ก่อนนี้เพราะเว่ยฉางอิ๋งต้องเร่งเดินทางมาทางตะวันตก ไม่ได้พาคนไปด้วยอย่างเพียงพอ จึงต้องเลือกคนกลุ่มหนึ่งมาจากบ่าวที่เกิดในบ้านเข้ามาเสริม เดิมทีนั้น เว่ยฉางอิ๋งถือกำเนิดที่ตระกูลเว่ยแห่งเฟิ่งโจว บ่าวติดตามก็มีจำนวนนับไม่ถ้วน หากยังอยู่ในเมืองหลวง ลำพังแค่ลูกหลานของบ่าวติดตามก็ทำให้นางตาลายไปหมดได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นบ่าวที่เกิดในบ้านหลายสายของตระกูลเสิ่นล้วนพากันติดตาม ตระกูลสายหลักในเมืองหลวงกันหมด ตามหลักแล้วงานมีหน้ามีตาเช่นการเป็นสาวใช้ประจำตัวนาง บ่าวที่เกิดในบ้านในคฤหาสน์ดั้งเดิมแห่งนี้ล้วนเอื้อมไม่ถึง
ฉะนั้นกว่าจะถึงคราวได้โอกาสนี้มาอย่างยากเย็น เหล่าบ่าวที่เกิดในบ้านของคฤหาสน์ดั้งเดิมทางนี้ต้องแย่งกันหัวร้างข้างแตกจึงเอาชนะมาได้ แม้ว่าเยียนอวี่จะเป็นเพียงสาวใช้รุ่นเล็กคนหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นเพราะตัวนางเองมีไหวพริบทั้งมีหน้าตาน่ารัก กอปรกับทั้งพ่อแม่พี่ชายและอาสะใภ้เฉลียวฉลาดจึงทำให้นางถูกเลือกขึ้นมา
ด้วยเหตุที่อายุยังไม่ถึงวัยจะเป็นสาวใช้รุ่นโต และด้วยเป็นกังวลว่าพอผ่านไปอีกไม่กี่ปีเว่ยฉางอิ๋งก็จะกลับไปเมืองหลวงแล้ว ถึงยามนั้นก็จะยิ่งมีตัวเลือกที่มากขึ้น จึงไม่แน่ว่าเยียนอวี่อาจถูกมองข้าม เวลานี้นางจึงพยายามแสดงความสามารถอย่างเต็มกำลัง
วันนี้เว่ยฉางอิ๋งส่งนางไปนำทางพวกของไล่ต้าหย่ง เยียนอวี่พาคนไปที่ลานเล็กแล้วก็รออยู่ข้างนอกอย่างสงบเสงี่ยม …ด้วยบอกเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่าเมื่อนางพาคนไปที่ลานเล็กแล้ว ยามคนที่มาจะกลับก็จะเป็นนางพาไปส่งที่ประตูมุมกำแพงเช่นเดิม
ปรากฏว่าคนในนั้นพูดจาเสียงดังไปสักหน่อย เยียนอวี่ฟังอย่างไม่ประติดประต่ออยู่ข้างนอกสองสามประโยคแล้วพลันร้อนรนขึ้นมา ตอนนั้นจึงไม่สนใจว่ายามคนข้างในออกมาจะมีคนนำนางออกไปหรือไม่ ว่าแล้วก็วิ่งตรงกลับมารายานแก่เว่ยฉางอิ๋ง!
เว่ยฉางอิ๋งฟังนางเล่าทั้งน้ำโหว่า “คนกล้าผู้นั้นบอกว่า การมาซีเหลียงครานี้ยังไม่อาจมั่นใจได้ นอกเสียจาก คุณชายรับคนหัวหน้ารองอันใดนั่นของพวกเขาเอาไว้จึงจะได้” “คนกล้านั่นพรรณนาว่าหัวหน้ารองอะไรนั่นงามดังบุปผาดังหยก เกรงว่าหาก คุณชายไม่เอา ก็จะเสียหน้ายิ่งนัก” ต่างๆ นานา เว่ยฉางอิ๋งขมวดคิ้วขึ้นมาก่อนจากนั้นก็ถามว่า “แล้วเจ้าก็มาทั้งเช่นนี้ และไม่ได้เรียกให้ผู้ใดอยู่แทนเจ้า?”
