— ตูม! —
เปลวไฟกระบี่มังกรเพลิงกระทบกับร่างของสาวน้อยน้ำแข็งอย่างอีซือ
เวลานี้ทุกคนต่างก็คิดว่าสาวน้อยน้ำแข็งนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่พวกเขาก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นว่านางเพียงแค่ร่นตัวถอยหลังไปสิบก้าวเท่านั้นเอง
ผลึกน้ำแข็งรวมตัวกันบนร่างของนาง ในขณะที่พลังที่เหลืออยู่ของมู่เฉียนซีบนร่างของนางนั้นค่อย ๆ จางหายไป ผนึกน้ำแข็งบนร่างของนางก็ค่อย ๆ หลุดออกทีละน้อยเช่นเดียวกัน
“น่าทึ่งนัก สำนักซวนปิงมีวิชาป้องกันตัวเช่นนี้ด้วย”
“กระบวนท่าเมื่อครู่ของมู่เฉียนซี เกรงว่าแม้แต่พลังวิญญาณราชาแห่งภูตระดับต่ำก็ไม่สามารถต้านทานได้ ทว่าแม่นางอีซือสามารถต้านทานกระบวนท่านี้ไว้ได้”
“ช่างน่าทึ่งเกินไปแล้ว!”
ถึงแม้ว่าอีซือจะป้องกันกระบวนท่านั้นของมู่เฉียนซีได้ ทว่ามันก็สามารถทำให้ผ้าคลุมหน้านางหลุดออกไปได้
ต้องบอกเลยว่าความงามของสาวน้อยน้ำแข็งอย่างอีซือนั้นจัดได้ว่างดงามสะท้านฟ้า
ทว่าน่าเสียดายนักที่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เมื่อเปรียบเทียบกับมู่เฉียนซีแล้ว อีซือนั้นไม่ได้ดูน่าทึ่งสักเท่าไหร่นัก หากคู่ต่อสู้ตรงหน้าไม่ใช่มู่เฉียนซีแล้วละก็ นางจะสามารถดึงดูดสายตาของผู้คนได้
ฉื่อเอี้ยนจากสำนักนิกายระดับหนึ่งมองไปที่ใบหน้าของอีซือ “เฮ้อ! นางงดงามไม่เท่ามู่เฉียนซี จะว่างดงามหรือไม่ก็งดงามอยู่ เพียงแต่ความงามเช่นนี้ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว”
ดวงตาคู่นั้นของอีซือกวาดมองไปที่ทุกคนด้วยสายตาเย็นชา นางมองมู่เฉียนซีด้วยจิตสังหารอย่างรุนแรง
นางเป็นถึงผู้ครอบครองฉายา ‘นางฟ้าอันดับหนึ่งแห่งสำนักซวนปิง’ ไม่ว่าจะไปยังแห่งหนใด สายตาทุกสายตาจะต้องจับจ้องมองมาที่นางเสมอและสนใจเพียงนาง แต่การประลองของเจ็ดสำนักในครานี้ ผู้คนกลับปฏิบัติต่อนางด้วยท่าทีเย็นชา
แม้กระทั่งคุณชายจากสำนักอวิ๋นเยียนสำนักระดับหนึ่งก็ยังเมินใส่นาง สายตาเขาเอาแต่จับจ้องไปที่หญิงนัยน์ตาดำขลับตรงหน้านางผู้นี้ผู้เดียว
ช่องว่างในใจนี้ทำให้อีซือทั้งโกรธเกรี้ยวทั้งอิจฉาริษยา กระบี่น้ำแข็งของนางกวัดแกว่ง จากนั้นพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีในทันที
มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าพลังจิตสังหารของหญิงสาวอีซือผู้นี้เริ่มกลายเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ พายุลมที่รุนแรงกระโชกพัดผ่านใบหน้าของนาง
มู่เฉียนซีหมดคำจะกล่าวกับนางจริง ๆ
ตกลงแล้ว หญิงที่ดูเย็นชาผู้นี้ไม่สนใจต่อสิ่งใดในโลกนี้เลยใช่หรือไม่ ? แท้ที่จริงแล้วชอบทำลายความสวยงามของผู้อื่นหรอกหรือ ?
“สกัดกั้น!” กระบี่มังกรเพลิงสกัดกั้นการโจมตีของหญิงสาวผู้นี้เอาไว้ และเข็มยานับไม่ถ้วนของมู่เฉียนซีก็พุ่งออกไป
ใช่… ความแข็งแกร่งของนางนั้นเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในเจ็ดสำนัก หากทำให้นางโมโหเข้าจริง ๆ ไม่ว่าพิษใดนางก็ไม่รังเกียจที่จะรับมือ!
