บทที่ 400 กลายเป็นตัวตลก
บทที่ 400 กลายเป็นตัวตลก
เสียงถากถางของพวกผู้ชมยังคงดังเซ็งแซ่อย่างไม่ขาดสาย
หลี่จิงเทียนขับรถหรู สมรรถภาพเป็นเลิศ แต่ฝีมือการขับกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
ภาพที่เห็นต่อไปนี้ยิ่งทำให้เหล่าผู้ชมหัวเราะหนักกว่าเดิม
เมื่อรถสปอร์ตสีแดงของหลี่จิงเทียนเลี้ยวตรงหัวโค้ง ความเร็วรถก็ชะลอลงอย่างมาก จากนั้นแล่นเข้าโค้งโดยที่ท้ายรถไม่ส่ายเลย
โค้งนี้เป็นเพียงโค้งธรรมดา ในที่สุดคนรวยรุ่นสองที่ฝีมือไม่ได้เรื่องก็ทำสำเร็จแล้ว
รถสปอร์ตสีดำยังคงแล่นฉิวอยู่ข้างหน้า เครื่องยนต์คำรามเสียงดังปลุกใจผู้ชมอย่างมาก!
เมื่อเทียบกันแล้ว รถสปอร์ตสีแดงยังแล่นช้ากว่ามาก หลังจากเข้าโค้ง ความเร็วรถก็ยิ่งช้าลงกว่าเดิม
“ฮ่า ๆ นี่กำลังแข่งกันจริงเหรอ เขาขับรถช้าอย่างกับเต่า!”
“ตระกูลหลี่เป็นขยะไร้ประโยชน์จริง ๆ!”
“คราวนี้นายน้อยหลี่จะขายหน้าอีกไหม?!”
กลุ่มผู้ชมที่เชียร์เหอเส้าพูดถากถางคนตระกูลหลี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ในใจของคนตระกูลหลี่อัดแน่นไปด้วยโกรธแค้นและอยากลบคำสบประมาทให้ได้ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีผู้ชมคนไหนละสายตาออกจากจอแอลอีดีขนาดใหญ่ได้เลย
น่าอายชะมัด!
คงจะดีถ้าเขาตามเหอเส้าไปติด ๆ แต่ความจริงแล้วอีกฝ่ายทิ้งห่างหลายเมตรทั้งที่เขาขับรถยนต์รุ่นที่ดีที่สุดเนี่ยนะ หลังจากเวลาผ่านไปกว่ายี่สิบวินาที รถสปอร์ตคันสีแดงก็ถูกทิ้งห่างจนไม่เห็นฝุ่น
ระยะห่างของรถทั้งสองคันไกลกันจนไม่เห็นท้ายรถของอีกฝ่าย
หลี่จิงเทียนก็รู้ว่าทักษะการขับรถของพวกเขาอยู่คนละชั้น แถมฝีมือยังห่วยแตกจนมีแต่คนหัวเราะเยาะ แต่ถ้าไม่ลองทำก็ไม่รู้
ไม่นานรถทั้งสองคันก็มาถึงทางโค้ง
ครั้งนี้น่าอายกว่าเดิมซะอีก!
รถสปอร์ตคันสีดำที่อยู่ข้างหน้าเขาโค้งได้อย่างสง่างามจนทำให้ผู้ชมที่อยู่ในสนามประหลาดใจไปตาม ๆ กัน
ขณะที่รถสปอร์ตสีแดงยังคงขับด้วยความเร็วปกติ ไม่กล้าเร่งความเร็วสักนิด
รถเคลื่อนไหวช้า ๆ ราวกับเต่าคลาน
เมื่อการแข่งขันดำเนินมาถึงนาทีที่ห้า รถทั้งสองคันก็ทิ้งห่างกันประมาณครึ่งรอบแล้ว
“จุ๊ ๆ นี่ไม่ได้การแข่งแล้ว มันเป็นโชว์เดี่ยวชัด ๆ ดูเหอเส้าสิ ตอนที่เข้าโค้งเขาแค่แตะเบรกนิดเดียวเท่านั้น ตรงข้ามกับตระกูลหลี่ไร้ประโยชน์”
“การแข่งครั้งนี้น่าสนใจกว่าตอนที่เขาขับรถฮอนด้าเศษเหล็กซะอีก แต่ไม่ว่ายังไงขยะก็ยังเป็นขยะวันยังค่ำ”
“ฉันหัวเราะจนท้องแข็งไปหมด ไอ้คนตระกูลหลี่คิดว่าจะเอาชนะได้เหรอ?”