เยียนอวี่สะดุ้ง แล้วเอ่ยอย่างขัดเขินว่า “ข้าน้อยคิดว่าคนกล้านั่นทำเกินไปแล้วเจ้าค่ะ เกรงว่าหากฮูหยินน้อยรู้ช้าไปก็จะเสียเปรียบเอาเจ้าค่ะ…”
“ข้าจะเสียเปรียบอันใดได้?” เว่ยฉางอิ๋งถามนางด้วยอารมณ์ราบเรียบ “อย่างมากพวกเขาก็เพียงคิดจะยัดเยียดคนให้ท่านพี่เท่านั้น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่ายามนี้ท่านพี่ก็ยังไม่รับปาก หรือแม้แต่จะรับปากแล้ว ลำพังแค่อนุคนหนึ่ง หรือว่าข้ายังต้องกลัวด้วย?”
เดิมทีสาวใช้ที่ดูแลอยู่ในห้องก็กำลังจะช่วยเยียนอวี่ต่อว่าพวกของไล่ต้าหย่งว่าทำการไม่ถูกต้อง เมื่อได้ยินคำจึงรีบสงบปากเอาไว้
เยียนอวี่ยิ้มสู้ กล่าวว่า “ข้าน้อยรู้ผิดแล้วเจ้าค่ะ เพียงแค่คนเหล่านั้น…”
“คนเหล่านั้นเอ่ยสิ่งใดแล้วเกี่ยวอันใดกับเจ้า?” เว่ยฉางอิ๋งมีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมา “ข้าให้เจ้าไปนำทาง มิใช่ให้ไปแอบฟัง! ยิ่งมิใช่ให้ไปแอบฟังแล้วรีบมารายงานข้า! หากท่านพี่จะรับอนุ แล้วจะไม่บอกข้าได้หรือ? ต้องให้เจ้าวิ่งรี่มาบอกอย่างรีบร้อนเช่นนี้หรือ? แล้วหน้าที่รับผิดชอบของเจ้าเล่า? เรื่องของตนยังทำได้ไม่ดี แล้วกลับมาวิ่งวุ่นไปมา …ใช้การได้ที่ใด!”
เดิมทีเยียนอวี่คิดจะประจบนาง ไม่คิดว่ากลับถูกด่าเสียนี่ จึงได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยแม้สักคำ เมื่อเห็นดังนี้เว่ยฉางอิ๋งจึงยิ้มเย็นแล้วเรียกคนพานางไปหานางเฮ่อเพื่อรับการลงโทษ แล้วให้เฟยอวี่ไปนำทางที่ลานเล็กแทนนาง …แต่นางหวงและนางเฮ่อล้วนรู้เรื่องที่เยียนอวี่รีบวิ่งมารายงานอย่างร้อนใจนี้แล้ว นางเฮ่อมอบหมายการลงโทษเยียนอวี่แก่บ่าวชราไปทำแทนอย่างรีบร้อน แล้วรีบวิ่งตามกันออกมากับนางหวง
เมื่อเห็นภาพดังนี้ เว่ยฉางอิ๋งก็ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี กล่าวว่า “พวกท่านอาต้องร้อนรนเช่นนี้ทำสิ่งใด? ก็หาใช่เรื่องใหญ่อันใดไม่”
“มิใช่เรื่องใหญ่อันใดดังว่าเจ้าค่ะ เพียงแค่นังเด็กเยียนอวี่นั่นไม่ได้ความเกินไปแล้ว ตลอดหลายปีมานี้ข้าน้อยไม่เคยสอนสั่งสาวใช้ที่กล้าละทิ้งหน้าที่เช่นนี้” นางเฮ่อรีบหาข้ออ้าง บอกว่า “เห็นหรือไม่เจ้าคะ ยามนี้จึงต้องมาขอขมาฮูหยินน้อย? วันหน้าข้าน้อยจะต้องอบรบพวกนางให้ดี จะมิให้พวกนางทำการเลอะเลือนเช่นนี้อีกเจ้าค่ะ”
นางหวงก็ว่า “ข้าน้อยก็พอดีออกมาดูสักหน่อย”
เว่ยฉางอิ๋งเม้มปากหัวเราะ “เอาล่ะ ทางข้านี้มิเป็นไร ท่านอาไปทำงานเถิด”
แม้นางจะว่าเช่นนี้ นางหวงและนางเฮ่อกลับยังคงไม่ยอมไป แสดงท่าทีชัดเจนว่าอยากสอบถามให้ชัดเจนก่อน
