ตอนที่ 161.1 แข็งแกร่งแต่อ่อนโยน (1)

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ซย่าโหวถิงหยิบปิ่นมุกไร้ราคาขึ้นมาคิดอยู่นาน นำผ้าไหมห่อเป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้วยืนออกไป “ไปจัดการ” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นถอนหายใจ เห็นก็แต่เขาปรายสายตามอง “หากไม่สำเร็จ ก็เอาหัวเจ้ามาเซ่น” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นลูบต้นคอเบาๆ “เพคะ…” 

 

 

แม้ว่าซือเหยาอันจะไม่วางใจนัก แต่ก็เป็นทางเลือกสุดท้าย เขาหยิบปิ่นมุกไปจัดการ 

 

 

ณ อำเภอเพ่ย ที่ว่าการนายอำเภอที่ตั้งมั่นกองทหารสกุลเฉิน 

 

 

เวลาพลบค่ำ ผู้สอดแนมในสนามรบไม่กี่นายพร้อมลูกสมุนกลับมาก็เดินตรงเข้ามารายงานสถานการณ์ 

 

 

การตัดสินใจโจมตีเมือง เมื่อคืนเฉินจ้าวเรียกประชุมคล้ายว่าแน่ชัดแล้ว 

 

 

รองแม่ทัพหลายรายไม่คิดว่านายน้อยเฉินจะเปลี่ยนแผนกะทันหัน แต่ก็เดาได้ว่าอาจะเป็นเพราะเสี่ยวชิ่งกับเว่ยเสียวเถี่ยยังไม่กลับมา แม่ทัพน้อยนั่งไม่ติดกับที่ไม่อาจรอต่อไปได้  

 

 

โดยเฉพาะรองแม่ทัพก่วนและผู้บัญชาการกองพันถังยังจำได้ดี วันที่เสี่ยวชิ่งเกอเอ๋อร์และเว่ยเสียวเถี่ยออกไป ท่านแม่ทัพเอ่ยอย่างเด็ดเดี่ยว หากภายในห้าวันไม่กลับมาจะเข้าไปโจมตีเยี่ยนหยาง 

 

 

อย่างไรไม่ช้าเร็วก็ต้องโจมตีเข้าไปอยู่ดี ทุกคนเก็บข้าวของรอฟังคำสั่งจากเฉินจ้าว วันนี้ส่งคนไปสืบดูลาดเลา หากว่าไม่มีอะไรผิดแปลก ก็จะเข้าโจมตีเมืองโดยทันที 

 

 

เฉินจ้าวนั่งอยู่บนที่อันทรงเกียรติ ชุดเกราะเหล็กป้องกันบนตัวน่าเกรงขามไม่น้อย แต่ในใจราวกับน้ำร้อนต้มเดือด 

 

 

รอหนึ่งวันก็ร้อนใจหนึ่งวัน แม้ว่าก่อนหน้าเคยสัญญาว่าจะรอข่าวคราวจากนางเสียก่อน แต่ว่าห้าวันก็ถึงขีดจำกัดแล้ว เมื่อเส้นตายมาถึงเขายังจะข่มอารมณ์ได้ที่ไหน 

 

 

สถานการณ์ในเมืองนั้นโหดร้าย ช้าไปหนึ่งวัน นางก็ตกในอันตรายไปอีกหนึ่งวัน 

 

 

อีกทั้งยังไม่ได้ยินข่าวคราวของนาง 

 

 

ขืนอดทนรอตามคำสั่งของนางต่อไปอีกวันก็ไม่ได้แล้ว 

 

 

พลทหารรายหนึ่งเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยตรวจตรามุมประประตูเมืองมีคนโยนสิ่งนี้ลงมาจากชั้นบนขอรับ” 

 

 

พูดไปก็นำสิ่งนั้นส่งขึ้นไป 

 

 

เฉินจ้าวรับไว้ คิ้วขมวดแน่น นี่คือปิ่นมุกที่นางติดผมปลอมตัวเข้าไปในเยี่ยนหยาง 

 

 

“ใครโยนให้เจ้า” เขาลุกขึ้นเอียงตัวถาม 

 

 

พลทหารคนนั้นจับมือคำนับเอ่ย “แม้ว่าจะสวมชุดลำลอง แต่ข้าน้อยมองออกว่าเป็นทหารของท่านอ๋อง น่าจะเป็นคนในเมืองของท่านฉินอ๋องขอรับ” 

 

 

ราวกับยกภูเขาออกจากอก 

 

 

ความกังวลใจทั้งหมดในห้าวันมานี้ค่อยๆ หายไป เฉินจ้าวกำปิ่นมุกแน่น ตอนนี้อวิ๋นหว่านชิ่นอยู่กับท่านฉินอ๋องก็หมายความว่านางปลอดภัยดี 

