ตอนที่ 1322 ป่ากร่อนกระดูก (8)
อิงซู่หน้าซีดเผือด ภูติประจำตัวเป็นร่างวิญญาณและสามารถหลบอันตรายทางร่างกายได้หลายรูปแบบ เมื่อเผชิญกับวิกฤต พวกเขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นร่างวิญญาณเพื่อกลับไปซ่อนตัวในแหวนได้ แต่หมอกสีดำนี้ดูเหมือนจะลบล้างความสามารถพวกนั้นไปหมดและกักขังวิญญาณของเขาเอาไว้ในหมอกได้ ทำให้เขาไม่มีโอกาสหนีออกมาได้เลย
ความรู้สึกที่ถูกทรมานทั้งวิญญาณทำให้อิงซู่เจ็บปวดอย่างที่สุด
เขามองจวินอู๋เหยาที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสีย ชายที่ทั่วร่างเปล่งรังสีอันตรายทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
“เข้าใจแล้ว……มันจะไม่……เกิดขึ้นอีก……” อิงซู่มั่นใจว่าชายคนนั้นไม่ได้ล้อเล่น ถ้าเขาแสดงท่าทางต่อต้านแม้เพียงเล็กน้อยล่ะก็ ชายคนนั้นคงไม่ลังเลที่จะทำลายเขาให้สิ้นซากอย่างแน่นอน!!
จวินอู๋เหยาส่งเสียงฮึอย่างดูถูกเหยียดหยาม เขาโบกมือครั้งหนึ่ง หมอกสีดำก็สลายไป
อิงซู่ล้มลงคุกเข่าหมดสภาพ
ครั้งนี้สายตาของเขาหนักแน่นมั่นคง ไม่กล้าล้อเล่นหรือโปรยเสน่ห์อีกเลย
ความจริงก็ไม่อาจตำหนิอิงซู่ได้หรอก ธรรมชาติของฝิ่นคือสิ่งที่ทำให้คนหลงมัวเมาเสพติดอยู่แล้ว ออร่าที่ปล่อยออกมาจากร่างเขาก็เป็นแค่ธรรมชาติที่ทำให้เขาเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อเจอกับพลังกดดันที่แข็งแกร่ง ต่อให้เป็นธรรมชาติโดยกำเนิดของเขา เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยับยั้งตัวเองเอาไว้
เขาไม่อยากตายอย่างน่าอนาถ
จวินอู๋เหยาลงมือโจมตีอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า และตลอดเวลาพวกเฉียวฉู่ก็มัวแต่ยืนตะลึง ผ่านไปพักใหญ่ถึงจะได้สติกัน
จวินอู๋เหยาสังเกตปฏิกิริยาของอิงซู่อย่างพอใจ เจตนาฆ่าจึงค่อยๆจางหายไปจากแววตาของเขา เขาก้มหัวมองสีหน้าแปลกใจของจวินอู๋เสีย แล้วรอยยิ้มที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขาราวกับเมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย
“ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับเจ้าที่ได้ภูติประจำตัวมาอีกตนเลย”
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เหยาที่ยิ้มเต็มใบหน้า แล้วรู้สึกว่าวิธี ‘แสดงความยินดี’ ของเขาช่าง ‘งดงามไม่ธรรมดา’
“แต่ในบรรดาภูติก็มีพวกที่ไม่ดีอยู่เยอะ พวกภูติไม่ดีพวกนั้น ไม่มีซะยังจะดีกว่า ไปหาภูติตนอื่นเอาวันหน้าก็ได้” จวินอู๋เหยาพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนมาก น้ำเสียงก็ละมุนน่าฟัง แต่คำพวกนั้นเมื่ออิงซู่ได้ยินเข้า เขาก็เย็นวาบไปทั้งหลัง
[คำพวกนั้นจงใจพูดให้เขาฟังใช่ไหม?]
อิงซู่ที่ไม่ได้เจอหน้าเจ้านายคนใหม่ของเขามานาน ได้แต่ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตาอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าที่ข้างกายของเจ้านายใหม่ของเขา จะมีคนที่ไม่ธรรมดามากๆอยู่
จวินอู๋เสียถอนใจแล้วพูดว่า “หยุดเล่นได้แล้ว จัดการเรื่องให้เสร็จก่อน”
ใช่แล้ว……
ในสายตาของจวินอู๋เสีย การกระทำของจวินอู๋เหยาก็เหมือนเด็กอาละวาดเอาแต่ใจ นางไม่ได้คิดไปถึงว่าจวินอู๋เหยากำลังหึงหรืออะไรเลย
จวินอู๋เหยายักไหล่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเต็มใจจะร่วมมือ
เมื่อมีจวินอู๋เหยาตั้งป้อมอยู่ อิงซู่ก็ไม่กล้าเล่นอะไรอีก ได้แต่ทำหน้าจงรักภักดีและคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียเรียกอิงซู่มาก็เพราะต้องการยืมพิษของอิงซู่จัดการกับพิษของต้นกร่อนกระดูก เพื่อให้พิษร้ายแรงสองชนิดต่อต้านกันและกำจัดพิษส่วนใหญ่ของกันและกัน ด้วยวิธีนั้น ทุกคนก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในป่ากร่อนกระดูก
“ถ้าไม่ได้ต้านพิษของต้นกร่อนกระดูกในพื้นที่ใหญ่มาก ข้าก็น่าจะทำได้” อิงซู่พูดด้วยความจริงจังที่หาได้ยาก
การใช้พิษของอิงซู่เพื่อเดินทางผ่านป่ากร่อนกระดูกไม่ใช่งานที่ซับซ้อน พวกเขาแค่ต้องให้อิงซู่ปล่อยกลิ่นของเขาให้แพร่กระจายออกไป แม้ว่าจะมีใครถูกต้นกร่อนกระดูกข่วนเอา ผลกัดกร่อนก็ไม่ได้เกิดขึ้นในทันที พิษที่อยู่บนบาดแผลก็จะปะทะกับพิษของอิงซู่ ซึ่งจะช่วยกำจัดพิษส่วนมากไป มันก็จะไม่อันตรายถึงตายอีก