“ได้ยินเยียนอวี่ว่า คล้ายว่าไล่ต้าหย่งอยากจะมาสวามิภักดิ์กับท่านพี่ แต่เขายังไม่วางใจ ฉะนั้นจึงคิดอยากให้หัวหน้ารองในกองโจรของเขามาเป็นอนุของท่านพี่” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ย “ตอนแรกที่ข้าได้ยินก็รู้สึกว่าประหลาดใจ …กองโจรเขาเหมิงซานนี้เป็นกองโจรและค้าเกลือเถื่อนด้วย หากในนั้นจะมีหญิงสูงศักดิ์อยู่ และมิใช่ญาติพี่น้องที่พวกเขารับไปอยู่บนเขาด้วย ก็คิดว่าคงจะเป็นสตรีไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่ถูกพวกเขาจับไป แต่กลับยังมีหัวหน้ารองที่เป็นหญิงด้วย ได้ยินเยียนอวี่บอก คล้ายว่าหัวหน้ารองผู้นี้หน้าตาไม่เลวทีเดียว”
นางหวงและนางเฮ่อเอ่ยถามพร้อมกันว่า “เช่นนั้นคุณชายตอบตกลงแล้วหรือไม่เจ้าคะ?”
“เยียนอวี่ยังฟังไม่จบก็มารายงานข้าแล้ว ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?” เว่ยฉางอิ๋งยิ้มพลางว่า “มิใช่เรื่องใหญ่โตอันใดจริงๆ …ท่านอามีงานใดก็ไปทำกันเถิด”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางผ่อนคลายไม่เหมือนกำลังพยายามทำตัวเข้มแข็งอยู่ นางหวงและนางเฮ่อจึงพอจะโล่งอกลงบ้าง หันมาสบตากัน กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นดังนี้ ข้าน้อยก็ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
แม้จะเอ่ยไปดังนี้ เมื่อออกจากประตูไป นางหวงและนางเฮ่อก็อดจะมาหารือกันต่อไม่ได้ “ก่อนนี้ยังนึกว่าหัวหน้ากองโจรเขาเหมิงซานจะมาเข้าสวามิภักดิ์ก็นับว่าเป็นเรื่องดี ไม่คิดว่าพวกเขากลับหน้าไม่อายเพียงนี้ อยู่ดีๆ ก็คิดจะเข้ามาในเรือนหลังของคุณชายเสียแล้ว!”
“ฮูหยินน้อยก็ขัดเกลาตนจนแข็งแกร่งแล้ว ข้ายังเป็นห่วงว่าเมื่อฮูหยินน้อยรู้ข่าวแล้วจะรับไม่ได้เสียอีก…”
“ข้าเองก็กลัวว่าฮูหยินน้อยจะไม่พอใจ นังโง่เยียนอวี่นั่นก็ไม่รู้จักคิดเสียบ้าง เรื่องอื่นไยไม่ได้ยิน แต่ดันมาได้ยินคำนี้เข้า? จะต้องเป็นเพราะคนเหล่านั้นจงใจพูดเสียงดังให้นางรู้ จะได้รีบนำมารายงานก่อน หากทำให้ฮูหยินน้อยอาละวาดขึ้นมาด้วยเหตุนี้ได้ ไม่แน่ว่าเดิมทีคุณชายอาจมิได้สนใจคนที่เขานำมาเสนอให้ แต่พอถูกฮูหยินน้อยอาละวาดจนหาทางลงไม่ได้ก็กลับตกปากรับคำไปเสียก็เป็นได้?”
“หากเป็นดังนี้ก็เกรงว่าพวกของไล่ต้าหย่งจะสมคบกับคนภายในหมิงเพ่ยถังเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หรือไม่ก็มีหูหาอยู่ในนี้ หาไม่แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเยียนอวี่จะตกหลุมพรางของพวกเขา?”
