ภาคที่สาม มิต้อง ตีกรับ ร่ำสุรา จากจอกทอง ตอนที่ 75-2 ข้ามองออกหมดแล้ว!

ยอดสตรีฉางอิ๋ง ภาคที่ 2-3

องครักษ์พากันว่า “คุณหนูใหญ่มีฐานะสูงส่งเพียงใด จะยอมให้บุตรชาย ตระกูลใหญ่ผู้หนึ่งมาหมายปองได้หรือขอรับ? ต้องขอให้คุณชายออกคำสั่งให้พวกเราไปจับเจ้าหมอนี่มา แล้วให้คุณชายจัดการเขาให้หนักๆ สักหนขอรับ! เพื่อมิให้เจ้าหมอนี่เห็นว่าบ้านเราไม่ถือสาแล้วกลับทำการตามใจ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป จะทำให้ชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่เสื่อมเสียเอานะขอรับ!”

ตามอุปนิสัยของซ่งไจ้เจียงแล้ว หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ เขาก็จะไม่ยอมขัดแย้งกับผู้ใด แต่เมื่อเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของน้องสาว …ยิ่งไปกว่านั้นซ่งไจ้เจียงก็รู้ว่าที่บอกว่าตนเองเห็นน้องสาวอารมณ์ไม่ดีจึงพานางออกจากบ้านมาผ่อนคลายหลายๆ ครั้งมานี้ ล้วนเป็นเพราะซ่งไจ้สุ่ยขอร้องให้เขามาเป็นเกราะกำบังตอนที่นางมาพบและหารือกับเว่ยซินหย่ง เมื่อครู่นี้ซ่งไจ้เจียงก็เพิ่งเตือนน้องสาววันหน้าอย่าทำเช่นนี้อีก เมื่อยามนี้ได้ยินว่าสองครั้งก่อนจางลั่วหนิงล้วนปรากฏตัวทั้งก่อนหลังยามพวกเขาพี่น้องออกไปข้างนอก เขาจึงอดจะร้อนตัวขึ้นมาไม่ได้

พอเขาร้อนตัวก็คิดไปถึงว่า “คงมิใช่ว่าจางลั่วหนิงรู้เรื่องที่น้องหญิงมาพบหน้า ท่านอาหกเว่ย? แม้พวกเขาทั้งสองคนก็มิได้มีสัมพันธ์ใดเป็นการส่วนตัว ทว่าท่านอาหกเว่ยไม่ยอมรับการทาบทามของท่านพ่อ จึงไม่อาจมาที่จวนเสนาบดีตรวจการได้บ่อยครั้ง และน้องหญิงก็เป็นกังวลเกี่ยวกับลูกผู้น้องเว่ย จึงมักต้องไปสอบถามข่าวคราวเอากับเขา และทำได้เพียงไปพบข้างนอก …แต่ท่านอาหกเว่ยยังหนุ่ม รูปงามโดดเด่น หากให้คนล่วงรู้เรื่องนี้ก็จะต้องมีคำพูดไม่น่าฟังแพร่ออกไปเป็นแน่!”

ชื่อเสียงของสตรีมีค่าดังทอง ยิ่งเป็นผู้ที่มีฐานะสูงส่งด้วยแล้ว เมื่อถูกผู้คนพูดจาส่งเดชสักหน แม้ภายหลังจะกลบข่าวลือได้สำเร็จก็ใช่ว่าจะไม่ถูกคนเอาไปพูดในทางเสื่อมเสียอีก โดยเฉพาะเรื่องที่ซ่งไจ้สุ่ยทำสองสามครั้งมานี้ก็ไม่อาจอธิบายได้ชัดแจ้งด้วย ซ่งไจ้เจียงคิดในใจว่า “วิธีที่ดีที่สุดในยามนี้ อันดับแรกก็คือยัดเยียดข้อหาว่า จางลั่วหนิงผู้นี้หมายปองน้องหญิง เมื่อเขามีความผิดนี้แล้ว วันหน้าไม่ว่าเขาจะพูดสิ่งใด คนอื่นก็จะล้วนคิดว่าเป็นเพราะเขาเกี้ยวพาน้องหญิงไม่สำเร็จ จึงอับอายจนกลายเป็นโทสะ แล้วสร้างเรื่องป้ายสีน้องหญิง!”

