ตอนที่ 174 โชคดีอย่างสุดซึ้ง
เย่จื่อหนานตะลึงไปแล้ว
คิดไม่ถึงแม้แต่นิดว่าแม่นางที่ดูแล้วอ่อนโยนเบื้องหน้า เมื่อเอ่ยปากก็พูดถึงปัญหาความเป็นตายอันหนักอึ้งเช่นนี้ได้
เห็นเย่จื่อหนานตะลึงงัน
เป่ยเฉินหลิวอวี่ถาม “ท่านตกใจหรือ”
“เล็กน้อย” เย่จื่อหนานตอบตรงๆ แต่เขาก็รีบเสริมว่า “แต่ว่าต่อให้ตกใจผู้น้อยก็ไม่คิดถอย องค์หญิงเป็นสตรียังมีความกล้าเช่นนี้ ผู้น้อยเป็นบุรุษเหตุใดจะสู้แม้กระทั่งองค์หญิงมิได้เชียวเล่า”
เขาตอบแล้ว เป่ยเฉินหลิวอวี่พลันหัวเราะ “เช่นนั้นก็ดี พวกเราตกลงกันให้ดีก่อน ครั้งหน้าพบกันใหม่ ข้าจะบอกท่านว่าต้องทำอย่างไร”
ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ให้นางเล่าแผนการของเยี่ยเม่ยออกมา นางเป็นสตรีนางหนึ่ง พูดไม่ออกจริงๆ อีกอย่างนี่ก็ดึกแล้วพูดคุยกันหลายเรื่องมาก เย่จื่อหนานคงตะลึงจนทึ่มไปแล้ว หัวใจดวงน้อยของเขาคงรับการจู่โจมอีกไม่ไหว ดังนั้นไว้ค่อยคุยกันคราวหน้าเถอะ
“ได้” เย่จื่อหนานรีบพยักหน้า
เป่ยเฉินหลิวอวี่พลันยื่นหน้าเข้ามายืนยันกับเขาว่า “ท่านไม่กลัวที่จะตายไปกับข้าจริงหรือ”
เย่จื่อหนานหน้าจริงจัง “องค์หญิงเป็นราชนิกุลสูงศักดิ์ยังไม่กลัวตาย ชีวิตนี้ของเย่จื่อหนานยังมีอันใดให้เสียดายอีก ถึงบอกว่าบุรุษสมควรมีปณิธานกว้างไกล แต่หากแม้กระทั่งยอมสละชีวิตเพื่อนางที่รัก แล้วจะพูดถึงเสียสละเพื่อคนอื่นได้อย่างไร”
เมื่อเขาตอบเช่นนี้ ไม่รู้เพราะอะไรเป่ยเฉินหลิวอวี่รู้สึกว่าภาพลักษณ์ของเขาในใจนางเปลี่ยนไปยิ่งใหญ่ขึ้นมา
ชั่วขณะนี้หัวใจนางถูกเติมเต็ม รู้สึกว่าได้พบคนเช่นนี้เป็นความโชคดีอย่างใหญ่หลวง
“เช่นนั้นข้ากลับก่อนแล้ว”
เป่ยเฉินหลิวอวี่เอ่ยจบก็ขึ้นรถม้า
หากยังไม่ไปอีกนางกำนัลที่ออกมากับนางคงใกล้ฟื้นแล้ว หากเสด็จแม่รู้ว่านางกลับไปดึกเช่นนี้ เกรงว่าจะพิโรธแน่ ครั้นคิดอยากออกมาอีกคงไม่ใช่ง่าย
เย่จื่อหนานมองรถม้านางก็รีบคารวะ “น้อมส่งองค์หญิง”
เป่ยเฉินหลิวอวี่หันกลับไปยิ้ม “ระหว่างท่านกับข้า ไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนี้หรอก”
อันที่จริงต่อให้พวกเขาสองคนแต่งงานกัน ภายหน้าตามกฎเกณฑ์แล้วเย่จื่อหนานยังจำเป็นต้องคารวะเป่ยเฉินหลิวอวี่ แต่ว่านางรู้สึกว่าไม่จำเป็น ระหว่างคนรักสิ่งเหล่านี้จำเป็นเสียที่ไหนกัน
หากปฏิบัติแล้วกลับยิ่งห่างเหิน
