แต่มันจะได้ผลหรือ ?
ถ้าหากพิษของหมอปีศาจสามารถป้องกันได้ง่ายเช่นนี้ ศิษย์เหล่านั้นของหุบเขาหมอเทวดาก็คงจะไม่ตายอย่างหดหู่เช่นนั้น
— ปัง! ปัง! ปัง! —
อู๋ตี้เสี่ยวหงสองสัตว์พันธสัญญา ฉวยโอกาสนี้จัดการตาเฒ่าสองคนนั้น
“ภพหน้าจงจําเอาไว้ว่าอย่าล่วงเกินนายท่านของพวกข้า!”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยาจํานวนนับไม่ถ้วนลอยออกมาราวกับมีดวงตาที่เบิกกว้าง และจมลงไปในร่างกายของพวกเขา เหล่าศิษย์ของสํานักซวนปิงต่างล้มลงไป
เจ้าสำนักซวนปิงกระอักเลือดออกมา พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ปราณน้ำแข็งได้ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ และจับตัวกับพิษของมู่เฉียนซีจนกลายเป็นน้ำแข็ง
เมื่อเขาเห็นว่าคนของสํานักซวนปิงของตนตายไปมากแล้ว เขาก็ตกตะลึงและรีบไปช่วยอีซือ ศิษย์รักของตนที่ตกใจกลัวจนแทบหวาดผวา
ชิงอิ่ง เสี่ยวหง และอู๋ตี้มาอยู่ข้าง ๆ มู่เฉียนซี เพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการลอบโจมตีของผู้เฒ่าจากสํานักซวนปิง
เจ้าสํานักซวนปิงอุ้มร่างอีซือไว้ เขากล่าวว่า “สาวน้อย โปรดจําไว้ว่าสํานักซวนปิงของข้าจะอยู่ร่วมโลกกับเจ้าไม่ได้…”
กล่าวจบเจ้าสํานักซวนปิงหลบหนีไป ชิงอิ่งและอู๋ตี้ก็ไล่ตาม ทว่าผู้เฒ่าเจ้าสำนักผู้นั้นเป็นถึงจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก การที่เขาพยายามหลบหนีอย่างสุดชีวิตนั้น หมายความได้ว่าตอนนี้พวกชิงอิ่งไล่ตามไปอย่างยากลําบาก
ไม่นานนัก ผู้เฒ่าแห่งสำนักซวนปิงผู้นั้นก็หายไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา
ชิงอิ่งต้องการไล่ตามไป เขาติดตามมู่เฉียนซีมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้เหตุผลในการตัดรากถอนโคน แต่มู่เฉียนซีกลับกล่าวขึ้นว่า “ชิงอิ่ง อย่าเสียแรงไล่ตามไปเลย เวลานี้สํานักซวนปิงเหลือเพียงตาเฒ่าเจ้าคิดเจ้าแค้นนั่นและอีซือ คงไม่สามารถทําอะไรได้ จุดประสงค์ของเราในการเข้าสู่ดินแดนลึกลับทางตกคือการหาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพี ไม่ควรไปเสียเวลากับพวกคนไร้ประโยชน์เหล่านี้”
หลังจากประมือกับคนของสํานักซวนปิง มู่เฉียนซียังคงค้นหาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีในดินแดนลึกลับทางภาคตะวันตกต่อไป
ระหว่างทาง นางบังเอิญพบเจอกับสัตว์วิญญาณบ้างในบางเวลา ทว่านางไม่ไขว้เขว จุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ของนางก็เพื่อตามหาสมุนไพรวิญญาณ มิใช่เพื่อการฝึกฝน
ในช่วงครึ่งเดือน นางไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับสัตว์วิญญาณ ดังนั้นนางจึงเรียกอู๋ตี้และเสี่ยวหงออกมาเปิดทางอย่างไม่เกรงใจ ไม่พอ นางยังมอบสมุนไพรวิญญาณให้พวกเขาสักสองสามชุด
ทันใดนั้นชิงอิ่งดึงมู่เฉียนซี ปากก็กล่าวว่า “เฉียน!”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “อะไรหรือชิงอิ่ง ? เจ้าหิวแล้วรึ ? หากหิวแล้วข้าจะให้ยาเจ้าเพิ่มอีก”
ชิงอิ่งส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ทางด้านนั้นมีบางอย่างอร่อยพอ ๆ กันกับยาเม็ดของเจ้า”
มู่เฉียนซีตกตะลึง อะไรกันที่อร่อยเหมือนกับยาเม็ดของนาง ?
แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดปรุงยาในดินแดนลึกลับนี้ ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือมีสมุนไพรวิญญาณระดับสูงอยู่ที่นี่
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ชิงอิ่ง เจ้าสามารถสัมผัสถึงสมุนไพรวิญญาณระดับสูงได้รึ ?”
ชิงอิ่งกล่าว “อืม หอม”
นอกจากพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งและความใจสู้ชนิดที่ว่าสู้ไม่ตายแล้ว ชิงอิ่งยังได้พัฒนาทักษะความสามารถการรับรู้ด้วย มู่เฉียนซีรู้สึกว่าแม้ชิงอิ่งจะกินเม็ดยาไปเป็นจํานวนมากจนไม่มีใครในทวีปเซี่ยโจวสามารถเลี้ยงได้ไหว แต่ต้องบอกเลยว่าชิงอิ่งมีประโยชน์อย่างมาก
เมื่อชิงอิ่งได้กลิ่นอาหารอร่อย ๆ นั้นแล้ว เขาชี้ทางให้มู่เฉียนซี ในที่สุดมู่เฉียนซีก็มาถึงทะเลสาบที่หนาวเหน็บเย็นกาย ทะเลสาบนั้นมีเพียงสีเขียว ๆ ให้เห็นเล็กน้อย ท่ามกลางสีเขียวนั้นมีดอกบัวหิมะบานสะพรั่งราวกับผลึกน้ำแข็งเป็นก้อน ๆ
ใบหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววปีติยินดี “ผลึกดอกบัวหัวใจศักดิ์สิทธิ์ สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีขั้นที่สาม นี่เป็นสมุนไพรวิญญาณที่ดีที่สุดที่สามารถยับยั้งพิษในร่างกายของท่านอาได้ ความสามารถในการชําระล้างนั้นแข็งแกร่งมาก”
มาดินแดนลึกลับทางภาคตะวันตกในครั้งนี้ ไม่เสียเปล่าดีแท้ ๆ
เมื่อมู่เฉียนซีกําลังจะเดินไปข้างหน้าเพื่อเก็บดอกบัว กลับถูกชิงอิ่งรั้งไว้ ชิงอิ่งกล่าวขึ้นว่า “เฉียน ข้าไปเอง”
ทะเลสาบนี้ดูสงบนิ่งมาก แต่หากข้างกายของสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเช่นนี้ไม่มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องอยู่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้
มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว นางกล่าวขึ้นว่า “ชิงอิ่ง เจ้าต้องระวังตัวให้มาก แม้ว่าเจ้าจะไม่สามารถถูกฆ่าตายได้ แต่ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าต้องได้รับบาดเจ็บใด ๆ เข้าใจหรือไม่ ?”
“ได้” ชิงอิ่งพยักหน้า
เมื่อเงาร่างสีเขียวพุ่งไปยังทะเลสาบ ทันใดนั้นทั่วทั้งทะเลสาบก็มีน้ำไหลเชี่ยวขึ้นมาราวกับมีสิ่งของขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากทะเลสาบและกลืนกินชิงอิ่งเข้าไป
สีหน้าของมู่เฉียนซีแปรเปลี่ยนไป นางรีบกล่าวขึ้นทันที “ชิงอิ่ง รีบหลบเร็วเข้าเร็ว!”
— ฟึ่บ! —
ศีรษะขนาดมหึมาพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำ อ้าปากใหญ่และกลืนชิงอิ่งเข้าไปไม่รีรอ
หัวของชิงอิ่งยังโผล่ให้เห็น เขาตะโกน “เฉียน รีบไป!”
จากนั้นชิงอิ่งหายตัวไปต่อหน้ามู่เฉียนซี ดวงตาที่ฉายแววร้อนรนของนางพลันแดงก่ำ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!