เขาแอบรู้สึกยินดีว่าตัวจางลั่วหนิงเองก็มิได้เป็นคนดีเพียบพร้อมอันใด หากแต่เป็นผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้จนเป็นที่รู้กันทั่วเมือง เมื่อยัดเยียดข้อหานี้ให้เขาก็เหมาะเจาะเสียยิ่งนัก

เมื่อพี่น้องตระกูลซ่งตกลงแผนการไว้ดังนี้แล้ว ครึ่งเค่อจากนั้น ซ่งไจ้เจียงแบ่งคนครึ่งหนึ่งส่งน้องสาวกลับไปก่อน ส่วนตนเองก็ไปสืบถามเอาความกับจางลั่วหนิงที่ตรอกเล็กๆ

เป็นดังที่ซ่งไจ้เจียงคาดไว้จริงๆ แต่ต้นจนจบเป็นตายเช่นใดจางลั่วหนิงก็ไม่ยอมรับว่าตนเองแอบตามซ่งไจ้สุ่ย

จนเมื่อซ่งไจ้เจียงยิ้มเย็นพลางถามเขาว่า “คุณชายใหญ่จางบอกว่าท่านบังเอิญเดินตามหลังพวกเราพี่น้อง เช่นนั้นก็ขอถามคุณชายใหญ่จางว่า สองวันก่อน ห้าวันก่อน เก้าวันก่อน ที่ข้าพาน้องสาวออกมาพักผ่อนสามครานี้ คุณชายใหญ่จางล้วนบังเอิญเช่นนี้ทุกครั้งเลยหรือ?”

เมื่อจางลั่วหนิงได้ฟังสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันใด แม้เขาจะไม่ปฏิเสธอีก แต่ก็ไม่ยอมรับอยู่ดี

ซ่งไจ้เจียงเค้นถามเขาสักพัก ด้วยเป็นห่วงว่าจะส่งผลต่อชื่อเสียงของน้องสาวของตนและกลัวว่าหากไม่ยอมอ่อนข้อแล้วเกิดเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาก็จะไม่เป็นการดี พลันส่งสัญญาณให้บ่าวผลักจางลั่วหนิงออกไป ให้เขาเจ็บตัวสักหน่อย ตักเตือนไปอีกสองสามคำ แล้วจึงจากไป

เมื่อกลับมาที่จวนซ่ง ซ่งไจ้สุ่ยกำลังรอถามเขาว่าเรื่องเป็นเช่นใด เมื่อรู้ว่าเป็นตายอย่างไรจางลั่วหนิงก็ไม่ยอมรับเรื่องที่เขาคอยติดตามนาง ซ่งไจ้สุ่ยก็มิได้รู้สึกเกินคาดอันใด กลับยิ้มเยาะพลางว่า “เรื่องเช่นนี้ ขอเพียงเขาไม่ได้โง่เง่าไร้สมองก็จะต้องไม่ยอมรับแน่ เพียงแต่พี่ชายรองท่านก็ใจดีเกินไปแล้ว เหตุใดเพียงให้คนลงโทษเขาเพียงน้อยนิด? ควรจัดการเขาไปหนักๆ สักหลายๆ หนจึงจะดี!”

