เมื่อผู้ตัดสินประกาศเริ่มการประลอง มู่เฉียนซีก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าสุ่ยชิว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสุ่ยชิวที่มีพลังสูงกว่านางถึงสามขั้น การโจมตีของมู่เฉียนซีไม่ได้ผลแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีพยายามหลบหลีกการโจมตีของสุ่ยชิว แม้สุ่ยชิวจะไล่ล่าตามนางอย่างมุ่งมั่น
“มังกรวารีพิฆาต!”
มังกรวารีระเบิดพลังออกไปพร้อมกับเข็มยาที่เหมือนกับสายฟ้าฟาด
เจ้าสํานักสุ่ยอวิ๋นตะโกนว่า “ชิวเอ๋อร์ ระวังอาวุธลับด้วย!”
อาวุธลับก็เป็นอีกหนึ่งการโจมตี บนเวทีประลองนี้มิได้ห้ามไม่ให้ใช้อาวุธลับแต่อย่างใด
— แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง! —
เบื้องหน้าของสุ่ยชิว มีกําแพงวารีก่อตัวขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้
ขณะนั้นเอง ผู้ชมดูการต่อสู้สนทนากัน คนหนึ่งกล่าวขึ้น “สุ่ยชิวก็เป็นจอมภูตพลังธาตุวารี เกรงว่ามู่เฉียนซีอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
อีกคนกล่าวสำทับ “ใช่ ในเมื่อเป็นจอมภูตพลังธาตุเดียวกัน โอกาสชนะของนางถือว่าไม่มากนัก”
“สุ่ยชิวสามารถทําให้ผู้นำตระกูลมู่ตึงมือได้ ไม่เลวเลย” ฮั่วอู๋จี๋กล่าวขึ้น สายตายังคงจับจ้องมองมู่เฉียนซีที่กำลังต่อสู้
“โล่วิญญาณวารี!” มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชา พลังธาตุวารีห่อหุ้มร่างของนางไว้ ทําให้นางข้ามผ่านความอันตรายของปราณกระบี่ได้
“บุปผาหลั่งสายฝน!”
ธาตุวารีกลายเป็นลูกธนูที่พุ่งตรงเข้าใส่สุ่ยชิว และเข็มยาที่ผสมกับพลังธาตุวารียากที่จะแยกแยะได้
สุ่ยชิวรีบหลบหลีกทันที แต่เข็มยานั้นสามารถระเบิดเป็นเข็มยาย่อย ๆ ออกมามากขึ้นและพุ่งตรงมาที่เขาได้
ธาตุวารีเวลานี้ถูกใช้เป็นโล่ แต่เข็มยาเล่มหนึ่งกลับผ่านลําคอของเขาไป และสุ่ยชิวก็ต้องถอยหลังไปหลายก้าว
การโจมตีด้วยเข็มยานั้นทําให้ผู้คนประหลาดใจ “เข็มนั่นคืออาวุธลับอะไรกัน ? มันร้ายกาจอย่างมาก!”
“สาวน้อยผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก แต่หากไม่โดนจุดสําคัญ การโจมตีของนางก็ไม่เป็นผล”
ฮั่วอู๋จี๋ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พวกเขาช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
เข็มยาของผู้นำตระกูลมู่ ต่อให้เฉี่ยวถูกผิวหนังไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
เมื่อสุ่ยชิวคิดจะโจมตีมู่เฉียนซีรอบต่อไป ทันใดนั้นสุ่ยชิวก็พบว่าพลังวิญญาณบนร่างของตัวเองนั้นยากที่จะใช้งาน สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปซีดขาว เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
ทว่ามู่เฉียนซีได้ยิน นางยิ้ม กล่าวว่า “เพราะเจ้าถูกวางยาพิษอย่างไรเล่า” จากนั้นนางยกมือขึ้นเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “มังกรวารีพิฆาต!”
