ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 207 ต้นกำเนิดกว่างเฉิง และเรื่องเล่าลือของวังเทพ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอสนทนาสัพเพเหระกับบิดาของตนโดยไม่ได้ใส่ใจนัก เยี่ยนตี๋เคยเอ่ยถึง ว่าด้วยระดับพลังฝึกปรือของเขาในตอนนี้ นอกจากหยวนเจิ้งเฟิงอาจารย์ของเขาแล้ว มีเพียงคนเดียวในทั่วทั้งเขากว่างเฉิงเท่านั้น ที่เขาไม่มีความมั่นใจที่จะสามารถเอาชนะอย่างเด็ดขาดได้

คนผู้นั้นก็คือซินตงผิง ผู้อาวุโสสูงสุดของหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ในปัจจุบัน ในอดีตแข่งขันชิงตำแหน่งเจ้าสำนักกับหยวนเจิ้งเฟิง

หลังเยี่ยนตี๋ใคร่ครวญอย่างจริงจังครู่หนึ่งแล้ว จึงอธิบายเสริมว่า เมื่อทอดสายตามองมหาปรมาจารย์ใต้หล้าทั้งหมด นอกจากหยวนเจิ้งเฟิงแล้ว ก็มีเพียงแค่ซินตงผิงเท่านั้น ที่เวลานี้เขาไม่มีความมั่นใจจะประมือด้วย

หลังจากตั้งแต่ซินตงผิงพ่ายแพ้ต่อการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักกับหยวนเจิ้งเฟิงในตอนนั้น เขาก็เก็บตัวฝึกปรืออยู่ที่เขากว่างเฉิงอย่างสันโดษ น้อยนักจะปรากฏตัว ถึงขั้นที่คนรุ่นเยาว์ของโลกแปดพิภพปัจจุบัน มีน้อยคนนักจะรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของเขาไปเสียแล้ว

แม้ว่าจะเป็นศิษย์อ่อนอาวุโสของสำนักเขากว่างเฉิงเอง ก็รู้เพียงแค่ว่าผู้อาวุโสสูงสุดซินแห่งหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์คือผู้อาวุโสสำนัก ซึ่งลำดับอาวุโสอยู่ในรุ่นเดียวกันกับเจ้าสำนักและผู้อาวุโสเก่าแก่ทั้งสองท่าน ทว่าน้อยคนนักจะล่วงรู้ว่าความจริงแล้วผู้อาวุโสซินท่านนี้เป็นคนอย่างไร

กระนั้นฐานะเดิมของเยี่ยนจ้าวเกอ กับระดับการได้รับการให้ความสำคัญภายในสำนักของเขาปัจจุบัน ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงข่าวสารที่คนลำดับอาวุโสเดียวกันจำนวนมากไม่เข้าใจ

อาทิ คนของสำนักเขากว่างเฉิงที่เชี่ยวชาญทั้งยอดวิชาแปดพิภพในตอนนี้ รวมทั้งเยี่ยนตี๋บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ ทั้งหมดมีสี่คน

นอกจากเยี่ยนตี๋แล้ว สามคนอื่นแบ่งออกเป็นหยวนเจิ้งเฟิง เจ้าสำนักยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งกว่างเฉิงในขณะนี้ อาจารย์ลุงสองของเยี่ยนจ้าวเกอ และซินตงผิงที่อยู่เบื้องหน้าตนบัดนี้!

สามสุดยอดวิชากว่างเฉิง ฟางจุ่นฝึกวิชากระบี่นภาไร้ขอบเขต เยี่ยนตี๋ฝึกวิชาดาบนภาไร้ขีดจำกัด ในระหว่างที่เสาะหาและสร้างสรรค์วิชาวรยุทธ์ที่เหมาะกับตนมากกว่า หยวนเจิ้งเฟิงฝึกฝนฝ่ามือนภากว่างเฉิงและวิชาดาบนภาไร้ขีดจำกัดด้วย

ส่วนซินตงผิง คือบุคคลเพียงคนเดียวที่ชำนาญวิชาลับสุดยอดกว่างเฉิงทั้งสองวิชา นอกเหนือจากหยวนเจิ้งเฟิง

วิชาวรยุทธ์ที่ฝึกฝนมากมาย ไม่ได้หมายความว่าพลังสู้รบจะแก่กล้ากว่าเสมอไป ทว่าทั้งสามสุดยอดวิชากว่างเฉิงล้วนฝึกฝนไม่ง่ายเลย การที่ซินตงผิงเทียบได้กับหยวนเจิ้งเฟิง นั่นพอที่จะอธิบายได้ถึงความไม่ธรรมดาของเขา

