเวยป๋อของอาจารย์เว่ย ท่อนกลางเหมือนเพลง Return to Silence ของเหยียนซีไม่มีผิด
แววตาอันบ้าคลั่งทะลักออกมาราวกับลาวา เรื่องลอกเลียนเพลงไวโอลินเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเกือบทำลายทุกอย่างในชีวิตของฉินอวี่ ตอนนั้นฉินอวี่ถูกความริษยาและผลประโยชน์บังตา คิดแค่ว่าอยากให้ฉินหร่านหายไปให้พ้นจากตัวเอง แทบจะเสียสติและติดตามไต้หรานไปทำเรื่องที่ไม่อาจย้อนกลับมาแก้ไขได้
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เธอมองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เกิดเรื่อง เธอรู้สึกเหมือนมีมือคู่หนึ่งกำลังบงการเรื่องนี้และผลักเธอไปยังที่ที่ไม่สามารถจะลุกขึ้นยืนได้อีก
แต่ฉินหร่านยังอยู่สุขสบายไร้กังวลท่ามกลางความเจริญงอกงามในมหาวิทยาลัยเมืองหลวง…
พอคิดถึงตรงนี้ ฉินอวี่ก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น จับโทรศัพท์แน่นขึ้น
ก้มหน้าโหลดเพลงทั้งสองลงในโทรศัพท์มือถือ
**
ถิงหลาน
ฉินหร่าน เฉิงเวินหรู และคนอื่นๆ ยังทานข้าวไม่เสร็จ
เฉิงมู่ใกล้จะอิ่มแล้ว ขณะทานข้าวก็เลื่อนดูเวยป๋อไปด้วย จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น “คุณหนูฉิน รายการเรียลลิตี้ของคุณจะออกอากาศวันเสาร์หน้าแล้วเหรอครับ?”
เฉิงเวินหรูวางตะเกียบลง ขณะกำลังหยิบผ้ามาเช็ดปากอย่างเชื่องช้า
เมื่อได้ยินเฉิงมู่พูดก็เงยหน้าขึ้น “เรียลลิตี้อะไร?”
เฉิงมู่จึงเอาเวยป๋อที่เป็นโฆษณาอย่างเป็นทางการของทางกองถ่ายยื่นให้เฉิงเวินหรูดู
จากนั้นก็อธิบายเรื่องฉินหลิงให้เฉิงเวินหรูฟังคร่าวๆ
ชื่อรายการคือ “ไอดอล24ชั่วโมง” เป็นรายการวาไรตี้ที่เปิดเผยชีวิตของเหล่าคนดังและไขรหัสการผจญภัยกลางแจ้ง
เฉิงเวินหรูรับมาดู กองถ่ายได้ปล่อยทีเซอร์ออกมาแล้ว ในทีเซอร์มีเพียงหนึ่งนาทีสามสิบวินาทีเท่านั้น ในนั้นมีฉินหร่าน น้องชายของจิ่งเหวิน และคนอื่นๆ ซึ่งได้ออกกล้องกันมาน้อยมาก ฉินซิวเฉินกับจิ่งเหวินก็มีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นช็อตที่กำลังลุ้นระทึกสยองขวัญ
ความคิดเห็นด้านล่างค่อนข้างหลากหลาย
แมวเหมียวผู้หลงรักดวงดาว : กรี๊ดๆ ๆ ๆ ทีมงานรายการใจสปอร์ตมาก เชิญซุปตาร์ฉินมาจริงๆ ด้วยหรือเนี่ย! จะตั้งตารอถึงวันเสาร์หน้า! ถล่มรายการให้ดู! จะรอถึงวันเสาร์หน้าให้ได้!
นางฟ้าตัวน้อยของพี่ฉิน : กรี๊ดดดดด ให้ตายเถอะ! พี่ฉินผู้หน้าตางดงามล้ำเลิศของฉัน!
จุดตะเกียงดูสิ่งต่ำช้าท่ามกลางความเมามาย : ถ้าเชิญเหยียนซีมาได้ แสดงว่าทีมงานเจ๋งจริงๆ (หัวเราะ)
พอเลื่อนลงมาข้างล่างก็เริ่มมีคนออกมา
สายลมแห่งซีเป่ย :ซุปตาร์ฉินพาหลานสาวมาออกกล้องด้วยเหรอ? หลานสาวซุปตาร์ฉินก็จะเข้าวงการงั้นสิ?
