ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 293
cจื่ออันมองที่แผ่นหลังของเขา เกลียดจนอยากจะงับเขาจริง ๆ ผู้สำเร็จราชการผู้นี้มักพูดจาแค่ครึ่งนึงจากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุย ไม่เปิดโอกาสให้ใครถามเลย
cสิ่งที่ทำให้คนอื่นทนไม่ได้มากที่สุด ก็คือคำพูดของเขาดูเหมือนจะจริงแต่ก็เป็นเท็จเสมอ และคนอื่นจะไม่สามารถแยกแยะได้เลย
cคนพาล!
cพอจัดการเรื่องของหนี่หรงเสร็จเรียบร้อย เกือบจะค่ำแล้ว
cเฉินหลิวหลิ่วเล่นกับพวกสาวใช้มาทั้งวัน นางเองก็เหนื่อยแล้ว จึงนอนคว่ำอยู่บนโต๊ะหินในลานของเรือน
cระยะนี้นางและเซียวท่าไม่ได้มีความคืบหน้าใด ๆ เลย และไม่ได้พูดคุยกันด้วย ความคืบหน้าเพียงอย่างเดียวก็คือนางมักจะเห็นเขาบ่อยขึ้น
cเฉินหลิวหลิ่วบอกกับจื่ออันว่า นางจะค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในใจของเซียวท่าทีละนิด ๆ ดังนั้นนางจึงไม่รีบร้อน
cจื่ออันรู้สึกชื่นชมนางมาก เดิมทีคิดว่านางจะยอมแพ้ นางอดทนมาสองถึงสามวันแต่ก็ไม่ได้พูดคุยกับเซียวท่าเลย ซึ่งความไม่ย่อท้อนี้ ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปต่างก็ไม่มี
cเฉินหลิวหลิ่วมีค่าควรแก่การยกย่อง และหากนางใช้ความไม่ย่อท้อนี้ในด้านอื่น ๆ ก็จะบรรลุผลสำเร็จอย่างแน่นอน
cตอนที่พวกนางออกจากจวนมา กุ้ยไท่เฟยก็กลับเข้ามาในจวนพอดี
cนางกลับจากวังมาในวันแรกของทุกเดือน นางจะเข้าวังเพื่อไปคำนับเหล่าไท่โฮ่ว เมื่อวานไม่ได้ไปเพราะว่ามีคนเข้าวังไปมากมาย ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนมาเป็นเข้าวังไปในวันนี้
cนี่เป็นครั้งแรกที่จื่ออันได้เผชิญหน้ากับกุ้ยไท่เฟยในช่วงเวลาแบบนี้
cนางพาเฉินหลิวหลิ่วไปคำนับ “ถวายบังคมกุ้ยไท่เฟย”
cกุ้ยไท่เฟยยืนนิ่งและมองไปที่เซี่ยจื่ออัน ใบหน้าของนางแลดูสงบและดวงตาก็ดูสงบนิ่งเช่นกัน แต่ความสงบนี้ดูยังไงชอบกล
c“พ่อของเจ้าเชิญให้ข้าไปร่วมงานอภิเษกสมรสในวันพรุ่งนี้ เจ้ากลับไปบอกพ่อของเจ้าให้ข้าด้วยว่า ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ไปที่นั่นไม่ได้แล้ว แม้ว่าข้าจะไม่ไป แต่ข้าจะส่งของกำนัลไปให้” กุ้ยไท่เฟยกล่าว
c“”เพคะ ขอบพระทัยกุ้ยไท่เฟย ขอพระองค์ทรงดูแลพระพลานามัยด้วยเพคะ” จื่ออันกล่าวอวยพรคนที่เคยสั่งคนให้ฆ่าตนเองแล้วโยนลงในหลุมสุสาน แม้ว่าจื่ออันจะเกลียดนางมากเพียงใด แต่ก็ยังไม่อาจขัดแย้งกับนางได้
c“เซี่ยจื่ออัน” กุ้ยไท่เฟยที่ได้ก้าวไปข้างหน้าแล้ว แต่ก็หยุดและกล่าวว่า “วันนี้ข้าได้ขอให้หวงไท่โฮ่วมีพระราชเสาวนีย์เรื่องการอภิเษก ภายในสองวันนี้จะมีรับสั่งออกมาเป็นแน่”
cจื่ออันตกใจ แต่ก็ยังพูดออกมาด้วยความเคารพ “ขอบพระทัยกุ้ยไท่เฟย”
cกุ้ยไท่เฟยยิ้มอย่างไม่แยแส “ต่อไปเจ้าจะรู้เองว่าวันนี้ควรขอบคุณข้าหรือไม่”
cพูดจบนางก็เดินเข้าไปด้านในอย่างเย็นชา
cเฉินหลิวหลิ่วช่วยพยุงจื่ออันให้ลุกขึ้นมาแล้วพูดด้วยความงุนงง “ทำไมต่อไปถึงจะรู้ว่าควรจะขอบคุณหรือไม่? เจ้าก็ไม่ได้ขอบคุณนางจากใจจริงนี่ หรือว่านางจะไม่รู้?”
