คนอื่นๆ ในสตูดิโอวางงานในมือลงแล้วเข้ามามุงดู
ผู้จัดการกรีดถุงที่ห่อข้างนอกออก
เมื่อเห็นแต่ละคนเข้ามารายล้อมตั้งหน้าตั้งตาดูก็อดหัวเราะไม่ได้ “ก็แค่คอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ ยังจะมีคอมพิวเตอร์อะไรได้อีก? พวกนายอย่าคิดมากไปหน่อยเลยน่า”
พัสดุห่อแบบเรียบง่ายและไม่เป็นทางการ
ทันทีที่แกะออกมาก็เห็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กสีดำ
มีด้านบนแค่หนึ่งชั้นเท่านั้น บางเฉียบ
ผู้จัดการที่มีท่าทางสบายๆ ถึงกับอึ้ง เขาหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นคอมพิวเตอร์ที่บางและเบามาก สีดำล้วนทั้งสองด้าน เมื่อมองจากภายนอกก็พบว่าเป็นรูปลักษณ์ขั้นสุดยอดของคอมพิวเตอร์ระดับโลก
“สวยจัง!” เด็กสาวไม่กี่คนในสตูดิโอที่มองแต่รูปลักษณ์ภายนอกถึงกับเอ่ยปากออกมาทันที
พวกผู้ชายต่างก็เร่งให้ผู้จัดการรีบเปิดลองฟังก์ชันการใช้งาน
ผู้จัดการกวาดขยะบนโต๊ะไปอีกด้าน จากนั้นก็วางคอมพิวเตอร์ไว้อย่างดี เปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ขึ้น คอมพิวเตอร์สตาร์ทเครื่องโดยอัตโนมัติ แถบแสดงความคืบหน้าร้อยเปอร์เซ็นต์ที่เป็นสีขาวกะพริบอยู่บนหน้าจอสีดำ
แถบความคืบหน้าถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ในเวลาไม่ถึงสามนาที
เสียงเครื่องอันเยือกเย็นของคอมพิวเตอร์ดังขึ้น–
(กรุณาดำเนินการตรวจสอบรูม่านตา)
ผู้จัดการมองดูมันด้วยความตกใจเล็กน้อย มองไปได้ประมาณหนึ่งนาที
เสียงเครื่องก็ดังอีกครั้ง——
(กรุณาดำเนินการตรวจสอบรูม่านตา)
ผู้จัดการได้สติจากการเตือนของกลุ่มคนในสตูดิโอ เขาหันดวงตาเล็งไปที่กล้องคอมพิวเตอร์ ——
(ยืนยันสำเร็จ!)
คอมพิวเตอร์เข้าสู่หน้าหลักโดยอัตโนมัติ
“ยืนยันด้วยรูม่านตา? เร็วโคตรๆ ” ผู้จัดการตาเป็นประกาย ความเร็วในการตอบสนองของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ไม่ได้ช้าไปกว่าคอมพิวเตอร์ของฉินหลิงเลย และยังสวยกว่าคอมพิวเตอร์ฉินหลิงเสียด้วย
หน้าหลักของคอมพิวเตอร์ดูสะอาดสะอ้าน มีเพียงตลาดแอปที่มีไอคอนเป็นรูปวาดใบเมเปิ้ลเพียงอย่างเดียว และเสิร์ชเอนจินระดับสากลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของอวิ๋นกวงกรุ๊ป
ผู้ชายในสำนักงานชี้ไปที่ตลาดแอปและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “แอปใบเมเปิ้ลครอบคลุมแอปพลิเคชันที่ใช้สอยทั้งหมด ในโลกนี้อะไรที่คุณหาไม่เจอ ไม่มีทางที่มันจะเสิร์ชหาไม่ได้ แต่ตลาดแอปของพวกเขาไม่ได้อยู่ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ”
สาวๆ ต่างจ้องไปที่เสิร์ชเอนจินระดับโลกด้วยความตื่นเต้น “ต่อไปเวลาดูข่าวกอสซิปต่างประเทศก็ไม่ต้องใช้VPNแล้วสิ…”
ผู้จัดการอายุเลยสามสิบแล้ว เขาจึงไม่ค่อยรู้อะไรมากเกี่ยวกับการใช้งานเสิร์ชเอนจินในตลาดแอปพวกนี้เลย
แต่เมื่อเห็นท่าทางคนอื่นในสตูดิโอดูตื่นเต้นแบบนี้แล้ว ก็พอจะเดาได้ว่าเอนจินนี้และตลาดแอปจะต้องมีประโยชน์ใช้สอยอย่างมาก
“พี่ ผมมีซอฟต์แวร์นึงที่โหลดยังไงก็โหลดไม่ได้” เด็กหนุ่มมองมาทางผู้จัดการด้วยสายตาอันแรงกล้า “พี่ลองดูซิว่าคอมพิวเตอร์ของพี่โหลดได้หรือไม่ได้ ถ้าโหลดได้ช่วยคัดลอกซอฟต์แวร์นี้เข้าโทรศัพท์ผมได้ไหม?”