เย่จื่อหนานหาใช่บัณฑิตหัวรั้น เขายิ้มออก “น้อมรับบัญชาองค์หญิง”
ในเวลานี้เยี่ยเม่ยเห็นรถเป่ยเฉินหลิวอวี่ก็รู้ว่าพวกเขาสนทนากันจบแล้ว
นางเดินมาที่รถม้า เย่จื่อหนานเองก็เดินเข้ามา
เย่จื่อหนานเอาตั๋วเงินในมือคืนเยี่ยเม่ย ยิ้มกล่าวว่า “ท่านอ๋องรู้ฐานะขององค์หญิงอยู่แต่แรก ร่วมมือกับองค์หญิงเพื่อทดสอบข้ากระมัง”
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เยี่ยเม่ยตัดบทเขา ยิ้มเอ่ยว่า “นี่เป็นเพียงปัญหาระหว่างพวกเจ้าสองคน นางคิดทดสอบเจ้า ข้าให้ความร่วมมือด้วยเท่านั้น อย่างไรไม่อาจทำลายแผนการนางได้หรอกกระมัง”
ดูท่าแล้วเป่ยเฉินหลิวอวี่คงพูดความจริง
เวลานี้เย่จื่อหนานยิ่งเห็นเยี่ยเม่ยเก่งกาจมากขึ้นหลายส่วน นั่นก็หมายความว่าองค์หญิงทดสอบเขา เยี่ยเม่ยหาได้รู้เรื่อง แต่เพราะนางรู้จักเคารพความคิดและวิธีการของผู้อื่น ดังนั้นไม่เปิดโปงไม่ก้าวก่าย มีใจช่วยเหลือ กลับกันก็ทำตามหน้าที่ของผู้เป็นพี่สะใภ้ ถามคำถามเหล่านี้กับเขา
ยังถามเขาว่าเตรียมใจยอมรับพ่อตาติดพนันได้หรือไม่
เย่จื่อหนานโค้งคำนับ เอ่ยด้วยความสัตย์ “ที่วันนี้ได้รับความรักดังใจหมายชั่วชีวิตไม่เสียใจอีก ได้พบเหอซั่วอ๋องที่สง่าผ่าเผยผู้น้อยรู้สึกโชคดีอย่างสุดซึ้ง”
ตอนที่ 175 อวี้เหว่ย ไปเอาตำราอาหารมา
เยี่ยเม่ยฟังคำพูดของเย่จื่อหนานก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “อืม ข้าก็รู้สึกว่าเจ้าสามารถพูดกับข้าหลายประโยค ได้รับรู้ถึงความสง่างามและนิสัยของข้า ถือเป็นเกียรติของเจ้าแล้ว”
เย่จื่อหนาน “…” หา
ยามปกติ เมื่อเห็นผู้อื่นชื่นชมตนเองก็ควรถ่อมตนสักสองสามประโยคมิใช่หรือ เหตุใดเหอซั่วอ๋องไม่ถ่อมตนเอาเสียเลย ทั้งยังตอบกลับมาเยี่ยงนี้ด้วย
เมื่อก่อนได้ฟังว่าเยี่ยเม่ยรู้สึกถึงความเพียบพร้อมของตัวเองเหนือกว่าปกติทั่วไป เย่จื่อหนานทบทวนอย่างละเอียด พลันรู้สึกว่าคำอธิบายนี้คล้ายจะ…รู้จักเยี่ยเม่ยอย่างชัดเจนและครบถ้วนเป็นอย่างมาก
เมื่อคิดเช่นนี้ มุมปากเขาหยักขึ้นเอ่ยว่า “เช่นนั้น…วันนี้ต้องขอบคุณเหอซั่วอ๋องแล้ว ผู้น้อยขอตัวก่อน”
“อืม” เยี่ยเม่ยพยักหน้า
เย่จื่อหนานจากไป
ไม่ช้าเยี่ยเม่ยก็ขึ้นรถ เป่ยเฉินหลิวอวี่ทนไม่ไหวถามว่า “พี่สะใภ้ เมื่อครู่เขาคุยอะไรกับท่านหรือ”
