บทที่ 237 ข้ารู้ เด็กเป็นของข้า

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 237 ข้ารู้ เด็กเป็นของข้า

กู้โม่หานไม่หลบ ใบมีดคมแทงเข้าที่ไหล่ซ้ายของเขา ความเจ็บปวดรุนแรงแล่นไปทั่วร่าง เลือดสดๆ ไหลรินลงมา

หนานหว่านเยียนไม่เสียใจเลยสักนิด

ไอ้ชายชั่วสารเลวผู้นี้ แทงอีกสองครั้งก็ไม่หายโกรธ

“หายโกรธแล้วหรือ?” ชายหนุ่มจ้องมองนางด้วยดวงตาเรียวยาวเย็นชาแข็งกร้าวอย่างไม่วางตา ดั้งจมูกโด่งดูสง่างามเป็นพิเศษภายใต้แสงเงาใบไม้เขียวชอุ่ม

“หนานหว่านเยียน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้รับความยุติธรรม เจ้าแทงข้าหนึ่งดาบ ข้าก็ไม่เอาผิดเจ้า ต่อจากนี้ไป ข้าจะส่งคนไปดูแลเรือนจู๋หลานให้มากขึ้น ไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายเจ้าได้อีก!”

อันที่จริงความโกรธของหนานหว่านเยียนบรรเทาลงมากแล้ว นางชักดาบออกมาอย่างดุดันและเย้ยหยัน

“ไม่ให้นางทำร้ายข้า? ข้าว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะไปทำร้ายนางมากกว่า! กู้โม่หาน ทำไมเจ้าถึงปกป้องนางครั้งแล้วครั้งเล่า?! เรื่องต่างๆ ในวันนี้ เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ?”

กู้โม่หานเจ็บจนร้องฮึดฮัด ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเยือกเย็นราวกับเกล็ดน้ำแข็ง ความเย็นชาที่ไร้ขอบเขตและความโกรธหลังจากที่ถูกเข้าใจผิด

“นางมีบุญคุณกับข้า ข้าไม่ต้องการเป็นหนี้นางอีกต่อไป”

หยุนอี่ว์โหรวเปลี่ยนไปมาก วันนี้นางเกือบแตะขีดจำกัดของเขาแล้ว หากไม่ใช่เพราะนึกถึงเรื่องบุญคุณ เขาจะไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ

แต่ต่อไป หากนางทำอะไรนอกลู่นอกทางอีก เขาจะไม่ถือหางนางอีกต่อไป ความซาบซึ้งในบุญคุณที่เขามีต่อนาง มันค่อยๆ สูญหายไปเกือบหมดแล้ว…

หนานหว่านเยียนยิ้มเยาะ ใบหน้าสวยงามดูมืดมนดุดัน “บุญคุณช่วยชีวิตบ้าบออะไรกัน? กู้โม่หาน เจ้านี่น่าขำจริงๆ”

“ท้ายที่สุด เจ้าก็แค่เข้าข้างนาง ทนเห็นนางตายไม่ได้!”

เจ้าของร่างเดิมตาบอดข้างไหน ถึงไปช่วยชีวิตคนอกตัญญูอย่างกู้โม่หาน?

ยังมีหยุนอี่ว์โหรว ผู้หญิงประเภทนั้น จิตใจแย่มากเสมอ

นางอยากสืบดูว่า ตอนนั้นหยุนอี่ว์โหรวช่วยชีวิตกู้โม่หานไว้อย่างไร!

เสื้อผ้าของกู้โม่หานชุ่มโชกเลือดสดๆ อย่างรวดเร็ว แต่เขากลับก้าวเข้าไปหาหนานหว่านเยียนทีละก้าวด้วยสายตาเย็นชา

“นางมีบุญคุณกับข้า การปกป้องชีวิตนางสักครั้งมันสมเหตุสมผลแล้ว เวลาเจ้าโกรธก็ทำร้ายข้า ข้าจะถือว่าเจ้ามีเหตุผลด้วยเช่นกัน แต่ว่าหนานหว่านเยียน เจ้ากับโม่หวิ่นหมิงไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด พวกเจ้าไม่ได้พบกันห้าปีแล้ว ความสัมพันธ์ก็จืดจางไป แล้วทำไมเจ้าถึงเข้าข้างเขา?”

ตั้งแต่โม่หวิ่นหมิงเข้ามาในจวนอ๋อง หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป

เขาชนะใจผู้คนมากมายภายในเวลาอันสั้น รวมถึงเด็กหญิงตัวน้อยทั้งสอง หนานหว่านเยียนก็เหมือนกัน…

เขาใส่ใจมากเกินไป!

ใส่ใจจนเรื่องของหยุนอี่ว์โหรวก็ไม่สำคัญ! แม้ว่าตอนนี้นางจะตกลงไปในน้ำ หรือไม่ก็อยู่ในสถานการณ์อันตราย แต่ก็ไม่สำคัญเท่าการจัดการเรื่องราวระหว่างหนานหว่านเยียนกับโม่หวิ่นหมิง!