“โฮกกก!” เสียงคํารามดังออกมา ในที่สุดมู่เฉียนซีก็เห็นใบหน้าที่แท้จริงของสัตว์อสูรที่น่ากลัวได้อย่างชัดเจน
นี่คืออสรพิษยักษ์ขนาดมหึมาอย่างหาที่เปรียบได้ยาก อีกทั้งยังมีหัวทั้งหมดสามหัว แต่ละหัวราวกับยอดเขาขนาดมหึมา นี่คืออสรพิษสามหัว—สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม
แต่เกรงว่าพลังอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ของมัน มันคงกำลังจะทะลวงผ่านระดับสี่แล้ว
เสี่ยวหงและอู๋ตี้พุ่งออกมา พากันกล่าวว่า “นายท่านรีบไป! พวกข้าคอยกันอยู่ด้านหลังให้เอง ท่านวางใจเถอะ ที่ผ่านมาไม่ว่าเจ้าท่อนไม้ชิงอิ่งนั่นจะถูกตีอย่างไรก็ไม่เคยตาย ดังนั้นต่อให้เขาถูกอสรพิษกลืนกินก็คงจะไม่เป็นอะไร”
พวกมันทั้งสองร่วมมือกันสู้กับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสาม ทว่าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอสรพิษสามหัวนี้ เวลานี้สิ่งที่พวกมันคิดคือนายท่านของพวกมันจะต้องออกไปได้อย่างปลอดภัย
เสี่ยวหงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “อ๊าก! เจ้าก็เป็นแค่อสรพิษสามหัวโง่ ๆ กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า คอยดูแล้วกันข้าผู้นี้จะสังหารเจ้า! …เพลิงเผาสวรรค์!” อู๋ตี้ก็กล่าวอย่างโอ้อวดเช่นเดียวกันว่า “ข้าคืออู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานหนึ่งเดียวในใต้หล้า ข้าเป็นอสูรเทพที่แข็งแกร่งที่สุดและทรงพลังที่สุดในใต้หล้า คอยดูเถอะข้าจะจัดการกับเจ้า!”
อสรพิษสามหัวตัวนั้นมองไปยังพวกมัน ดวงตาฉายแววเหยียดหยามอย่างชัดเจน
“ฮ่า ๆ ๆ มดปลวกอย่างพวกเจ้าคิดจะต่อกรกับข้ารึ ? ฝันไปเถอะ!”
ในขณะที่อู๋ตี้และเสี่ยวหงกําลังต่อสู้กับอสรพิษสามหัวตัวนั้น จู่ ๆ ก็มีเหล่าอสรพิษตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากตัวอสรพิษสามหัว
อสรพิษเล็ก ๆ เหล่านั้นเข้ามาล้อมรอบมู่เฉียนซีไว้
“ในเมื่อมาถึงแล้ว เช่นนั้นก็มาเป็นอาหารของข้าเสียเถอะ อย่าได้คิดหนีล่ะ!”
อสรพิษตัวเล็ก ๆ แต่ละตัวนี้ดูดุร้ายอย่างมาก ความแข็งแกร่งของแต่ละตัวไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามู่เฉียนซีเลย และความเร็วของพวกมันนั้นก็เรียกได้ว่าน่าหวั่นเกรง
จังหวะย่างก้าวพันเงาของมู่เฉียนซีได้ถูกใช้ไปมากแล้ว เวลานี้นางจึงทําได้เพียงหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกมันเท่านั้น
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
เข็มยานับไม่ถ้วนลอยออกมา แต่พิษของนางกลับไม่มีผลต่อเจ้าอสรพิษตัวเล็ก ๆ พวกนี้เลย
— ปัง! —
มู่เฉียนซีหยิบยาพิษในตัวออกมา ทว่าอสรพิษพิษตัวน้อยเหล่านี้ยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่ไม่ขาด
ช่างเป็นพวกที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง พวกมันเป็นร่างแยกของอสรพิษสามหัว นางวางยาพิษพวกมันไปก็ไร้ประโยชน์เพราะชีวิตของพวกมันมาจากร่างจริง นางคงจะกำจัดพวกมันไม่ได้นอกเสียแต่ว่านางจะลงมือกับร่างจริง
ทว่ายากนัก สัตว์ขนาดใหญ่มหึมาเช่นนั้น นางเป็นเพียงปรมาจารย์ภูตคนหนึ่งคงไม่สามารถเข้าใกล้ได้
มู่เฉียนซีหยิบกระบี่มังกรเพลิงออกมาและกวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่งหมายจะฆ่าสังหารอสรพิษตัวน้อยเหล่านี้
“มังกรเพลิงสังหาร!”
— ตูม! ตูม! —
นางเกือบจมน้ำตายโดยอสรพิษเหล่านี้ กระบี่มังกรเพลิงสังหารไปครั้งแล้วครั้งเล่า ทว่าพวกมันมีจำนวนมาก นางฆ่าจนมือไม้อ่อนไปหมด
“เหมียวววว! ง๊าววววว!”
ขณะนั้น เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของอู๋ตี้ก็ดังขึ้น
มู่เฉียนซีเห็นเลือดกระเซ็นออกจากร่างของอู๋ตี้ สีหน้านางพลันเปลี่ยนไปในทันที
“อู๋ตี้!”
ขณะที่นางกําลังเสียสมาธิ อสรพิษตัวน้อย ๆ ก็พุ่งเข้าไปกัดข้อเท้าของนางอย่างเอาเป็นเอาตาย
นางแย่แน่แล้ว!
.