ซือหม่า ณ เจียงโจว : ถ้าว่ากันตรงๆ คนในวงการบันเทิงหลายคนก็ดังมาจากรายการเรียลลิตี้ทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นแฟนคลับซุปตาร์ฉิน ถึงฉันจะอยากดูซุปตาร์ฉินในรายการเรียลลิตี้ แต่ฉันก็กังวลด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหลานสาวที่เขาพามาไม่เคยปรากฏตัวในวงการบันเทิงมาก่อน ดูจากทีเซอร์แล้วรู้สึกว่าทั้งสองดูแข็งมาก
……
แฟนคลับฉินซิวเฉินครองพื้นที่แสดงความคิดเห็นอย่างรวดเร็ว
ส่วนคนทั่วไปจะรักษาท่าทีโดยการรอดูไปก่อน ทุกคนต่างก็คิดว่าที่หลานสาวฉินซิวเฉินออกมาครั้งนี้ก็เพราะออกมาหาเงิน
ตอนที่เฉิงเวินหรูเห็นคำว่า “หลานสาวซุปตาร์ฉิน” ก็ผงะไปสักพัก
แน่นอน เธอย่อมรู้ดีว่าซุปตาร์ฉินก็คือฉินซิวเฉินแห่งตระกูลฉิน
ปีที่แล้วก็เคยได้ยินคนในเมืองหลวงพูดถึงชื่อฉินหร่าน รู้ว่าเธอมาจากเมืองเล็กๆ ในอวิ๋นเฉิง การศึกษาและพื้นเพครอบครัวเธอไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นพอปีนี้ได้มาพบฉินหร่านก็ยังประหลาดใจในตัวเธออยู่หลายครั้ง
แม้ตระกูลฉินจะตกต่ำ แต่ในเมืองหลวง นอกจากตระกูลเฉิง ตระกูลสวีและอีกไม่กี่ตระกูล ก็ใช่ว่าจะเป็นตระกูลที่ตระกูลทั่วไปจะเทียบได้
ฉินหร่านเป็นหลานสาวของฉินซิวเฉิน?
นั่นก็คือคนตระกูลฉิน?
เฉิงเวินหรูคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ฉินซิวเฉินไม่ใช่สายเลือดตระกูลฉิน ทุกวันนี้อำนาจตระกูลฉินแทบจะอยู่ในกำมือคุณชายสี่ตระกูลฉินทั้งหมด ไม่รู้ว่าฉินหร่านมาจากสายไหน…
เรื่องพวกนี้ฉินหร่านไม่เคยคุยกับเฉิงเจวี้ยน เฉิงเวินหรูก็ไม่ได้ถามอะไรมาก
เฉิงเวินหรูยิ้มและจำชื่อรายการไว้ เธอคืนโทรศัพท์ให้เฉิงมู่และมองฉินหร่านด้วยความคาดหวัง “เธอทำอะไรในรายการบ้าง? ถ่ายทำรายการข้างนอกสนุกไหม?”
