บทที่ 525 นัดเดท / บทที่ 526 ซื้อมาชิมดูสักอัน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 525 นัดเดท

หลังจากพูดคุยกับสวี่อี้พักหนึ่ง เยี่ยหวันหวั่นก็เดินขึ้นบนตึก

พอเปิดประตูห้องเยี่ยหวันหวั่นก็อดไม่ได้บ่นกับซือเยี่ยหาน “ฉันกลับมาแล้ว…โดนโชว์สวีทหวานจนเลี่ยนขึ้นตาเลย! กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนองจริงๆ ด้วย! เจ้าฉู่เฟิงเจ้าบื้อนั่นทำแค่เพราะอยากได้อัลบั้มลิมิเต็ดแผ่นหนึ่งจากผู้ช่วยของหานเซี่ยนอวี่ไปให้เยียนหราน คุณเชื่อไหมล่ะ ทำเอาฉันเป็นห่วงอยู่ตั้งนานสองนาน!”

ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นกำลังเล่าอยู่นั้น สายตาพลันเห็นสิ่งของในมือซือเยี่ยหาน จึงคิ้วขมวดทันใด “ทำไมคุณอ่านเอกสารอีกแล้วล่ะ?”

ซือเยี่ยหานวางเอกสารสัญญาปึกนั้นในมือลง “ติดมือมาน่ะ”

เยี่ยหวันหวั่นหมดคำพูด “หรือว่านอกจากทำงานแล้ว คุณไม่มีงานอดิเรกอื่นเลยเหรอ?”

คำถามนี้เธออยากถามมานานมากแล้ว

ซือเยี่ยหานได้ยินดังนั้น เหมือนจะครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยว่า “งานอดิเรก?”

เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า พูดยกตัวอย่าง “ใช่ค่ะ ร้องเพลง ฟังเพลง เล่นเกม ว่ายน้ำ เตะบอล หรือว่าตีกอล์ฟ จะต้องมีอะไรคุณชอบทำนอกจากงานอยู่บ้างล่ะมั้ง? นานๆ ทีจะใช้ข้ออ้างพักฟื้นร่างกายจากอาการป่วยมาพักผ่อนอย่างเปิดเผยได้ คุณจะไม่ทำอะไรผ่อนคลายอารมณ์บ้างสักหน่อยเหรอ?”

นัยน์ตาลึกล้ำของซือเยี่ยหานมองหญิงสาว ตอบว่า “ไม่มี”

เยี่ยหวันหวั่นสะอึกเสียจนไร้ซึ่งคำจะเอ่ย ใบหน้าน้อยๆ ถมึงทึงขึ้นทุกที

หมอนี่ทำไมถึงได้ตัดบทสนทนาเก่งจังนะ?

เยี่ยหวันหวั่นวิ่งฟึดฟัดเข้าไป ดึงของในมือเขาออกมา “งั้นก็อยู่เป็นเพื่อนฉัน! พวกเราออกไปดูหนังกัน! คุณไม่รู้เหรอว่าตั้งแต่รู้จักกันมา เรายังไม่เคยดูหนังด้วยกันเลยสักครั้ง”

อย่าว่าแต่ดูหนังเลย เรื่องที่คู่รักควรจะทำ พวกเธอไม่เคยทำแทบทั้งหมด

มาคิดดูแล้วชาติก่อนเธอก็น่าสงสารมากจริงๆ แม้จะเป็นสามีภรรยากับซือเยี่ยหาน แต่ความสัมพันธ์ย่ำแย่กว่าเป็นศัตรูกันอีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนั้นเลย

“ครั้งก่อนพวกเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันมาแล้ว ถึงจะมีกว้างขวางคออยู่คนหนึ่งก็เถอะ…ครั้งนี้เราไปดูหนังกัน! แค่พวกเราสองคน!” เยี่ยหวันหวั่นเสนอความคิดเห็นอย่างตื่นเต้น

ซือเยี่ยหานมองดวงตาที่ฉายประกายคาดหวังของหญิงสาว พูดสิ่งใดไม่ออกไปครู่หนึ่ง

เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว “อะไรเนี่ย คุณไม่อยากไปเหรอคะ?”

“แค่กลัวว่าเธอจะเบื่อ” ซือเยี่ยหานตอบเรียบๆ

เยี่ยหวันหวั่นนิ่งอึ้ง กลัวเธอเบื่อเนี่ยนะ?

กลัวว่าเธออยู่กับเขา…แล้วจะเบื่องั้นเหรอ?

เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ พึมพำกับตัวเองว่า “ที่จริงก็รู้ตัวนี่นาว่าตัวเองน่าเบื่อ…”

สุดท้าย เยี่ยหวันหวั่นยังคงลากซือเยี่ยหานออกจากบ้านมา

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ช่วงเวลานี้ก็เป็นชั่วโมงเร่งด่วน จึงมีคนต่อแถวซื้อตั๋วภาพยนตร์ยาวเหยียด

เยี่ยหวันหวั่นมองดูรอบๆ ในที่สุดก็เจอที่ว่าง จึงดึงซือเยี่ยหานเดินไป “คุณนั่งรอฉันตรงนี้แป๊บหนึ่ง ฉันไปรับตั๋วก่อน”

แม้ว่าจะตั้งใจแต่งกายให้ธรรมดาและดูสบายๆ ทว่าซือเยี่ยหานแค่นั่งเฉยๆ อยู่ตรงนั้น ร่างก็คล้ายยังเปล่งประกายท่ามกลางผู้คน

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็รีบไปต่อแถวรับตั๋วหนัง

ในที่สุดเมื่อได้ตั๋วมาแล้ว ก็วิ่งกลับไปหาซือเยี่ยหาน “คุณอยากดื่มอะไรคะ ฉันไปซื้อให้! เอาป๊อปคอร์นด้วยไหม?”

ซือเยี่ยหานบอก “ตามใจเธอสิ”

เยี่ยหวันหวั่นกล่าว “ได้เลย! งั้นฉันซื้อตามใจฉันแล้วกัน!”

ซือเยี่ยหานส่งเสียง “อื้อ”

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็วิ่งไปต่อแถวซื้อเครื่องดื่มและป๊อปคอร์นด้วยความตื่นเต้น จากนั้นไปซื้อขนมจุกจิกอีกฝั่งหนึ่ง…

ซือเยี่ยหานมองไปที่แถวซื้อของ เห็นว่าคนที่กำลังต่อแถวอยู่เป็นผู้ชายแทบทั้งหมด แต่เยี่ยหวันหวั่นกลับกอดของเป็นกองวิ่งไปวิ่งมา…

ปีศาจร้ายอีคิวติดลบบางคนถึงค่อยรู้สึกตัวอย่างเชื่องช้าในที่สุดว่า เหมือนจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติ?

………………………………………………………………………

บทที่ 526 ซื้อมาชิมดูสักอัน

ซื้อป๊อปคอร์นเสร็จและโค้กเสร็จแล้ว เยี่ยหวันหวั่นกลับมายังข้างกายซือเยี่ยหาน “ที่รักคะ ขนมสายไหมร้านนั้นอร่อยมากเลย ฉันไปซื้อมาให้คุณชิมดูสักอันดีกว่า คุณรอแป๊บหนึ่งนะ!”

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็วิ่งเร็วอย่างกับพายุไปยังจุดที่มีกลุ่มคนหนาแน่นที่สุด

ร้านขนมสายไหมได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม มีแถวต่อยาวเหยียด เยี่ยหวันหวั่นวิ่งเข้าไปต่อในแถว ไม่ทันไรก็ถูกเบียดเข้าไปอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มและคู่รัก

แววตาลึกล้ำของซือเยี่ยหานจ้องมองหญิงสาวท่ามกลางผู้คน ผ่านไปครู่หนึ่งก็ลุกยืนขึ้นช้าๆ…

เยี่ยหวันหวั่นกำลังเขย่งมองด้านหน้าว่ายังมีคนต่อแถวอยู่อีกเท่าไหร่ ด้านข้างก็พลันมีเงาทาบทับ

เธอหันไปมองตามสัญชาตญาณ พบว่าเป็นซือเยี่ยหานที่ไม่รู้ว่าเดินมาตั้งแต่เมื่อไหร่

“เอ๋? มีอะไรเหรอ ทำไมเดินมาตรงนี้ล่ะ?” เยี่ยหวันหวั่นถามอย่างไม่เข้าใจ คิดว่าซือเยี่ยหานเดินมาหาเพราะมีอะไรจะคุยกับเธอ

ซือเยี่ยหานรับป๊อปคอร์นและโค้กในมือเธอมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ไปนั่งตรงนั้นไป”

“ฮะ?” เยี่ยหวันหวั่นยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายที่ซือเยี่ยหานต้องการจะสื่อ

ซือเยี่ยหานบอก “ฉันต่อแถวเอง”

เยี่ยหวันหวั่นกะพริบตาปริบๆ แล้วกะพริบตาปริบๆ อีกครั้ง ความเหลือเชื่อฉายชัดอยู่เต็มใบหน้า

