“ทำไมเหวินเทาถึงได้รู้ทุกเรื่องเลยเนี่ย?” คุณแม่เย่มองด้วยรอยยิ้ม

“เขาเองก็ไปเรียนรู้มาจากการแต่งบ้านของคนอื่นเหมือนกันค่ะ” เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม

“ดูเหมือนคนต้องออกไปวิ่งข้างนอกสินะถึงจะดี อยู่แต่ในบ้านก็ไม่รู้อะไรทั้งนั้น” คุณแม่เย่พูดอย่างพึงพอใจ “เหมือนกับพี่สามของแก ก่อนหน้ามากสุดก็แค่ไปขายไข่ไก่ให้แม่ ตอนนี้ทำธุรกิจใหญ่โตได้แล้ว”

“พี่สามโทรมาหาแล้วเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม

“ยังหรอก โทรศัพท์กันไม่ค่อยสะดวก ต้องไปที่ทีมใหญ่ โทรศัพท์เครื่องนั้นเดี๋ยวดีเดี๋ยวเสีย หลังจากนั้นพี่เขาก็เลยเขียนจดหมายกลับมาหา บอกว่าตอนนี้สบายดี พี่สะใภ้สามของแกก็สบายดี ไปตรวจที่โรงพยาบาลมาแล้ว ลูกร่างกายแข็งแรงดี” คุณแม่เย่พูดถึงตรงนี้ก็ยิ้มออกมา “อ่านจากตัวอักษรบนจดหมาย พี่สามของแกดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยนะ คุยเหมือนกับพวกยุวปัญญาชนในหมู่บ้านเราเลย แม่ว่าเขาดูร่าเริงขึ้นเยอะเลยด้วย”

เย่หมิงเป่ยที่กำลังถูกแม่ของเขาชื่นชมกำลังรับสายลูกค้าอยู่

“…ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณลูกค้าไม่สะดวก เอาแบบนี้นะครับ พวกเราขอมอบผ้าพันคอเพิ่มให้คุณลูกค้าหนึ่งผืนดีไหมครับ ไม่ต้องห่วงครับ ลวดลายเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครแน่นอน” เย่หมิงเป่ยกล่าว

“ฮ่า ๆ ผู้จัดการเย่ช่างล้อเล่นจริง ๆ เลยนะคะ ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงสักหน่อย จะไปต้องการผ้าพันคอที่ไม่ซ้ำใครอะไรกัน ขอแค่ลวดลายไม่ซ้ำกับใครก็พอแล้วค่ะ” คู่สายสนทนากล่าวพลางหัวเราะ

“ได้เลยครับ คุณเฉิน ผ้าพันคอจะถูกจัดส่งไปให้พร้อมกับเสื้อสั่งตัดนะครับ ขอบคุณที่อุดหนุนร้านของเราครับ” เย่หมิงเป่ยกล่าว

“ผู้จัดการเย่ คุณมาส่งเองได้หรือเปล่าคะ?” คุณเฉินที่เป็นคู่สายสนทนากล่าว

“ผม…” เย่หมิงเป่ยทำท่าจะปฏิเสธ

“ฉันจะได้เลี้ยงข้าวคุณด้วยไงคะ ช่วงหลายวันมานี้ คุณอุตส่าห์บริการหลังการขายให้ฉันตลอด ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดีมาก อยากจะทำความรู้จักกับคุณสักหน่อย จะได้เป็นเพื่อนกันไงคะ ว่ายังไงคะผู้จัดการเย่?” คุณเฉินคู่สายสนทนากล่าว

เย่หมิงเป่ยรู้สึกได้ว่าแรงดันบรรยากาศรอบตัวลดฮวบลงอย่างฉับพลัน เขามองโจวหมิ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะรีบพูดว่า “คุณเฉิน ขอบคุณมากนะครับที่ชวน หากมีเวลาไว้ผมเลี้ยงข้าวคุณนะครับ”

“จริงเหรอคะ? ผู้จัดการเย่ต้องพูดคำไหนคำนั้นนะ” คุณเฉินพูดด้วยน้ำเสียงหวานหยด

“แน่นอนครับ! ผมไม่รบกวนเวลาแล้วนะครับ ครับ สวัสดีครับ!” หลังจากเย่หมิงเป่ยวางสาย เขาก็ถอนหายใจออกมา มีลูกค้าเชิญให้เขาไปรับประทานอาหารเพื่อเจอหน้าหลายครั้งแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าผู้หญิงเชิญไปร่วมรับประทานอาหาร ซึ่งไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็แอบแฝงนัยยะบางอย่างอยู่ แบบนี้ได้ชะตาขาดจริงแน่

“พูดเสียงเล็กเสียงน้อย แถมยังใช้น้ำเสียงหวานหยดย้อยอีก ผู้จัดการเย่ ฉันเลี้ยงข้าวคุณนะคะ?” โจวหมิ่นเหลือบมองเย่หมิงเป่ยพลางกล่าว “ผู้จัดการเย่ คนสวยชวนคุณนะ คุณแน่ใจเหรอคะว่าจะไม่ไป?”