สองทุ่มวันเสาร์หน้า
เฉิงเวินหรูจดจำเวลาไว้
ฉินหร่านเงยหน้าขึ้น เธอกินข้าวช้าและกินอย่างเอื่อยเฉื่อย “ไม่ได้ทำอะไร แต่สนุกดี”
“สนุกก็ดีแล้ว” เฉิงเวินหรูเอามือเท้าคาง ยิ้มอย่างอบอุ่น เธอตั้งตารอคอยรายการของฉินหร่านมาก
พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉิงเวินหรูก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อต้นเดือนที่แล้วเฉิงเจวี้ยนตอบตกลงไปเมือง C กะทันหัน สถานที่อัดรายการวาไรตี้ที่เฉิงมู่เพิ่งพูดถึงก็เมือง C เหมือนกัน
เธอเลิกคิ้วมองเฉิงเจวี้ยน
เฉิงเจวี้ยนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หรี่ตาด้วยความเกียจคร้าน มองเธออย่างใจเย็น “กินเสร็จก็ไปบริษัทได้แล้ว”
เฉิงเวินหรูนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รอยยิ้มบนหน้ายังคงดูเรียบร้อยไม่เผยพิรุธแม้แต่น้อย “ไม่…”
ยังไม่ทันได้พูดออกมาก็เหลือบไปเห็นเฉิงเจวี้ยนกำลังมองเธอคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ทันใดนั้นเสียงไซเรนก็ดังขึ้นมาในหัว เฉิงเวินหรูสะอึกคำพูดในลำคอ——
เตือนว่าเงินขาดมือ
เธอละสายตากลับมาแล้วกระแอมเสียง ยืดตัวตรง แต่ยังวางมาด “นายพูดถูก ฉันไม่ได้เข้าบริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว”
แน่นอนว่าเฉิงเวินหรูไม่ได้ว่างอะไรขนาดนั้น แต่แค่ว่าวันนี้เธอสงสัยขั้นตอนการประเมินของฉินหร่าน เธอจึงอยู่ที่นี่นานหน่อย
เฉิงมู่ที่อยู่อีกด้านพูดปลงๆ “วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็ไม่มี”
เฉิงเวินหรูกวาดตามองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เฉิงมู่จึงรีบหุบปาก
หลังจากทานข้าวเสร็จ เฉิงเวินหรูก็พักอีกสิบนาทีแล้วหยิบการ์ดSที่ฉินหร่านให้เธอไปที่บริษัท วันนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ แต่สำหรับหญิงแกร่งอย่างเฉิงเวินหรูแล้ว ไม่มีวันไหนที่ได้ “พัก”
พ่อครัวมาเก็บจานชามหลังจากที่ทุกทานข้าวเสร็จ เฉิงมู่ไปชงชาในครัวมาให้ฉินหร่าน
ฉินหร่านพิงอยู่บนโซฟาพลางถือหมอน เกยคางไว้บนขนนุ่มๆ บนหมอนในขณะที่ถือถ้วยชาดื่มอย่างช้าๆ
เฉิงเจวี้ยนนั่งอยู่ข้างๆ เธอ มือซ้ายวางอยู่บนโซฟาข้างหลังเธออย่างเกียจคร้านโดยที่มือขวาเล่นโทรศัพท์ มันเป็นแอปเกมที่ฉินหลิงส่งมาให้เขา
ฉินหลิงเล่นเกมนี้ไปแล้วสองครั้ง
ทุกครั้งที่ผ่านมาถึงหนึ่งในสาม ตัวละครในเกมก็จะร่วงตายในหลุม
ครั้งแรก เฉิงเจวี้ยนเลิกคิ้ว
ครั้งที่สอง เฉิงเจวี้ยนปิดเกมไปทั้งอย่างนั้น
เขารู้ว่านี่น่าจะเป็นเกมเล็กๆ ที่ฉินหลิงทำมาเพื่อโกงเขา
เวลานี้เฉิงเจวี้ยนไม่ว่างมาคิดบัญชีกับฉินหลิง เขาวางโทรศัพท์ไว้บนโซฟาและก้มหน้ามองฉินหร่าน ขนตายาวพับลงปิดดวงตาที่มีเลือดฝอยอยู่หน่อยๆ เธอผล็อยหลับไปแล้ว
