บทที่ 401 สร้างสถิติใหม่

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 401 สร้างสถิติใหม่

บทที่ 401 สร้างสถิติใหม่

มูลค่ารถทั้งสามคันที่อยู่ในสนามตอนนี้รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบหรือสามสิบล้าน

แต่มันถูกวางไว้เป็นสิ่งเดิมพันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งถือว่าเป็นของเดิมพันที่มีมูลค่ามหาศาลทีเดียว

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น! อวี้ฮ่าวหรานจะไม่มีวันยอมปล่อยหลี่หรงให้ไปกับอีกฝ่ายเด็ดขาด

ล้อเล่นน่า…คนพวกนี้เป็นแค่ริ้นไร มีอำนาจอะไรมาต่อรองกับเขา?

หลังจากคิดแบบนั้น คนทั้งสองก็เดินไปทางหลี่จิงเทียน

“ถ…ถ้าพี่เขยฉันมา พวกแกได้เห็นดีกันแน่…”

ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ หลี่หรงก็ได้ยินคำพูดของพี่รอง ซึ่งทำให้เธอพูดไม่ออก

“พี่เขย พี่รองกำลังคิดว่าพี่หนุนหลังเขาอยู่ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเกลียดพี่อย่างกับอะไรดี”

ในสายตาเขา หลี่จิงเทียนไม่ต่างอะไรกับดอกหญ้าบนกำแพง

“ฮ่า ๆ ไม่ต้องห่วง ฉันว่าเขาคงไม่มีวันกลับไปทำนิสัยเดิมแล้วล่ะ เขาเข็ดหลาบแล้ว”

หลังจากพ้นโทษ ทุกครั้งที่หลี่จิงเทียนได้ยินคำว่า ‘คุก’ ร่างกายของเขาจะสั่นสะท้านทันที

หลี่จิงเทียนถูกคนรอบตัวตามใจมาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ เขาไม่เคยอดอยากขัดสน แถมยังไม่เคยมีเรื่องให้กลุ้มใจ

อวี้ฮ่าวหรานสาวเท้าไปทางรถสปอร์ตสีแดงอย่างรวดเร็ว

“พี่เขย! พี่…พี่มาแล้วเหรอ!”

หลี่จิงเทียนมีสีหน้าประหลาดใจทันทีที่เห็นพี่เขย จากนั้นก็เลื่อนสายตามองหลี่หรงที่อยู่ข้าง ๆ

“ทำ…ทำไมน้องเล็กถึงอยู่ที่นี่”

ตั้งแต่อวี้ฮ่าวหรานมีอำนาจ เขาก็กลัวน้องสาวคนนี้อย่างมาก

“ฮึ ถ้าฉันไม่มา ตระกูลหลี่ของเราคงถูกตราหน้าว่าเป็นขยะไปอีกนาน!”

หลี่หรงพึมพำ ถึงเธอจะไม่ชอบการกระทำของคนในครอบครัว แต่ครอบครัวก็คือครอบครัว ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมให้คนดูหมิ่นตระกูลของเธอเด็ดขาด

ขณะเดียวกัน เหอเส้าที่อยู่ด้านข้างจ้องมองเธอไม่วางตา

“เฮ้ คนสวย เธอเตรียมตัวไปเที่ยวคืนนี้กับฉันหรือยัง? ฉันชวนคนไปปาร์ตี้ไม่กี่คนหรอก”

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพ่นคำพูดไร้สาระ อวี้ฮ่าวหรานก็มุ่นคิ้วทันที

“ฮ่า ๆ นายควรคิดคำขอโทษเอาไว้ตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่านะ”

เขาหัวเราะเบา ๆ แต่สายตากลับฉายแววรังเกียจ

“บ้าไปแล้วเหรอ! ไอ้หนู! ฉันคิดว่าหลี่จิงเทียนจะไร้ประโยชน์ที่สุดในตระกูลหลี่ซะอีก แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วล่ะ”

เหอเส้าหันมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“อย่างน้อยนายน้อยหลี่ของเราก็รู้จักถ่อมตัว แต่นาย…ตลกชะมัด! ฮ่า ๆ!”

