ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 206 คลังวรยุทธ์ชั้นสี่

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอมองบรรดาฝูงชนวัยเยาว์เบื้องหน้า ไม่ได้กล่าวอะไรต่อไป

มีบางเรื่อง หากทำเลยเถิดเท่ากับไปไม่ถึงไหน กลับจะทำให้พวกเขารู้เรื่องราวมากยิ่งขึ้น น่าจะทำลายความกระตือรือร้นและความมั่นใจของพวกเขาไปเสียด้วยซ้ำ

พอถึงการฝึกฝนของระดับปรมาจารย์ นอกจากขั้นจิตราชั้นในระยะกลางและขั้นจิตราชั้นนอกระยะต้นแล้ว แม้ว่าความได้เปรียบในด้านเลือดลมและเนื้อหนังมังสาของอิงหลงถูจะยังคงเห็นได้ชัด ทว่าไม่ได้ฝืนฟ้าอะไรเช่นนั้นอีกต่อไป

หลังจากประสบผลสำเร็จระดับปรมาจารย์แล้ว ความได้เปรียบในด้านเลือดลมและเนื้อหนังมังสาของอิงหลงถู จะแสดงออกในด้านการต่อสู้จริงเป็นส่วนใหญ่ ความเร็วในการฝึกฝนประจำวัน ไม่น่าตื่นตะลึงอะไรเช่นนั้นอีกต่อไป

ถึงกระนั้น ร่างจิตนภา นอกจากโลหิตดุจมังกรดุจหัตถีแล้ว ยังมีลักษณะเด่นในความคิดอันปราดเปรียว ปฏิกิริยาโต้ตอบฉับไวอีกด้วย

ด่านหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่ระดับปรมาจารย์ขั้นจิตราชั้นนอกจะเข้าปะทะระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภา ฝึกปราณจิตราจนปรากฏสติปัญญา ด่านนี้ที่จอมยุทธ์จะเกิดแรงบันดาลใจและตระหนักรู้ สำหรับหลงถูแล้วก็ง่ายดายกว่าคนทั่วไปมากเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ข้อได้เปรียบข้อนี้ ในการฝึกฝนภายหลัง รวมไปถึงระดับขั้นที่สูงยิ่งขึ้น จะเกิดผลกระทบลึกซึ้งและยาวนานอยู่ตลอด

ตัวเยี่ยนจ้าวเกอเองก็ปรับแก้จุดอ่อน เสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายตนเองตลอดเวลา ผ่านจังหวะโอกาสและวิธีการหลากหลายรูปแบบในกระบวนการฝึกฝนยามปกติ

ซึ่งฝึกกายเพชรจนถึงขั้นสุดเฉกเช่นสือเถี่ย ร่างกายยิ่งประดุจเพชรเคลือบสีก็ไม่ปาน พลังป้องกันร่างกายเหนือกว่าจอมยุทธ์ทั่วไปเป็นอย่างมาก

สถานการณ์คล้ายคลึงยังมีอีกไม่น้อย เพียงแต่ล้วนเป็นการฝึกฝนจนประสบผลสำเร็จในภายหลัง ไม่เหมือนเช่นอิงหลงถู ที่เป็นมีพรสวรรค์เป็นต้นทุน

เยี่ยนจ้าวเกอมองฝูงชนพลางกล่าว “พรสวรรค์ดี นั่นหมายความว่าจุดเริ่มต้นอยู่สูง แต่ไม่อาจตัดสินผลสำเร็จในท้ายที่สุดได้ ที่สุดแล้วทั้งหมดทั้งมวลนี้ยังคงต้องพึ่งตนเอง”

“ความคิดหลงถูไม่ซับซ้อน มุ่งมั่นศึกษาหมั่นเพียรฝึกฝน แท้จริงแล้วผู้คนรอบข้างไม่จำเป็นต้องพะวักพะวนมากไปกว่านี้”

“ตรงกันข้ามคือทุกๆ คน ยิ่งอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งจะระงับสภาวะจิตใจไว้” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเฉยเมย “ไม่กลัวว่าพรสวรรค์ของคนอื่นจะดีกว่าเจ้า แต่กลัวคนที่พรสวรรค์ดีกว่าเจ้า แล้วพยายามมากกว่าเจ้า”

“จุดเริ่มต้นล้าหลังกว่าแล้ว ในระหว่างไล่ตามให้ทันไม่ออกแรงให้มากขึ้น จะไล่ตามคนที่นำหน้าอยู่ได้อย่างไร?”