เธอเอาแต่ทำการทดลองและอ่านความรู้เชิงทฤษฎีอย่างบ้าคลั่งมาตลอดทั้งเดือน เครียดยิ่งกว่าเรียนไวโอลินในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเสียอีก
**
รายชื่อสมาชิกใหม่ของห้องปฏิบัติการปีนี้ออกมาแล้ว
ภาควิชาฟิสิกส์ได้ส่งรายชื่อไปที่ห้องปฏิบัติการแล้วหนึ่งชุด
ทุกปี สมาชิกใหม่ของห้องปฏิบัติการจะมีการจับฉลากแบ่งไปตามห้องปฏิบัติการของนักวิจัยแต่ละท่านเพื่อเรียนรู้เรื่องพื้นฐานของห้องปฏิบัติการ
ปีนี้ยังคงเป็นการสุ่มจับฉลากเพื่อทำการจัดสรร
หากจับได้ห้องปฏิบัติการเป็นลูกน้องนักวิจัยท่านไหน ก็จะมอบหมายให้ไปอยู่กับนักวิจัยท่านนั้น ถ้าคนที่มาใหม่โชคดีและถูกชะตากับนักวิจัย นักวิจัยก็สามารถรับเป็นศิษย์ได้
คืนวันพุธ
ฉินหร่านได้รับแจ้งจากระบบห้องปฏิบัติการ
การจัดสุ่มประกาศผลแล้ว
ฉินหร่านไม่ค่อยสนใจผลการจัดสุ่มมากนัก เพราะเธอไม่ได้ต้องการหาอาจารย์ในห้องปฏิบัติการ
เธอคลิกอ่านระบบแจ้งคร่าวๆ ——
เธอถูกจัดให้อยู่ในห้องปฏิบัติการกับคนที่ชื่อเลี่ยวเกาอั๋ง
พอคลิกเปิดดูข้อมูลของเลี่ยวเกาอั๋ง ข้อมูลส่วนตัวของอีกฝ่ายก็ปรากฏขึ้นมา : นักวิจัยขั้นพิเศษ
นิ้วฉินหร่านชะงักเล็กน้อย
“มีอะไร?” เฉิงเจวี้ยนวางหนังสือลง เมื่อเห็นฉินหร่านมีสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เขาจึงเงยหน้าขึ้น
ฉินหร่านจับโทรศัพท์แน่น “ทำไมนักวิจัยขั้นพิเศษถึงได้มาอยู่ที่ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้?”
คนระดับนี้ควรจะอยู่ในสถาบันวิจัยไม่ใช่หรือ?
“การทดลองบางอย่างต้องอาศัยห้องปฏิบัติการชั้นใต้ดินของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง” เฉิงเจวี้ยนดูโทรศัพท์เธอพร้อมกับอธิบายอย่างใจเย็น “เขาน่าจะยื่นขอย้ายกลับมาที่ห้องปฏิบัติการ ถึงเขาจะไม่ใช่คนของห้องปฏิบัติการ แต่ห้องปฏิบัติการเขาอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปได้ที่คนใหม่จะย้ายเข้าไป”
ฉินหร่านแสดงออกว่าเข้าใจแล้ว เธอปิดข้อความนี้แล้วลุกขึ้น
“ไปไหน?” เฉิงเจวี้ยนวางหนังสือไว้บนขา ใช้มือขวาพลิกหน้ากระดาษ แต่มือซ้ายจับข้อมือเธอแล้วใช้แรงดึงเล็กน้อย
ฉินหร่านไม่ได้รีบร้อนขึ้นไปข้างบน เธอแค่พูดอย่างเกียจคร้าน “เสี่ยวหลิงมีเรื่องจะถามฉัน”
“น้องชายเธอ” เฉิงเจวี้ยนลืมตาขึ้นพอดี พอได้ยินที่เธอพูดก็หยิบโทรศัพท์ออกมา “เมื่อวานเขาโกงฉัน”
ปลายนิ้วขาวกดไปที่เกมที่ฉินหลิงส่งให้เขาเมื่อวาน
โกงเขาไปแล้วสองครั้ง
ฉินหร่านหยิบโทรศัพท์เขามาแล้วกดเปิดเกมที่ฉินหลิงส่งมาให้เขาเล่น ฉินหลิงได้เพิ่มbugฆ่าตัวตายในช่วงหนึ่งในสามของเกม
ผ่านด่านไม่ได้แน่นอน
ฉินหร่านนั่งตัวตรง จากนั้นก็ขึ้นไปเอาคอมพิวเตอร์ของตัวเองลงมา นิ้วเคาะแป้นพิมพ์
**
อีกด้านหนึ่ง
สตูดิโอของซุปตาร์ฉิน
สิบนาทีต่อมา ฉินหลิงก็ได้รับข้อความจากพี่สาว
