บทที่ 393 คนใจดี

บทที่ 393 คนใจดี

“ช่วยฉันเพราะเรื่องแค่นี้เหรอคะ!”

หลังจากพูดจบ อวี้ฮ่าวหรานก็หันกลับไปอุ้มถวนถวนออกมาจากรถ

“เอาล่ะ เข้าไปข้างในกันเถอะ”

พอได้ฟังคำอธิบาย หลิวว่านฉิงก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป เพราะตอนนี้เธอต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ

ทั้งสองเดินเข้าไปในโรงพยาบาล แม้ที่นี่จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่สุขอนามัยกลับย่ำแย่มาก มีคราบสกปรกเปื้อนตามผนัง แถมพยาบาลที่คอยบริการยังมีสีหน้าบูดบึ้งอีกด้วย

บางทีพวกเขาอาจจะไม่มีเอกสารคนไข้เลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าอวี้ฮ่าวหรานจะไม่มีวันมารักษาตัวที่นี่เด็ดขาด

แต่สำหรับคนจน พวกเขาคงไม่มีทางเลือกมากมาย

“หือ? คุณคือหลิวว่านฉิงใช่ไหม! ค่ารักษาของแม่คุณน่าจะครบเจ็ดพันหยวนแล้ว รีบ ๆ จ่ายล่ะ”

หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้าไปข้างในโรงพยาบาล หมอคนหนึ่งก็หยุดพวกเขาเอาไว้ทันที

“หา? ต้องจ่ายเร็ว ๆ นี้เหรอคะ? แต่แม่ฉันมารักษาที่นี่ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ด้วยซ้ำ”

หลิวว่านฉิงคาดไม่ถึง สีหน้าของเธอเลยฉายความกังวล

“ฮ่า ๆ โรงพยาบาลเอกชนก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ ยาและค่ารักษาพยาบาลในหนึ่งวันไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหยวน ซึ่งนับว่าถูกมาก”

แพทย์กล่าวเยาะเย้ยเหมือนเคยเห็นคนที่ค้างค่ารักษาพยาบาลมามากมาย

“ถ้าคุณยังไม่จ่าย ผมสามารถสั่งหยุดยาได้เดี๋ยวนี้ พวกคุณจะต้องจ่ายค่ารักษาตามที่กำหนดเท่านั้น ขาของแม่คุณจึงจะหายขาด”

พอได้ยินคำข่มขู่ หลิวว่านฉิงก็ทำตัวไม่ถูก แม้เธอจะได้รับโบนัสหลังจากที่ลูกศิษย์คว้ารางวัลอันดับหนึ่ง แต่เงินเดือนเธอเดือนที่แล้วเหลือไม่ถึงหกพันหยวนด้วยซ้ำ

เธอใช้เงินในวงเงินสินเชื่อเต็มเจ็ดพันหยวนแล้ว หลังจากนี้เธอจะหาเงินที่เหลือได้จากไหนกัน?

“ไม่มีเงินเหรอครับ? น่าเสียดาย โรงพยาบาลของเราไม่อยากรักษาใครฟรี ๆ แล้ว อย่าโกรธพวกเราเลยนะครับ”

หมอยังคงมีท่าทีไม่แยแส

มุมปากของอวี้อ่าวหรานกระตุกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่นง่าย ๆ ตอนนี้เธอเลยทุกข์ใจมาก

“ผมจ่ายเอง ค่ารักษาทั้งหมดเท่าไหร่ครับ?”

“สัปดาห์ที่แล้วต้องจ่ายห้าพันหยวน นอกจากนี้คุณต้องจ่ายเงินห้าหมื่นหยวนสำหรับค่าผ่าตัดให้เร็วที่สุด ถ้าไม่ได้รับการผ่าตัด แม่คุณจะต้องถูกตัดขาแน่นอนครับ”

หมอหันมองชายหนุ่ม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแต่งตัวภูมิฐานมีความน่าเชื่อถือ น้ำเสียงของเขาจึงเป็นมิตรกว่าเดิมเล็กน้อย

“ผมจะจ่ายทั้งหมดสองหมื่นหยวน แล้วรบกวนคุณช่วยทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้ผมทันที!