พอพูดจบ เขาก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังราวกับมันเป็นเรื่องตลก คนหนุ่มสาวที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็หัวเราะเช่นกัน

“เป็นอะไรไป กลัวสู้พวกเราไม่ได้เหรอ? คนโง่อย่างพวกแกหัดส่องกระจกซะบ้าง”

“ตระกูลหลี่คือตระกูลหลี่ ไม่มีประโยชน์สักคน!”

“…”

ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของฝูงชน ใบหน้าของหลี่จิงเทียนซีดเผือด เขากำลังจะตอบโต้คนเหล่านั้น

แต่ใบหน้าของอวี้ฮ่าวหรานยังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิม ราวกับมองดูฝูงมดแมลงอยู่ตรงหน้า

“ใกล้เวลาแข่งแล้ว”

เขามองนาฬิกาบนจอแอลอีดีด้วยสีหน้าไม่แยแส

“ใกล้แล้วครับพี่เขย ปกติเราเริ่มแข่งเวลาหกโมงสี่สิบ”

หลี่จิงเทียนตอบอย่างรวดเร็ว

“อืม นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันมา”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า ก่อนเดินกลับไปที่รถสปอร์ตโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ไม่นาน เสียงกริ่งดังขึ้น ผู้เข้าแข่งขันมีเวลาเตรียมความพร้อมห้านาที

การแข่งขันครั้งนี้มีรถทั้งหมดแปดคัน ซึ่งทุกคันต่างจอดเรียงรายอยู่ที่เส้นปล่อยตัว

ท่ามกลางรถหลายคน รถสปอร์ตสีดำดึงดูดสายตาของผู้ชมมากกว่าคันอื่น

“เหอเส้าต้องชนะ! ครั้งนี้เขาเข้าเส้นชัยภายในสิบสี่นาทีแน่นอน!”

“เอาชนะตระกูลหลี่ให้หมด! สู้เขา!”

“…”

เสียงโห่เชียร์เหอหมิงอวี้ของผู้คนดังขึ้น ทำให้เหอเส้ายิ่งฮึกเหิมกว่าเดิม เขาหันมองรถสปอร์ตสีเหลืองที่อยู่ถัดไปด้วยสายตายั่วยุ

เขาคิดในใจว่าถึงรถสปอร์ตคันนี้จะไม่ใช่รุ่นล่าสุด แต่ถ้าสังเกตดูแล้วมีมูลค่าสูงถึงหลายสิบล้าน

“เฮอะ รวยจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่มันกำลังจะตกเป็นของฉัน”

อวี้ฮ่าวหรานไม่ใส่ใจการยั่วยุของอีกฝ่าย ซึ่งทำให้เหอเส้ายิ่งรู้สึกอับอายก่อนจะแค่นเสียงอย่างรังเกียจ

พวกเขาเริ่มนับถอยหลังเข้าสู่การแข่งขัน

สนามแข่งขันว่างเปล่า เหล่านักแข่งต่างเข้าไปนั่งในรถสปอร์ตของตัวเองและจดจ่ออยู่กับสัญญาณปล่อยตัว

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่ม!

ถึงอย่างนั้นภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ย่อมมีเรื่องให้ประหลาดใจเสมอ

อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้เข้าไปนั่งในรถ แต่กลับยืนพูดคุยกับคนอื่น ๆ ด้วยท่าทางสงบนิ่งราวกับไม่สนใจการแข่งขัน

“พี่เขย ขึ้นรถเร็ว พวกเขากำลังจะเริ่มแล้ว”

หลี่หรงกังวลมาก เธอไม่อยากไปกับเหอเส้าและไม่อยากเสียรถให้อีกฝ่าย

“ฮ่า ๆ เธอกลัวว่าพี่จะแพ้เหรอ?” อวี้ฮ่าวหรานถามด้วยรอยยิ้ม

“เปล่านะ พี่เขยเก่งที่สุด พี่ไม่มีวันแพ้ไอ้สวะพวกนั้นหรอก”

ตอนนี้หลี่หรงทำได้เพียงเชื่อมั่นในตัวเขา ความจริงแล้วเธอไม่เคยเห็นพี่เขยแข่งรถสักครั้ง

เขาไม่มีทักษะการแข่งรถ…จะเอาชนะคนพวกนั้นได้จริงเหรอ?

นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายแน่

อวี้ฮ่าวหรานรับรู้ได้ถึงความกังวลของอีกฝ่าย เขามองไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้ ๆ อย่างสงบนิ่ง

“ดูคนพวกนี้สิ พวกเขาจะออกตัวตอนเริ่มเกมแน่นอน ฉันก็แค่ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจเท่านั้น”

“หา?”

ดวงตาของหลี่หรงเบิกกว้าง ขณะที่ร่างหายแข็งทื่อทันทีที่ได้ยิน

“พี่… พี่ปล่อยให้พวกเขาไปก่อน?”

นี่…เธอไม่อยากจะเชื่อเลย!

“โอเค ได้เวลาแล้ว พี่ไปก่อนนะ”

การแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว อวี้ฮ่าวหรานไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสพูดมากกว่านี้

มีแค่เขาเท่านั้นที่รู้ผลแพ้ชนะ

เสียงรถสปอร์ตคำรามเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ หลี่หรงจึงเดินออกจากสนามแข่งอย่างช่วยไม่ได้

“พี่เขยอย่าประเมินคู่แข่งต่ำไป… ฉันไม่อยาก…”

“ไม่ต้องห่วง”

อวี้ฮ่าวหรานโพล่งขึ้น เขายังคงพิงรถสปอร์ตด้วยใบหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม

ในเมื่อจะแก้แค้นอีกฝ่าย ทำไมไม่ทำให้พวกมันอับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีล่ะ

ภาพที่เห็นทำให้ผู้บรรยายและผู้ชมทุกคนประหลาดใจอย่างมาก

“ผู้ชายคนนี้มาจากตระกูลหลี่เหรอ เกมกำลังจะเริ่มในอีกยี่สิบวินาที! เขากำลังทำอะไรอยู่? หรือว่าเขาจะยอมแพ้ตั้งแต่ต้นเกมครับ?”

ผู้บรรยายพูดด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อ เขารับหน้าที่เป็นผู้บรรยายบนสนามแข่งแห่งนี้มานานหลายปี แต่ไม่เคยเห็นนักแข่งคนไหนทำตัวสบาย ๆ อย่างผู้ชายคนนี้มาก่อน

ภายในรถสปอร์ตสีดำ เหอเส้าหันมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม

“ฮึ่ม! ขยะก็คือขยะ ในเมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว แกควรจะยอมแพ้ไปซะดีกว่า”

ไม่กี่วินาทีต่อมา!

รถทุกคันต่างส่งเสียงคำรามน่าหวาดหวั่น ก่อนขับไปจอดยังจุดปล่อยตัว ยกเว้นรถสปอร์ตสีเหลืองสดใส

ทันใดนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น รถทั้งเจ็ดคันพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!

ขณะเดียวกัน อวี้ฮ่าวหรานยังคงยืนพิงรถสปอร์ตและมองรถคันอื่น ๆ ออกตัวไปอย่างนิ่งเฉย

ลมกระโชกแรงที่เกิดจากการออกรถทำให้เสื้อของเขาปลิวสะบัด ทุกคนในสนามแข่งต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น

“นี่… เขายอมแพ้เหรอ? ทำไมไม่ขับรถออกไปล่ะ?”

“เขามาจากตระกูลหลี่อีกคนสินะ ฮ่า ๆ! ไร้ประโยชน์จริง ๆ คนหนึ่งขับช้าเหมือนเต่า ส่วนอีกคนไม่กล้าแม้แต่จะออกตัว”

“พวกสวะ! ต่อให้กลัวก็ต้องแข่งให้จบสิ นี่มันอะไรกันวะ”

“…”