เป็นแอปเกมๆ หนึ่ง
เมื่อก่อนฉินหร่านเคยส่งเกมให้เขาเป็นระยะๆ แต่หลังจากที่แนะนำให้เขารู้จักกับครูลู่ท่านนั้น เธอก็ไม่ส่งแอปเกมอะไรมาให้เขาเลย ขณะนี้พอเห็นเธอส่งเกมเล็กๆ มาให้เขา
ฉินหลิงก็รีบเปิดมันทันที เขานั่งตัวตรง ทันทีที่ขยับนิ้ว ตัวละครในเกมก็ตาย
เขาอึ้งไปพักหนึ่ง
กดออกแล้วเปิดใหม่——
พอขยับนิ้ว ตัวละครในเกมก็ตาย
ฉินหลิงเม้มริมฝีปาก กดเปิดแล้วเปิดอีก——
แต่พอขยับนิ้ว ตัวละครในเกมก็ตายอยู่ดี
ในที่สุดผู้จัดการที่เฝ้าดูเขาตายติดต่อกันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตั้งแต่เล่นเกมของฉินหลิงครั้งที่แล้ว เขาก็เล่นจนกลายเป็นปมในใจ นี่ถึงจะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นปกติ
เขาพิงโซฟามองแล้วยิ้ม “ที่แท้นายก็มีช่วงเวลาอ่อนหัดเหมือนกันนะเสี่ยวหลิง”
ฉินหลิง “…”
เขาออกจากเกม
ด้านนอกห้องทำงานมีผู้ช่วยมาเคาะประตู นำพัสดุเข้ามาแล้วมอบให้ผู้จัดการของซุปตาร์ฉิน “พัสดุของคุณ”
ผู้จัดการรับมาพร้อมกับพูดด้วยความประหลาดใจ ของค่อนข้างหนัก “ฉันไม่ได้ซื้อของอะไรนี่ ซิวเฉิน ของนายไหม?”
ฉินซิวเฉินเป็นศิลปิน เวลาซื้อของมักจะซื้อในนามสตูดิโอหรือกรอกชื่อของเขา
ฉินซิวเฉินกำลังเปิดดูบทขณะที่นั่งบนโซฟา เมื่อได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้น “เปล่า”
ผู้จัดการก้มหน้าดู พัสดุในมือของเขาห่อเรียบๆ อย่างเห็นได้ชัด ดูไม่ค่อยเหมือนของขวัญจากแฟนคลับเท่าไหร่
ผู้ช่วยดูลักษณะของกล่องก็โน้มตัวเข้ามา และเดาว่า “เป็นคอมพิวเตอร์หรือเปล่าครับ?”
ผู้จัดการนึกขึ้นได้ทันทีว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้สอบถามเรื่องคอมพิวเตอร์กับฉินหร่านไป
เขายังโอนเงินให้ฉินซิวเฉินไปสองพันหยวน
ผู้จัดการนำพัสดุวางไว้บนโต๊ะ ยิ้มแล้วเอียงหน้าไปมองฉินซิวเฉินที่กำลังดูบทอย่างตั้งอกตั้งใจ “หลานสาวนายส่งคอมพิวเตอร์มาให้ฉันจริงๆ เหรอเนี่ย?”
หลายวันมานี้เรื่องหลานสาวซุปตาร์ฉินออกกล้องได้รับความนิยมอย่างมากในเวยป๋อ
คนในสตูดิโอต่างก็รู้กันหมดว่าซุปตาร์ฉินมีหลานสาวและยังอยากรู้เรื่องของเธอมาก พอได้ยินว่าหลานสาวซุปตาร์ฉินส่งคอมพิวเตอร์มาให้ผู้จัดการ ทุกคนก็เข้ามามุง ให้ผู้จัดการแกะให้ดู “หลานสาวซุปตาร์ฉินส่งคอมพิวเตอร์อะไรมาให้คุณ? ส่งมาโดยเฉพาะแบบนี้ คอมพิวเตอร์เครื่องนี้คงไม่ธรรมดา”
เดิมทีผู้จัดการไม่ได้คิดจะแกะ เพราะเขาก็เป็นคนติดเกมคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์แบบไหนก็มีหมดแล้ว จึงไม่ค่อยสนใจคอมพิวเตอร์ที่ฉินหร่านส่งมามากนัก คอมพิวเตอร์ถูกห่อไว้อย่างดี สะดวกในการเอากลับบ้าน แต่คนในสตูดิโอค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นคอมพิวเตอร์ที่หลานสาวซุปตาร์ฉินส่งมา เขาจึงไม่ขัดอารมณ์พวกเขา
หาคัตเตอร์มา