ตอนที่ 279 อสรพิษกัดเข้าให้แล้ว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

แต่มันจะได้ผลหรือ ?

ถ้าหากพิษของหมอปีศาจสามารถป้องกันได้ง่ายเช่นนี้ ศิษย์เหล่านั้นของหุบเขาหมอเทวดาก็คงจะไม่ตายอย่างหดหู่เช่นนั้น

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

อู๋ตี้เสี่ยวหงสองสัตว์พันธสัญญา ฉวยโอกาสนี้จัดการตาเฒ่าสองคนนั้น

“ภพหน้าจงจําเอาไว้ว่าอย่าล่วงเกินนายท่านของพวกข้า!”

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เข็มยาจํานวนนับไม่ถ้วนลอยออกมาราวกับมีดวงตาที่เบิกกว้าง และจมลงไปในร่างกายของพวกเขา เหล่าศิษย์ของสํานักซวนปิงต่างล้มลงไป

เจ้าสำนักซวนปิงกระอักเลือดออกมา พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ปราณน้ำแข็งได้ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ และจับตัวกับพิษของมู่เฉียนซีจนกลายเป็นน้ำแข็ง

เมื่อเขาเห็นว่าคนของสํานักซวนปิงของตนตายไปมากแล้ว เขาก็ตกตะลึงและรีบไปช่วยอีซือ ศิษย์รักของตนที่ตกใจกลัวจนแทบหวาดผวา

ชิงอิ่ง เสี่ยวหง และอู๋ตี้มาอยู่ข้าง ๆ มู่เฉียนซี เพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการลอบโจมตีของผู้เฒ่าจากสํานักซวนปิง

เจ้าสํานักซวนปิงอุ้มร่างอีซือไว้  เขากล่าวว่า “สาวน้อย โปรดจําไว้ว่าสํานักซวนปิงของข้าจะอยู่ร่วมโลกกับเจ้าไม่ได้…”

กล่าวจบเจ้าสํานักซวนปิงหลบหนีไป ชิงอิ่งและอู๋ตี้ก็ไล่ตาม  ทว่าผู้เฒ่าเจ้าสำนักผู้นั้นเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก  การที่เขาพยายามหลบหนีอย่างสุดชีวิตนั้น หมายความได้ว่าตอนนี้พวกชิงอิ่งไล่ตามไปอย่างยากลําบาก

ไม่นานนัก ผู้เฒ่าแห่งสำนักซวนปิงผู้นั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา

ชิงอิ่งต้องการไล่ตามไป เขาติดตามมู่เฉียนซีมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้เหตุผลในการตัดรากถอนโคน  แต่มู่เฉียนซีกลับกล่าวขึ้นว่า “ชิงอิ่ง อย่าเสียแรงไล่ตามไปเลย เวลานี้สํานักซวนปิงเหลือเพียงตาเฒ่าเจ้าคิดเจ้าแค้นนั่นและอีซือ  คงไม่สามารถทําอะไรได้  จุดประสงค์ของเราในการเข้าสู่ดินแดนลึกลับทางตกคือการหาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี ไม่ควรไปเสียเวลากับพวกคนไร้ประโยชน์เหล่านี้”

หลังจากประมือกับคนของสํานักซวนปิง มู่เฉียนซียังคงค้นหาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีในดินแดนลึกลับทางภาคตะวันตกต่อไป

ระหว่างทาง นางบังเอิญพบเจอกับสัตว์วิญญาณบ้างในบางเวลา ทว่านางไม่ไขว้เขว จุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ของนางก็เพื่อตามหาสมุนไพรวิญญาณ มิใช่เพื่อการฝึกฝน

ในช่วงครึ่งเดือน นางไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับสัตว์วิญญาณ ดังนั้นนางจึงเรียกอู๋ตี้และเสี่ยวหงออกมาเปิดทางอย่างไม่เกรงใจ ไม่พอ นางยังมอบสมุนไพรวิญญาณให้พวกเขาสักสองสามชุด

ทันใดนั้นชิงอิ่งดึงมู่เฉียนซี ปากก็กล่าวว่า “เฉียน!”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “อะไรหรือชิงอิ่ง ? เจ้าหิวแล้วรึ ? หากหิวแล้วข้าจะให้ยาเจ้าเพิ่มอีก”

ชิงอิ่งส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ทางด้านนั้นมีบางอย่างอร่อยพอ ๆ กันกับยาเม็ดของเจ้า”

มู่เฉียนซีตกตะลึง อะไรกันที่อร่อยเหมือนกับยาเม็ดของนาง ?

แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดปรุงยาในดินแดนลึกลับนี้ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือมีสมุนไพรวิญญาณระดับสูงอยู่ที่นี่

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ชิงอิ่ง เจ้าสามารถสัมผัสถึงสมุนไพรวิญญาณระดับสูงได้รึ ?”

ชิงอิ่งกล่าว “อืม  หอม”

นอกจากพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งและความใจสู้ชนิดที่ว่าสู้ไม่ตายแล้ว ชิงอิ่งยังได้พัฒนาทักษะความสามารถการรับรู้ด้วย  มู่เฉียนซีรู้สึกว่าแม้ชิงอิ่งจะกินเม็ดยาไปเป็นจํานวนมากจนไม่มีใครในทวีปเซี่ยโจวสามารถเลี้ยงได้ไหว แต่ต้องบอกเลยว่าชิงอิ่งมีประโยชน์อย่างมาก

เมื่อชิงอิ่งได้กลิ่นอาหารอร่อย ๆ นั้นแล้ว เขาชี้ทางให้มู่เฉียนซี ในที่สุดมู่เฉียนซีก็มาถึงทะเลสาบที่หนาวเหน็บเย็นกาย  ทะเลสาบนั้นมีเพียงสีเขียว ๆ ให้เห็นเล็กน้อย ท่ามกลางสีเขียวนั้นมีดอกบัวหิมะบานสะพรั่งราวกับผลึกน้ำแข็งเป็นก้อน ๆ

ใบหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววปีติยินดี “ผลึกดอกบัวหัวใจศักดิ์สิทธิ์ สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีขั้นที่สาม นี่เป็นสมุนไพรวิญญาณที่ดีที่สุดที่สามารถยับยั้งพิษในร่างกายของท่านอาได้ ความสามารถในการชําระล้างนั้นแข็งแกร่งมาก”

มาดินแดนลึกลับทางภาคตะวันตกในครั้งนี้ ไม่เสียเปล่าดีแท้ ๆ

เมื่อมู่เฉียนซีกําลังจะเดินไปข้างหน้าเพื่อเก็บดอกบัว กลับถูกชิงอิ่งรั้งไว้ ชิงอิ่งกล่าวขึ้นว่า “เฉียน ข้าไปเอง”

ทะเลสาบนี้ดูสงบนิ่งมาก แต่หากข้างกายของสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเช่นนี้ไม่มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องอยู่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้

มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว นางกล่าวขึ้นว่า “ชิงอิ่ง เจ้าต้องระวังตัวให้มาก แม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถถูกฆ่าตายได้ แต่ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าต้องได้รับบาดเจ็บใด ๆ เข้าใจหรือไม่ ?”

“ได้” ชิงอิ่งพยักหน้า

เมื่อเงาร่างสีเขียวพุ่งไปยังทะเลสาบ ทันใดนั้นทั่วทั้งทะเลสาบก็มีน้ำไหลเชี่ยวขึ้นมาราวกับมีสิ่งของขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากทะเลสาบและกลืนกินชิงอิ่งเข้าไป

สีหน้าของมู่เฉียนซีแปรเปลี่ยนไป นางรีบกล่าวขึ้นทันที “ชิงอิ่ง รีบหลบเร็วเข้าเร็ว!”

— ฟึ่บ! —

ศีรษะขนาดมหึมาพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำ อ้าปากใหญ่และกลืนชิงอิ่งเข้าไปไม่รีรอ

หัวของชิงอิ่งยังโผล่ให้เห็น เขาตะโกน “เฉียน รีบไป!”

จากนั้นชิงอิ่งหายตัวไปต่อหน้ามู่เฉียนซี  ดวงตาที่ฉายแววร้อนรนของนางพลันแดงก่ำ  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!

“โฮกกก!” เสียงคํารามดังออกมา ในที่สุดมู่เฉียนซีก็เห็นใบหน้าที่แท้จริงของสัตว์อสูรที่น่ากลัวได้อย่างชัดเจน

นี่คืออสรพิษยักษ์ขนาดมหึมาอย่างหาที่เปรียบได้ยาก อีกทั้งยังมีหัวทั้งหมดสามหัว แต่ละหัวราวกับยอดเขาขนาดมหึมา  นี่คืออสรพิษสามหัว—สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม

แต่เกรงว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ของมัน  มันคงกำลังจะทะลวงผ่านระดับสี่แล้ว

เสี่ยวหงและอู๋ตี้พุ่งออกมา  พากันกล่าวว่า “นายท่านรีบไป! พวกข้าคอยกันอยู่ด้านหลังให้เอง  ท่านวางใจเถอะ ที่ผ่านมาไม่ว่าเจ้าท่อนไม้ชิงอิ่งนั่นจะถูกตีอย่างไรก็ไม่เคยตาย ดังนั้นต่อให้เขาถูกอสรพิษกลืนกินก็คงจะไม่เป็นอะไร”