ชายหนุ่มปรบมือเบาๆ “เช่นนั้นก็ทำได้เพียงแค่หวังให้ผู้ที่นำหน้าตนอยู่ล้มลงเท่านั้น เรื่องที่พิงโชคล้วนๆ เช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่าพึ่งได้อย่างนั้นหรือ?”

บรรดาศิษย์อ่อนอาวุโสล้วนรู้สึกตื่นตัวอยู่ภายในใจ เมื่อได้รับการสั่งสอนอย่างเข้มงวด “ขอบคุณศิษย์พี่เยี่ยนที่ชี้แนะ ข้ารอคอยที่จะตั้งใจฝึกฝน”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันศีรษะกลับไปมองเฟิงอวิ๋นเซิงแวบหนึ่ง

เท่าที่เขารู้ หญิงสาวเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของผู้ไล่ตามแล้ว

คนบ้าระห่ำฝึกฝนอย่างสือเถี่ยและฟู่เอินซูเช่นนั้น ต่างก็ชมเชยนางมากยิ่งขึ้น

พรสวรรค์ของนางสุดยอดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ด้วยการมุมานะพากเพียร พลังฝึกปรือจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่ดึงดูดสายตาเหมือนเช่นอิงหลงถูกขนาดนั้นก็ตาม ทว่าก็ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงเพราะนางด้วยเช่นกัน

เฟิงอวิ๋นเซิงกลับมีสีหน้าเหมือนเช่นปกติ มองดูเหล่าฝูงชนศิษย์วัยเยาว์พลางยิ้มน้อย กระนั้นครั้นนางสบสายตากับเยี่ยนจ้าวเกอวูบหนึ่ง พวกเขาต่างก็ถอนใจไร้สุ้มเสียง

ถึงแม้ว่าหลักการปลุกใจของเยี่ยนจ้าวเกอจะไม่เลว กระนั้นเหล่าผู้วัยเยาว์คนอื่นคิดอยากจะไล่อิงหลงถูให้ทัน ความยากยังคงมากมายยิ่ง

ในโลกที่อารยธรรมวิทยายุทธ์เจริญงอกงามขึ้น ความได้เปรียบเฉพาะตัวอันแก่กล้า หลายต่อหลายครั้งไม่ใช่เรื่องที่ปริมาณจะสามารถชดเชยได้

ไม่ใช่เพียงแค่อิทธิพลดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหก เช่นสำนักเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นขุมกำลังชั้นหนึ่งหรือสอง หรือกระทั่งต่ำกว่านั้นอีก ล้วนจะพยายามอบรมบ่มเพาะผู้สืบทอดที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างสุดกำลัง

ทรัพยากรสุดท้าย จัดให้คนกลุ่มน้อยเป็นสิทธิพิเศษตลอดเวลา นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

ด้วยเหตุนี้จึงสร้างสถานการณ์ที่ยอดฝีมือยิ่งแข็งแกร่งได้ง่ายอย่างมาก

ข้อมูลที่เยี่ยนจ้าวเกอล่วงรู้นั้น มากเสียยิ่งกว่าเฟิงอวิ๋นเซิง

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่เยี่ยนจ้าวเกอรับรู้ พิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนของเขากว่างเฉิง เดิมเหลือใช้ได้เพียงสามครั้ง หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเองและเฟิงอวิ๋นเซิงได้รับพิธีชำระล้าง ปัจจุบันเหลือใช้ได้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ซึ่งพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนครั้งนี้ ปัจจุบันเป็นไปได้อย่างน้อยแปดส่วนที่จะตกเป็นของอิงหลงถู