เยี่ยเม่ยรีบเล่าคำพูดของเย่จื่อหนานที่กล่าวกับนางในวันนี้ให้อีกฝ่ายฟัง รวมถึงเย่จื่อหนานไม่มีเงิน จึงยืมเงินนาง เยี่ยเม่ยเล่าคำพูดของนาง และคำตอบที่เย่จื่อหนานตอบทั้งหมดให้เป่ยเฉินหลิวอวี่ฟัง
เมื่อฟังจบเป่ยเฉินหลิวอวี่ซาบซึ้งอย่างยิ่งยวด น้ำตาคลอ กำผ้าเช็ดหน้าแน่น ท่าทางเช่นนี้หากพวกหนุ่มโสดได้เห็น เกรงว่าจะวิ่งเข้าใส่นางอย่างแน่นอน
เยี่ยเม่ยหาใช่คนไร้คู่ เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเช่นนี้ ชั่วขณะนั้นยังเกิดความอิจฉาในใจแล้ว
เหมือนกับว่านางกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ได้แสดงความรักกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว
นางกลับไปกลั่นแกล้งเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเสียหน่อยดีหรือไม่ เพื่อพิสูจน์ว่าเป่ยเฉินเสียเยี่ยนรักนางหรือเปล่า อันที่จริงเรื่องที่เขารักนาง นางรู้ดี แต่ว่าคล้ายจะไม่ได้แสดงให้เห็นมาสักพักแล้ว ชวนให้รู้สึกว่าความรักออกจะจืดชืดไปบ้าง
เห็นเยี่ยเม่ยมีสีหน้าหนักใจราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ เป่ยเฉินหลิวอวี่ก็ถามตามตรง “พี่สะใภ้ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ”
เยี่ยเม่ยตอบตรงๆ “ข้ากำลังคิดว่ากลับไปแล้ว จะเคี่ยวกรำเสด็จพี่สี่ของเจ้า”
เป่ยเฉินหลิวอวี่ “…?”
ทำเยี่ยงนี้ก็ได้หรือ
พี่สะใภ้สี่ว่างถึงขั้นตั้งใจใคร่ครวญว่ากลับไปแล้วจะเคี่ยวกรำเสด็จพี่สี่อย่างไรดี เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เสด็จพี่สี่ช่างน่าสงสารนัก
……
เมื่อส่งเป่ยเฉินหลิวอวี่กลับวังหลวงแล้ว
เยี่ยเม่ยค่อยกลับจวนองค์ชายสี่ หลังจากเข้าจวนก็เห็นโคมไฟที่ห้องโถงรับแขกสว่างโร่อยู่ เป่ยเฉินเสียเยี่ยนกำลังรอนาง
เยี่ยเม่ยเดินเข้าประตูห้องโถงก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ได้ยินว่าท่านมีฝีมือทำอาหารล้ำเลิศ วันนี้ข้าอยากกินปลาย่าง”
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเลิกคิ้ว
ฝีมือทำอาหารล้ำเลิศ? มีเรื่องนี้ที่ไหนกัน เขาอายุปูนนี้แล้ว แต่ยังไม่เคยเฉียดไปใกล้ห้องครัวมาก่อน ไม่เคยย่างของกินอะไรทั้งนั้น
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนนิ่งไปเล็กน้อย น้ำเสียงน่าฟังค่อยๆ เอ่ยว่า “เยี่ยนรู้จักทรมานใจคนได้ แต่ย่างปลาไม่เป็น”
