บทที่ 397 แข่งรถ

บทที่ 397 แข่งรถ

เมื่อรู้ว่าเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งมาเยือน หลิวเทียนอี้จึงแสดงท่าทีประจบประแจง

การกระทำนี้ทำให้อวี้ฮ่าวหรานขยะแขยงอย่างมาก

“โอ้! พวกเรามาซื้อรถครับ”

หลังจากถูกขัดจังหวะ เขาก็รู้สึกไม่พอใจทันที

“ครับ ๆ ผมจะพาคุณไปดูรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งส่งมาถึงเลยครับ!”

ใบหน้าของหลิวเทียนอี้ฉายแววประจบสอพลอกว่าเดิม ถ้าอีกฝ่ายมีหางเหมือนสุนัข หางของเขาคงส่ายไปมาเร็วกว่าพัดลมไฟฟ้าซะอีก

ไม่นานคนทั้งกลุ่มก็เดินไปยังรถหรูที่จอดเรียงกัน

“รถสปอร์ตคันนี้เป็นรถรุ่นล่าสุดของยี่ห้อมาเซราติที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้ว ในประเทศของเรามีเพียงไม่กี่คันเท่านั้น ขับแล้วมีสง่าราศีแน่นอนครับ…”

ทันทีที่เดินเข้าใกล้รถสปอร์ตคันหรู หลิวเทียนอี้ก็อยากจะแนะนำจนทนไม่ไหว

ถึงนิสัยของเขาจะน่ารังเกียจ แต่การนำเสนอรถยนต์กลับมีความเป็นมืออาชีพมาก

“สวย สวยมาก… พี่เขย”

หลี่จิงเทียนมองสำรวจรถสปอร์ตยี่ห้อมาเซราติสีแดงด้วยสายตาตื่นเต้น แต่ก็ทำได้แค่นั้น ก่อนหันมองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสายตาเว้าวอน

อวี้ฮ่าวหรานหันมองหลี่หรงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาขี้เล่น

“เธอว่าเราควรซื้อคันนี้ดีไหม?”

พอเขาพูดจบ หลี่จิงเทียนก็หันมองน้องสาวด้วยความกระตือรือร้นทันที

“น้องเล็ก…พี่…พี่สัญญา! พี่จะไม่ทำให้เธอผิดหวังอีก!”

ขณะพูดอยู่นั้น เขาก็ไขว้นิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าด้วยกัน

ท่าทางของเขาตลกสุด ๆ

หลี่หรงจ้องมองรถอย่างเงียบ ๆ จากนั้นหันมองทั้งสองคนด้วยสายตาไม่พอใจ

“ตามใจ!”

เธอตอบเพียงคำเดียว ในที่สุดเธอก็ไม่คัดค้านอีกต่อไป

อวี้ฮ่าวหรานรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร เขาจึงจ่ายเงินค่ารถสปอร์ตมาเซราติรุ่นใหม่ล่าสุดเต็มจำนวน

รถคันนี้มีราคากว่าแปดล้านเก้าแสนหยวน ซึ่งราคาถูกกว่ารถของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่สำหรับอวี้ฮ่าวหรานแล้ว เงินจำนวนแค่นี้ไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงหรอก

“เยี่ยม เยี่ยมมาก!”

หลี่จิงเทียนตื่นเต้นอย่างมาก เขาเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งข้างในทันที

เนื่องจากหลิวเทียนอี้เป็นคนจัดการเรื่องเอกสาร ขั้นตอนทั้งหมดจึงถูกดำเนินการอย่างรวดเร็ว

ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลี่จิงเทียนขับรถสปอร์ตคันงามออกจากโชว์รูมโฟร์เอส

“พี่เขย! เป็นยังไงบ้าง?”

เขาลงจากรถแล้วถามอวี้ฮ่าวหรานอย่างตื่นเต้น

“ตัวรถสีแดงสวยมาก! สวยกว่ารถฉันซะอีก”

ขณะเดียวกัน จู่ ๆ รถสปอร์ตสีดำคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาในลานจอดรถอย่างรวดเร็ว!