“นี่กลับไม่จำเป็น ตอนที่พวกของเยียนอวี่ถูกเลือกมาก่อนหน้านี้ ก็มิใช่ว่าผู้อื่นก็หมดโอกาสแล้วรึ? ไม่แน่ว่าอาจเป็นคนเหล่านี้ก่อเรื่องขึ้นเพื่อให้เยียนอวี่ถูกไล่กลับไปด้วยเรื่องนี้ แล้วเปลี่ยนลูกสาวของพวกเขาขึ้นมาแทน”
นางหวงขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ในเมื่อฮูหยินน้อยไม่ให้พวกเราไปยุ่งย่ามเรื่องรับอนุ พวกเราก็ไม่ต้องไปเอ่ยถามตามความประสงค์ของฮูหยินน้อย เพราะอย่างไรฮูหยินน้อยก็มิใช่คุณหนูใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในคฤหาสน์ไม่เคยเผชิญโลกเช่นเมื่อก่อนแล้ว ยามนี้ฮูหยินน้อยมีความคิดเป็นของตัวเอง หากพวกเราจะมาคอยทำแทนให้ทุกเรื่องก็ไม่เข้าทีเลยจริงๆ อีกประการก็เพียงอนุคนหนึ่ง ทั้งยังเกิดในป่าในดง อย่าว่าแต่ด้วยฐานของคุณชายเราจะไม่มีทางเหลียวตาแลเลย ต่อให้แลตาดูอย่างมากก็เพียงแค่ของประดับ …ดีชั่วหากต้องจัดการอย่างไรก็ง่ายดายนัก อย่างไรพวกเราก็ควรไปตรวจสอบดูสักหน่อยว่า หลังจากที่ไล่ต้าหย่งมาคารวะท่านผู้อาวุโสจี้ที่คฤหาสน์จี้หยวนเมื่อสองวันก่อนแล้ว มีผู้ใดชี้แนะบางเรื่องให้เขามาก่อนหรือไม่?”
“ผู้อาวุโสจี้…” นางเฮ่อคล้ายจะพูดบางสิ่งแต่ยั้งเอาไว้
นางหวงเข้าใจแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “น้องเฮ่อเจ้าวางใจเถิด แม้ข้าจะร่ำเรียนวิชาแพทย์มาจากท่านหมอเทวดาจี้ แต่นั่นก็เป็นเพราะท่านหมอเทวดาจี้ให้เกียรติฮูหยินผู้เฒ่าของเรา อย่างไรข้าก็เป็นคนที่ฮูหยินผู้เฒ่าสอนสั่งมา ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ามอบข้าให้แก่ฮูหยินน้อยแล้ว เช่นนั้นข้าย่อมต้องว่าตามฮูหยินน้อย อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสจี้เป็นเพียงแค่ท่านอาของท่านหมอเทวดาจี้เลย ต่อให้ท่านหมอเทวดาจี้เกิดขัดแย้งกับฮูหยินน้อยขึ้นมา ข้าย่อมต้องยืนอยู่ข้างฮูหยินน้อย”
นางเฮ่อก็เป็นกังวลจริงๆ ว่าหากเป็นจี้กู่อาศัยความรู้ความเข้าใจที่มีต่อหมิงเพ่ยถังในช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่นี่และไปยุยงไล่ต้าหย่งให้ทำเช่นนี้ หรือไม่ก็เป็นตัวจี้กู้เองที่ออกความคิดให้เสิ่นจั้งเฟิงรับอนุ ….นางหวงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจี้ชวี่ปิ้งมาก จึงเกรงว่านางจะลำบากใจ เมื่อได้รับคำยืนยันจากนางหวงในยามนี้ จึงโล่งอกขึ้นมา
หลังจากทั้งคู่หารือกันสักพักก็แยกย้ายกันไปตรวจสอบในทันใด
ส่วนเว่ยฉางอิ๋งทางนี้ นอกจากจะถูกขัดจังหวะการงีบพักกลางวันแล้ว วันนี้ก็เหมือนกับวันอื่นๆ นางยังคงจัดการงานทั้งหมดเหมือนไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น จนถึงเวลาเย็น เมื่อพวกของไล่ต้าหย่งอำลากลับแล้ว เสิ่นจั้งเฟิงก็กลับมาเปลี่ยนเสื้อที่เรือนหลัง
เมื่อเปลี่ยนมาเป็นชุดอยู่บ้านแล้ว เสิ่นจั้งเฟิงจึงถามว่า “เยียนอวี่ที่มานำทางให้พวกของไล่ต้าหย่งก่อนหน้านี้ ภายหลังไยเปลี่ยนเป็นเฟยอวี่เสียแล้ว?”