ส่วนลู่เวิ่น ศิษย์สืบทอดหลักเขากว่างเฉิงเช่นเดียวกันกับเยี่ยนจ้าวเกอ ผู้ที่เฝ้านึกถึงพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนมาโดยตลอด เกรงว่าความหวังของเขาจะสูญสลายไปโดยสิ้นเชิงเสียแล้ว

นี่ยุติธรรมสำหรับลู่เวิ่นหรือไม่? ถ้าหากเขาล้วนแกร่งกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง และอิงหลงถูทั้งสามคน เช่นนั้นก็ต้องไม่ยุติธรรมอย่างแน่นอน

ถึงกระนั้นหากพลังแอบแฝงและความสามารถของเขาแสดงออกมาได้แกร่งกว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสามคนจริงๆ เช่นนั้นนอกจากสถานการณ์พิเศษของเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว โอกาสเกินกว่าครึ่งสามารถเบียดเยี่ยนจ้าวเกอหรือไม่ก็อิงหลงถูออกจากหนึ่งในนั้นคนหนึ่งได้

ในฐานะศิษย์สืบทอดหลักของฟางจุ่น ในเรื่องบำเหน็จสำคัญส่วนในของสำนักเช่นนี้ ต่อให้เผชิญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกอ บุตรชายคนเดียวของเยี่ยนตี๋ ลู่เวิ่นก็สามารถแข่งขันได้เช่นกัน

ที่น่าเสียดายก็คือ ต่อให้ไม่นับความพิเศษของเฟิงอวิ๋นเซิง หญิงสาวแห่งจันทรา เมื่อประจันหน้ากับพวกเยี่ยนจ้าวเกอทั้งสาม ลู่เวิ่นก็ไม่ได้เพียบพร้อมด้วยความได้เปรียบใดๆ เช่นกัน กลับจะจัดว่าตกเป็นรองเสียด้วยซ้ำไป

เยี่ยนจ้าวเกอและอิงหลงถูทยอยโผล่ออกติดต่อกัน นี่โจมตีผู้ที่ตั้งปณิธานอยู่ที่พิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนคนอื่นๆ อย่างรุนแรงยิ่งอย่างต่อเนื่อง

ถึงกระนั้น สำหรับลู่เวิ่นแล้ว แม้จะไม่มีอิงหลงถู เขาเองก็ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันของซือคงจิง

หลังจากก้าวเข้าสู่ระดับขั้นปรมาจารย์แล้ว ความเร็วในการพัฒนาของซือคงจิงก็น่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง จุดเด่นและพลังแอบแฝงล้วนเหนือกว่าลู่เวิ่นอยู่รางๆ

หากไม่ใช่เพราะอิงหลงถูปรากฏออกมาจากฟากฟ้าละก็ พิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนครั้งสุดท้ายนี้ ความหวังของซือคงจิงถึงขั้นมากกว่าลู่เวิ่นเสียอีก

เพียงแต่ว่าซือคงจิงคล้ายกับไม่ได้สนใจเรื่องนี้แต่อย่างใด

แม้ว่าจะถูกเยี่ยนจ้าวเกอโจมตีพ่ายแพ้ แต่การฝึกฝนของลู่เวิ่นก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าไม่พยายาม ไม่อาจกล่าวได้ว่าความสามารถและสติปัญญาไม่โดดเด่น

น่าเสียดายที่คลื่นลูกใหม่ย่อมพัดแรงกว่าคลื่นลูกเก่าเสมอ คลื่นลูกใหม่ที่พัดแรงยิ่งกว่าอีกระลอก ทำให้ลู่เวิ่นกลายเป็นตั่งวางชุดน้ำชาตัวหนึ่งที่จัดวางไปด้วยเครื่องชงชาจนเต็ม

ทุกคนล้วนดีเลิศอย่างยิ่ง แม้จะดีเลิศเหนือกว่าคนทั่วไปโข ทว่าในที่สุดแล้วทรัพยากรและโอกาสยังคงมีจำกัด ด้วยเหตุนี้จึงทำได้แค่เพียงคัดเลือกคนที่ดีเลิศยิ่งกว่าจากกลุ่มคนที่ดีเลิศอีกที