เข็มยาที่พุ่งเข้ามานั้นอันตรายอย่างมาก อีซือรีบถอยหลบไปและกล่าวขึ้นว่า “มู่เฉียนซี เจ้าถนัดอุบายร้ายกาจเช่นนี้รึ ?!”
มู่เฉียนซีโบกมือ เข็มยานับสิบพุ่งออกไปอีกครั้ง นางกล่าวว่า “เผชิญหน้ากับศัตรู หากข้าไม่นำเอาสิ่งที่ข้าถนัดมาใช้ จะให้ข้าใช้วิธีที่ไม่ถนัดรึ ? คำถามนี้ของเจ้าช่างน่าขำเสียจริง”
“มู่เฉียนซี ที่แท้เจ้าถนัดในเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้นี่เอง!” แววตาดูถูกเหยียดหยามปรากฏขึ้นในดวงตาของอีซือ
ประกายแสงเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี หญิงสาวผู้นี้กล้าที่จะยั่วโมโหนางดีเสียจริง “แล้วอย่างไรเล่า ? ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดตกอยู่ที่ข้าแต่เพียงผู้เดียว ส่วนเจ้าเป็นได้เพียงตัวประกอบไร้ค่า!”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยาพุ่งเข้าโจมตีอีซือ
“เหอะ! ฝีมือต่ำต้อย ไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้ากลัวได้!”
— ติ๊ง! —
น้ำแข็งได้ปิดกั้นเข็มยาเหล่านั้นของมู่เฉียนซี!
“เกล็ดเหมันต์เริงระบำ!” หลังจากที่นางปิดกั้นเข็มยาของมู่เฉียนซี จากนั้นก็เริ่มลงมือไล่ล่ามู่เฉียนซีในทันที
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ภายใต้ความหนาวเหน็บอย่างท่วมท้น พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และความแข็งแกร่งที่ลดลงของนางก็ฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง
“ปรมาจารย์ภูตระดับสอง!”
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวผ่านเส้นลมปราณอย่างรวดเร็ว นางกินยาวิญญาณรักษาบาดแผลเข้าไปจำนวนมากอย่างที่ผู้ใดก็มิอาจเทียบได้ และกระบี่มังกรเพลิงก็ระเบิดออกมาอีกครั้งพร้อมกับแสงเปลวไฟที่แผดเผาอย่างรุนแรง
“เหยียนหลงพิฆาต!”
อีซือร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าว ผลึกน้ำแข็งนับไม่ถ้วนห่อหุ้มร่างของนางเอาไว้
“กระบวนท่านี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ไม่ว่าเจ้าจะใช้สักกี่ครั้งก็ไร้ประโยชน์!” อีซือแค่นเสียงสะใจ สำหรับทักษะวิชาป้องกันร่างเช่นนี้ นางมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก
— ตูม! —
ในขณะที่นางกำลังปิดกั้นการโจมตีนี้ของมู่เฉียนซี ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังนางราวกับภูตผีปีศาจที่มีความว่องไว
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มันก็แค่น้ำแข็งมิใช่รึ ? ทำให้มันละลายก็ได้แล้ว!” จากนั้นนางหยิบขวดยาออกมาราดลงบนไหล่อีซือ
— ฉ่า! —
มันเป็นของเหลวที่มีความร้อนสูงมาก
“อ๊าย!” เสียงกรีดร้องเสียดแทงใจดังลั่นขึ้น
ในตอนนี้ไม่เพียงแต่ชั้นผลึกน้ำแข็งบนร่างอีซือเท่านั้นที่สึกกร่อนลง แม้กระทั่งเสื้อผ้าบนไหล่ของนางก็ละลายและมีรอยแดงปรากฏขึ้นบนไหล่ของนาง ดวงตาของอีซือแดงก่ำด้วยความโกรธเคือง นางเหวี่ยงกระบี่ในมือไปทางมู่เฉียนซีทันที
“ข้าจะฆ่าเจ้า มู่เฉียนซีข้าจะฆ่าเจ้าาาา!”
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของมู่เฉียนซี “หึ ๆ แม่นางอีซือดูถูกที่ข้าใช้ยาพิษไม่ใช่รึ ? ตอนนี้ได้รู้รสชาติการบาดเจ็บจากยาพิษแล้ว เป็นอย่างไร ไม่เลวเลยใช่หรือไม่ ?!”
“เจ้า… เจ้า…”
— ตุบ! —
เดิมทีอีซือนางต้องการไล่ฆ่ามู่เฉียนซีด้วยกระบี่ ทว่าการทรงตัวของนางนั้นไม่มั่นคงเลย สุดท้ายนางก็ล้มลงไปกับพื้น
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าต้องการทำร้ายข้าอย่างร้ายกาจ ข้าก็ไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้นอะไร ในเมื่อนี่เป็นเพียงแค่การประลองเท่านั้น ใช่หรือไม่ ?”
