ตอนที่ 172 ข้าหลอกท่าน
จงซานเอ่ยอย่างมั่นใจ เยี่ยเม่ยพยักหน้า
ไม่ว่าอย่างไรเมื่อล้มล้างราชสำนักเป่ยเฉินแล้ว ใต้หล้านี้ก็ต้องมีผู้ปกครอง นางไม่มีความแค้นอันใดกับเหล่าชาวบ้าน หากนางได้อำนาจในการปกครองแล้ว ย่อมช่วยชาวบ้านทั้งหลายทางออกที่ดี
……
อีกด้านหนึ่ง
เย่จื่อหนานยื่นตั๋วเงินที่เพิ่งยืมจากเยี่ยเม่ยเมื่อครู่ให้เป่ยเฉินหลิวอวี่ เอ่ยว่า “แม่นาง นี่คือเงินหนึ่งพันตำลึงทอง เจ้าลองดูว่าพอหรือไม่ ไม่พอข้าจะหาทางรวบรวมเงินมาอีก แต่หวังว่าหลังจากแม่นางกลับบ้านไปแล้วจะบอกกับบิดาเจ้าว่าผู้แซ่เย่จะไปสู่ขอพรุ่งนี้”
“นี่…” เป่ยเฉินหลิวอวี่ที่กำลังโศกเศร้า คิดไม่ถึงว่าเย่จื่อหนานจะถือเงินมาปรากฏเบื้องหน้านางแล้ว
นางอดถามไม่ได้ว่า “เช่นนั้นเมื่อครู่เหตุใดใต้เท้าเย่ถึงให้ข้ากลับไปก่อน แล้วตอนนี้ถึง…”
“นี่…”
คราวนี้กลายเป็นเย่จื่อหนานพูดไม่ออก เขาตอบไม่ได้ว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งยืมเงินได้ ดังนั้นถึงกลับมากระมัง
เช่นนี้จะสร้างความลำบากใจให้เป่ยเฉินหลิวอวี่
เขาไม่ถนัดโกหก ได้แต่เอ่ยไปมั่วซั่วว่า “เดิมผู้น้อยคิดกลับไปเอาเงินที่บ้าน แต่บางทีเพราะดื่มมากไป ถึงลืมไปว่าติดเงินมาไว้กับตัวเช่นกัน ขายหน้าแล้ว”
เป่ยเฉินหลิวอวี่เงียบไปครู่หนึ่ง
เป็นอย่างนี้จริงหรือ
เหตุผลง่ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ดูจากสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติของเขาแล้ว ดูไม่เหมือนเลย
เย่จื่อหนานเอ่ยอีกว่า “ไม่ทราบว่าบ้านแม่นางอยู่ที่ใด” ในเมื่อคิดจะสู่ขอ ก็ต้องรู้ที่อยู่ของเป่ยเฉินหลิวอวี่
เป่ยเฉินหลิวอวี่มองเงินในมือสลับกับมองเย่จื่อหนาน เอ่ยปากหยันว่า “รีบร้อนถามที่อยู่ข้า หรือท่านเกรงว่าข้าจะเอาเงินแล้วหนีไป”
เย่จื่อหนานได้ฟังพลันลนลานแล้ว เกรงว่าเป่ยเฉินหลิวอวี่จะเข้าใจตนผิด รีบอธิบาย “ไม่ใช่ แม่นาง ผู้น้อยไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ผู้น้อยเพียงหวังว่าจะได้ผูกสัมพันธ์กับแม่นางในเร็ววันเท่านั้น ความจริงต่อให้แม่นางไม่แต่งกับผู้น้อย ขอเพียงแค่ต้องการให้ผู้น้อยช่วยแม่นางหาเงินหนึ่งพันตำลึงทอง ผู้น้อยก็ต้องช่วยเหลือแม่นาง”
นี่คือคำพูดจากใจจริงของเย่จื่อหนาน
สำหรับคนที่เขาชอบ เขายินยอมทุ่มเททั้งหัวจิตหัวใจ เงินหนึ่งพันตำลึงทองถึงแม้ต้องใช้เวลานานในการชดใช้ แต่ว่าเขาก็ยินยอม
ครั้นเอ่ยมาถึงตอนนี้ เขาก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ กล่าวกับเป่ยเฉินหลิวอวี่ “แม่นาง หากเจ้าไม่ชอบผู้แซ่เย่ เพียงแต่ไม่ยินยอมแต่งงานกับคนที่เจ้าไม่ชอบตามความต้องการของบิดา ต้องการเงินหนึ่งพันตำลึงทองเพื่อช่วยตัวเองออกจากเภทภัยก็บอกมาตามตรง ผู้แซ่เย่ไม่มีทางฝืนให้แม่นางแต่งกับข้า เงินหนึ่งพันตำลึงทองนี้เจ้าเอาไปได้เลย ได้ทำอะไรเพื่อแม่นางเล็กน้อย ผู้แซ่เย่รู้สึกดีใจมาก”