ซือเยี่ยหานผู้เย็นชาสูงส่งไม่แตะอาหารของชาวบ้านธรรมดา คิดไม่ถึงว่าจะมี…ช่วงเวลาติดดินแบบนี้กับเขาด้วย…

รู้ด้วยว่าเรื่องแบบนี้ควรจะเป็นหน้าที่ของแฟนหนุ่ม…

ครู่หนึ่งกว่าเยี่ยหวันหวั่นจะรู้สึกตัว รีบเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรหรอก ให้ฉันต่อเองดีกว่า! คุณไปนั่งพักเถอะ!”

“ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ซือเยี่ยหานยืนกราน

เยี่ยหวันหวั่นจนปัญญา ได้แต่ดึงแขนของเขาไว้ “งั้นพวกเราต่อแถวด้วยกัน!”

ครั้งนี้ ซือเยี่ยหานไม่พูดสิ่งใดแล้ว

ในที่สุดก็ต่อแถวมาจนถึงคิวพวกเขา เยี่ยหวันหวั่นซื้อขนมสายไหมรูปดอกไม้เจ็ดสีขนาดใหญ่มาไม้หนึ่ง

ซือเยี่ยหานมองขนาดของขนมหวานที่ใหญ่กว่าหน้าคนไม้นั้นพลางถาม “กินหมดเหรอ?”

เฮ้อ เมื่อกี้เพิ่งจะพูดว่าเขาติดดินอยู่เลย…

เยี่ยหวันหวั่นอธิบายอย่างช่วยไม่ได้ “สบายใจได้ กินหมดแน่นอนค่ะ นี่คือขนมสายไหม ทั้งนิ่มทั้งโปร่ง เข้าปากก็ละลายแล้ว แค่ดูใหญ่เท่านั้นเอง!”

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ ก็รับขนมสายไหมเดินจากไปภายใต้สายตาของสาวพนักงานร้านที่แอบมองซือเยี่ยหานอย่างเคลิบเคลิ้มอยู่ตลอด

“รีบกินสักคำคุณก็รู้แล้ว!” เยี่ยหวันหวั่นเฝ้ารอจังหวะป้ายขนมสายไหมที่ริมฝีปากของซือเยี่ยหาน

ซือเยี่ยหานขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่อาจรับของประหลาดๆ ชิ้นนี้ได้

เยี่ยหวันหวั่นเห็นเขาไม่ขยับเสียที จึงอ้าปากกว้างงับเข้าที่อีกฝั่งไปคำใหญ่อย่างทนไม่ไหว “หือ หวานมากเลย!”

ตอนนี้เองซือเยี่ยหานถึงเขยิบเข้ามาชิมไปนิดหน่อย จริงด้วย ละลายทันทีที่เข้าปาก เป็นรสชาติแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยลิ้มลอง

เยี่ยหวันหวั่นซักไซ้อย่างคาดหวัง “เป็นไงบ้าง หวานไหม?”

ซือเยี่ยหานมองดวงตาเจิดจ้าของหญิงสาว “อื้ม”

กินขนมสายไหมเสร็จแล้ว หนังก็เริ่มฉายพอดี ทั้งสองลุกขึ้นไปต่อแถวเข้าโรง

เยี่ยหวันหวั่นแนะนำซือเยี่ยหานที่อยู่ข้างกายอย่างตื่นเต้นว่า “หนังเรื่องนี้มีเฉียวเข่อซินเป็นนักแสดงนำ เฉียวเข่อซินเป็นราชินีจอเงินรางวัลจินหลานในปีนี้เชียวนะ ยังไงก็ต้องดูสักหน่อย…”

พูดถึงตรงนี้ เยี่ยหวันหวั่นพลันนึกขึ้นได้ว่าอีกสามวันจะเป็นพิธีประกาศรางวัลจินหลาน ในเวลานี้ของชาตินี้ยังไม่มีข่าวประกาศออกมา จึงรีบเอ่ยต่อไปว่า “แค่กๆๆ ฉันได้ยินข่าววงในมาน่ะ ว่ากันว่านักแสดงหญิงยอดเยี่ยมที่ได้รางวัลจินหลานต้องเป็นเฉียวเข่อซินแน่ ไม่รู้ว่าจริงหรือหลอก ยังไงซะฉันคิดว่าคุณภาพของหนังเรื่องนี้ก็ไม่เลว…”

เฮ้อ เกือบหลุดปากไปแล้ว…

…………………………………………………………….