“เพียงแต่ทัศนคติของเจ้าที่มีต่อการใช้พิษของข้าไม่ค่อยจะดีนัก จึงทำให้ข้าไม่สบายใจเล็กน้อย แต่หากยาพิษของข้าไม่ได้ทำให้เจ้าเจ็บปวดมากนัก ก็คงต้องโทษยาพิษข้าแล้วล่ะ”
ในทันใดนั้นเสียงที่โกรธเกรี้ยวก็ดังก้องขึ้น
“เจ้าสมควรตายยิ่งนัก กล้าลอบทำร้ายศิษย์ของข้า!” เจ้าสำนักซวนปิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จู่ ๆ เขาก็พรวดเข้ามา!
พลังความแข็งแกร่งที่กระโชกมานั้นเป็นพลังจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก แทบจะทำให้ศิษย์ผู้มีพลังอ่อนแอบางคนได้รับผลกระทบอย่างหนักไปด้วย!
ศิษย์สายตรงถูกทำร้ายบาดเจ็บหนักเช่นนี้ เจ้าสำนักซวนปิงถึงกับโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ รีบพรวดเข้าไปจัดการกับมู่เฉียนซีโดยที่ไม่สนกฎเกณฑ์ใด ๆ เลย
เจ้าสำนักเฟินเทียนเห็นเช่นนี้พลันตระหนกตกใจ “ซวนปิง เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
“ลงมือแม้กระทั่งกับผู้น้อย เจ้าไร้ยางอายเกินไปแล้ว”
เจ้าสำนักชางเยี่ยกับฉื่อเอี้ยนก็ตกใจเช่นกัน “เจ้าสำนักซวนปิง ใจเย็นลงก่อนเถอะ”
ทว่าความเร็วของพวกเขานั้นไม่อาจสู้ความเร็วของชิงอิ่งได้ พลังของชิงอิ่งนั้นระเบิดถึงขีดสุดและรับการโจมตีของเจ้าสำนักซวนปิงผู้นั้น ทำให้ทั้งสองถึงกับร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าว
ทุกผู้คนมองไปที่ชายหนุ่มรูปงามผู้ที่ดูราวกับไม่ใช่มนุษย์บนเวทีประลองพลันอ้าปากค้างและต่างตกตะลึง “สวรรค์โปรดบอก! บุรุษผู้นี้เป็นใครกัน ? เหตุใดถึงได้รูปงามเกินหน้าเกินตามนุษย์มนาเช่นนี้ ?”
“น่าทึ่งเกินไปแล้ว!”
“ดู ๆ แล้วอายุน่าจะประมาณยี่สิบปี แต่สามารถรับมือกับการโจมตีของเจ้าสำนักซวนปิงได้ น่าทึ่งเกินไปแล้ว!”
ฉื่อเอี้ยนรู้สึกว่าตัวเขาเองโชคดีอย่างมากที่เมื่อคืนเขาไม่ได้มีเรื่องกับบุรุษผู้นี้ต่อ มิเช่นนั้นชะตากรรมเขาคงต้องอนาถเป็นแน่
ชิงอิ่งสกัดกั้นพลังการโจมตีของเจ้าสำนักซวนปิงได้เช่นนี้ เจ้าสำนักอื่น ๆ ก็ได้ที รีบเข้ามาห้ามเจ้าสำนักซวนปิงเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาหุนหันพลันแล่น
เจ้าสำนักเฟินเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซวนปิง เจ้าทำผิดกฎ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะลงมือกับผู้น้อยเช่นนี้ เจ้าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!”
เจ้าสำนักซวนปิง “นางผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไป กล้าทำร้ายศิษย์ข้าให้บาดเจ็บถึงเพียงนี้ นางสมควรตาย!”
เจ้าสำนักเฟินเทียนกล่าวโต้อย่างเย็นชา “ซวนปิง เจ้าคิดว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้หูตาบอดหรืออย่างไร ? เห็น ๆ กันอยู่ว่าศิษย์สำนักเจ้าพยายามทำร้ายใบหน้าของเฉียนซีศิษย์ข้า หากเฉียนซีไม่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ คาดว่าตอนนี้นางคงต้องบาดเจ็บอย่างน่าสังเวชไปแล้ว”
“นี่นับว่านางมีเมตตามาก มิเช่นนั้นศิษย์สำนักเจ้าคงจะสิ้นลมหายใจไปแล้ว”
หากผู้นำตระกูลมู่ใช้พิษแรงกว่านี้ ป่านนี้ศิษย์สำนักซวนปิงคงจะตายอย่างไร้ข้อสงสัย พิษรุนแรงใช่ว่าผู้นำตระกูลมู่จะไม่มี
.