แม้ว่าปากจะไม่ยอมรับก็ตาม กระนั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นรวมทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ต่างก็ยอมรับกันเองว่าในระดับจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ เขากว่างเฉิงนั้นแกร่งที่สุดในแปดพิภพ

คนรุ่นเยาว์ไม่รู้จักซินตงผิง แต่คนรุ่นอาวุโสกลับจะไม่ลืมเลือนว่าเขากว่างเฉิงยังมีบุคคลชั้นยอดเช่นนี้อยู่

ถึงแม้ว่าพวกเขาต่างเล่าขานกันว่า ซินตงผิงพ่ายแพ้ในการแข่งขันแย่งชิงกับหยวนเจิ้งเฟิง ด้วยเหตุนี้จึงสูญเสียพลังอันฮึกเหิมกล้าหาญ ถึงขั้นที่ทิ้งความคิดคลาดเคลื่อนไว้ ยากที่จะมุ่งสู่ขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์

กระนั้นซินตงผิงอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์นี้ พลังความสามารถยังคงเพียบพร้อมไปด้วยพลังสยบที่ไม่ด้อยไปกว่าหยวนเจิ้งเฟิงเท่าใดเลย

ซินตงผิงยังคงนอนตะแคงอยู่บนพื้นชั้นสี่หอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ ไม่ได้ผุดกายลุกขึ้น

ทว่าดวงตาทั้งสองของเขาสังเกตเยี่ยนจ้าวเกออย่างจริงจังยิ่ง หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่จึงผงกศีรษะช้าๆ ทว่าก็ไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก เพียงเอ่ยถามโดยพลันว่า “เจ้าจะเลือกหนึ่งในสามสุดยอดวิชากว่างเฉิงเพื่อฝึกฝนตอนนี้ หรือรอให้สำเร็จระดับมหาปรมาจารย์เสียก่อน?”

ถ่ายทอดวิชาเอกพิสุทธิ์ครึ่งหลังแก่เยี่ยนจ้าวเกอ นี่เป็นเรื่องที่แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอได้รับอนุญาตให้ฝึกสามสุดยอดวิชา ก็เป็นเรื่องที่ยืนยันแน่นอนได้แล้วเช่นกัน ปัญหาหนึ่งเดียวอยู่ที่แค่เวลาช้าเร็วเท่านั้น

“ตอนนี้อยากลองๆ ดูก่อนขอรับ” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อยพลางตอบ “ข้าเลือกวิชาฝ่ามือนภากว่างเฉิง”

ซินตงผิงเองก็ไม่เอ่ยถามอะไรให้มากความ เขาผงกศีรษะทันที แล้วชี้นิ้วขึ้นไปข้างบน

เพดานชั้นสี่หอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ พลันส่องแสงอันโชติช่วงขึ้นมา

ภายในลำแสง ปรากฏเงาลวงออกมาสี่สาย สายหนึ่งอยู่กึ่งกลาง อีกสามสายกลายแยกเป็นด้านบนหนึ่งสาย และด้านล่างอีกสองสายแยกออกไปโดยรอบ

ชายหนุ่มมองดูอย่างละเอียด เงาลวงศูนย์กลางสายนั้น กลับเป็นม้วนตำราส่วนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือวิชาเอกพิสุทธิ์ครึ่งหลังที่มีการสืบต่อตกทอดมาของสำนักเขากว่างเฉิง

บริเวณม้วนตำราโดยรอบ มีสิ่งของสามสิ่งลอยอยู่ แบ่งออกเป็นดาบเล่มหนึ่ง กระบี่เล่มหนึ่ง และแท่นประทับหมึกชิ้นหนึ่ง

ในตอนที่สายตาเยี่ยนจ้าวเกอสบกับดาบเล่มนั้น เบื้องหน้าเขาคล้ายปรากฏชายผู้หนึ่งท่าทางฮึกเหิมทะมัดทะแมง พลังอำนาจไม่เป็นสองรองใคร พลังที่แผ่ออกมายิ่งใหญ่ประดุจท้องฟ้า

จ่านตงเก๋อ ผู้สะเทือนสวรรค์!

ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์สายเขากว่างเฉิง นับตั้งแต่เปิดเขาก่อตั้งสำนักมา ขณะเดียวกันหลังจากตั้งแต่วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่จนถึงปัจจุบัน เขานับเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในโลกแปดพิภพด้วยเช่นกัน

สิ่งที่ทำให้ผู้คนเหลือคณานับเสียดายก็คือ จ่านตงเก๋อผู้นี้ แท้จริงแล้วยังคงรุดหน้าสูงขึ้นฟ้าอย่างยิ่งใหญ่ หากไม่ล่วงลับไปก่อน ผู้ใดก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าในที่สุดแล้วเขาจะสามารถเดินไปได้สูงถึงเพียงไหน

ประจวบกับยามที่จ่านตงเก๋อรับตำแหน่งเจ้าสำนัก สำนักเขากว่างเฉิงก็บรรลุถึงช่วงเวลาที่รุ่งเรืองอย่างที่สุดในประวัติศาสตร์พอดี

จริงๆ แล้วก่อนหน้าจ่านตงเก๋อ เขากว่างเฉิงมีเพียงวิชาลับสุดยอดอย่างฝ่ามือนภากว่างเฉิงวิชาเดียว ที่ปฐมาจารย์ผู้ก่อตั้งถ่ายทอดมาเท่านั้น

จ่านตงเก๋อสร้างวิชาดาบนภาไร้ขีดจำกัดด้วยตนเอง เพิ่มพูนสุดยอดวิชาสายสำนักเขากว่างเฉิงขึ้นอีกวิชาหนึ่ง

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอมองไปทางอีกฟากหนึ่ง เส้นสายตาสบเข้ากับกระบี่เล่มนั้น ภาพฉากเบื้องหน้าพลิกเปลี่ยนไป ปรากฏเงาร่างของคนอีกคนหนึ่งขึ้น

รูปร่างหน้าตาของคนผู้นี้มีส่วนคล้ายคลึงกับจ่านตงเก๋ออยู่หลายส่วน ทว่าอุปนิสัยเฉพาะตัวเงียบสงบ ราวกับพื้นปฐพีที่สามารถรับน้ำหนักสรรพสิ่งได้ก็ไม่ปาน

จ่านซีโหลว บุรุษเทียมสวรรค์ น้องชายร่วมบิดามารดาของจ่านตงเก๋อ และก็เป็นเจ้าสำนักเขากว่างเฉิงหลังจากจ่านตงเก๋อด้วยเช่นกัน

ในตอนที่ผ่านสงครามขั้นเด็ดขาดกับโลกปีศาจอัคคีครั้งแรก ปราณดั้งเดิมของเขากว่างเฉิงเสียหายอย่างหนัก ตกลงจากจุดสูงสุดสู่จุดต่ำสุด ถึงแม้ว่าชายผู้นี้ที่ดูเหมือนจะสุขุมเยือกเย็นและเงียบสงบ ทว่าเขาก็นำพาเขากว่างเฉิงเดินผ่านเดือนปีที่มืดมนที่สุด จนรับแสงตะวันแรกอรุณโผล่พ้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

จากนั้นจ่านซีโหลวก็ตกเข้าสู่สงครามใหญ่กับปีศาจอัคคีอีกครา สู้รบจนสิ้นชีพอย่างอาจหาญสมศักดิ์ศรี เหมือนเช่นพี่ชายของเขา

นอกเหนือจากอุปนิสัยของจ่านซีโหลวแล้ว เส้นทางเดินวิชาวรยุทธ์ของเขาก็ไม่เหมือนกับจ่านตงเก๋อ พี่ชายของเขา เบิกเส้นทางอีกสายให้แก่เขากว่างเฉิง

วิชากระบี่นภาไร้ขอบเขตที่เขาสร้างขึ้น ถูกเรียกขานพร้อมกับวิชาฝ่ามือกว่างเฉิงและวิชาดาบนภาไร้ขีดจำกัด ว่าสามสุดยอดวิชากว่างเฉิง ขณะเดียวกันก็ถูกขนานนามพร้อมกับวิชากระบี่อีกสามวิชา ว่าเป็นสี่สุดยอดวิชากระบี่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกแปดพิภพปัจจุบัน

ผู้สะเทือนสวรรค์และบุรุษเทียมสวรรค์ หลังวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ในฐานะพี่น้องร่วมบิดามารดาที่มีสีสันในตำนานมากที่สุดในโลกแปดพิภพ ส่งผลกระทบต่อประวัติศาสตร์สำนักเขากว่างเฉิงอย่างลึกซึ้งและยาวไกล

