บทที่ 396 ซื้อรถ
บทที่ 396 ซื้อรถ
หลี่หรงถูกหยุดอยู่ข้างนอกบริษัท ใบหน้าของหญิงสาวฉายแววสิ้นหวังอย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว
ด้วยความสิ้นหวัง เธอจึงโทรเรียกพี่เขยให้มารับ
พออวี้ฮ่าวหรานได้ยินอย่างนั้น เขาจึงต่อสายตรงไปยังแผนกรักษาความปลอดภัยทันที
ไม่นาน หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยก็มีสีหน้าประหลาดใจ
“ขออภัยที่พวกเราจำคุณหนูรองไม่ได้ครับ”
พนักงานส่วนใหญ่รู้ว่าบริษัทนี้เคยเป็นของตระกูลหลี่ แต่ตอนนี้ตกเป็นของอวี้ฮ่าวหรานซึ่งมีฐานะเป็นลูกเขยตระกูลหลี่แล้ว
หญิงสาวที่พวกเขาเพิ่งเคยพบหน้าเป็นครั้งแรกคือคุณหนูรองตระกูลหลี่
“ไม่เป็นไร พวกนายต้องทำตามกฎอยู่แล้ว”
หลี่หรงไม่ถือสา แถมยังรู้สึกว่าความมุ่งมั่นของพวกเขาทำให้ผู้คนที่มาทำธุระที่นี่รู้สึกสบายใจ
ตอนนี้เธอกำลังคิดอย่างหนักว่าจะตั้งกฎบริษัทแบบนี้ดีไหม
ฟังดูเข้าท่า…
ไม่นานเธอก็มาถึงห้องประชุม ซึ่งขณะนี้การประชุมยังคงดำเนินต่อไป
“ผมว่ามันเป็นโอกาสที่ดี บริษัทของเราจะเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ความต้องการในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องยนต์มีไม่มาก”
หลังจากอวี้ฮ่าวหรานพูดจบ ผู้บริหารระดับสูงทั้งหลายต่างแสดงสีหน้าครุ่นคิด
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการทั่วไปหวังก็ยืนขึ้น
“อย่าห่วงเลยครับ ทุกคนเห็นความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์ของท่านประธานอวี้แล้ว ผมเชื่อว่าท่านประธานตัดสินใจถูกต้องแล้วครับ”
พูดจบ ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
ใช่แล้ว การเติบโตของบริษัทตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคน
“แต่…ท้ายที่สุดมันก็คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แล้วพวกเราก็ไม่ค่อยรู้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจนี้เลยนะครับ ถึงมันจะได้กำไรมากมาย แต่เงินลงทุนก็มากไปด้วยเช่นกัน ถ้าบังเอิญว่า…”
“ผมรู้ว่าคุณกังวล แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เท่านี้ผมรู้เมื่อเดือนนี้บริษัทในเครือทำรายได้มากกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวน ในเมื่อเรามีความมั่นคงแล้ว มันก็ไม่เสียหายที่จะลอง…”
อวี้ฮ่าวหรานลุกยืนขึ้นแล้วพูดอย่างมั่นใจ
ด้านนอกหน้าต่างห้องประชุม หลี่หรงมองรูปร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ข้างในห้อง หัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
ทำไมเธอถึงประหม่าขนาดนี้ล่ะ? เขาทั้งฉลาดและมีไหวพริบในการบริหารธุรกิจ
เธอคิดทบทวนอยู่หลายครั้งว่าถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พี่เขย เธออาจจะ…
ไม่ช้า…การประชุมก็จบลง
ในการลงความเห็นครั้งสุดท้าย ข้อเสนอของอวี้ฮ่าวหรานได้รับความเห็นชอบถึง 95%
เพียงแค่นี้ปัญหาก็คลี่คลาย!