เป่ยเฉินหลิวอวี่ฟังคำพูดของเขา มองใบหน้าที่แสดงความจริงใจนั้นก็อดโพล่งออกไปไม่ได้ว่า “ท่านมันคนโง่”
เป็นคนโง่จริงๆ
ครั้งแรกตอนที่ได้พบเขาผดุงคุณธรรม เป่ยเฉินหลิวอวี่เพียงรู้ว่าเขามีนิสัยดีงาม จิตใจมีเมตตา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะดีถึงขั้นนี้ ท่าทางซื่อสัตย์เช่นนี้ ทำให้เป่ยเฉินหลิวอวี่ที่กำลังทดสอบเขา เกิดความรู้สึกว่าตนเองเลวร้ายขึ้นมาแล้ว
เย่จื่อหนานถูกว่าเช่นนี้ ไม่รู้ว่าควรตอบรับอย่างไรดี
เงยหน้ามองดวงหน้าหวานพลันหน้าแดงขึ้นมา รีบก้มหน้าลงทันที
เป่ยเฉินหลิวอวี่ถามเขาว่า “ข้าขอถามท่าน ต่อให้ท่านได้อยู่กับข้า ท่านจะมีภัยถึงชีวิต เสี่ยงอันตรายล่วงเกินเบื้องบน ท่านก็ไม่กลัวใช่หรือไม่”
คำพูดนี้ทำเอาเย่จื่อหนานตะลึงงัน ก็ถูก เขาเป็นขุนนางราชสำนัก โดยเฉพาะขุนนางระดับสามขึ้นไป ส่วนมากฮ่องเต้จะพระราชทานสมรสให้ เขากลับแต่งหญิงจากหอนางโลม เกรงว่าฝ่าบาทต้องพิโรธแน่
แค่เขายังยืนหยัดตอบว่า “ผู้แซ่เย่ไม่กลัว”
เป่ยเฉินหลิวอวี่ยิ้มแล้ว ยื่นตั๋วเงินในมือคืนให้เขา “เอากลับไปเถอะ ข้าหลอกท่าน ข้าหาใช่หญิงโลกีย์อันใดไม่ ข้าแซ่เป่ยเฉิน”
ตอนที่ 173 ก็ตายด้วยกัน
เป่ยเฉิน?
เย่จื่อหนานชะงักนิ่ง แซ่เป่ยเฉินนี้เป็นแซ่ของราชวงศ์เป่ยเฉิน ดังนั้นแม่นางที่อยู่เบื้องหน้าเขาคือคนของราชวงศ์หรือ
อย่างนั้นก็หมายความว่า อย่างน้อยนางก็เป็นธิดาของท่านอ๋องแล้ว?
เขาเหม่อมองตั๋วแลกเงินที่อยู่ตรงหน้า สติหลุดลอยไปชั่วขณะ เป็นเพราะเขาดื่มมากไปจริงๆ ดังนั้นเขาถึงขั้นสงสัยว่าตัวเองกำลังเกิดภาพหลอนหรือเปล่า
ในเวลานี้เอง
เป่ยเฉินหลิวอวี่ก็ยัดตั๋วแลกเงินใส่มือเขา ขอโทษจากใจ “ขอโทษด้วย ข้า…”
เย่จื่อหนานกลับตัดบทนาง เมื่อเขาสงบสติลงได้ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าหลอกข้า หมายถึงหลอกข้าเรื่องฐานะเจ้า หรือว่าหลอกข้าทั้งหมด”
บอกว่าชอบเขา อยากแต่งกับเขา ความจริงคือนางหลอกเขาหรือ
“ไม่ใช่!” เป่ยเฉินหลิวอวี่ย่อมไม่อยากให้เขาเข้าใจนางผิด ด้วยเหตุนี้จึงตอบ “มีแค่เรื่องฐานะที่ข้าหลอกท่าน ข้าชอบท่านจริงๆ หากมิใช่เพราะชอบท่าน วันนี้ข้าคงไม่มาอยู่ที่นี่ ข้าไม่มีทางพูดจากับท่านมากมายเช่นนี้หรอก”
นางรีบอธิบาย เกรงว่าเขาจะเข้าใจจิตใจนางผิดไป หากเป็นเช่นนั้น เรื่องของพวกนางคงจบสิ้นแล้ว
หลังจากอธิบายจบ นางก็ก้มหน้าขอโทษอีกครั้ง “ขอโทษด้วย ข้าไม่ควรเอาฐานะปลอมมาหยั่งเชิงท่าน เรื่องนี้ข้าทำผิดไปเอง!”