ผู้จัดการ “…”
เขาสับสนเล็กน้อย แต่ก็ยังถอยออกมาเพื่อให้กลุ่มคนวัยหนุ่มสาวพวกนี้เอาไปทำเอง
กลุ่มคนวัยหนุ่มสาวเหมือนได้เจอของเล่นใหม่ เบียดกันเข้ามาดูคอมพิวเตอร์
“ให้ตายเถอะ เขามีเกมไคลเอนต์สยองขวัญขนาดใหญ่ของรัฐ M ด้วยเหรอเนี่ย?”
“เดี๋ยวสิ ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์หาคู่แพลตฟอร์มระหว่างประเทศของฉันก่อน!”
“ผู้ใหญ่แซงคิวเด็กได้ยังไง? หน้าไม่อาย ตอนเย็นเรามาสู้ตายกันในสนาม!”
“ของฉัน…”
เดิมทีการทำงานล่วงเวลาคืนนี้ก็เพื่อเตรียมรับมือกับการออกอากาศรายการในวันเสาร์ ผู้จัดการยังเตรียมกาแฟให้พวกเขาคนละแก้ว ตอนนี้คงไม่ต้องแล้ว เพราะแต่ละคนดูคึกคะนองเหมือนฉีดเลือดไก่เข้าเส้น เดี๋ยวจะต้องลองไปดูหน่อยว่าจัดการซอฟต์แวร์ของเขาหรือยัง
เครื่องทำกาแฟไร้ผู้มาเยือน
ตรงหน้าผู้จัดการเหมือนลมฤดูใบไม้ร่วงที่พัดผ่านไป เขาถือแก้วกระดาษไปรับกาแฟ จากนั้นก็มานั่งตรงหน้าฉินซิวเฉิน เมื่อมองฉากในสตูดิโอ คนช่างพูดอย่างเขาก็ถึงกับพูดไม่ออกในเวลานี้
คราวที่แล้วได้ยินฉินหร่านบอกว่าคอมพิวเตอร์ที่เธอซื้อให้ฉินหลิงไม่มีขายแล้ว ทีแรกเขาก็ไม่ได้วางแผนจะซื้อคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น และไม่ได้สนใจคอมพิวเตอร์ราคาสองพันหยวนนั่นของเธอ แต่เขาจะทำให้สาวน้อยคนหนึ่งเสียความตั้งใจไปไม่ได้ จึงโอนเงินให้ฉินซิวเฉิน
เงินจำนวนสองพันหยวนไม่ถือว่ามากสำหรับเขาและสำหรับฉินหร่าน เดิมทีเขาแค่อยากให้ซุปตาร์ฉินกับหลานสาวอารมณ์ดีหน่อย ไม่ได้คาดหวังอะไร
แต่ใครจะรู้ล่ะว่า…
ผู้จัดการดื่มกาแฟไปหนึ่งอึก เขานิ่งไปนานกว่าจะรู้สึกตัว หันไปมองซุปตาร์ฉินเงียบๆ “สองพันหยวน…เหมือนจะไม่พอ?”
ซุปตาร์ฉินก็ไม่ได้อ่านบทต่อ เขาวางบทไว้ข้างๆ เมื่อเห็นกลุ่มคนในสตูดิโอที่กำลังเจี๊ยวจ๊าวกันอยู่ก็เอนหลังพิงโซฟาพลางครุ่นคิด “ให้นายก็ใช้ไปเถอะ”
“เอ๊ะ” ผู้จัดการส่งเสียง “ไม่กล้าใช้หรอก…”
ฉินหลิงที่อยู่อีกด้านเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“น่าจะเป็นของขวัญขอบคุณ” ซุปตาร์ฉินหยิบบทขึ้นมาแล้วหลุบตาอ่านต่อ
การถ่ายทำในเมือง C ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผู้จัดการก็ยุ่งอยู่ไม่น้อย
พอได้ยินซุปตาร์ฉินพูดดังนั้น เขาก็นึกถึงข้อนี้ขึ้นมาได้ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วสูดหายใจ ไม่คิดเลยว่าฉินหร่านยังจำเขาได้ ในใจจึงรู้สึกดีกับบอสฉินขึ้นมาไม่น้อย “งั้นทำไมนายถึงไม่มี?”
