เรื่องราวที่เกิดขึ้น (2)
ทุกๆคนต่างก็พูดในสิ่งเดียวกันโดยไม่มีข้อยกเว้น
หนี มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชนะ ป้อมปราการในหุบเขาได้ถูกบุกทะลวงกวาดล้างโดยไม่เหลือแม้แต่หย่อมหญ้า
สงครามที่ถูกยอมรับว่าเป็นความจริงที่ไม่อาจเลี่ยงได้มาถึงข้อสรุปในท้ายที่สุด หลังจากการต่อสู่โชกเลือดโดยไม่สนว่าจะอยู่หรือตาย ป้อมปราการในหุบเขาก็ได้ถ่ายทอดรายงานออกมาอย่างเรียบง่ายสี่ประโยค
ปรสิตพ่ายแพ้ เจ็ดกองทัพได้ถอยกลับ ความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ได้ถูกกำจัด
และ…
ขอความช่วยเหลือในการลำเลียงผู้บาดเจ็บ
ฮารามาร์คได้ปะทุเสียงโห่ร้องกำลังใจแห่งชัยชยะออกไปจนถึงสกีเฮราซาร์ด นัวร์ อีวา และเมืองอื่นๆในพาราไดซ์
ในจุดๆนี้ ทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นชาวพาราไดซ์หรือชาวโลกต่างก็ชื่นชมยินดี
นี่มันคือชัยชนะเป็นครั้งแรกเลยนับตั้งแต่ที่จักรวรรดิได้ล้มสลายไป นอกไปจากนี้ความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ ผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่งอันมีชื่อเสียงก็ได้ถูกกำจัดในสงครามครั้งใหญ่นี้ จนเกิดเป็นชัยชนะที่หอมหวานสำหรับเหล่ามนุษยชาติ
แต่แน่นอนว่าเพียงแค่ชัยชนะครั้งเดียวยังคงไม่พอที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของปรสิต หรือทำให้ความมั่นคงของปรสิตสั่นคลอน
ยังไงก็ตามมันเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกยินดีเพราะพวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสั่นกลัวจากการถูกฆ่า พวกเขาได้เก็บสะสมความหวาดกลัวเอาไว้ในหัวใจมามากมายนัก
เพราะงั้นคงไม่มีใครจะโทษพวกเขาได้ที่รู้สึกยินดีกับข่าวที่ว่าในที่สุดมนุษยชาติก็เอาคืนราชินีปรสิตไปได้บ้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฮารามาร์คที่เป็นเวทีหลักสำหรับการรบ
ผู้คนที่เดินไปมาตามท้องถนนดูจะยินดีกันอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ว่าใครจะไปที่ไหนก็จะมีแต่คนพูดกันแต่เรื่องของสงคราม และผู้คนก็เดินไปมาตามท้องถนนเหมือนกับอยู่ในช่วงเทศกาล
ยี่ซอลอาก็เป็นคนแบบนั้นเช่นกัน
ข่าวชัยชนะของพวกเขาได้ทำให้เธอยินดียิ่งกว่าใครๆ เธอได้วิ่งไปที่เมืองด้วยความตื่นเต้น และรู้สึกภาคภูมิในในทุกๆครั้งที่มีการพูดถึงซอลจีฮูที่เป็นฮีโร่แห่งสงครามนี้
จางมัลดงอยู่เงียบผิดปกติหน่อยๆ และเธอก็เอียงหัวออกมาอย่างไม่เข้าใจเมื่อยี่ซังจินได้พูดออกมาว่า ‘พี่สาว พี่คิดว่าอาจารย์จางอารมณ์ไม่ค่อยดีหรือเปล่า?’ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก
เธอก็แค่ออกไปสนุกกับงานเทศกาลข้างนอก และเฝ้ารอคอยให้ซอลจีฮูกลับมา
เธอได้เฝ้าฝันว่าจะไปตามตื้อถามซอลจีฮูเรื่องสงครามในทันทีที่เขากลับมา
แต่ว่าเมื่อรถม้าได้มาถึงเมือง ความคิดของเธอก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป
***
กรุ๊บ ๆ ๆ ๆ
เสียงรถม้าถูกฮอรัสแปดตัวลากผ่านถนนได้ดังสนั่นราวกับพื้นจะแยก
ยี่ซอลอาได้ขมวดคิ้วขึ้นเมื่อเห็นทหารเดินออกมาที่ถนน พวกเขาต่างก็กันเส้นทางไปสู่วิหารลูซูเรียเอาไว้ นี่มันไม่ปกติเลย
ในตอนนี้เองยี่ซอลอาถึงได้สังเกตถึงความแปลกประหลาด