อวี้ฮ่าวหรานขี้เกียจเกินว่าจะพูดคุยกับอีกฝ่าย เขาไม่อยากอยู่ในโรงพยาบาลสกปรกแบบนี้นาน ๆ

“ย้ายโรงพยาบาล?”

เมื่อได้ยินแบบนั้น หมอวัยกลางคนจึงประหลาดใจ จากนั้นเริ่มพูดโน้มน้าว

“คุณลองคิดดี ๆ นะครับ ถ้าย้ายไปโรงพยาบาลอื่น ค่าผ่าตัดและค่ารักษาอาจไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนหยวน”

“ฮ่า ๆ หนึ่งแสน?”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะ ไม่ใช่ว่าจะดูถูกอีกฝ่าย แต่สำหรับเขาแล้วเงินหนึ่งแสนหยวนก็เป็นเพียงเศษเงินเท่านั้น

“ผมจะย้ายแม่ของเธอไปที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองให้เร็วที่สุดครับ”

พูดจบ เขาหันหลังให้อีกฝ่าย ก่อนบอกให้หลิวว่านฉิงที่กำลังตกตะลึงให้เดินนำทาง

หลังจากเดินไปได้ครึ่งทาง เธอก็พูดขึ้น

“เอ่อ…ฉัน… ฉันไม่อยากเป็นหนี้คุณมากขนาดนั้นเลยค่ะ”

ด้วยอุปนิสัยของเธอ หลิวว่านฉิงไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนอื่นมากมายขนาดนั้น

“ฮ่า ๆ คุณอย่าลืมสิว่าการที่ถวนถวนชนะอันดับหนึ่งเทียบไม่ได้กับเงินแค่สองสามร้อยล้าน”

อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะก่อนพูดอย่างผ่อนคลาย เขารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ

เหตุผลที่เขาก่อตั้งบริษัทไม่ได้เป็นเพราะต้องการความมั่นคงทางธุรกิจ แต่อยากให้ทุกคนในครอบครัวมีชีวิตดีขึ้น

หลิวว่านฉิงตกตะลึง ไม่ต้องพูดถึงเงินหลายร้อยล้าน แม้แต่เงินหนึ่งแสนหยวน เธอก็ไม่เคยเห็น

ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ชายหนุ่มพูดก็ทำให้เธอสบายใจขึ้น

หลังจากเดินไม่กี่ก้าว พวกเขาก็มาถึงห้องคนไข้ที่มีเสียงพูดคุยดังลอดออกมา

“เฮ้อ…คนแก่อย่างฉันน่าจะตาย ๆ ไปซะ”

“ป้าหลิว อย่าพูดอย่างนั้นสิ! ทุกคนต่างก็มีความหวังเสมอ”

“ความหวังอะไรกัน? ป้ามองหน้าลูกสาวทีไร เจ็บปวดทุกที เธอเป็นเด็กดีและเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ต้องเร่สอนเปียโน ไม่ได้หยุดพักสักวัน”

“ไม่หรอกน่า…”

เสียงนั้นดังลอดออกมาจากห้องคนไข้ ตอนนั้นเองอวี้ฮ่าวหรานสังเกตเห็นว่าตาของหลิวว่านฉิงมีน้ำตาคลออยู่

แต่เธอแกล้งทำเป็นเสยผมแล้วรีบเช็ดมันอย่างรวดเร็ว

“ถึงแล้ว เข้าไปกันเถอะค่ะ”

ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก การสนทนาก็หยุดลงทันที

อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าภายในห้องมีทั้งหมดสี่เตียง ซึ่งสามในสี่ได้ถูกจับจองแล้ว

“ฉิงเอ๋อร์? มาทำอะไรตอนนี้?”

หญิงวัยกลางคนที่อยู่บนเตียงด้านในสุดพูดด้วยความประหลาดใจ

“เอ่อ วัน…วันนี้พวกเราจะย้ายแม่ไปโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมือง”

หลิวว่านฉิงระงับอารมณ์อ่อนไหวแล้วเดินเข้าไปข้างในห้องอย่างช้า ๆ

“อะไรนะ? ฉิงเอ๋อร์พูดว่าอะไร? เรามีเงินย้ายไปโรงพยาบาลอื่นด้วยเหรอ?”

หญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้มีท่าทีตกใจ ก่อนถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“เอ่อ มีคนช่วยไว้น่ะค่ะ หนูจะแนะนำให้แม่รู้จักคุณอวี้ฮ่าวหราน เขาคือคนที่ยื่นมือช่วยพวกเรา”

“เขา? เขาคือ…”

ตอนนั้นเอง ถวนถวนก็กระโดดออกมาจากข้างหลังพ่อ

“คุณป้าคะ คนนี้คือคุณพ่อของหนูเอง หนูเป็นคนขอให้คุณพ่อช่วยอาจารย์หลิวค่ะ”

ดวงตาของเด็กหญิงตัวน้อยเปล่งประกายขณะพูดอย่างภาคภูมิใจ

“หือ? เกิดอะไรขึ้น?”

หญิงวัยกลางคนยังคงสับสนเล็กน้อย

“แม่ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราเจอคนใจดีแล้ว”

หลิวว่านฉิงเดินเข้าไปใกล้แม่ จากนั้นก็จัดการหวีผมกระเซอะกระเซิงของเธอ

“เอ่อ…ขอบคุณ…ขอบคุณมากค่ะ…”

หญิงวัยกลางคนยังคงเข้าใจว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของตัวเองยังสามารถรักษาให้หายได้ เธอจึงตื่นเต้นอย่างมาก

“ขอผมดูขาของคุณหน่อยได้ไหมครับ ถ้าได้เห็นบาดแผล ผมอาจรู้แนวทางการรักษา”

ทันใดนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็พูดขึ้น

“ผมมีความรู้ด้านการแพทย์นิดหน่อย ให้ผมช่วยเถอะนะครับ

นี่คือจุดประสงค์ของการมาที่นี่ แม้พลังวิญญาณจะซ่อมแซมเซลล์เนื้อตายและเชื่อมต่อกระดูกที่แตกหักไม่ได้ แต่ยังสามารถรักษาเส้นลมปราณที่เสียหายได้

หลังจากเดินเข้าไปใกล้ เขาก็จับขาของอีกฝ่ายเบา ๆ

แค่ถ่ายเทพลังวิญญาณเพียงเล็กน้อย รอยฟกช้ำและความเจ็บปวดทั้งหลายก็หายเป็นปลิดทิ้งทันที

“เอ๊ะ? ดูเหมือน… ดูเหมือนจะไม่เจ็บแล้ว! แถมขายังหายบวมด้วย”

หลังจากที่เขาสัมผัสเพียงบางเบา หญิงวัยกลางคนก็ตะโกนเสียงดังด้วยความประหลาดใจ

“ครับ วิธีนี้ช่วยบรรเทาอาการบาดเจ็บได้ชั่วคราว แล้วผมจะสั่งให้คนย้ายคุณน้าไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดนะครับ”

อวี้ฮ่าวหรานลุกยืนขึ้นพร้อมพูดเสริม ในเมื่อเป้าหมายลุล่วงแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ…อาจารย์หลิว ผมขอเบอร์โทรศัพท์และเลขบัญชีของคุณหน่อย ผมจะโอนค่ารักษาให้คุณก่อน”

“อะ…โอเคค่ะ”

หลิวว่านฉิงไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายว่ายังไง เธอทั้งดีใจและเสียใจปนกันไป เพราะก่อนหน้านี้เธอยังโทษตัวเองว่าไร้ประโยชน์ที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะจ่ายเงินห้าพันหยวนด้วยซ้ำ

แต่ตอนนี้ อาการบาดเจ็บของแม่ทุเลาลงแล้ว

หลังจากแลกเบอร์โทรศัพท์และหมายเลขบัญชี อวี้ฮ่าวหรานก็ขอตัวลาแล้วเดินออกไป

ถ้าไม่จำเป็น เขาไม่อยากอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้นาน ๆ