ถ้าจะบอกว่าดูแล ซุปตาร์ฉินก็ยังดูแลเอาใจใส่ฉินหลิงมากกว่าเขาเสียอีก
เมื่อได้ยินดังนั้น ซุปตาร์ฉินก็เชิดคางขึ้น ปลายนิ้วขาวแตะบทละครพลางมองหน้าเขา พูดอย่างอารมณ์ดี “นายเทียบกับฉันได้หรอ?”
ผู้จัดการ “…”
อ๊ะ ใช่ พวกนายเป็นครอบครัวเดียวกันนี่ เทียบไม่ได้ เทียบไม่ได้…
**
วันพฤหัสบดี
หลังจากฉินหร่านเข้าเรียนเสร็จก็ดึงผ้าพันคอขึ้น ผ้าพันคอเป็นสีกรมท่า บังตั้งแต่จมูกลงมา เผยให้เห็นดวงตาสีเข้มกระจ่างใสคู่นั้น ใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึม ขนปุกปุยของผ้าพันคอลดความเอาแต่ใจบนใบหน้าไม่น้อย
รูปร่างสูงเพรียว สวมเสื้อโค้ตซับใน ขาคู่นั้นทั้งยาวทั้งตรง อัตราการเหลียวหลังหันกลับมามองระหว่างที่เดินบนถนนยังคงเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
ในช่วงสองวันที่ผ่านมาแฟนคลับเธอในมหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ และแซงหน้าซ่งลี่ว์ถิงที่ไปสถาบันวิจัยเมื่อเดือนก่อนแล้ว
เวลาเดินที่ถนนยังมีคนจำแผ่นหลังเธอได้
ฉินหร่านดึงผ้าพันคอสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ นึกถึงชุดถังน้ำนั่นของซุปตาร์ฉินขึ้นมา ก็ดูจะไม่เลวเลยทีเดียว ถ้ามีเวลาเมื่อไหร่เธอจะไปสั่งตัดมาสักชุด
ห้องทำงานคณบดีเจียง
เมื่อเห็นฉินหร่านเดินเข้ามา คณบดีเจียงก็วางงานในมือลงและหยิบคีย์การ์ดเข้าห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์ออกมาจากลิ้นชัก ด้านหลังบัตรพิมพ์รูปฉินหร่าน
“นี่เป็นบัตรคีย์การ์ดและใช้เป็นบัตรนักศึกษาได้ มีสิทธิประโยชน์มากกว่าบัตรนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเสียอีก ใช้ได้ทั้งมหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัยA” คณบดีเจียงยื่นคีย์การ์ดให้ฉินหร่านและไปที่เครื่องกดน้ำเพื่อรินชาให้ฉินหร่านหนึ่งถ้วย เขาให้การต้อนรับฉินหร่านอย่างอบอุ่น “นั่งสิ”
ฉินหร่านถือบัตรแล้วนั่งลง
รับถ้วยชาแบบใช้แล้วทิ้งสีขาวบริสุทธิ์มาและขอบคุณคณบดีเจียงอย่างสุภาพ
เธอก้มหน้ามองบัตรที่อยู่ในมือ
ด้านหน้าเป็นรูปภาพของห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์โดยมีข้อความ ”ห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์” เขียนด้วยตัวหนาอยู่ด้านบน
คณบดีเจียงนั่งบนเก้าอี้สำนักงานพร้อมด้วยกระติกน้ำร้อน ถามอย่างอ่อนโยนและดูสง่า “ผลการจัดสุ่มของคนอื่นในภาควิชาฟิสิกส์ออกมาแล้ว เธอได้อยู่กับใคร?”