เย่หมิงเป่ยไม่มีทางเลือก “หมินหมิ่น นี่คืองานนะ คุณเองก็รู้ว่าการทำงานก็ต้องเจอคนหลากหลายประเภท ผมรู้ดีอยู่แก่ใจ ถึงได้ปฏิเสธไปไงล่ะครับ”

“ฉันรู้ค่ะ สามีของฉันมีเสน่ห์มาก” โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เย่หมิงเป่ยในตอนนี้แตกต่างจากตอนที่เพิ่งมาถึงเมืองหลวงเป็นอย่างมาก เขาตัดผมสั้นแล้ว จึงดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อยมาก

เขาสวมเสื้อตาหมากรุกถี่แบบเก็บชายเสื้อเข้ากางเกง ทำให้ตัวคนดูสูงผอม บวกกับกางเกงสแล็คที่ทำให้ช่วงขาดูยาวขึ้น เหมือนกับประธานบริษัทหลายส่วนเลยทีเดียว

ประกอบกับโหงวเฮ้งบนใบหน้าที่ดูหล่อเหลา แววตาสุขุมนุ่มลึก แตกต่างจากก่อนหน้านี้ราวกับคนละคน

ผู้ชายแบบนี้ ถ้าคุณเฉินคนนั้นได้เห็นจะไม่ชอบได้อย่างไร แน่นอนว่าต้องนัดเขาไปกินข้าวและจีบเขาด้วย

“ภรรยา ทำไมคุณมองผมแบบนี้ล่ะ?” เย่หมิงเป่ยถูกสายตานี้ของภรรยามองมาก็รู้สึกไม่ดีเท่าไรนัก

“ทำไมเหรอ ฉันมองสามีของฉันไม่ได้แล้ว?” โจวหมิ่นกล่าวเสียงเรียบ

หล่อนเองก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าชาติที่แล้วตนคิดอะไรอยู่กันแน่ ผู้ชายคนนี้รักหล่อนสุดหัวใจ ทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแบบนี้อีก

เหตุใดหล่อนถึงทิ้งเขาหลังจากมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย? เหตุใดหล่อนถึงทำเรื่องแบบนั้นได้ลงคอ

ยังดีที่ชาตินี้หล่อนทำให้เขามาอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว ชาตินี้เขาและหล่อนก็จะได้อยู่ด้วยกันไม่แยกจากกันอีก

ดีจริง ๆ

เย่หมิงเป่ยยิ้ม สำหรับคำชมของภรรยาตนเองแล้ว เขายินดีที่จะรับมันไว้เป็นอย่างยิ่ง

“ถ้าไม่ให้คุณเฉินเลี้ยงข้าว งั้นฉันเลี้ยงข้าวผู้จัดการเย่ได้หรือเปล่าคะ?” โจวหมิ่นเอ่ยถาม

เย่หมิงเป่ยยิ้ม “ฝืนใจไปก็ได้”

“รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะ” โจวหมิ่นก็พยักหน้าตาม

เย่หมิงเป่ยจึงหัวเราะออกมา

ทั้งสองคนเพียงพูดหยอกล้อกันเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ออกไปรับประทานอาหารข้างนอกจริง ๆ แต่รับประทานอาหารที่เย่หมิงเป่ยทำไว้

โจวหมิ่นกำลังตั้งครรภ์ อาหารข้างนอกไม่ถูกสุขลักษณะ อีกอย่างเย่หมิงเป่ยก็สามารถทำอาหารรสชาติที่หล่อนต้องการได้ จึงอร่อยกว่าออกไปรับประทานข้างนอก

“ภรรยา คุณดื่มเยอะ ๆ นะ ผมช้อนน้ำมันในแกงไก่ออกไปแล้ว ใส่เต้าหู้ลงไปด้วย อร่อยมากเลย” เย่หมิงเป่ยยื่นถ้วยน้ำแกงไก่ให้หล่อน

โจวหมิ่นยกซดหนึ่งคำ ก่อนจะพยักหน้ากล่าวว่า “ไม่เลี่ยนเลยค่ะ”

เมื่อเย่หมิงเป่ยเห็นว่าหล่อนไม่ได้มีอาการเบื่ออาหาร เขาจึงสบายใจ

“อย่าเอาแต่ดูแลฉันสิคะ คุณเองก็กินด้วย” โจวหมิ่นคีบเนื้อไก่ให้เขา ก่อนจะพูดว่า “หมิงเป่ย ฉันขอปรึกษาอะไรคุณหน่อยสิ”