หลังจากเวลาผ่านไปพักหนึ่ง ภายในออฟฟิศประธานบริษัท หลี่หรงนอนแผ่หลาอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ
“พี่เขย โซฟานุ่มจังเลย”
เธอนอนอยู่บนโซฟาด้วยท่วงท่าที่สบายที่สุด จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“ฮ่า ๆ ถ้าเธอชอบ พรุ่งนี้พี่จะให้คนส่งไปให้ที่บริษัท”
มุมปากของอวี้ฮ่าวหรานกระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางเกียจคร้านและน่าหลงใหลของอีกฝ่าย
ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้จะทำตัวสบายทุกทีที่อยู่ต่อหน้าเขา
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูออฟฟิศก็ดังขึ้น
หลี่จิงเทียนผู้ที่รอคอยเวลานี้มาเนิ่นนานเดินเข้ามา
“น้องเล็ก…มา มาถึงแล้วสินะ”
เมื่อเห็นหลี่หรงที่นอนอยู่บนโซฟา เขาก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เพราะเมื่อก่อนทั้งสองคนไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากเท่าที่ควร
“อือ”
หลี่หรงยันกายลุกขึ้นนั่ง ก่อนตอบอย่างไม่แยแส
“มาก็ดีแล้ว ๆ”
หลี่จิงเทียนไม่ได้สนใจคำตอบของอีกฝ่ายมากเท่าไหร่
พี่ชายและน้องสาวพบหน้ากันอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันเป็นเวลานาน แม้บรรยากาศจะคุกรุ่นก็ตาม
ภายในออฟฟิศอบอวลไปด้วยความอึดอัดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดอวี้ฮ่าวหรานก็ลุกยืนขึ้น
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
หลี่หรงลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว
“พี่เขย พี่จะซื้อรถให้พี่รองจริง ๆ เหรอ?”
เธอรู้สึกสับสนอย่างมาก เพราะทั้งสองคนไม่เคยญาติดีกันแบบนี้มาก่อน
พี่ชายคนรองของเธอเคยทำผิดพลาดมาก่อน ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเขาทำให้คนรอบข้างผิดหวังมากี่ครั้งแล้ว
“ฮ่า ๆ ช่วงนี้เขาทำตัวดีขึ้นมาก”
อวี้ฮ่าวหรานหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่ได้พูดอะไรมาก ทั้งสองคนเดินลงบันไดไป ก่อนที่หลี่หรงจะแยกทางไปรับถวนถวน
หลังจากขึ้นรถ หลี่จิงเทียนก็ชอบการตกแต่งภายในรถอย่างมาก
“พี่เขย พี่…พี่จะซื้อรถรุ่นนี้ให้ผมจริงเหรอ?”
“อาจจะซื้อก็ได้ ถ้าหลี่หรงเห็นด้วย”
อวี้ฮ่าวหรานพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
หลี่จิงเทียนมองภายในรถอย่างกระตือรือร้น และเมื่อได้ยินคำตอบของพี่เขย เขาจึงหันมองน้องสาวทันที
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาที่ตัวเอง หลี่หรงที่นั่งอยู่บนเบาะหลังจึงมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าทางเคร่งขรึม
มันไม่ง่ายเลยที่จะยกโทษให้เขา!
“คุณน้าโกรธใครอยู่เหรอคะ?”