เยี่ยเม่ยปรายตามองเขา เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ข้าคิดว่าท่านทำเป็น”
“เยี่ยน…” เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมา เห็นแววตาเยี่ยเม่ยองค์ชายสี่ก็หาใช่คนโง่ เข้าใจขึ้นมาทันที ด้วยเหตุนี้จึงหัวเราะเบาๆ
เขาพยักหน้า หันกลับไปมองอวี้เหว่ย “อวี้เหว่ย เจ้าไปเอาตำราอาหารมา”
อวี้เหว่ย “…” อะไรนะ
นี่มันอะไรกันเนี่ย ดึกป่านนี้แล้ว นี่มันยามอะไรกันแล้ว ดึกดื่นค่อนคืนยังจะหาตำราอาหารอะไรอีก อวี้เหว่ยถามออกไปอย่างอดไม่ได้ว่า “เตี้ยนเซี่ย พระชายา หากพวกท่านหิวอยากกินปลาย่าง ผู้น้อยจะสั่งให้ห้องครัวทำให้ หรือไม่ก็สั่งคนไปซื้อได้ พวกท่านเห็นว่าอย่างไร”
ดึกดื่นค่อนคืน เตี้ยนเซี่ยลงมือย่างปลาด้วยตัวเองหรือ ไม่จำเป็นหรอกกระมัง
คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่ออวี้เหว่ยกล่าว เป่ยเฉินเสียเยี่ยนยังไม่ทันเอ่ยอะไร สายตาเย็นชาของเยี่ยเม่ยก็กวาดมาที่อวี้เหว่ย
นางเอ่ยเสียงนิ่งว่า “ทำไม เจ้าเห็นว่าข้าไม่คู่ควรให้เขาย่างปลาให้ด้วยตัวเองหรืออย่างไร”
มารดามันเถอะ
คราวนี้เยี่ยเม่ยใช้แววตาเย็นชาบีบคั้นคน กอปรกับคำพูดไม่ไว้หน้าเลยสักน้อย เท่ากับกำลังเอาเรื่องเขาชัดๆ
อวี้เหว่ยหน้าถอดสีขาวซีดในทันที
ไม่พูดอะไรก็รีบหันหน้าวิ่งออกไปทันที “ไม่ ผู้น้อยมิได้หมายความเช่นนั้น ผู้น้อยจะรีบไปหาตำราอาหารเดี๋ยวนี้”
หากเตี้ยนเซี่ยคิดว่าเขาจงใจยั่วโมโหเยี่ยเม่ย เช่นนั้นเขา อวี้เหว่ยในฐานะองครักษ์ประจำกายองค์ชายสี่ เกรงว่าคงจบเห่แล้ว
ไม่แน่ว่าชีวิตน้อยๆ จะดับสูญไปด้วย
หลังจากอวี้เหว่ยห้อตะบึงออกไปเยี่ยเม่ยก็ตวัดสายตามองเป่ยเฉินเสียเยี่ยนที่ไม่พูดจาเลยสักคำเดียว ถามว่า “ท่านมีความเห็นหรือ”
องค์ชายสี่ส่ายหน้าทันควัน น้ำเสียงน่าฟังเอ่ยว่า “คำพูดของฮูหยิน ไฉนเยี่ยนจะมีความเห็นอื่นได้ ไม่สู้ฮูหยินไปอาบน้ำแต่งตัวเสียก่อน เยี่ยนขอศึกษาการย่างปลาดูสักหน่อย รับรองว่าคืนนี้ฮูหยินจะได้กินปลาย่างรสเลิศอย่างแน่นอน”
“ได้” เรื่องนี้เยี่ยเม่ยไม่คัดค้าน
นางรีบไปอาบน้ำทันที
ไม่ช้า อวี้เหว่ยก็นำตำราอาหารกลับมาทั้งยังมอบให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยน ซ้ำเอ่ยด้วยความตระหนกว่า “เตี้ยนเซี่ย ท่านว่า วันนี้พระชายาเป็นอันใดหรือไม่ ไฉนจู่ๆ ถึงต้องการเช่นนี้ อย่างนั้น…ท่านจะย่างปลาจริงๆ หรือ ให้ผู้น้อยทำดีหรือไม่ หรือว่า ผู้น้อยหาคนทำให้ อีกประเดี๋ยวบอกพระชายาว่าท่านเป็นคนย่างดีไหม”