ไม่เพียงแค่สะท้อนให้เห็นจากทั้งมวลที่พวกเขากระทำขณะมีชีวิตอยู่ คุณประโยชน์ที่พวกเขาทิ้งเอาไว้หลังล่วงลับไป ก็ส่องแสงโชติช่วงเนิ่นนานไม่ดับไปเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูท่วงท่าอันสง่างามของคนสมัยในโบราณ ก็รู้สึกปลงอนิจจังอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

ทว่าการเลือกวิชาลับในวันนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็มีเค้าโครงอยู่ในใจก่อนแล้ว ไม่เลือกวิชาดาบนภาไร้ขีดจำกัด และไม่เลือกวิชากระบี่นภาไร้ขอบเขตเช่นกัน เป้าหมายของตน อวิชาฝ่ามือนภากว่างเฉิง สุดยอดวิชาที่เก่าแก่ที่สุดของสำนัก

ใช่แล้ว สุดยอดวิชาที่เก่าแก่ที่สุด

บ่อเกิดของวิชาวรยุทธ์สายสำนักเขากว่างเฉิง ก็คือการเสริมเติมซึ่งกันและกันของวิชาเอกพิสุทธิ์กับวิชาฝ่ามือนภากว่างเฉิงนี้ ภายหลังวิชาวรยุทธ์อื่นๆ รวมทั้งยอดวิชาแปดพิภพ ล้วนสร้างขึ้นจากพื้นฐานนี้

ความเก่าแก่ไม่ใช่เหตุผลที่เยี่ยนจ้าวเกอเลือกวิชาฝ่ามือนภากว่างเฉิงแต่อย่างใด สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสนใจอย่างแท้จริงก็คือ วิชาฝ่ามือนภากว่างเฉิงมีเงาเลือนรางของการสืบทอดสายวิชาหยกกระจ่าง ในก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่อยู่หลายส่วน

ซึ่งวิชาเอกพิสุทธิ์นั้น ใกล้เคียงกับการสืบทอดของสายวิชาเอกพิสุทธิ์ในช่วงก่อนวิกฤตการณ์

ปฐมาจารย์ผู้ก่อตั้งสำนักเขากว่างเฉิง ชิวหยวน เฒ่าเบิกฟ้าขุดค้นเศษซากจากวิกฤตการณ์ใหญ่ ดำเนินการคิดทบทวนพัฒนาบนพื้นฐานนี้ ท้ายที่สุดกลายเป็นการสืบทอดวิชาวรยุทธ์สายกว่างเฉิงที่เก่าแก่ที่สุด

เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้างก็คือ ชิวหยวนผู้นี้นำแต่ละจุดของสายปราณบริสุทธิ์กับสายหยกกระจ่าง กระจายการสืบทอดออกแล้วทำการผสมผสานเข้าด้วยกัน

ทว่าปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะประเด็นสำคัญอยู่ที่ การสืบทอดสายวิชาหยกกระจ่างและปราณบริสุทธิ์ที่ชิวหยวนขุดค้นขึ้น ถึงแม้ว่าจะกระจายออกเป็นส่วนๆ กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็มีความมั่นใจเจ็ดแปดส่วนว่าจะเป็นการสืบทอดวิชา

นี่จึงทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสนอกสนใจอย่างยิ่งยวด

เนื่องด้วยก่อนวิกฤตการณ์ใหญ่ การสืบทอดวิชาเช่นนี้ มีเพียงวังเทพเท่านั้นที่มี คัมภีร์นภาไร้ขอบเขตที่เยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝน ก็มีต้นกำเนิดจากสายวิชาหยกกระจ่างนี้เช่นกัน

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอตกไปอยู่บนม้วนตำราและแท่นประทับหมึกนั่น แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เงาสะท้อน ทว่าก็ยังสามารถรู้สึกได้ถึงเจตนารมณ์อันเก่าแก่ได้อยู่หลายส่วน

‘วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในตอนนั้น หากข้าจำไม่ผิดละก็ แท้จริงแล้วไม่ได้กระทบกระเทือนไปทั้งฟ้าดินในขณะเดียวกันแต่อย่างใด แต่วังเทพเป็นหนังหน้าไฟต่างหาก…’ ในแววตาทั้งสองของเยี่ยนจ้าวเกอทอประกายวับวาบ

……………