การเข้าสู่ห้องปฏิบัติการและการจับคู่มีความสำคัญมากสำหรับนักศึกษาใหม่
ห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์จากบนลงล่างมีนักวิจัยตั้งแต่ขั้นหนึ่งถึงขั้นสี่
นักวิจัยขั้นหนึ่งเป็นตำแหน่งพิเศษที่สถาบันวิจัยแต่งตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ หรือจะเรียกว่านักวิจัยขั้นพิเศษ โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็นสมาชิกของสภาวิทยาศาสตร์ที่มีระดับ เป็นผู้มีความสามารถที่มีส่วนในการสร้างประโยชน์คุณูปการที่ยิ่งใหญ่ในระดับแนวหน้าของวงการ
นักวิจัยขั้นสองมีเงื่อนไขหลักคือจะต้องมีการอ้างอิงถึงบทความวิชาการSCIจำนวนห้าร้อยครั้งขึ้นไป ผลงานวิจัยใหม่จะต้องได้รับการยอมรับจากเครือข่ายนักวิทยาศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศเป็นต้น
นักวิจัยขั้นสามและสี่ไม่เข้มงวดเหมือนข้อกำหนดก่อนหน้านี้ หลังจากความรู้ทางวิชาการได้รับการยอมรับจากในวงการแล้ว จะต้องเคี่ยวเข็ญตัวเองอย่างน้อยสามถึงหกปีขึ้นไปในการอยู่รอด
สถาบันวิจัยทางฟิสิกส์ได้รวบรวมผู้ที่มีความสามารถขั้นสุดมากที่สุดในประเทศ
ยิ่งได้อยู่กับนักวิจัยขั้นสูง การวิจัยและมุมมองที่ได้รับย่อมแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน
ฉินหร่านบีบถ้วยที่ใช้แล้วทิ้ง เห็นกระดูกข้อต่ออย่างชัดเจน “นักวิจัยแซ่เลี่ยว ในข้อมูลเขียนไว้ว่าเป็นนักวิจัยขั้นพิเศษ”
คณบดีเจียงเป็นคณบดีของภาควิชาฟิสิกส์ เขาย่อมรู้จักมักคุ้นกับลูกพี่ใหญ่ในวงการฟิสิกส์เหล่านี้มากกว่าคนทั่วไป
อีกอย่างนักวิจัยขั้นพิเศษก็มีเพียงไม่กี่คน พอได้ยินฉินหร่านบอกว่าแซ่เลี่ยวก็ถึงผงะ “ที่เธอบอกมา คงไม่ใช่ว่าเป็นนักวิจัยเลี่ยวเกาอั๋งหรอกนะ?”
ฉินหร่านจิบชา น้ำยังไม่เย็น ไอร้อนลอยตัวในอากาศ ใบหน้าเธอเลือนรางเล็กน้อยอยู่ท่ามกลางไอร้อน
พอได้ยินที่คณบดีเจียงพูดก็ตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบ “เหมือนว่าจะเป็นเขา”
“ดวงเธอนี่มัน…” คณบดีเจียงหลุดหัวเราะ “นักวิจัยเลี่ยวเป็นหนึ่งในห้านักวิจัยขั้นพิเศษของสถาบันวิจัย การที่ได้มาเจอเธอแบบนี้ เธอต้องตั้งใจติดตามเขาให้ดีและกระตือรือร้นให้มากหน่อย”
ฉินหร่านพูดอีกไม่กี่คำก็ดูเวลา เฉิงเจวี้ยนใกล้จะมาถึงด้านล่างตึกแล้ว เธอจึงเอ่ยลากับคณบดีเจียง
คณบดีเจียงยิ้มร่าไปส่งเธอถึงหน้าประตู
หลังจากเธอไปแล้ว คณบดีเจียงก็มองไปที่แผ่นหลังฉินหร่าน “เป็นราชาหน้าใหม่ของเราจริงๆ ด้วยสินะ ห้องปฏิบัติการแทบจะไม่มีนักศึกษาใหม่คนไหนที่ได้พบนักวิจัยขั้นพิเศษ แต่เธอก็ได้พบจนได้”
ผู้ช่วยยืนอยู่ข้างคณบดีเจียงพลางมองแผ่นหลังอัจฉริยะด้วยความเลื่อมใส
“ถ้านักวิจัยเลี่ยวรับฉินหร่านเป็นศิษย์ นั่นก็หมายความว่าเส้นทางของเธอก็คงราบรื่นกว่าเจ้าหนุ่มซ่งลี่ว์ถิงนั่นสินะครับ” จู่ๆ คณบดีเจียงก็ถอนหายใจ “แต่ว่าการที่จะให้นักวิจัยขั้นพิเศษรับเป็นศิษย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย”
นักวิจัยขั้นพิเศษเองก็เป็นพวกบ้าทำวิจัย ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสายอาชีพ เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ อารมณ์แปลกๆ นักวิจัยขั้นพิเศษทั้งห้านั้นไม่ค่อยให้นักศึกษาติดตามมานานแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรับเป็นศิษย์
คณบดีเจียงเพียงแค่คิดเท่านั้น เขาไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจังว่านักวิจัยเลี่ยวจะรับฉินหร่านเป็นศิษย์