ตอนที่ 326 ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนหมดสติ
“ก่อนที่ท่านแม่จักสิ้นลม พวกเจ้าเคยพบคนของแคว้นเชียงบ้างหรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอถามหลงจู๊หอจิ่นซิ่ว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงส่ายหน้า “มิมีขอรับ ตอนนั้นฮูหยินใหญ่จากไปอย่างกะทันหัน พวกเราเคยสงสัยว่าอาจมีบางอย่างมิชอบมาพากลเช่นกันจึงส่งคนไปตรวจสอบ แต่สุดท้ายก็รู้เพียงว่านางจากไปเพราะอาการป่วยเท่านั้นขอรับ”
เมื่อกล่าวถึงการตายของฮูหยินใหญ่อัน ใบหน้าของหลงจู๊หอจิ่นซิ่วก็ปรากฏความเสียใจขึ้นมา
ทั้งที่พวกเขารบชนะข้าศึกตั้งมากมาย แต่มาถูกใส่ร้ายเพราะความระแวงของฮ่องเต้จนต้องเปลี่ยนตัวตนเพื่อหลบหนีมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองเช่นนี้ แต่มิคิดว่าฮูหยินใหญ่อันก็ยังมาด่วนจากไปอีก สวรรค์รังแกคนดีเสียจริง !
ทันใดนั้นคิ้วของอันหลิงเกอก็ขมวดขึ้น เพราะเหตุนี้จึงยิ่งมีความเป็นไปได้มากนัก
เมื่อชาติที่แล้วก่อนนางสิ้นลมและอันหลิงอีกำลังดีใจอยู่นั้นได้เผยความจริงเรื่องการตายของท่านแม่ออกมาว่าท่านมิได้ตายเพราะอาการป่วยแต่โดนทำร้ายจนตาย
แต่หลงจู๊หอจิ่นซิ่วส่งคนไปตรวจสอบกลับมิพบอันใดน่าสงสัย ซึ่งเขาถึงขั้นมิรู้ด้วยซ้ำว่าหลี่ซื่อเป็นคนร้าย นั่นคือสิ่งที่นางสงสัยมากที่สุด
ทหารที่ชำนาญเรื่องการสืบข่าวกลับโดนอนุภรรยาคนหนึ่งเยี่ยงหลี่ซื่อตบตา นอกจากว่าเบื้องหลังของนางยังมีผู้มากอำนาจคนอื่นอยู่ เช่นนั้นนางมิมีทางทำเรื่องเช่นนี้ได้แน่
ความสงสัยภายในใจของอันหลิงเกอเพิ่มมากขึ้น แต่รู้ดีว่าต่อให้ถามสิ่งใด หลงจู๊หอจิ่นซิ่วก็คงมิได้คำตอบเพิ่มเติม
นางจึงสั่งให้หลงจู๊หอจิ่นซิ่วคอยสังเกตหลี่ซื่อไว้ให้ดี หากหลี่ซื่อออกจากจวนก็ให้คนคอยตามดูเอาไว้
“อนุหลี่มีปัญหาอันใดหรือขอรับ ? ”
หลงจู๊หอจิ่นซิ่วได้ยินอันหลิงเกอกล่าวเช่นนี้ กอปรกับเพิ่งสนทนาเรื่องการตายของฮูหยินใหญ่อัน ภายในใจก็คาดเดาได้ทันที
อันหลิงเกอหาได้ปกปิดเขา นางพยักหน้าให้ ดวงตาทอประกายเย็นชาออกมา “ข้าเคยได้ยินหลี่อี๋เหนียงและอันหลิงอีสนทนากันเรื่องที่ท่านแม่โดนหลี่อี๋เหนียงสังหารมิใช่ป่วยตาย”
แต่หลี่ซื่อเพียงคนเดียวมิมีทางทำเรื่องนี้ได้อย่างแนบเนียนและมิทิ้งร่องรอยอันใดเอาไว้อย่างแน่นอน
ซึ่งอันหลิงเกอมิได้เอ่ยสิ่งที่กำลังคาดเดาอยู่ออกไป หากหลงจู๊หอจิ่นซิ่วพบความผิดปกติของหลี่ซื่อจริงนางค่อยตามสืบอีกที
คำพูดของอันหลิงเกอทำให้สีหน้าของหลงจู๊หอจิ่นซิ่วเข้มขึ้น “ข้ารู้อยู่แล้วว่านางมิใช่คนดี คุณหนูได้โปรดวางใจ ข้าจักส่งคนไปคอยตามนางเอาไว้ หากมีความเคลื่อนไหวอันใด จักรีบรายงานให้ท่านทราบทันทีขอรับ”
“เช่นนั้นต้องรบกวนเจ้าแล้ว”
อันหลิงเกอพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนเดินออกจากหอจิ่นซิ่วแล้วขึ้นรถม้าเพื่อกลับจวน
