“หืม? “ซูฉิงอึ้งงง
เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าเขาทำท่าเย็นชายังโกรธเธออยู่หรอ คิดว่าเธออยู่กับเฉินจุนเหยียนด้วยกันทั้งคืนมั้ย
แล้วตอนนี้ไหนจะอยู่ดีๆ มาที่โรงแรม และยังทำท่าทางรักใคร่ ทำให้ซูฉิงแปลกใจมาก
“ฉันเอาอาหารเย็นมาให้เธอ และยังมีขนมจิ้งเกาที่เธอชอบกิน รีบกินเถอะ”ฮ่อหยุนเฉิงที่ตอนนี้เอากล่องอาหารไปวางไว้บนโต๊ะ “ถึงจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องกินข้าวเย็นนะ”
ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินซูฉิงบอกว่ายุ่งทั้งคืน จนไม่มีเวลากินข้าว ก็รู้สึกสงสาร
เดิมที ตนนั้นอยากจะทำอาหารที่ซูฉิงชอบด้วยตัวเองแล้วเอามาให้ แต่ก็กลัวจะเสียเวลาทำให้ซูฉิงรอนานจนหิว
ดังนั้นเขาเลยไปซื้ออาการที่ซูฉิงชอบกินและซื้อขนมจิ้งเกาด้วย
ซูฉิงได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกอบอุ่นใจ
ผู้ชายคนนี้มักจะทำเรื่องที่เธอคาดไม่ถึงและประหลาดใจ
เธอยื่นมือไปหยิบเอาขนมจิ้งเกาที่ทั้งอ่อนนุ่มและยังอร่อยเหมือนเดิม
“ยวี๋น่าเธอเป็นอะไรหรอ”ฮ่อหยุนเฉิงก้มมองดู ก็เห็นยวี๋น่าที่นอนหลับไปแล้ว เลิกคิ้วถาม
ซูฉิงพูดเสียงเบา “เธอกับแฟนของเธอเลิกกันแล้ว อารมณ์เลยไม่ดี”
“หืม?” ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้ว เท่าที่เขาจำได้ ยวี๋น่าเป็นผู้หญิงแข็งแกร่งคนหนึ่ง
ซูฉิงเลยเล่าเรื่องของยวี๋น่ากับอู๋เทียนเหอให้กับฮ่อหยุนเฉิงฟังคร่าวๆ
สุดท้าย เธอก็ถอนหายใจออกมา”ตอนมีความรักมักจะทำให้อ่อนแอจริงๆ อย่างเช่นยวี๋น่า สำหรับความรักครั้งนี้ของเธอก็ใช้เวลาตั้งห้าปี สุดท้ายแล้วก็เสียใจมากที่สุด”
“ซูฉิง “เห็นซูฉิงที่มีท่าทางหนักใจ มือใหญ่ของฮ่อหยุนเฉิงก็จับเข้าที่มือของซูฉิงแล้วก็พูดอย่างจริงจัง “เธอวางใจเถอะ ฉันจะต้องทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก และชีวิตนี้จะไม่รังแกเธอ!”
พอพูดจบฮ่อหยุนเฉิงก็ก้มหน้าลงมาประกบที่ริมฝีปากบางอมชมพูของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
ริมฝีปากของเธอยังคงหอมหวานนิ่มละมุนเหมือนเยลลี่น่าหลงใหลเหมือนเดิม
ริมฝีปากที่ประกบกันจนเกิดความรู้สึกเหมือนกับไฟช๊อต ทำให้ซูฉิงถึงกับตัวสั่น
“อย่าทำอย่างนี้ เดี๋ยวยวี๋น่าเห็นนะ”ซูฉิงหน้าแดง ยื่นมือออกไปผลักฮ่อหยุนเฉิงออกห่าง
ฮ่อหยุนเฉิงที่ยังไม่อยากหยุด “กลัวอะไร ถึงยังไงเธอก็หลับไปแล้ว”
“ไม่ได้ ถ้าหากเธอตื่นขึ้นมาละ”ซูฉิงที่สูดลมหายใจเข้าปอด ถึงแม้เธอรู้ว่าตอนนี้ยวี๋น่าไม่อาจตื่นขึ้นมา แต่ก็รู้สึกละอายแก่ใจ”
เธอไม่ชอบที่จะแสดงความรักกับฮ่อหยุนเฉิงต่อหน้าคนอื่น
“ซูฉิง ฉันคิดถึงเธอจริงๆ นะ ตอนนี้ไม่อยากจะแยกกับเธอเลย “ฮ่อหยุนเฉิงที่เอาคางมาเกยที่หน้าผากของซูฉิง “พวกเรารีบจัดงานหมั้นกันเถอะ!”