“สาวใช้รุ่นเล็กคนนั้นไม่ได้อบรมสอนสั่งให้ดี ไปแอบฟังก็ยังแล้วไป ฟังได้ครึ่งหนึ่งก็วิ่งกลับมาฟ้องข้าที่นี่เสียแล้ว ไม่รู้จักแม้จะหาคนไปอยู่แทนนาง! ข้ามอบนางให้ท่านอาเฮ่อไปอบรมแล้ว” เว่ยฉางอิ๋งเองก็ไม่ได้ปิดบัง กล่าวว่า “มีอันใดหรือ?”
เสิ่นจั้งเฟิงยิ้มพลางว่า “ไร้กฎระเบียบจริงดังว่า ควรลงโทษ” แล้วจึงบอกว่า “ไม่มีอันใด ข้าออกไปส่งแขกเห็นว่าเปลี่ยนคนแล้ว ยังนึกว่าเจ้าทางนี้มีเรื่องใดจึงเรียกนางกลับไปแล้วและเปลี่ยนให้เฟยอวี่มาเสียอีก”
เว่ยฉางอิ๋งบอกว่า “ข้าก็ส่งเยียนอวี่ไปดูแลรับใช้แล้ว ต่อให้เปลี่ยนคนก็จะเรียกคนสองคนที่เรือนหน้าไปแทน ย่อมมิได้ไปรบกวนเจ้าทางนั้นนี่!”
“สามีก็คิดเช่นนี้” เสิ่นจั้งเฟิงลูบคาง เอ่ยยิ้มๆ ว่า “อิ๋งเอ๋อร์ดีงามที่สุดมาแต่ไร… ใช่แล้ว สาวใช้ตัวน้อยนั่นวิ่งกลับมาฟ้องเจ้าเรื่องใด? คงมิใช่…?”
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มพลางว่า “เจ้าว่านางจะมาฟ้องเรื่องใดได้?” แล้วเอียงตาไปมองสามีคราหนึ่ง “จะว่าไปแล้วนางทิ้งหน้าที่แล้ววิ่งมาฟ้องก็ไม่ถูก แต่จนยามนี้เจ้าก็ควรจะบอกกล่าวกับข้าให้ชัดเจนกระมัง? หากต้องการเพิ่มคน อย่างไรข้าก็ต้องจัดห้องหับให้นาง หาไม่แล้วก็จะทำให้นางเข้าบ้านมาล่าช้า…ใช่หรือไม่?”
เสิ่นจั้งเฟิงได้ฟังคำนี้พลันมีสีหน้าร้องไห้ก็ไม่ใช่หัวเราะก็ไม่เชิง แล้วคอยสังเกตดูนาง สายตามองไปยังปิ่นทองด้ามหนึ่งบนมวยผมนางหนแล้วก็หนเล่า กล่าวว่า “อิ๋งเอ๋อร์เห็นสามีเป็นคนโง่รึ?”
“เจ้ามองปิ่นทองนี่ทำสิ่งใด? ข้าเป็นคนขี้หึงเพียงนั้นเชียวรึ?” เว่ยฉางอิ๋งดึงปิ่นออกมาให้เขาดูอย่างเปิดเผยว่าปลายปิ่นนั้นขัดเป็นกลมมน มิได้ลับให้คมแต่อย่างใด แล้วปักกลับเข้าไปบนมวยผม พลางแตะที่ข้างแก้มสามีถามว่า “ข้ากำลังถามเจ้าอย่างจริงจังอยู่! เจ้าคิดไปถึงที่ใดแล้ว? เมื่อครู่นี้ยังบอกว่าข้าดีงามอยู่เลย หรือที่แท้แล้วที่เจ้าพูดมิใช่คำพูดจากใจ หากแต่จงใจกล่อมข้า?”
เสิ่นจั้งเฟิงได้ยินคำรีบเอ่ยด้วยสีหน้าขึงขังว่า “ไม่มีเรื่องดังนั้น! สามีพูดจากใจจริงทั้งสิ้น! สามีจะหลอกอิ๋งเอ๋อร์ได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นเจ้าก็ว่ามาซิ รับคนใหม่ใดเข้ามา ต้องจัดการเช่นใด?” เว่ยฉางอิ๋งเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
เสิ่นจั้งเฟิงกระแอมแห้งๆ คราวหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าก็มิได้ตอบตกลงสักหน่อย ต้องจัดการอันใด?”