ทันทีที่นางเดินเข้ามาในเรือนฉีอู๋ก็เห็นปี้จูยืนรอที่หน้าประตูด้วยท่าทีร้อนรน ใบหน้ากลมป้อมเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมาเสียที ! ”
ปี้จูเห็นอันหลิงเกอกลับมาแล้วก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ นางรีบก้าวเข้ามาหาอันหลิงเกอ
อันหลิงเกอเห็นดังนั้นก็รู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ด้วยคิดว่าต้องเกิดเหตุบางอย่างขึ้นในเรือนเป็นแน่ “เกิดอันใดขึ้น เจ้าค่อย ๆ พูด มิต้องรีบ”
ปี้จูเห็นหน้าอันหลิงเกอก็ราวกับได้กินยาคลายกังวล อาการตื่นตระหนกบนใบหน้าก็จางไป “เรียนคุณหนู มิได้มีอันใดเกิดขึ้นที่เรือนฉีอู๋หรอกเจ้าค่ะ แต่นายหญิงหลี่…”
“หลี่อี๋เหนียงก่อเรื่องอันใดอีก ? ”
ทันใดนั้นแววตาของอันหลิงเกอก็ปรากฏความเย็นชาขึ้นมา นางกำลังหงุดหงิดที่ยังหาจุดอ่อนของหลี่ซื่อมิได้เสียที ทั้งที่รู้ว่ามารดาถูกคนลอบทำร้ายจนตาย แต่หาหลักฐานมิได้จึงมิสามารถนำตัวคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ความรู้สึกนี้ช่างทรมานยิ่งนัก
ปี้จูเห็นสีหน้าของอันหลิงเกอก็รีบก้มหน้าแล้วกล่าวออกมา “เมื่อวานที่คุณหนูสามถูกฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษคุกเข่าที่โถงบรรพบุรุษ นายหญิงหลี่มิได้ไปอ้อนวอนฮูหยินผู้เฒ่า แต่เอาเรื่องนี้ไปฟ้องท่านโหวแทนเจ้าค่ะ”
“มิทราบว่านางกล่าวอันใดบ้าง ท่านโหวจึงไปที่โถงบรรพบุรุษกับนางและพอเห็นคุณหนูสามอยู่ในห้องโถงมืด ๆ คนเดียวก็เกิดความสงสารเป็นอย่างมากจนสั่งให้คนปล่อยตัวคุณหนูสามทันทีเจ้าค่ะ”
ปี้จูกล่าวไปพลางแสดงสีหน้ามิพอใจไปด้วย “แต่คนที่สั่งให้คุณหนูสามไปอยู่ในโถงบรรพบุรุษคือฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งยังสั่งด้วยว่าผู้ใดกล้าส่งข้าวให้คุณหนูสามจักโดนไล่ออกจากจวนทันที แต่การที่ท่านโหวทำเช่นนี้เท่ากับตบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
“เรื่องนี้ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหอย่างมาก แต่ทำอันใดท่านโหวมิได้ ตอนนี้กำลังบันดาลโทสะอยู่ที่เรือนเจ้าค่ะ ได้ยินว่าโกรธจนหมดสติไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้ได้เชิญท่านหมอไปดูอาการแล้วเจ้าค่ะ”
ปี้จูกล่าวอย่างรวดเร็วแต่มิได้ดูร้อนรนและสามารถเล่าออกมาโดยมิตกหล่น
ท่าทีของอันหลิงเกอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ท่านย่าถึงขั้นโมโหจนหมดสติ แสดงว่านางต้องโกรธมากทีเดียว
“แล้วตอนนี้ท่านย่าเป็นอย่างไรบ้าง ? ”
อันหลิงเกอถาม ดวงตาดำขลับแฝงไว้ด้วยความกังวล มิว่าท่านย่าลำเอียงขนาดไหน จักเห็นแก่ส่วนรวมมากเช่นไร แต่ท่านย่าก็ยังรักนางอยู่
เมื่อได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนหมดสติ อันหลิงเกอก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก
ปี้จูรีบตอบกลับ “ท่านหมอไปดูอาการของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเจ้าค่ะ นางมิได้เป็นอันใดมาก เพียงแต่เมื่อครู่โมโหมากเกินไปเลือดลมไหลเวียนมิสะดวกจึงหมดสติ ตอนนี้ได้สติแล้วเจ้าค่ะ”
“แต่หลังจากที่ท่านโหวทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนหมดสติก็รีบไปขออภัยที่เรือนชิงเฟิงทันที ทั้งยังช่วยพูดแทนคุณหนูสามจนทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้งเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอเข้าใจดี เดิมท่านย่าโมโหเพราะท่านพ่อขัดคำสั่งก็เท่ากับเป็นการตบหน้านางต่อหน้าทุกคนในจวน
ตอนนี้ท่านพ่อยังไปช่วยขอร้องให้อันหลิงอีถึงที่เรือนท่านย่าอีก หากนางมิโกรธถึงจักแปลก
อันหลิงเกอพยักหน้าอย่างเข้าใจและถามต่อ “ตอนนี้ท่านพ่อยังอยู่ที่เรือนท่านย่าหรือไม่ ? ”
หลังจากปี้จูตอบว่าใช่ อันหลิงเกอจึงกล่าวขึ้น “เช่นนั้นเจ้ากับหมิงซินก็อยู่เฝ้าเรือนต่อไป ข้าจักไปดูอาการท่านย่าสักหน่อย”
เมื่อสั่งปี้จูแล้วอันหลิงเกอก็เรียกหาหมิงซิน เพียงครู่เดียวหมิงซินก็เดินออกมาจากในห้อง
“เจ้าไปนำยาที่ช่วยบำรุงร่างกายมาที ท่านย่าอายุมากแล้วต้องรักษาตัวให้ดี”
หมิงซินเป็นคนดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว นางเป็นคนละเอียดรอบคอบทำงานพวกนี้ได้เป็นอย่างดี
เมื่อได้รับคำสั่งจากอันหลิงเกอ หมิงซินก็รีบเข้าไปเตรียมยาให้ทันที เพียงครู่เดียวก็สั่งให้สาวใช้ห่อตัวยาที่เลือกไว้อย่างดี จากนั้นก็นำมามอบให้อันหลิงเกอ
อันหลิงเกอมิได้พานางสองคนไปด้วยและไปเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าเพียงลำพัง
เมื่อนางเดินมาถึงหน้าเรือนชิงเฟิง สาวใช้ที่ดูแลประตูเห็นอันหลิงเกอมา ใบหน้าระทมทุกข์ของนางก็เผยรอยยิ้มราวกับดอกไม้บาน “คุณหนูใหญ่มาแล้ว ท่านรีบเข้าไปเถิดเจ้าค่ะ ท่านฮูหยินผู้เฒ่ากำลังอารมณ์มิดี มีเพียงท่านที่จักช่วยทำให้นางอารมณ์ดีได้บ้างเจ้าค่ะ”
การที่ท่านโหวผิดใจกับฮูหยินผู้เฒ่า สาวใช้เยี่ยงพวกนางก็ลำบากใจเช่นกัน
การมาของอันหลิงเกอ สำหรับสาวใช้ของที่นี่ราวกับห่าฝนที่เทลงมาได้ทันเวลา
อันหลิงเกอพยักหน้าโดยมิได้กล่าวสิ่งใด จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
มีสาวใช้เป็นผู้ยกม่านให้ อันหลิงเกอเข้ามาในห้องก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่านั่งหน้านิ่งอยู่บนเก้าอี้ ส่วนอันอิงเฉิง หลี่ซื่อและอันหลิงอีนั่งอยู่บนเก้าอี้ถัดไปตามลำดับ
“ไอหยา เกอเอ๋อออกจักงานยุ่ง เหตุใดจึงมาที่นี่ได้เล่า ? ”
หลี่ซื่อตาไว แค่ปราดเดียวก็เห็นอันหลิงเกอที่กำลังเดินเข้ามาแล้ว
อันหลิงเกอมิได้สนใจน้ำเสียงประชดประชันของอีกฝ่าย นางคำนับฮูหยินผู้เฒ่า จากนั้นคำนับอันอิงเฉิงแล้วเดินไปข้างกายของฮูหยินผู้เฒ่า
“ท่านย่า เกอเอ๋อได้ยินว่าท่านโกรธจนหมดสติ ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ ? ”