ซ่งไจ้เจียงบอกว่า “ข้าเองก็ไม่พอใจที่เขาทำเช่นนี้ เพียงแต่เกรงว่าหากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ภายหลังก็ส่งผลกระทบต่อเจ้า”

“ข้ามิได้พูดถึงเรื่องที่เขามาติดตามข้า ข้ากำลังพูดถึงว่าเขามีจุดประสงค์อื่นต่างหาก!” ซ่งไจ้สุ่ยเอ่ย “พี่ชายรองเจ้าคะ ท่านออกไปข้างนอกกับข้าสองสามครั้งมานี้ ก็คงรู้แล้วว่าข้าพูดเรื่องใดกับเว่ยซินหย่ง จางลั่วหนิงเป็นถึงบุตรชายตระกูลจาง มารดาของหลิวรั่วเหยียนั่นมิใช่เป็นบุตรีตระกูลจางหรอกหรือ? เมื่อนับไปแล้วนางก็เป็นท่านอาแท้ๆ ของจางลั่วหนิง! ข้าสงสัยว่าเขาจะช่วยจางเสากวงมาคอยจับตาดูพวกเรา!”

แม้ซ่งไจ้เจียงจะอยู่ด้วยทุกครั้งตอนที่ซ่งไจ้สุ่ยสนทนากับเว่ยซินหย่ง มีหลายครั้งที่ล้วนอยู่ในห้องส่วนตัวชั้นนอกเช่นในคราวนี้ …ด้วยความที่เขาเป็นคนใจอ่อน ไม่ชอบการกระทบกระทั่ง ทว่าทุกครั้งที่เว่ยซินหย่งและซ่งไจ้สุ่ยพบกันล้วนต้องกระทบกระทั่งกันคราวหนึ่งจะได้สิ่งที่แต่ละฝ่ายต้องการ ซ่งไจ้เจียงคอยอยู่ด้วยสองครั้งก็รู้ไม่ชอบใจ จึงหลบเลี่ยงออกไปเสียเลย

ทว่าเขากลับเข้าใจเรื่องของเว่ยฉางเจวียนอย่างแจ่มแจ้ง นั่นเพราะหากไม่ระวังเรื่องนี้ก็จะทำให้เกิดเรื่องใหญ่โตตามมาได้ เมื่อได้ยินคำในยามนี้ก็ตกตะลึงขึ้นมาน้อยๆ “แต่เหตุใดจางลั่วหนิงต้องมาด้วยตนเอง?”

ซ่งไจ้สุ่ยบอกว่า “เมื่อครู่นี้เว่ยซินหย่งเตือนข้าว่าสองสามครามานี้จางลั่วหนิงล้วนตามข้ามา บอกมาคำหนึ่งว่าโดยส่วนตัวแล้วจางลั่วหนิงสนิทกับเสิ่นจั้งเฟิงเป็นอย่างมาก”

“น้องหญิงหมายความว่า?” ซ่งไจ้เจียงขมวดคิ้วแน่น

“เว่ยฉางเจวียนถูกหลิวรั่วเหยียทำร้าย จึงตกอยู่ในมือองค์รัชทายาทได้” ซ่งไจ้สุ่ยกลับมาถึงบ้านก่อนก็ไตร่ตรองทุกสิ่งอีกรอบ เวลานี้จึงคาดเดาไว้ประการหนึ่งว่า “คนผู้นี้ไม่ถูกกับฉางอิ๋งมาโดยตลอด ประเด็นนี้ทุกบ้านในเมืองหลวงล้วนได้ยินกันมาทั้งนั้น จางเสากวงนั่นเป็นถึงมารดาของหลิวรั่วเหยีย หากเรื่องที่หลิวรั่วเหยียทำถูกเปิดโปง พวกนางแม่ลูกย่อมไม่อาจอยู่เป็นสุขได้ เพื่อผลักภาระนี้ให้พ้นตัว ตระกูลหลิวก็จะต้องบอกว่าเป็นตระกูลจางอบรมบุตรีมาไม่ดี ตระกูลจางเป็นเพียงตระกูลใหญ่ ชั้นตระกูลไม่ทัดเทียมตระกูลหลิว เพียงไม่ทันระวังตัวก็จะถูกตระกูลหลิวผลักไสออกมาเป็นแพะรับบาป จางลั่วหนิงเป็นถึงบุตรชายจากภรรยาเอกของตระกูลจาง แล้วจะไม่คำนึงถึงวงศ์ตระกูลของตนได้อย่างไร? เขากับเสิ่นจั้งเฟิงสนิทสนมกันไม่เลว บางทีเขาอาจคิดอาศัยเสิ่นจั้งเฟิงเพื่อจะได้ขอความเห็นใจจากฉางอิ๋งก็เป็นได้? อย่างไรเสียทุกคนก็ล้วนรู้ว่าแม้ฉางอิ๋งจะออกเรือนแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นมุกในมือของท่านย่ารองของเราอยู่ดี!”