พอเห็นแบบนั้น ถวนถวนจึงถามด้วยความสงสัย
ด้วยกลัวว่าน้องสาวจะโกรธกว่าเดิม หลี่จิงเทียนจึงปฏิเสธทันควัน ก่อนแสดงสีหน้าดีใจอย่างรวดเร็ว
“โอ้ ๆ ไม่… ไม่ใช่สักหน่อย ถวนถวนเข้าใจผิดแล้ว”
เขากลัวว่าน้องสาวจะโกรธแล้วไม่ยกโทษให้ตัวเอง หลี่จิงเทียนจึงพูดเกลี้ยกล่อมเธอตลอดทาง
เมื่อเห็นอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานจึงเหยียบคันเร่งแล้วขับรถออกจากบริษัทฮ่าวหรานกรุ๊ปอย่างรวดเร็ว
จุดหมายปลายทางคือโชว์รูมโฟร์เอสของหลิวเทียนอี้
ถ้าให้อีกฝ่ายช่วยเลี้ยงสุนัข ในอนาคตก็จะไม่มีปัญหาเรื่องผลประโยชน์เล็กน้อย
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถสปอร์ตคันงามก็จอดสนิท
หลี่จิงเทียนอยากจะกระโดดลงรถแล้วเดินเข้าไปในโชว์รูมโฟร์เอสจนแทบทนไม่ไหว
เขาเบื่อรถฮอนด้าคันนั้นอย่างมาก แถมยังถูกเพื่อน ๆ เยาะเย้ยอีกด้วย
มันทำให้เขาเข้าร่วมสังคมคนรวยรุ่นสองไม่ได้ หลี่หรงจงใจลงจากรถช้ากว่าเขาหนึ่งก้าว
“พี่เขย ทำไมพี่รองถึงเชื่อฟังขนาดนี้? เมื่อก่อนเราต้องทะเลาะกันทุก ๆ สามนาทีด้วยซ้ำ”
หลังจากหลี่จิงเทียนเดินห่างออกไป เธอก็อดถามไม่ได้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีทางที่คนรวยรุ่นสองผู้หยิ่งยโสแบบเขาจะเป็นฝ่ายขอโทษเธอก่อน
อวี้ฮ่าวหรานก้าวลงจากรถเช่นกัน เขามองแผ่นหลังหลี่จิงเทียนที่เดินอยู่ข้างหน้าขณะที่มุมปากกระตุกเล็กน้อย
“ฮ่า ๆ เป็นเพราะพ่อเธอตามใจเขาจนเสียคน ดังนั้นจะต้องมีคนคอยดูแลไม่ให้เขานอกลู่นอกทาง”
หลี่หรงตกตะลึงทันทีที่ได้ยิน
“พี่เขยพูดถูก พี่สั่งสอนเขาหลายครั้งแล้วนี่ และครั้งล่าสุดก็เป็นครั้งที่หนักที่สุดเพราะพี่ส่งเขาเข้าไปใช้ชีวิตในคุก”
เธอไม่เคยลืมความใจอ่อนของหลี่ชงซาน
“พ่อของฉันใจอ่อนเกินไป พ่อไม่เคยดุด่าหรือขัดใจพี่รองเลย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เสียคนอย่างนี้…พี่เขยเจ๋งที่สุด”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า
“เอาล่ะ เข้าไปข้างในแล้วเลือกรถให้พี่รองของเธอกันเถอะ”
“ฮึ่ม! ถ้าฉันบอกว่ารถฮอนด้าคันเก่าของพ่อยังใช้ได้ เขาคงไม่ต้องฝันสูงอยากได้รถราคาแพงเหมือนตอนนี้”
หลี่หรงลังเลเล็กน้อย เธอไม่ชอบนิสัยของพี่ชายคนรองจริง ๆ
ถึงปากจะบ่น แต่เธอก็ยังเดินเข้าไปข้างในโชว์รูมอยู่ดี
ไม่นานทั้งสามคนก็อยู่ในโชว์รูมโฟร์เอส
ขณะนี้หลิวเทียนอี้กำลังเดินตรวจความเรียบร้อยภายในโชว์รูม เมื่อสังเกตเห็นคนคนหนึ่ง ท่าทางของเขาจึงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
สำหรับเขาแล้ว นี่คือการมาถึงของเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง!
“ท่านประธานอวี้! คุณให้เกียรติมาที่นี่ แต่ผมกลับไม่ได้ต้อนรับท่านอย่างเหมาะสม ถ้ารู้ล่วงหน้า ผมจะออกไปต้อนรับด้วยตัวเองเลยครับ…”