เย่จื่อหนานเห็นนางขอโทษกลับยิ่งร้อนรน
รีบเอ่ยว่า “แม่นาง เจ้าไม่ต้องคิดเช่นนี้ เจ้ามิได้ทำอะไรผิด อย่างไรเสียเจ้าก็เพิ่งพบผู้แซ่เย่แค่ครั้งเดียว ครั้งนี่เพิ่งเป็นการพบกันครั้งที่สอง เจ้ากังวลจะได้พบคนไม่ดี ไม่กล้าเชื่อใจผู้แซ่เย่ง่ายๆ ต้องลอบหยั่งเชิงดูก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว ผู้แซ่เย่ไม่มีทางไม่พอใจแม่นางแน่”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็เริ่มกลัดกลุ้ม
ถามว่า “แต่…แม่นาง หากเจ้าเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง ชาติกำเนิดของผู้แซ่เย่ เกรงว่าจะไม่คู่ควรกับแม่นาง หากเป็นเช่นนี้…”
ยามนี้เขาพบแล้วว่าคนในดวงใจมีฐานะสูงศักดิ์ยังน่าปวดหัวกว่านางเป็นหญิงโลกีย์มากนัก
หากนางเป็นหญิงโลกีย์ขอเพียงแค่ไม่ถือสา ระหว่างพวกเขาปัญหาก็สามารถสะกดลงได้
แต่ว่า…
เมื่อนางมีชาติกำเนิดสูงส่ง หากคนในบ้านนางไม่ตกลง อย่างนั้นพวกเขาก็คงจบเห่แล้วกระมัง
เป่ยเฉินหลิวอวี่มองเขา ตอบว่า “ข้าชื่อว่าเป่ยเฉินหลิวอวี่”
ยามนี้เหมือนถูกระเบิดตกใส่แรงๆ ทำเอาเย่จื่อหนานพูดไม่ออกแล้ว ชื่อเป่ยเฉินหลิวอวี่นี้ เขาย่อมเคยได้ยินมาแล้ว องค์หญิงผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะมักเอ่ยวาจาเพื่อความสุขของชาวบ้านอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้นถึงได้รับความรักจากราษฎรอย่างล้นหลาม
เขาเป็นแค่ขุนนางที่เพิ่งเลื่อนตำแหน่งมาอยู่ระดับสองครึ่งขั้น เบื้องหลังก็ไม่มีตระกูลใหญ่หนุนหลัง ฐานะของเป่ยเฉินหลิวอวี่คู่ควรแต่งงานกับคนตระกูลใหญ่สูงศักดิ์มากกว่า
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิด เป่ยเฉินหลิวอวี่กลับโพล่งออกมาตรงๆ “ข้าจะบอกท่านไว้ เสด็จพ่ออยากให้ข้าแต่งกับเซี่ยโหวเฉิน ข้าไม่อยากแต่งกับเขา เขาก็ไม่อยากแต่งกับข้า ท่านจะแต่งกับข้าหรือไม่”
เดิมทีนางหลงคิดว่าหลังจากเปิดเผยฐานะของตัวเอง เย่จื่อหนานจะโมโหว่านางแอบหยั่งเชิงทดสอบเขา ทว่าไม่คาดฝันเลยว่าเขาไม่เพียงไม่โมโห ซ้ำยังหาเหตุผลที่นางทดสอบเขาอีกด้วย บุรุษที่แสนดีเยี่ยงนี้ นางไม่อยากพลาดไปทั้งยังไม่อ้อมค้อมจึงได้แต่เอ่ยตามตรง
เย่จื่อหนานเห็นนางถามตามตรง ก็ย่อมตอบตรงๆ “คิดแต่งงานกับองค์หญิงอย่างแน่นอน”
เป่ยเฉินหลิวอวี่พยักหน้า รู้สึกพึงพอใจจึงเสนอว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านกล้าพนันกับข้าสักครั้งหรือไม่ หากโชคดีเสด็จพ่ออาจพระราชทานงานอภิเษกให้ แต่หากโชคร้ายพวกเราอาจจะตายด้วยกัน”