หนานหว่านเยียนโมโหจนหัวเราะ

“เจ้าสมควรจะนำมาเปรียบเทียบกับน้าของข้าหรือฉัน? น้าของข้าเป็นคนดีที่สุดในโลก เมื่อเปรียบเทียบกับชายชั่วที่เอาแต่สนใจอนุอย่างเจ้า ก็ดีกว่าไม่รู้กี่เท่า!”

“อย่างน้อยเมื่อชีวิตข้าตกอยู่ในอันตราย น้าของข้าจะปกป้องข้าโดยไม่ลังเล เชื่อใจข้า ไม่เหมือนเจ้าที่มองนักฆ่าหลบหนีไปตาปริบๆ!”

ความกลัดกลุ้มที่อธิบายไม่ได้ที่เก็บกดอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของกู้โม่หานฟูฟ่องขึ้นมาทันที พลังชีวิตและเลือดสูบฉีดเข้าสู่ศีรษะ ร่างกายเย็นเฉียบ ความหนาวยะเยือกเพิ่มขึ้นมากในวันที่อากาศหนาวเย็น

ทันใดนั้นเขาก็จับหัวไหล่ของหนานหว่านเยียนและจับนางกดลงบนโต๊ะ ดวงตาอันลุ่มลึกแดงก่ำด้วยความโกรธ

“ข้าเตือนเจ้าแล้ว จากนี้เป็นต้นไป ข้าไม่อยากได้ยินเจ้าพูดถึงเขาในแง่ดี!”

ต้องอธิบายอีกกี่รอบ? เขาไม่ได้ปล่อยให้หยุนอี่ว์โหรวหลบหนีไป นางอาการร่อแร่จะตายมิตายแหล่ นางยังเป็นผู้มีพระคุณต่อเขา แล้วเขาจะปล่อยให้นางตายได้อย่างไร เว้นแต่ว่าหยุนอี่ว์โหรวจะไม่ใช่ผู้มีพระคุณ

ยิ่งไปกว่านั้นเขาถูกหนานหว่านเยียนแทงหนึ่งดาบ ทำให้นางได้ระบายความโกรธ นางจะด่าเขาว่าชายชั่วได้อย่างไร?!

ดุด่าเขา แต่ยกย่องโม่หวิ่นหมิง!

สมควรตาย!

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาบงการข้า? ปล่อยมือ!” หนานหว่านเยียนพยายามลุกขึ้น ของทุกอย่างบนโต๊ะหล่นลงกับพื้น “เพล้ง” แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วก็ไม่ดิ้นรนอีก

นางจ้องมองเขาด้วยความรังเกียจ “กู้โม่หาน เจ้าทำให้ข้ารำคาญใจจริงๆ ไม่เคยเห็นเจ้าเป็นแบบนี้มาก่อน รอข้ารักษาท่านน้าหายดีแล้ว ข้าจะไปทันที จวนอ๋องอี้ของเจ้า ข้าอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว!”

เบื่อหน่ายเขาหรือ? ยังคิดจะไปอีกหรือ?

ทันใดนั้นร่างสูงโปร่งของกู้โม่หานก็แข็งทื่อ โกรธจนควันออกหูทันที ไม่สนความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนหัวไหล่แล้ว เขากดนางไว้แน่น

“เจ้าลองไปดูสิ! หนานหว่านเยียน ข้ารู้แล้วว่า เด็กทั้งสองเป็นของข้า!”

“ส่วนเจ้าก็เป็นพระชายาของข้า เป็นของข้าด้วยเช่นกัน! สัญญาครึ่งปี เจ้าผิดสัญญามาแล้วหลายครั้ง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าจะทำลายหนังสือหย่าของเจ้า!”

ความโกรธของหนานหว่านเยียนถูกจุดขึ้นทันที “กู้โม่หาน เจ้ากล้า…อื้ม…อื้ม…”

นางยังพูดไม่ทันจบ กู้โม่หานก็ก้มตัวลงจูบริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของหนานหว่านเยียน

ความเป็นเจ้าของและความขัดเคืองใจของเขาปะทุขึ้นทันที เขาจับมือทั้งสองของหนานหว่านเยียนไว้แน่น บีบคางนางด้วยมือข้างเดียว กัดริมฝีปากนางตามอำเภอใจ ไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสขัดขืน

หนานหว่านเยียนถูกจูบโดยไม่ทันตั้งตัว พยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่การถีบมั่วซั่วของนางไม่ได้ผล

ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจที่มีต่อกู้โม่หาน กัดเขาอย่างแรง สีหน้าชายหนุ่มมืดมนด้วยความเจ็บปวด คิ้วอันดุดันขมวดเข้าด้วยกัน เขาถูกบังคับให้ปล่อยมือจากนาง