รถแล่นเข้ามาในลานจอดรถโดยที่ความเร็วไม่ลดลงแม้แต่น้อย!

รถสปอร์ตสีดำพุ่งเข้าหาหลี่จิงเทียนราวกับจงใจ ชั่วขณะที่กำลังจะชนเขา คนขับรถก็หักพวงมาลัยอย่างกะทันหันทำให้รถดริฟท์ไปด้านข้าง

ใบหน้าของหลี่จิงเทียนซีดขาว เขาเซถอยหลังสองสามก้าวด้วยความตกใจ ถ้าคนขับรถไม่หักพวงมาลัย เขาต้องตายไปแล้วแน่ ๆ!

แม้แต่อวี้ฮ่าวหรานยังหันไปมองรถสปอร์ตสีดำด้วยความสนใจ

ชายหนุ่มสามคนก้าวลงจากรถคันนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีอายุยี่สิบต้น ๆ

คนที่ก้าวลงจากฝั่งคนขับเป็นชายหนุ่มย้อมผมสีบลอนด์

เห็นได้ชัดว่าเขาดูแลเอาใจใส่เส้นผมสีบลอนด์อย่างดี และด้วยสันกรามที่คมชัด ใบหน้าของเขาจึงดูหล่อเหลาขึ้นเล็กน้อย

พอลงจากรถ สายตาของเขาก็จับจ้องหลี่จิงเทียนที่กำลังหน้าซีดเพราะความกลัว

“เอ๊ะ! นายน้อยหลี่นี่นา? ทำไมบังเอิญอย่างนี้? แกกลัวจนฉี่รดกางเกงเลยเหรอเนี่ย!”

ชายหนุ่มแสดงสีหน้าเหยียดหยามขณะพูดเยาะเย้ย

“ฮ่า ๆ ขี้ขลาดชะมัด ฉันคิดว่าแกจะกลัวจนฉี่ราดซะอีก!”

“นายน้อยหลี่ ฝีมือการขับรถของพวกเราขั้นเทพ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกชนหรอก”

ดูเหมือนว่าชายหนุ่มอีกสองคนรู้จักหลี่จิงเทียนเช่นกัน พวกเขาต่างพูดเสียดสีอีกฝ่ายไม่หยุดปาก

หลี่จิงเทียนยังคงตกตะลึง หลังจากรวบรวมสติได้แล้ว เขาก็รู้สึกอับอายปนโกรธเคืองทันที

“เหอหมิงอวี้! แกกล้าชนฉันเหรอ! ถ้าแกชนจริง ๆ ตระกูลหลี่จะไม่ปล่อยไว้แน่!”

เขาไม่สามารถระงับอารมณ์ได้อีกต่อไปจึงตวาดอย่างโกรธจัด

ถึงอย่างนั้นเหอเส้าที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามยังคงหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลก

“ฮ่า ๆ ตระกูลหลี่เหรอ? ฉันกลัวจนตัวสั่นเลยล่ะ! อย่าลืมว่าแกขายบริษัทไปแล้ว ตอนนี้เทียบอะไรกับฉันได้บ้างล่ะ?”

พอได้ยินอย่างนั้น คนที่เหลือจึงระเบิดหัวเราะ

“นายน้อยหลี่ รถฮอนด้าเศษเหล็กของแกอยู่ไหนแล้วล่ะ? ขับมาจอดตรงนี้ให้พวกฉันล้อเลียนหน่อยสิ”

“ฮ่า ๆ พวกเรากำลังจะไปแข่งรถ แกขึ้นไปนั่งเบาะหลังสิ”

สีหน้าของหลี่จิงเทียนมืดมนทันทีที่ได้ยินมุกตลก

อีกด้านหนึ่ง อวี้ฮ่าวหรานเข้าใจแล้วว่าทำไมคนรวยรุ่นสองถึงกล้าขอร้องให้เขาซื้อรถให้

เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้อยู่ในแวดวงสังคมคนรวยรุ่นสอง

หลี่จิงเทียนไม่ยอมให้อีกฝ่ายพูดเสียดสีอีกต่อไป

ตอนนี้เขาไม่ได้ขับรถฮอนด้าคันนั้นแล้ว เขาจึงมั่นใจกว่าเดิมเล็กน้อย

“ฮึ่ม! พวกแกเอาแต่หัวเราะเยาะ แต่ไม่ได้สังเกตเลยว่านายน้อยอย่างฉันขับรถคันไหน! ทีนี้ยังจะกล้าเอารถคันละสามล้านมาเทียบกับรถของฉันอีกเหรอ?”