เหงื่อเย็นเยียบไหลจากหน้าผากอวี้เหว่ยในระหว่างเอ่ย
เขารู้สึกว่าตัวเองคล้ายจะออกความเห็นโง่ๆ ออกไป
อย่างไรก็ตามหากให้คนอื่นช่วยทำให้ หากให้พระชายารู้เข้าแล้ว นี่ต้องเป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่โตอย่างมากแน่ ใครจะรู้ว่าเมื่อถึงเวลานั้น จวนองค์ชายสี่จะเกิดการนองเลือดอย่างไรบ้าง
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนหัวเราะเบาๆ พลิกตำราอาหารของอวี้เหว่ยด้วยท่วงท่าสง่างาม เปิดหาหน้าย่างปลา และสั่งให้อวี้เหว่ยไปเตรียมวัตถุดิบ
อวี้เหว่ยอึ้งไปจริงๆ แล้ว เตรียมตัวจะไปหาวัตถุดิบ แต่ก็ยังไม่เข้าใจทุกอย่าง “เตี้ยนเซี่ย สรุปแล้วต้องทำอย่างไรหรือ”
องค์ชายสี่หัวเราะ แสดงความเห็นว่า “สตรีน่ะ ทันทีที่ไร้เหตุผล ไม่มีเรื่องก็หาเรื่อง หากไม่เพราะเบื่อ ก็เพราะหวังให้บุรุษทำอะไรให้บ้าง เพื่อพิสูจน์ว่าเขารักนาง ช่วงนี้หากพูดว่าว่างก็คล้ายจะว่างอยู่บ้าง แต่ด้วยนิสัยนาง น่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า”
ดังนั้นยามหญิงที่เขารักต้องการให้เขาทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงออกถึงความรักและจริงใจ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ องค์ชายสี่ยินยอมกระทำ ถึงแม้เรื่องย่างปลา สำหรับชายผู้หนึ่งแล้วไม่ใช่เรื่องที่น่าเฝ้ารอเท่าใดก็ตาม
อวี้เหว่ยมุมปากกระตุก…
มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ
ดูท่าหลังจากที่องค์ชายสี่ใช้ชีวิตกับพระชายาแล้ว เรื่องความคิดจิตใจจะพัฒนาขึ้น สามารถวิเคราะห์เป้าหมายของพระชายาได้จากกระทำไร้ต้นสายปลายเหตุของนางได้ด้วย
ครั้นคิดถึงตอนที่เพิ่งได้พบพระชายาใหม่ๆ องค์ชายสี่ยังนึกวิธีการโยนงูไปไว้ในห้องพระชายาได้ บอกว่าพระชายาไม่น่ามองเท่าตน เพื่อดึงดูดความสนใจของพระชายา มาถึงวันนี้ความคิดของเขานำพามาถึงขั้นนี้ อวี้เหว่ยรู้สึกว่า…ช่างน่าปลาบปลื้มนัก
……
เยี่ยเม่ยเพิ่งอาบน้ำเสร็จ มาถึงตอนนี้ นอกหน้าต่างพลันเกิดความเคลื่อนไหว นางรีบลุกขึ้น สวมเสื้อผ้า
จากนั้นหน้าต่างก็เปิดออกแล้ว
นางถามเสียงเย็นชา “ใคร”