“…”
ทุกคนต่างวิจารณ์กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งคำพูดเหล่านั้นแฝงไปด้วยความเหยียดหยาม
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หนุ่มสาวตระกูลหลี่ก็ยิ่งโมโห แต่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรเลย
ไม่เคยมีนักแข่งคนไหนทิ้งระยะห่างคู่แข่งไกลขนาดนี้มาก่อน
ไม่นานรถสปอร์ตสีดำก็แล่นเข้ามาใกล้เส้นชัย การแข่งใกล้จบลงแล้วสินะ!
“สิบห้านาทีสิบเอ็ดวินาที! เขาทำสถิติใหม่อีกแล้ว! อีกแค่นิดเดียวก็จะทำลายสถิติสิบห้านาทีสำเร็จ!”
“สุดยอด เขาเป็นเจ้าแห่งการแข่งขันจริง ๆ ที่หนึ่งต้องเป็นของเขาแน่นอน!”
“…”
ทุกคนมองนาฬิกาบนจอแล้วอุทานอย่างไม่เชื่อ ปกติแล้วการแข่งขันจะใช้เวลาเฉลี่ยครั้งละสิบเจ็ดนาที
แต่สำหรับปรมาจารย์นักแข่งแล้ว พวกเขาใช้เวลาแค่สิบสี่นาทีเท่านั้น!
เหอเส้าเปิดประตูรถแล้วเดินลงมาอย่างใจเย็น
“ไอ้ขยะตระกูลหลี่ล่ะ? หรือว่ามันกลัวจนหนีหางจุกตูดไปแล้ว”
เขาถามอย่างภาคภูมิใจทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถ
“เหอะ ๆ ยังวิ่งอยู่ทางขวาอยู่เลย ฉันว่ามันไม่น่าจะมาถึงภายในนาทีที่ยี่สิบห้าหรอก”
ชายหนุ่มหัวเราะเยาะก่อนพูดกระแนะกระแหน
“มันก็แค่เศษสวะ ยังไงมันก็เทียบนายไม่ได้หรอก”
พอได้ยินอย่างนั้น เหอเส้าก็เงยหน้าขึ้นมองแอลอีดีขนาดใหญ่ ก่อนอดหัวเราะไม่ได้
เวลาผ่านไปกว่าสิบนาที
รถสปอร์ตของหลี่จิงเทียนเพิ่งมาถึงเส้นชัย
ผู้ชมหลายคนต่างโห่ร้องเยาะเย้ย ปกติแล้วการแข่งจะใช้เวลาไม่เกินสิบเจ็ดนาที แต่เขาใช้เวลาไปทั้งหมดยี่สิบเจ็ดนาที…
เกือบจะยี่สิบแปดนาที…
โดยปกติ ผู้เข้าแข่งขันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่ายมากเกินไป
แม้การแข่งขันจะดุเดือด แต่ผู้ชนะสองสามอันดับแรกจะเข้าเส้นชัยในเวลาไล่เลี่ยกันไม่กี่สิบวินาทีเท่านั้น
แต่นี่…แม้แต่ผู้ชมตระกูลหลี่ก็อดเบือนหน้าหนีไม่ได้…
มันน่าอายเกินไปแล้ว!
หลังจากที่รถสปอร์ตหยุดลง ร่างกายของหลี่จิงเทียนยังคงสั่นสะท้าน เขาชอบความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ลงแข่งขันจริง ๆ
น่าเสียดายที่ฝีมือของเขาด้อยกว่าคนอื่นมาตลอด จึงแทบไม่มีโอกาสได้ลงแข่งเลย
แต่ไม่นาน เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองใช้เวลาในการแข่งมากเกินไป
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”
ขณะที่เขากำลังตกอยู่ในห้วงความคิด จู่ ๆ เสียงเคาะกระจกหน้าต่างก็ดังขึ้น
“ฮึ่ม! นายอายจนไม่กล้าลงจากรถเลยเหรอ”
เหอเส้าเดินนำคนกลุ่มหนึ่งมายังรถสปอร์ตสีแดง
หลี่จิงเทียนโกรธอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาผลักประตูให้เปิดออกทันที
“ฮึ่ม! คิดว่าฉันกลัวนายเหรอ?”