เขาตอบโต้แล้วแค่นเสียงด้วยความเหยียดหยาม ก่อนหันไปตบกระโปรงรถสปอร์ตสีแดงที่เพิ่งซื้อเบา ๆ!

โครงสร้างภายนอกของรถสปอร์ตคันนี้เท่มาก แม้แต่คนที่ไม่เข้าใจเรื่องรถยนต์ยังมองออกว่ามันมีสมรรถภาพที่ดีมาก

แค่นี้ก็ชัดเจนแล้ว

“หือ? นี่…นี่คือรถมาเซราติรุ่นใหม่ล่าสุดไม่ใช่เหรอ?”

พวกเขามองหน้ากันและกันอย่างประหลาดใจ

“ฉันได้ยินมาว่าราคาสูงกว่าสิบล้าน แน่ใจนะว่ารถคันนี้เป็นของแก?”

พวกเขามองรถสปอร์ตที่อีกฝ่ายกำลังยืนพิงอยู่

หลี่จิงเทียนเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

“ฮึ ไอ้พวกลูกเต่า ถ้านายน้อยคนนี้อยากได้อะไรก็ต้องได้ ตอนนี้พวกแกยังจะล้อว่าฉันจนอีกไหม?”

เขาหัวเราะอย่างสบายใจ ทั้งสามคนจึงอดรู้สึกขุ่นเคืองไม่ได้

ผู้ชายคนนี้พูดมากน่ารำคาญที่สุด!

ถึงอย่างนั้นพวกเขารู้ดีว่ารถของตัวเองไม่สามารถเทียบกับรถของอีกฝ่ายได้ ในวัยนี้พวกเขายังไม่ได้รับมรดกจากพ่อแม่ รถสปอร์ตของพวกเขาจึงมีราคาเพียงสองสามล้านเท่านั้น

ด้วยราคาที่สูงลิบจึงมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถซื้อมันได้

“ฮ่า ๆ ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอ เด็กแบมือขอเงินพ่อแม่อย่างพวกแกกล้าดูถูกฉันเนี่ยนะ? ถุย!”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอึ้ง หลี่จิ่งเทียนก็แสดงสีหน้าภูมิใจพร้อมเชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง

จู่ ๆ เหอเส้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็โพล่งขึ้นด้วยความโมโห

“เฮอะ น่าเสียดายที่รถสมรรถภาพสูงขนาดนี้ตกเป็นของสวะ ไร้ประโยชน์จริง ๆ”

ทั้งสามมองหน้ากันด้วยสายตาเหยียดหยาม

“ต่อให้รถแพงแค่ไหน แต่ถ้าคนขับฝีมือห่วยแตกก็เป็นแค่เศษเหล็ก”

หลังจากอีกฝ่ายพูดจบ ใบหน้าของหลี่จิงเทียนจึงเจื่อนลงทันที

ทักษะการขับรถของเขา…แย่ที่สุด

เมื่อเห็นอย่างนั้น เหอเส้าก็ยิ่งแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ในแวดวงสังคมของพวกเขา ทักษะการขับรถคือเรื่องสำคัญที่สุด

“จริงสินายน้อยหลี่ พรุ่งนี้พวกเราจะไปแข่งรถ ในเมื่อแกซื้อรถคันใหม่แล้ว ทำไมไม่ไปแข่งด้วยกันล่ะ?”

พวกเขามองหลี่จิงเทียนด้วยสายดูถูกขณะพูดยั่วยุ