“อืม “ซูฉิงส่งเสียงตอบ “รอให้จัดการเรื่องของถังรั่วอิงเรียบร้อยแล้ว ก็น่าจะไม่มีอะไรแล้ว”
“แต่ตอนนี้ฉันรอไม่ได้แล้ว “ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้วพูด
ซูฉิงอมยิ้ม “นายเหมือนจะไม่ใช่คนที่ไม่ไม่มีความอดทนนะ”
ซูฉิงที่ทั้งพูดทั้งลุกขึ้นยืน”เอาละ นายควรจะกลับไปดูถังถังของนายได้แล้ว ขอบคุณนายสำหรับอาหารเย็นนะ”
ฮ่อหยุนเฉิงทำหน้าเศร้าลงไป
ผู้หญิงคนนี้อยากผลักไสให้เขาไปหาผู้หญิงอื่นอีกหรอ
แม้จะเป็นการแสดงละคร เธอก็ไม่หึงเลยรึไง
ซูฉิงที่เห็นฮ่อหยุนเฉิงเงียบไม่พูดไม่จา ก็ผลักเขาออกไปจากห้อง
คืนนี้ซูฉิงนั่งอยู่ที่หัวเตียงของยวี๋น่า เพื่ออยู่เป็นเพื่อนของเธอ
เช้าวันต่อมา ยวี๋น่าตื่นแล้ว ก็รู้สึกปวดหัวมาก
พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นซูฉิง
“ซูฉิง ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่ละ”ยวี๋น่านวดขมับ แล้วทำหน้าสงสัย
“เธอตื่นแล้วหรอ เมื่อคืนเธอเมาหนักมาก ฉันเลยมาสั่งเธอที่โรงแรม “ซูฉิงพูดอย่างเป็นห่วง
พอนึกถึงเรื่องเมื่อวาน ยวี๋น่าก็หน้านิ่งสลดลงไป
เธอเม้มปาก แล้วถึงเอ่ยปาก”เมื่อวานอู๋เทียนเหอโทรมาหาฉัน บอกว่าจะเลิกกับฉัน”
“ทำไม”ซูฉิงถามต่อ
“เขาบอกว่าเขารักผู้หญิงอื่น “ยวี๋น่าที่พูดออกมาอย่างลำบาก ตอนนี้ม่านตาพร่าด้วยน้ำตา
เธอสืบจมูก “แต่ว่าฉันไม่เชื่อ เขาเคยบอกว่าจะรักฉันชั่วชีวิต ทำไมอยู่ๆ บอกว่ารักผู้หญิงคนอื่นละ จะต้องมีสาเหตุอื่นแน่ ฉันจะไปหาเขา ฉันจะต้องถามให้รู้เรื่อง”
“แต่ว่าเธอรู้หรอว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน “ซูฉิงคิ้วขมวดถาม
ยวี๋น่าส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง
“งั้นเอาอย่างนี้ ฉันให้แอนโธนี่สืบดูก่อน” ซูฉิงที่เห็นเพื่อนรักมีท่าทางสิ้นหวังก็รู้สึกสงสาร
เดิมทีซูฉิงก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมยวี๋น่าถึงได้ยึดติดกับความรักครั้งนี้
แต่ว่านับตั้งแต่ที่ตนมีความรักกับฮ่อหยุนเฉิงแล้ว ซูฉิงก็เข้าใจว่ารักคนคนหนึ่ง ก็มักจะทุ่มเททั้งหมดให้เขา
บางทีความรักก็เป็นอย่างนี้ เพราะว่าคนที่รักถึงได้มีความสุข และก็เพราะว่าเขาถึงได้เสียใจ
“ขอบคุณเธอนะซูฉิง”ยวี๋น่ารู้สึกซึ้งใจ