เขาไม่สามารถหยุดมู่เฉียนซีได้ เขาสูญเสียพลังวิญญาณไป ถูกกระบวนท่ามังกรวารีพิฆาตของมู่เฉียนซีโจมตีจนตกเวทีประลอง
สีหน้าของทุกผู้คนพลันเปลี่ยนไป “นางยังสามารถใช้ยาพิษได้อีกด้วยหรือ ?!”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็เข้าสู่การต่อสู้ครั้งที่สอง กับอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักชางเยี่ย
ความแข็งแกร่งของชางเจี๋ยไม่ได้สูงกว่าสุ่ยชิวสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังมู่เฉียนซีเป็นพิเศษ
“ดาบสวรรค์พิฆาต!” พลังธาตุวายุที่บ้าคลั่งพุ่งเข้ามา เขาต้องการที่จะเอาชนะมู่เฉียนซีด้วยความโกรธครั้งนี้เพียงครั้งเดียว
ทว่าทุกอย่างไม่ได้สวยงามอย่างที่เขาคิดเลย มู่เฉียนซีหลบการโจมตีของดาบของเขาด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบของนาง
กระบี่ยาวยังคงกวัดแกว่งต่อไป ในขณะที่กระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีก็ลงมือ!
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ชางเจี๋ยไม่กล้าสู้กับกระบี่ของมู่เฉียนซี เพราะเขาเคยเห็นพลังของกระบี่มังกรเพลิงของมู่เฉียนซีมาก่อน
“ผนึกมังกรวารี!”
“บุปผาหลั่งสายฝน!”
“วารีสะท้านสวรรค์!”
“มังกรวารีพิฆาต!”
กระบวนท่าทั้งสี่นี้แทบจะกระแทกออกไปในเวลาเดียวกัน ทุกผู้คนต่างแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
ไม่มีจอมภูตธาตุวารีคนใดกล้าใช้กระบวนท่าเช่นนี้อย่างไร้ยางอาย ไม่กลัวว่าพลังวิญญาณหลังจากการโจมตีจะไม่เพียงพอ!
ชางเจี๋ยกล่าวขึ้น “เจ้ามุทะลุเกินไปแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะยังมีพลังวิญญาณอยู่!”
ใช้พลังวิญญาณไปมากถึงเพียงนั้น ไม่ว่ายาเม็ดจะดีเพียงใดก็ไม่สามารถฟื้นฟูได้ในทันที ชางเจี๋ยจึงเตรียมที่จะไล่โจมตีมู่เฉียนซี ขณะที่เขากําลังเข้าใกล้นาง เข็มยานับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาล้อมรอบเขาจากทุกทิศทุกทาง เขาไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
มู่เฉียนซีมองเขา นางยิ้มหยอกเย้าพลางหัวเราะเยาะเย้ย “หึ ๆ เจ้าประมาทเกินไป ข้ายังมีแรงเหลืออยู่มากโข”
— ฉึก! —
เข็มยาหลายเข็มเจาะเข้าไปในผิวของเขาอย่างแม่นยํา
ชางเจี๋ยโกรธจนใบหน้าเครียดคล้ำ “เจ้า! ข้าจะจัดการเจ้า!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “โถ ๆ ๆ เจ้าคิดว่าข้ายังจะให้โอกาสนั้นกับเจ้าอีกรึ ?”
— ตึง! —
ยังไม่ทันที่ชางเจี๋ยจะลงมือ เขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างหมดสภาพ
เวลาสิบลมหายใจผ่านไป ชางเจี๋ยยังไม่ลุกขึ้น ผู้ตัดสินจึงประกาศว่ามู่เฉียนซีเป็นผู้ชนะ
จากนั้นรอบชิงชนะเลิศสุดท้ายของงานประลองระหว่างสํานักก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ผู้ตัดสินประกาศขึ้นว่า “มู่เฉียนซีแห่งสํานักเฟินเทียน พบกับ อีซือแห่งสำนักซวนปิง”
ในเจ็ดสํานักใหญ่ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คงเป็นศิษย์สตรีสองคนนี้ เหล่าบุรุษในที่นี้ต่างรู้สึกอับอายเล็กน้อย
ความแข็งแกร่งของหญิงสาวคู่นี้ทําให้คนอื่น ๆ กลายเป็นส่วนเสริมความโดดเด่นของพวกนาง
เมื่อมู่เฉียนซีก้าวขึ้นไปบนเวทีประลอง นางรู้สึกถึงดวงตาคู่หนึ่งที่แสนจะเย็นชากำลังจ้องมองมาที่นาง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้าประหนึ่งว่านางไปทำอะไรมิสมควรให้อีซือ
ทว่ามู่เฉียนซีไม่รู้เลยว่านางไปล่วงเกินศิษย์หญิงของสํานักซวนปิงในตอนใด การประลองที่ผ่านมา พวกนางไม่ได้พบกัน ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันแม้แต่น้อย
สองสตรียอดอัจฉริยะจากเจ็ดสํานักใหญ่เริ่มการประลอง
ความหนาวเย็นแผ่ซ่านกระจายไปทั่วเวทีประลอง มู่เฉียนซีเป็นคนเริ่มโจมตี “มังกรวารีพิฆาต!”