ซ่งไจ้เจียงไตร่ตรองไปมา บอกว่า “หากเป็นดังนี้ เขาจะมาตามเจ้าทำสิ่งใด?” มิใช่ว่าควรหาทางเขียนจดหมายไปซีเหลียงหรอกรึ…

“เสิ่นจั้งเฟิงและฉางอิ๋งก็มิใช่คนโง่ ความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ส่วนความสัมพันธ์ส่วนตัว เรื่องใหญ่เช่นนี้ จางลั่วหนิงจะมีหน้าไปขอร้องได้ที่ใด เพียงจดหมายฉบับเดียวก็ขอให้พวกเขาไปขอร้องตระกูลของตนว่าอย่าได้เอาความกับเรื่องนี้ได้แล้วหรือ?” ซ่งไจ้สุ่ยเอ่ยอย่างดูแคลน “สองสามครั้งมานี้ ข้าขอให้พี่ชายรองออกไปพบเว่ยซินหย่งข้างนอกด้วยกันและล้วนอยู่ภายในเมืองหลวงทั้งสิ้น เมืองหลวงก็ใหญ่โตเพียงเท่านี้ ข้าคิดว่าคงมีสักครั้งหนึ่งบังเอิญถูกจางลั่วหนิงพบเห็นเข้า บางทีเขาอาจเกิดความสงสัย หรืออาจหวังว่าจะจับผิดเรื่องใดได้บ้าง เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ตอนที่เขียนจดหมายไปขอร้องก็จะได้นำเรื่องที่จับผิดได้นี้ไปข่มขู่ฉางอิ๋ง ให้ฉางอิ๋งไม่อาจไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของเขาเพื่อช่วยปกป้องชื่อเสียงของข้า!”

ลูกไม้ตื้นๆ เพียงนี้ก็คิดจะมาตบตาคุณหนูที่เป็นอดีตว่าที่พระชายาองค์รัชทายาทและถูกบ่มเพาะมาให้เป็นฮองเฮาในอนาคตมาแต่เล็กเช่นข้าเช่นนั้นรึ? ซ่งไจ้สุ่ยบอกกับพี่ชายรองไปอย่างใจเย็น “วันหน้าข้าจะไม่ไปพบกับเว่ยซินหย่งด้วยตนเองอีก ต้องรบกวนพี่ชายรองไปถ่ายทอดคำพูดให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ เพียงแต่พี่ชายรองจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นอีกสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นคำพูดใดล้วนห้ามให้ผู้อื่นล่วงรู้โดยเด็ดขาด แม้จะเป็นทางพี่สะใภ้รองก็ต้องควรจะปิดไว้เป็นดีเจ้าค่ะ …ส่วนเรื่องของ จางลั่วหนิงผู้นี้ ข้าจะเขียนจดหมายไปหาฉางอิ๋งในทันที! ปีนั้นจางเสากวงแม่ลูกก็เคยวางแผนเล่นงานฉางอิ๋งมาก่อน ต่อให้จางลั่วหนิงผู้นี้เป็นพี่น้องร่วมสาบานของเสิ่นจั้งเฟิง จางเสากวงแม่ลูกก็อย่างหวังจะอาศัยเขาแล้วหนีไปอย่างลอยนวลเสียให้ยากเลย!”