หลังจากลงจากรถ เขาก็เชิดคางขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
คนแพ้ แต่ใจไม่แพ้ เขารู้ดีว่าทักษะของตัวเองด้อยกว่าอีกฝ่าย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป…
“จริงด้วย นายมันเป็นพวกไม่ยอมรับความจริงนี่นา”
เหอเส้าหัวเราะเยาะ จากนั้นยกมือขึ้นตบฝากระโปรงรถสปอร์ตสีแดงเบา ๆ
“จุ๊ ๆ รถสวยดีนี่ ดูเหมือนว่ามันจะถูกกำหนดให้มาเป็นของฉัน”
“ฝันไปเถอะ! แกคิดว่าพี่เขยของฉันเป็นคนธรรมดาเหรอ? เขาเป็นคนที่น่ายกย่องที่สุด!”
หลี่จิงเทียนโต้กลับ เหตุผลที่เขากล้ามาแข่งในวันนี้เป็นเพราะคำมั่นที่อวี้ฮ่าวหรานให้ไว้
หลังจากผ่านอะไรมามากมาย พี่เขยที่เคยถูกตระกูลหลี่ทอดทิ้ง ตอนนี้กลับกลายเป็นขุนเขาอันแข็งแแกร่งในสายตาของเขาแล้ว
อีกฝ่ายจะต้านทานภูเขาลูกนี้ไหวเหรอ?
แต่เหอเส้าไม่รู้ว่าอวี้ฮ่าวหรานเก่งกาจอย่างไร
“พี่เขยของแกน่ะเหรอ? มันเคยแข่งรถมาก่อนไหม? ไม่ใช่ว่าเพิ่งได้ใบขับขี่มาหรอกนะ?”
หลังจากได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเหอเส้าก็ยิ่งฉายแววรังเกียจ
“เอาเป็นว่า รอบต่อไปฉันจะทิ้งห่างมันสักสองรอบสนามดีไหม?”
ลมหายใจของหลี่จิงเทียนสะดุดทันที สมองของเขาขาวโพลนจนคิดไม่ออกว่าจะตอกกลับอย่างไร
เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเป็นความจริงทั้งหมด พี่เขยของเขาไม่เคยเข้าร่วมการแข่งรถมาก่อน
ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบแปดนาฬิกาสามสิบนาทีแล้ว รถสปอร์ตสีเหลืองสดใสขับเข้ามาในบริเวณสนามแข่งอย่างช้า ๆ
อวี้ฮ่าวหรานมาถึงแล้ว!
แต่เมื่อลงจากรถ เสียงซุบซิบนินทาของผู้คนในสนามก็ทำให้เขาไม่สบอารมณ์
“ตระกูลหลี่คงไม่ได้ขี้แพ้ทั้งตระกูลหรอกมั้ง? คนปกติแข่งกันแค่สิบเจ็ดนาที แต่คนจากตระกูลขยะใช้เวลาแข่งตั้งยี่สิบแปดนาที”
“ฮ่า ๆ ครั้งนี้คงไม่ต่างกันหรอก”
“…”
ทุกคนในสนามแข่งต่างพูดเยาะเย้ยหลี่จิงเทียนและตระกูลหลี่
หลังจากหลี่หรงลงจากรถพร้อมถวนถวนอยู่ในอ้อมกอด อารมณ์ของเธอก็ขุ่นมัวทันทีที่ได้ยินคำพูดพวกนั้น
คนพวกนี้ลามปามเกินไปแล้ว! หลี่จิงเทียนเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างที่พวกเขาพูดจริง แต่ทำไมต้องลากตระกูลหลี่ไปเกี่ยวข้องด้วย?
“พี่เขย พี่จะไม่เป็นไรใช่ไหม”
เมื่อนึกถึงการแข่งขัน เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้
แม้จะเชื่อมั่นในตัวพี่เขยสุดหัวใจ แต่นี่คือการแข่งรถและเธอไม่เคยเห็นพี่เขยแข่งรถมาก่อน
อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้มองอีกฝ่าย แต่เหลือบมองเหอเส้าที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ดูไอ้เศษสวะคนนั้นสิ ฉันจะทำให้มันคุกเข่าขอโทษเธอให้ได้”
นี่คือสิ่งที่พวกเขาเดิมพันไว้ก่อนหน้านี้
หากอวี้ฮ่าวหรานแพ้ เขาจะต้องยกรถทั้งสองคัน และปล่อยให้หลี่หรงไปกับอีกฝ่าย
แต่ถ้าเขาชนะ รถของอีกฝ่ายจะตกเป็นของเขา นอกจากนี้คนแพ้จะต้องคุกเข่าและก้มหัวยอมรับความพ่ายแพ้