“วารีสะท้านสวรรค์!”
การโจมตีของมู่เฉียนซียังคงไม่ขาดสาย ทว่าทันใดนั้น กําแพงน้ำแข็งนับไม่ถ้วนก็ได้ปรากฏขึ้นข้าง ๆ ร่างของอีซือ มันปิดกั้นการโจมตีของมู่เฉียนซีทำให้อีซือปลอดภัย
อีซือกล่าวอย่างเย็นชา “หากการโจมตีของเจ้ามีดีเพียงแค่นี้ เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า!”
น้ำแข็งที่แหลมคมนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น มันกระจายออกเป็นชิ้นแหลมคมพุ่งตรงไปที่มู่เฉียนซี
“คนหนึ่งธาตุวารี อีกคนหนึ่งธาตุน้ำแข็ง คู่ประลองนี้สมน้ำสมเนื้อ ช่างน่าดูชมเสียจริง!” คนผู้หนึ่งกล่าวออกมาอย่างพึงพอใจ
อีซือที่อยู่บนเวทีประลอง นางมาในชุดสีขาว แววตาของนางแฝงไว้ด้วยความเย็นชาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
มู่เฉียนซีหลบน้ำแข็งที่พุ่งเข้ามา การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วราวกับสายลม
— ตูม! ตูม! —
สองสตรีเริ่มปะทะกัน ทําให้คนอื่น ๆ รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
พวกนางช่างแข็งแกร่งเสียนี่กระไร!
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
มู่เฉียนซีรู้สึกว่ามีน้ำแข็งนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหานางอย่างรวดเร็ว ทว่าจุดที่พุ่งมามิใช่ว่าเล็งจุดสําคัญที่จะทำให้นางต้องตาย แต่เล็งใบหน้าของนาง
หากน้ำแข็งนี้ทำให้ใบหน้าของนางมีบาดแผล นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าขัน!
สีหน้าของมู่เฉียนซีเย็นชาอย่างที่สุด นางติดตามอีซืออย่างไร้ซึ่งความแค้น ทว่าในใจพลันคิด ‘นางผู้นี้คิดจะลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ จะเอาเช่นนี้รึ ?! ได้!’
“มังกรวารีพิฆาต!”
มังกรวารีเย็นเยือกพุ่งออกไป พลังความเย็นของมังกรวารีอาจส่งผลต่อผู้อื่นได้ แต่สําหรับผู้ฝึกตนธาตุน้ำแข็งอย่างอีซือแล้ว มันกลับไม่เกิดผลกระทบเท่าไรนัก
อีซือสามารถหยุดการโจมตีของมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดาย
“นิมิตผลึกฝน!”
ลูกธนูน้ำแข็งที่แผ่กระจายอยู่กลางอากาศพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วกว่าฝนที่ตกลงมา มู่เฉียนซีเห็นท่าไม่ดี นางรีบดึงกระบี่มังกรเพลิงออกมา
— ฉ่า! —
เปลวเพลิงบนกระบี่มังกรเพลิงทําให้ลูกธนูน้ำแข็งบางดอกต้องละลายเมื่อเข้าใกล้มัน
ผู้คนรู้สึกงุนงง หลายคนถึงกับกล่าวออกมา “โอ้! ดูนั่น เป็นไปได้หรือไม่ว่ามู่เฉียนซีนางยังเป็นจอมภูตพลังธาตุอัคคีอีกด้วย ?”
“ไม่ นางมิใช่จอมภูตพลังธาตุอัคคี แต่กระบี่เล่มนั้นแปลกมาก มันมีธาตุอัคคี!”
เมื่อกระบี่มังกรเพลิงทําให้มู่เฉียนซีรู้สึกกดดันน้อยลง นางก็กวาดกระบี่ออกไป มุมปากของนางค่อย ๆ โค้งขึ้นเล็กน้อย “แม่สาวน้อยน้ำแข็ง เจ้าโจมตีข้าอย่างน่าพอใจ แต่ต่อไปก็ถึงคราวที่ข้าจะโจมตีเจ้าแล้ว”
กระบี่มังกรเพลิงระเบิดแสงร้อนแรงออกมา มู่เฉียนซีถ่ายเทพลังวิญญาณทั้งหมดเข้าไปในนั้นและมังกรเพลิงก็พุ่งออกมาในพริบตา
“มังกรเพลิงสังหาร!”
.