สำหรับแผนระยะยาวของสำนัก การอบรมบ่มเพาะของคนรุ่นหลัง สภาพแวดล้อมต้องเที่ยงธรรมและยุติธรรม ถึงกระนั้นไม่อาจทำให้เท่าเทียมได้เป็นแน่แท้

ใช้โลหะดีบนคมดาบ ไม่ว่าสำนักใดต่างก็ยึดในหลักการเดียวกัน

“พายเรือทวนน้ำ ไม่รุดหน้าก็ล้าหลัง” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวลาเฟิงอวิ๋นเซิง อิงหลงถู และคนอื่นๆ แล้วเดินขึ้นไปยังชั้นที่สูงกว่า

ปัจจุบันหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ชั้นสาม เยี่ยนจ้าวเกอสามารถเข้าออกได้ตามใจแล้วเช่นกัน

ได้รับอภิสิทธิ์ข้อนี้ในระดับขั้นปรมาจารย์ ตั้งแต่ทั่วทั้งสำนักเขากว่างเฉิงก่อตั้งเป็นต้นมา มีเพียงจ่านตงเก๋อผู้สะเทือนสวรรค์ในสมัยก่อน กับเยี่ยนตี๋บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอแค่สองคนเท่านั้นที่เคยได้รับ

นี่เป็นการยืนยันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในความสามารถและพรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ของศิษย์อ่อนอาวุโส เป็นตัวแทนความเชื่อใจและความคาดหวังของสำนัก

ในระดับหนึ่งแล้ว เรื่องอื่นล้วนไม่เอ่ยถึง เพียงแค่อภิสิทธิ์ข้อนี้เท่านั้น ก็สามารถแบ่งแยกเยี่ยนจ้าวเกอกับศิษย์สืบทอดหลักคนอื่นออกจากกันได้แล้ว

เรื่องที่ควรแก่การเอ่ยถึงก็คือ เทียบกับความอย่างไรก็ได้ในพิธีชำระล้างน้ำพุกิเลนแล้ว ซือคงจิงกลับอิจฉาบำเหน็จรายการนี้ที่เยี่ยนจ้าวเกอได้รับแทบแย่

หญิงสาวที่เย็นยะเยือกตลอดมา แสดงอารมณ์อิจฉาออกมาอย่างหาได้ยาก

สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ชั้นสามเดินเตร่อย่างช้าๆ ในภายหลังได้ สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากยิ่งกว่า ก็คือชั้นที่สี่ของหอคัมภีร์

เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจลึกคำหนึ่ง ก่อนจะยกเท้าก้าวขึ้นไปบนบันได

จากชั้นสามถึงชั้นสี่ เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าคล้ายกับผ่านสิ่งขวางกั้นอะไรบางอย่าง

ชั้นที่สี่ของหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ มีค่ายกลเดี่ยวเฝ้าป้องกันอยู่

ซึ่งผู้ควบคุมค่ายกลนี้ ก็คือชายชราที่นอนตะแคงงีบอยู่บนพื้นเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ

และก็เป็นผู้อาวุโสสูงสุดแห่งหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์สำนักเขากว่างเฉิงเช่นกัน

เขารู้จากหยวนเจิ้งเฟิงก่อนหน้านี้แล้วว่าเยี่ยนจ้าวเกอได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเดินวางมาดขึ้นบันไดมาเช่นนี้ คงโดนเขาอัดออกไปนานแล้ว

หลังจากที่เท้าทั้งสองของเยี่ยนจ้าวเกอเหยียบไปบนชั้นสี่ของหอคัมภีร์ ชายชราก็ลืมตาขึ้นมองดูเยี่ยนจ้าวเกออย่างสงบเงียบ

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ คารวะเขา “ท่านอาจารย์ลุง”

บางทีศิษย์อ่อนอาวุโสคนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เยี่ยนจ้าวเกอกลับรู้ชัดเจนถึงความไม่ธรรมดาของชายชราเบื้องหน้า

ในตอนนั้น ชายชราผู้นี้คือคนลงแข่งขันตำแหน่งเจ้าสำนักรุ่นนั้นกับหยวนเจิ้งเฟิง อาจารย์ปู่ของตนเอง

…………..