“นี่เจ้ากลับไม่ตอบตกลง?” เว่ยฉางอิ๋งเพิ่งจะเอ่ยคำนี้ก็ถูกเสิ่นจั้งเฟิงขัดคำด้วยท่าทีร้องไห้ก็ไม่ใช่หัวเราะก็ไม่เชิงว่า “พูดเสียอย่างกับว่าข้าคอยคิดแต่จะรับอนุเช่นนั้น…”
สองคนต่อล้อต่อเถียงกันไปมาสักพัก เว่ยฉางอิ๋งจึงเก็บรอยยิ้มยินดีกลับเข้าไป บอกว่า “เป็นเรื่องใดกัน?”
“เยียนอวี่ผู้นั้นฟังมาไม่หมดรึ?” เสิ่นจั้งเฟิงเอ่ยด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย “ไล่ต้าหย่งนั่นบอกว่าที่เขาเข้ามาขอสวามิภักดิ์ต่อข้าด้วยมีวาสนาต่อกัน และเป็นเพราะว่าเขามีน้องสาวอยู่ผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นหัวหน้ารองของกองโจรเขาเหมิงซานด้วย ได้ยินว่าหน้าตาไม่เลวเลย บอกว่า…นางชื่นชมข้ามานานแล้ว จึงพยายามเกลี่ยกล่อมให้คนทั้งกองโจรมาสวามิภักดิ์กับข้า! เขาเองก็รู้ว่าข้ามีภรรยาแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นน้องสาวของเขาก็ไม่อาจไปเป็นภรรยาเอกของบุตรหลานตระกูลเลื่องชื่อได้ จึงอยากให้ข้ายอมรับปากรับนางเป็นอนุ …เจ้าว่าเหลวไหลหรือไม่?”
เว่ยฉางอิ๋งยิ้มพลางว่า “ข้ากลับมองไม่ออกว่าข้อเรียกร้องนี้มีสิ่งใดเหลวไหล เกิดเป็นสตรี ในเมื่อกล้าต้องการจะเป็นภรรยาของผู้ใด คาดว่าแม้จะไม่ได้งดงามจนมัจฉาจมวารี แต่อย่างไรก็คงจะงดงามหมดจดอยู่หลายส่วน อีกประการต่อให้หน้าตาไม่ดี ดีชั่วก็ยังมีกองโจรเขาเหมิงซานเป็นสินติดตัวเชียว! โดยปกติแล้วเรือนของอนุยังต้องออกเงินซื้อเอง ที่ใดจะได้กำไรเท่าอนุที่นำมาส่งถึงหน้าประตูเช่นนี้?”
“เพื่อกองโจรเขาเหมิงซานหนึ่งกองโจร เจ้าก็จะขายสามีของตนแล้วหรือ? สามีมีค่าเท่ากับกองโจรเขาเหมิงซานหนึ่งกองโจรเช่นนั้น?” เสิ่นจั้งเฟิงยื่นนิ้วไปบีบปลายจมูกนาง แล้วเอ่ยอย่างขัดเคืองและขำขันว่า “ดีที่การค้าต่างๆ ล้วนมีพ่อบ้านของแต่ละกิจการคอยดูแลอยู่แล้ว หากให้เจ้าไปจัดการด้วยตนเอง เกรงว่าไม่กี่วันก็จะผลาญทรัพย์สมบัติในบ้านจนหมดสิ้นแล้ว?”
“แม้จะบอกว่าเป็นถึงกองโจรเขาเหมิงซานแต่กลับยอมฟังคำยุยงของสตรีผู้หนึ่ง จนทำให้อนาคตรวมทั้งความเป็นตายของคนทั้งกองโจรต้องขึ้นอยู่กับรองหัวหน้าผู้นั้นนับว่าไม่เข้าทีเลย ทว่าข้ากลับเห็นว่าคำกล่าวนี้ก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น” เว่ยฉางอิ๋งกระเซ้าสามีไปคำหนึ่ง แล้วเอ่ยเรื่องจริงจังต่อว่า “สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดก็คือให้เจ้ารับหัวหน้ารองผู้นั้นเอาไว้ …เจ้าไม่ใจอ่อนเลยจริงๆ รึ?”