“ว่ามาสิ” เย่หมิงเป่ยกล่าว

โจวหมิ่นดื่มน้ำแกงไก่ไปพลางพูดไปพลาง “ฉันดูนิตยสารแฟชั่นมา จะมีการจัดประกวดแฟชั่นด้วย ฉันเลยอยากเข้าร่วม การแข่งขันจะสิ้นสุดเดือนสิงหาคม นอกจากนี้พวกเขาจะมีการจัดแฟชั่นวีคด้วยนะ ค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการแฟชั่น สิ่งนี้สามารถช่วยในการสร้างแบรนด์ของเราได้”

ธุรกิจเสื้อผ้าสั่งตัดจะเฟื่องฟูเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน

คนที่อยู่ก่อนหน้านี้ต่างก็ยุ่งกันหมด เย่หมิงเป่ยจึงจ้างพนักงานมาเพิ่มอีกสามสี่คน ตอนนี้เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็มีพนักงานยี่สิบกว่าคนแล้ว

เย่หมิงเป่ยอาศัยทัศนคติในการทำงานที่จริงจังและความสามารถในการจัดการ เพื่อดูแลร้านให้เรียบร้อย โจวหมิ่นสามารถวางมือได้อย่างสมบูรณ์แล้ว หล่อนเพียงแค่ตั้งใจออกแบบและรอคลอด

แต่สายตาของโจวหมิ่นไม่ได้มองการณ์ไกลแค่นี้ หล่อนยังอยากไปให้ไกลกว่านี้อีก

เย่หมิงเป่ยมองท้องของโจวหมิ่นที่เริ่มนูนออกมาเล็กน้อย “ภรรยา ตอนนี้คุณยังตั้งครรภ์อยู่นะ เข้าร่วมไม่ได้หรอก”

“ก็มีคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ?” โจวหมิ่นมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด “ให้คุณทำก็สิ้นเรื่องแล้ว”

“ผม? แต่ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้สักหน่อย” เย่หมิงเป่ยชะงัก “ไม่ได้ ๆ ผมขึ้นเวทีไม่ได้หรอก”

โจวหมิ่นชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงเพิ่งเข้าใจว่าเย่หมิงเป่ยเข้าใจผิดแล้ว จึงพูดติดตลก “หมิงเป่ย ฉันไม่ได้บอกให้คุณเป็นนายแบบขึ้นไปเดินบนเวทีสักหน่อยนี่คะ”

เย่หมิงเป่ยพูดอย่างไม่เข้าใจ “แล้วต้องทำยังไงเหรอ?”

“ก็หานางแบบที่มีรูปร่างเหมาะสมกับเสื้อที่ฉูฉู่ออกแบบไว้ ราคาก็อย่าให้แพงเกินไป กดให้ต่ำหน่อย…ฉันเขียนแผนทั้งหมดไว้ในสมุดแล้ว คุณอ่านดูสิ” โจวหมิ่นหยิบแผนการทำงานออกมาจากกระเป๋าให้เขา “แต่ก็ไม่ได้ยึดตามนี้ทั้งหมดหรอก ต้องปรับตามสถานการณ์จริง ฉันหวังว่าพวกเราจะได้ที่หนึ่ง!”

เย่หมิงเป่ยรับมาอ่านครู่หนึ่ง โจวหมิ่นเขียนไว้เยอะมาก ละเอียดและชัดเจน มีความกระจ่างชัดทุกขั้นตอน แค่เขาทำตามสิ่งเหล่านี้ก็พอแล้ว

“ถ้าจะเอาที่หนึ่ง เกรงว่าคงยากไม่น้อยเลยนะ” เย่หมิงเป่ยพูดอย่างลังเล

“งั้นก็แปลว่าคุณดูถูกเสื้อผ้าพวกนี้ของฉูฉู่สินะ ถึงเสื้อผ้าทางฝั่งนี้จะมีองค์ประกอบที่ผสมผสานกันอยู่มาก แต่กลับดูเรียบง่ายและนุ่มนวลมาก หากใช้เสื้อผ้าเหล่านี้ของฉูฉู่ไปแย่งชิงที่หนึ่ง เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นเกินไปหรอก” โจวหมิ่นกล่าว

เย่หมิงเป่ยชะงัก “ดีขนาดนั้นเลย?”

“ปีนี้เสื้อผ้าของพวกเราเป็นที่นิยมมากขนาดไหนคุณไม่รู้เลยเหรอ?” โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “โดยเฉพาะชุดกี่เพ้าเหล่านั้นที่ส่งไปขายถึงเซี่ยงไฮ้ มีไม่พอต่อความต้องการจนต้องรีบผลิตล็อตสองไม่ใช่หรือไงคะ?”

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พี่สามเย่เสน่ห์แรงใช่ย่อยเลยนะคะ ไม่ทันไรเจอลูกค้าแอ๊วแล้ว

ลองลุยงานประกวดเลยค่ะ ที่หนึ่งคงไม่ไกลเกินเอื้อมนักหรอก ในเมื่อชุดขายดีขนาดนี้แล้ว

ไหหม่า(海馬)