พวกมันทั้งสองร่วมมือกันสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ทว่าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสรพิษสามหัวนี้  เวลานี้สิ่งที่พวกมันคิดคือนายท่านของพวกมันจะต้องออกไปได้อย่างปลอดภัย

เสี่ยวหงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “อ๊าก! เจ้าก็เป็นแค่อสรพิษสามหัวโง่ ๆ  กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า คอยดูแล้วกันข้าผู้นี้จะสังหารเจ้า!   …เพลิงเผาสวรรค์!” อู๋ตี้ก็กล่าวอย่างโอ้อวดเช่นเดียวกันว่า “ข้าคืออู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในใต้หล้า  ข้าเป็นอสูรเทพที่แข็งแกร่งที่สุดและทรงพลังที่สุดในใต้หล้า คอยดูเถอะข้าจะจัดการกับเจ้า!”

อสรพิษสามหัวตัวนั้นมองไปยังพวกมัน ดวงตาฉายแววเหยียดหยามอย่างชัดเจน

“ฮ่า ๆ ๆ มดปลวกอย่างพวกเจ้าคิดจะต่อกรกับข้ารึ ? ฝันไปเถอะ!”

ในขณะที่อู๋ตี้และเสี่ยวหงกําลังต่อสู้กับอสรพิษสามหัวตัวนั้น  จู่ ๆ ก็มีเหล่าอสรพิษตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากตัวอสรพิษสามหัว

อสรพิษเล็ก ๆ เหล่านั้นเข้ามาล้อมรอบมู่เฉียนซีไว้

“ในเมื่อมาถึงแล้ว เช่นนั้นก็มาเป็นอาหารของข้าเสียเถอะ อย่าได้คิดหนีล่ะ!”

อสรพิษตัวเล็ก ๆ แต่ละตัวนี้ดูดุร้ายอย่างมาก ความแข็งแกร่งของแต่ละตัวไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามู่เฉียนซีเลย และความเร็วของพวกมันนั้นก็เรียกได้ว่าน่าหวั่นเกรง

จังหวะย่างก้าวพันเงาของมู่เฉียนซีได้ถูกใช้ไปมากแล้ว เวลานี้นางจึงทําได้เพียงหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกมันเท่านั้น

— ฟึ่บ!  ฟึ่บ!  ฟึ่บ! —

เข็มยานับไม่ถ้วนลอยออกมา แต่พิษของนางกลับไม่มีผลต่อเจ้าอสรพิษตัวเล็ก ๆ พวกนี้เลย

— ปัง! —

มู่เฉียนซีหยิบยาพิษในตัวออกมา ทว่าอสรพิษพิษตัวน้อยเหล่านี้ยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่ไม่ขาด

ช่างเป็นพวกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง พวกมันเป็นร่างแยกของอสรพิษสามหัว  นางวางยาพิษพวกมันไปก็ไร้ประโยชน์เพราะชีวิตของพวกมันมาจากร่างจริง  นางคงจะกำจัดพวกมันไม่ได้นอกเสียแต่ว่านางจะลงมือกับร่างจริง

ทว่ายากนัก  สัตว์ขนาดใหญ่มหึมาเช่นนั้น นางเป็นเพียงปรมาจารย์ภูตคนหนึ่งคงไม่สามารถเข้าใกล้ได้

มู่เฉียนซีหยิบกระบี่มังกรเพลิงออกมาและกวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่งหมายจะฆ่าสังหารอสรพิษตัวน้อยเหล่านี้

“มังกรเพลิงสังหาร!”

— ตูม!  ตูม! —

นางเกือบจมน้ำตายโดยอสรพิษเหล่านี้ กระบี่มังกรเพลิงสังหารไปครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าพวกมันมีจำนวนมาก นางฆ่าจนมือไม้อ่อนไปหมด

“เหมียวววว!  ง๊าววววว!”

ขณะนั้น เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของอู๋ตี้ก็ดังขึ้น

มู่เฉียนซีเห็นเลือดกระเซ็นออกจากร่างของอู๋ตี้ สีหน้านางพลันเปลี่ยนไปในทันที

“อู๋ตี้!”

ขณะที่นางกําลังเสียสมาธิ  อสรพิษตัวน้อย ๆ ก็พุ่งเข้าไปกัดข้อเท้าของนางอย่างเอาเป็นเอาตาย

นางแย่แน่แล้ว!

.