“ไม่ต้องกังวลแล้ว รอให้เจอเขา พวกเธอก็ค่อยคุยกันดีๆ พวกเธอคบกันมาตั้งหลายปี ถ้าหากว่าเขารักคนอื่นจริงๆ ทรยศเธอจริง เลิกกันตั้งแต่ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ดีกว่ามาเสียใจภายหลัง”ซูฉิงพูดปลอบ
ยวี๋น่าที่คิดตามพร้อมกับพยักหน้า
บ้านตระกูลสวี
สวีหว่านเอ๋อร์อ่านข่าวในโลกออนไลน์ที่มีแต่ข่าวฉาวของซูฉิงก็ยิ้มอย่างพอใจ
“หว่านเอ๋อร์ ตอนนี้ชื่อเสียงซูฉิงก็เสียหายแล้ว ฮ่อหยุนเฉิงคงจะไม่ชอบเธออีกแล้ว “ไป๋หลานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดประจบ
“แล้วยังไง “สงีหว่านเอ๋อร์วางโทรศัพท์ลงอย่างแรง “แม้ไม่มีซูฉิง ก็ยังมีถังรั่วอิง”
ไม่ว่าจะเป็นซูฉิงหรือถังรั่วอิง สำหรับสวีหว่านเอ๋อร์แล้ว ล้วนถือเป็นก้างชิ้นใหญ่
ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ คนนี้ก็เป็นรักแรกของฮ่อหยุนเฉิง อีกคนก็เป็นคู่หมั้นของฮ่อหยุนเฉิง แม้ตอนนี้ทั้งสองคนจะทะเลาะกัน แต่ว่าเธอก็จะนั่งรอได้ประโยชน์ไม่ได้
ตอนนี้สวีหว่านเอ๋อร์ทนรอไม่ไหวแล้ว เธออยากจะได้ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างฮ่อหยุนเฉิงแล้ว
แต่ว่าฮ่อหยุนเฉิงก็ทำตัวเย็นชาทำตัวห่างเหินกับเธอ แม้แต่หางตาก็ไม่แลมองเธอ
สวีหว่านเอ๋อร์ยังคิดที่จะใช้เข้าทางแม่ฮ่อ อยากจะได้ใจของแม่ฮ่อ แล้วเข้าไปใกล้ชิดกับฮ่อหยุนเฉิง
แต่ว่าตอนนี้ ฮ่อหยุนเฉิงกับแม่ฮ่อมีเรื่องทะเลาะกันจนมองหน้ากันไม่ติด ได้ยินว่าแม่ฮ่อถูกฮ่อหยุนเฉิงกักบริเวณ เส้นทางนี้ไม่ราบรื่นแล้ว
“หว่านเอ๋อร์ เธอทนอีกหน่อย ตอนนี้ฮ่อหยุนเฉิงกับซูฉิงก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องของถังรั่วอิง และถังรั่วอิงก็ป่วยไม่รู้จะอยู่มีชีวิตอยู่ได้ถึงวันไหน รอให้ถึงตอนนั้น……..”
ไป๋หลานพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกสวีหว่านเอ๋อร์พูดแทรกขึ้นอย่างหมดความอดทน”รอ รอ รอ เธอจะให้ฉันรอไปถึงเมื่อไหร่! หากต้องรออีก ฮ่อหยุนเฉิงคงจะไปแต่งงานกับคนอื่นแล้ว!
เธออย่าลืมยัยผู้หญิงแพศยาอย่างซูฉิงนั่นนะ แม้จะทะเลาะกับฮ่อหยุนเฉิง ไม่แน่ผ่านไปไม่กี่วันเธอก็มาอ่อยเขาอีก! และยังมีถังรั่วอิงนั่น ใครจะรู้ว่าป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายจริงรึเปล่า ถ้าหากว่าไม่ตายละ”
ไป๋หลานที่เห็นสวีหว่านเอ๋อร์โมโหก็พูดอย่างระมัดระวัง”หว่านเอ๋อร์ ความหมายของเธอก็คือ……”