cจื่ออันยิ้ม “ใช่ ข้าไม่ได้พูดจากใจจริง นางเองก็รู้ ทุกคนล้วนก็พูดสุภาพต่อหน้ากันเท่านั้น เพียงแต่คำพูดของนางบ่งบอกว่า เมื่อข้าอภิเษกสมรสแล้ว ข้าก็จะต้องเผชิญกับอันตราย”
cแม้ว่าเฉินหลิวหลิ่วจะหยาบคาย แต่นางก็เข้าใจอะไรได้ดี “หากนางต้องการจัดการกับเจ้า ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้เจ้ามาเป็นลูกสะใภ้แล้วค่อยลงมือแล้วล่ะ”
cมู่หรงเจี๋ยที่ยืนอยู่หน้าระเบียง มองดูทั้งสองที่พบกันโดยบังเอิญ
cกุ้ยไท่เฟยเดินมาหยุดอยู่ข้าง ๆ เขาแล้วพูดอย่างเย็นชา “ตามคำขอของเจ้า ข้าได้เข้าไปในวังเพื่อขอพระราขทานอนุญาตให้แล้ว”
c“ลำบากท่านแล้ว!” มู่หรงเจี๋ยดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม
c“ถึงแม้ข้าจะไม่ได้ไปในครั้งนี้ ไม่ช้าก็เร็วนางก็จะมีพระราชเสาวนีย์ให้อภิเษกอยู่ดี เจ้าจะรีบไปใย? กุ้ยไท่เฟยรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
cมู่หรงเจี๋ยพิงตัวอยู่หน้าราวบันได ผุดรอยยิ้มจาง ๆ ที่ริมฝีปากของเขา และดูไม่แยแสอะไร “นี่มันไม่เหมือนกัน นางคือคนที่เสด็จแม่ให้เข้าวังมาเป็นพิเศษ ให้มาเป็นลูกสะใภ้ของท่าน ดีที่เสด็จแม่มีพระราชเสาวนีย์ออกมาบีบให้ท่านยอมรับ ใช่หรือไม่?”
cข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดข้า แต่ว่าข้าไม่ได้ยั่วยุนางแล้ว เจ้าจำเป็นต้องดูหมิ่นมารดาผู้ให้กำเนิดเจ้าเช่นนี้ด้วยหรือ?” กุ้ยไท่เฟยกล่าวด้วยใบหน้าที่หมองเศร้า
cมู่หรงเจี๋ยจ้องมองไปที่นางแล้วยิ้มกว้าง “ดูเสด็จแม่กำลังพูดสิ่งใดกันเล่า? เป็นบุตรจะเกลียดแม่ของตนได้เช่นไร? เว้นเสียแต่ว่าแม่จะพยายามฆ่าลูกชายของตนเองอย่างเหี้ยมโหด แต่ว่ามันจะเป็นไปได้เช่นไรเล่า ขนาดเสือมันยังไม่กินลูกตัวเอง นอกจากนี้เสด็จแม่ยังเป็นกุ้ยเฟยที่เสด็จพ่อทรงรักมาก ยังจำสิ่งที่เสด็จพ่อเขียนในการมอบตำแหน่งให้ท่านในพระราชกฤษฎีกาได้หรือไม่? สุขุมใจดี สง่างาม ทรงเกียรติ และมีคุณธรรม เหมาะที่จะเป็นแบบอย่างของสตรีทั่วหล้า”
c
c
c
cc