มุมปากของหนานหว่านเยียนมีเลือดติดอยู่ น้ำเสียงเยือกเย็น

“กู้โม่หาน ไอ้สารเลว! ถ้าเจ้ากล้าฉีกหนังสือหย่าของข้า ข้าจะฉีกแม่ดอกบัวขาวน้อยของเจ้า! อีกอย่างข้าขอเตือนเจ้าว่า เด็กสองคนนี้คือลูกของข้า ไม่เกี่ยวกับเจ้าแม้แต่นิด! เจ้าอย่าคิดหมายปองพวกนาง! “

กู้โม่หานเจ็บปลายลิ้น หัวไหล่ก็เช่นกัน เขายิ้มเยาะ นิ้วมือที่มีข้อต่อชัดเจน บีบคางของหนานหว่านเยียนไว้แน่น

“หนานหว่านเยียน เกี๊ยวน้อยนอกจากรูปร่างหน้าตาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิทยายุทธหรือความชอบ ล้วนเหมือนกับข้าทุกอย่าง ซาลาเปาน้อยแม้ว่าจะเหมือนเจ้ามากกว่า แต่ความชอบของนางก็เหมือนกับข้า พวกนางเป็นลูกของข้า หากเจ้ายังปฏิเสธอีกก็ไม่เกิดประโยชน์”

หนานหว่านเยียนรู้สึกกระวนกระวายอยู่ภายในใจ ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงมั่นใจขนาดนี้ แต่ให้ตายก็ไม่มีทางยอมรับ สีหน้ามีความประชดประชัน

“ลูกของเจ้าหรือ? กล้าพูดออกมาได้ยังไง กู้โม่หาน เจ้าพูดอยู่เสมอว่าข้าสกปรก เป็นสตรีสำส่อน มีผู้ชายอยู่ข้างนอกนับไม่ถ้วนไม่ใช่หรือ?”

“แถบทดสอบเจ้าก็เคยเห็นมาแล้ว สีไม่เปลี่ยน ลูกสาวของข้าอาจเป็นของใครก็ได้ แต่จะไม่มีวันเป็นของเจ้าแน่!”

ในใจของกู้โม่หานถูกนางทิ่มแทงจนหายใจไม่ออก โมโหขึ้นมาทันที

“ถูกต้อง ข้ารังเกียจความสกปรก ร่างกายเจ้าไม่สะอาด แล้วยังบังคับให้ไทเฮาบอกให้ข้าแตะต้องตัวเจ้าอีก”

“ห้าปีผ่านไป เจ้ายังวิ่งออกจากจวนอ๋องเพื่อตามหาคู่รักชายที่ต่อแถวยาว เรื่องผ่านมาจนถึงตอนนี้ยังรับโม่หวิ่นหมิงกลับจวนโดยไม่สนสิ่งใด! เจ้าทำร้ายข้าเพราะเขา เรื่องเหล่านี้ เหตุใดข้าถึงไม่คิดว่าเจ้ามีชู้กับชายอื่น ไม่รู้จักตรวจสอบ?!”

ยิ่งพูดกู้โม่หานก็ยิ่งรู้สึกโกรธและเกลียดชัง บาดแผลบนใบหน้ากำลังจะหายสนิทเริ่มแดงและร้อนผ่าวจนปวดแสบปวดร้อน

เขายอมรับว่าเขาไม่พอใจ หนานหว่านเยียนดีกับทุกคน มีแต่เขาเท่านั้นที่หยาบคายสวนทางกัน

เขาก็อิจฉาจริงๆ โม่หวิ่นหมิงยืนอยู่ข้างกายหนานหว่านเยียนได้ ทั้งสองพูดคุยกันเป็นอย่างดี แต่เขาทำไม่ได้

หนานหว่านเยียนยิ้มเยาะ

“ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเจ้า ถอยไป”

นางพยายามออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะดิ้นหลุด

หนานหว่านเยียนผลักเขาออกไปทันที เช็ดริมฝีปากแล้วจากไป

แต่ไปได้เพียงสองก้าวเท่านั้น ตัวนางก็ถูกกู้โม่หานแบกขึ้นบนบ่าอย่างป่าเถื่อน ชายหนุ่มโยนนางลงบนเตียงอย่างง่ายดาย จากนั้นก็เอาตัวขึ้นคร่อม หน้าท้องกดลงบนตัวหนานหว่านเยียน

หนานหว่านเยียนโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ นางพยายามเบี่ยงหน้าหนี จ้องเขม็งใส่กู้โม่หานด้วยความโกรธ “กู้โม่หาน เจ้าทำอะไรน่ะ?!”

“เจ้าว่าข้ากำลังจะทำอะไรล่ะ?” ใบหน้าของกู้โม่หานบึ้งตึง น้ำเสียงแฝงความเกลียดชังไว้อย่างเป็นภัย

“ตอนนี้เจ้ายังเป็นพระชายาของข้าอยู่ ร่างกายของเจ้าจะสะอาดหรือไม่ แนบชิดกับใครมากี่คน ข้าจะพิสูจน์ด้วยตัวเอง!”

สิ้นเสียง “แคว่ก” เสื้อผ้าของนางก็ถูกเขากระชากออกทันที…