 

 

เพิ่งจะส่งคนไปดู นางก็ให้คนของฉินอ๋องนำปิ่นมุกมาให้ตน ไม่เพียงแต่บอกว่านางปลอดภัยดีและยังส่งสัญญาณว่าอย่ารีบร้อน 

 

 

เฉินจ้าวลุกขึ้น ลูบปิ่นมุกไม่พูดไม่จา 

 

 

ผู้บัญชาการกองพันถังและรองแม่ทัพมองหน้ากัน พูดพร้อมกัน “ท่านแม่ทัพ ยังจะให้ทหารปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้าอยู่หรือไม่ขอรับ” 

 

 

“แจ้งออกไปว่าหยุดจุดไฟชั่วคราว รอฉินอ๋องส่งข่าวจากในเมือง” เสียงของบุรุษดังกังวานสั่งคำสั่งทหาร 

 

 

พระราชนิเวศน์เงียบสงบ ข้างนอกเมืองก็ไม่เห็นผู้สอดแนมของสกุลเฉินอีก 

 

 

เรื่องโจมตีเมืองไม่มีตอนต่อไป กลับมาสงบอีกครั้ง 

 

 

ผู้ตรวจการเหลียงโกรธจนทุบโต๊ะเก้าอี้ในห้องพัก กลับทำอะไรไม่ได้ 

 

 

หลังจากควบคุมกองกำลังทหารสกุลเฉินนอกเมืองได้ อวิ๋นหว่านชิ่นก็รู้สึกว่ามีบางคนดีกับตนเองมากขึ้นนิดหน่อย แม้ว่าจะยังไม่ค่อยสบายใจมากนัก แต่อย่างน้อยเวลาที่ตนเข้าไปยกน้ำยกชาก็ไล่ตนน้อยลงแล้ว 

 

 

นับว่ามีการพัฒนา 

 

 

ซือเหยาอันอยากจะดึงหญิงสาวมาถาม แต่ถูกองค์ชายสามของตนขัดไว้ 

 

 

นางทิ้งคำพูดไว้ว่าไม่ให้พวกเขาถามถึงเหตุผล อย่างนั้นก็จะไม่ถาม แต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่เขาต้องการคือผลลัพธ์ ขั้นตอนจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ 

 

 

เรื่องที่ยับยั้งกองทหารสกุลเฉินเข้าเมืองได้ แม้ว่าจะเป็นการจัดการส่วนตัว แต่ว่าไม่กี่วันมานี้ก็ถูกเล่าขานต่อๆ กันที่พระราชนิเวศน์ ทุกคนรู้ว่าเป็นแผนการที่ชิ่งเอ๋อร์เสนอไป อีกทั้งยังเห็นนางถูกให้ความสำคัญไม่น้อย เห็นนางได้เข้าออกห้องอยู่หลายครั้ง 

 

 

แม้ว่าจะเข้าห้องหลายครั้งแล้ว แต่ทว่าอวิ๋นหว่านชิ่นกลับไม่เหมือนสิ่งที่คนในพระราชนิเวศน์คิดว่านางยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ทุกๆ ครั้งที่ปรึกษาเรื่องซานอิง หากว่าตนได้บังเอิญอยู่พอดี เขายังคงไล่ตนออกไป 

 

 

วันที่หกที่ได้เข้ามาในพระราชนิเวศน์ นี่ก็ใกล้สิ้นเดือน อุณหภูมิของเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ยิ่งลดลง โดยเฉพาะน้ำจากแม่น้ำที่เพิ่งทะลักออกมา ทำให้มีความชื้นมากขึ้นก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้น 

 

 

สถานการณ์เหมือนในเมือง เหมือนว่าจะมีเรื่องใหญ่โตเกิดขึ้น สถานการณ์ที่แช่ไว้ก็พร้อมปะทุ 

 

 

เวลาพลบค่ำ 

 

 

ขุนนางดูแลงานในพระราชนิเวศน์นำเสื้อนวมและผ้านวมมาแจกจ่ายเพื่อบรรเทาความหนาว เพราะอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็วทำให้หาเสื้อผ้าและเครื่องใช้ป้องกันภัยหนาวได้ยาก ขุนนางและบ่าวจำนวนมากทนความหนาวเหน็บไม่ไหวจนเป็นไข้หวัด 

 

 

ในเมืองถูกปิดล้อมไว้ ทำให้สิ่งของบรรเทาความหนาวนั้นมีจำกัด ของที่ดีที่สุดแน่นนอนว่าเก็บไว้ให้เบื้องบน ส่วนของที่บ่าวรับใช้ได้รับไปเป็นของคุณภาพต่ำที่สุดในโรงเก็บของ 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นไปรับผ้านวมและเสื้ออ่าวพร้อมกับบ่าวรับใช้ในห้องหลายคน หลังจากได้รับของแล้ว พอกลับเข้าห้องก็รีบสวมใส่ เพราะอากาศข้างนอกเย็นมาก 

 

 

มืออวิ๋นหว่านชิ่นช่างซวยเสียจริง นางใช้มือพลิกเสื้ออ่าวที่ได้รับมา ชายขอบเสื้ออ่าวไม่มีด้ายมีรูเล็กๆขาดอยู่ ทำให้เห็นผ้าฝ้ายข้างในน่าจะเป็นเพราะเก็บไว้นานจนหนูกัด แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีใส่ ใส่ไปก่อนค่อยว่ากัน 

 

 

เพิ่งใส่เสื้อเสร็จ ป้าอู๋ก็เดินเข้ามาตะโกน “ท่านอ๋องต้องการน้ำร้อน ชิ่งเอ๋อร์เจ้าไปเอาที่ห้องต้มน้ำร้อน” 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นขานรับ กำลังจะลุกขึ้นก็กลับเห็นแววตาของคนบนเตียงมองมาที่ตน ไม่ต้องหันไม่มองก็รู้ว่าเป็นใคร 

 

 

หลายวันมานี้หลี่ว์ชีเอ๋อร์ไม่ได้คุยกับนางสักพักแล้ว อาจเป็นเพราะปรนนิบัติรับใช้ไม่จำเป็นต้องคุยกัน อาจเป็นหน้าซื่อใจเหี้ยมพูดไปก็อาจจะผิดใจกัน 

 

 

ขณะนั้นก็ได้ยินเสียงป้าอู๋เรียก หลี่ว์ชีเอ๋อร์มองตนอีกรอบไม่ปริปากพูดจาหันไปอีกทาง ราวกับน้อยใจเป็นอย่างมาก 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นไม่มีเวลาสนใจนาง เดินไปห้องต้มน้ำร้อนยกน้ำร้อนไปห้องฉินอ๋อง 

 

 

ในห้องหลัก ควันหอมในเตาถ่านลอยเป็นขดอยู่ในห้อง บนโต๊ะหนังสือไม้แดงมีภารกิจลับกองสุมอยู่ หยกรูปเสือว่าทับแผนที่เมืองเยี่ยนหยางและจดหมายทางทหาร 

 

 

เชิงเทียนข้างๆ ครึ่งหนึ่งให้ความสว่างครึ่งหนึ่งเพิ่มความอบอุ่นในห้อง 

 

 

ขณะแสงเทียนส่อง บุรุษหนุ่มนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ ตัดกระดาษสีขาวติดตามช่องระหว่างหน้าต่าง 

 

 

อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นเขาดูรายงานทหารในเมืองเป็นปกติ 

 

 

หลายวันมานี้ สีหน้าของเขานับวันยิ่งแย่ลง หน้าตาแทบจะไม่ผ่อนคลาย ทั้งตัวเหมือนกับธนูที่ถูกดึงให้ตึงมีลูกศรอยู่บนคันศร พร้อมยิงอยู่เสมอ 

 

 

บางครั้งหลังจากอาหารกลางวันและเย็น นางจะมาเก็บสำรับอาหารพร้อมกับบ่าวคนอื่นๆ หลายครั้งที่อาหารแทบจะไม่ถูกแตะเลยแม้แต่น้อย 

 

 

แม้ว่าจะยับยั้งทหารสกุลเฉินเข้ามาโจมตีได้ แต่ว่าไม่สามารถมุ่งแต่ยืดเวลาออกไปได้อีกแล้ว จะต้องล่อให้ซานอิงออกมา หลายวันมานี้เขากับซือเหยาอันและลูกน้องคนสนิทนับวันยิ่งประชุมลับกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

เวลานี้เมื่อเปรียบเทียบกับในตอนกลางวันที่เข้มงวดกับนายพลมาก เขาดูเหมือนว่าจะสบายใจขึ้นบ้างแล้ว สวมเสื้อลายนกนางแอ่นตัวใหญ่ หยกไหมทองพันรอบเอวผอมสูง กำลังก้มลงถือพู่กัน ใบหน้ายิ้มแย้มจอนผมสีดำคล้ายหมึก คิ้วที่ขมวดคลายลง รูปร่างเมื่อเปรียบกับครั้งแรกที่เจอเขาในเยี่ยนหยางแล้ว ตอนนี้ก็ผอมลงไปอีก นัยน์แววตาสะสมความเหนื่อยล้ามานานหลายวัน แต่ทว่าสองตายังเปล่งประกายดุจคลื่นที่ซัดอยู่ในทะเลสาบ ทำให้ใครบางคนหวั่นไหว