มีจุดที่น่าสงสัยอยู่หลายจุด ทหารที่กันถนนก็เรื่องหนึ่ง แต่กระทั่งราชาฟีไฮก็ยังมาที่สำนักงาน
เธอไม่อาจจะได้ยินรายละเอียดได้เพราะเธอได้ยินจางมัลดงขอให้เธอออกไปก่อน แต่ว่าเธอก็สังเกตเห็นถึงความเคร่งเครียดของสถานการณ์จากการเหลือบมองเพียงแค่ครั้งเดียว
หลังจากคุยกันจบลงแล้ว จางมัลดงก็ได้รีบออกไปโดยที่บอกว่าเขาอาจจะไม่ได้กลับมาอยู่หลายวัน
‘แปลก’
ยี่ซอลอาได้พึมพำกับตัวเอง และจ้องไปที่รถม้าที่ขับหายไปเกือบจะลับตาแล้ว
จากนั้น ในทันทีที่ทหารเปิดทางถนนกลับมา ยี่ซอลอาก็รีบสิ่งตามไป รถม้าได้มาหยุดลงตรงหน้าวิหารลูซูเรียดังคาดไว้
เธอยังเห็นคนจำนวนมากรีบวิ่งหายเข้าไปข้างใน แม้ว่าพวกเขาจะหายเข้าไปในตอนที่เธอมาถึงวิหาร แต่ว่าการตามพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ถึงจะเป็นนักธนูระดับ 2 แต่ก็ยังเป็นนักธนูอยู่
เนื่องจากว่าเธอรู้ว่าพวกเขาเข้ามาในวิหาร การตามรอยที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่นาทีก็ไม่ใช่งานที่ยากอะไรเลย
จะมีก็แต่ทหารสองคนที่กันทางเอาไว้อยู่เท่านั้นเอง
“คุณไปไกลกว่านี้ไม่ได้ครับ”
มันก็เป็นอย่างที่เธอคาด เมื่อเธอแอบเข้ามา ทหารก็ได้กางหอกกันทางเอาไว้ทันที
“ทำไมกันล่ะ?”
“เลยจุดนี้ไปเป็นพื้นที่พักฟื้น มีการออกราชกฤษฎีกาห้ามเข้าเยี่ยมสักพักหนึ่ง จะมีก็แค่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้บาดเจ็บเท่านั้นที่จะเข้าไปได้”
เมื่อได้ยินทหารพูดถึงราชกฤษฎีกาในท่าทีคุกคาม ยี่ซอลอาก็รีบโกหกออกมา
“ฉันเกี่ยวข้องนะ”
“ว่าไงนะครับ?”
“ฉันเป็นสมาชิกของคาเพเดี่ยม ฉันชื่อยี่ซอลอา อาจารย์จางบอกให้ฉันมาน่ะ…”
ยี่ซอลอาดูจะมีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้ทำให้เธอสามารถจะแก้ตัวได้ง่ายๆเลย
ทหารทั้งสองคนได้มองสบตากันก่อนจะพูดขึ้น
“…ต้องขออภัยด้วย แต่ว่าเราขอดูหน้าต่างสถานะได้ไหมครับ?”
เมื่อพวกเขาได้ยืนยันถึงหน้าต่างสถานะของยี่ซอลอาแล้ว พวกเขาก็เอียงหัว และเปิดทาง เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าเธอคือสมาชิกคาเพเดี่ยม พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลให้ขวางทางเธอไว้แล้ว
และเพราะแบบนี้ยี่ซอลอาก็ได้ก้าวผ่านทหารเข้าไปได้สำเร็จ
-อ๊ากกกกกกกกกกก!
เสียงกรีดร้องสิ้นหวังที่น่าขนลุกได้ดังออกมาจนถึงโถงทางเดิน
นี่เป็นเสียงโหยหวนที่ดังออกมาเหมือนกับเสียงกรีดร้องของคนที่ถูกเผาทั้งเป็น เมื่อได้ยินแบบนี้ยี่ซอลอาก็ได้ชะงักเท้าไปในทันที
สายตาของเธอได้เหลือบมองไปทางประตูด้านซ้ายที่อยู่สุดทางเดินอย่างลังเล
-อ๊าาาา! อ๊าากกกกก!
เสียงกรีดร้องได้ดังออกมาอีกครั้งหนึ่ง เธอยังได้ยินเสียงคนตะโกนว่า ‘กดเขาไว้! จับเขา!’ อีกด้วย
อึก เธอได้กลืนน้ำลายลงไปโดยไม่รู้ตัว
ต่อมาเมื่อเธอได้ย่องไปที่ประตู และเหลือบมองเข้าไปข้างใน
“กดแขนขาของเขาเอาไว้! อย่าให้เขาขยับตัว!”
เสียงกรีดร้องแหลมสูงก็ได้ดังเข้าหูของเธอ
ยี่ซอลอาได้ผงะไปก่อนที่จะตกอยู่ในความสับสน
นี่มันเพราะว่าเธอได้เห็นร่างของชายหนุ่มกำลังดิ้นพล่านเหมือนกับปลา พร้อมทั้งทำเสียงหายใจไม่ออกเหมือนกับกำลังหอบ
เมื่อกลิ่นเลือดได้ฉุนเตะจมูกของเธอ ยี่ซอลอาก็เบิกตากว้างขึ้น
“อึก!”
เธอได้เอนตัวไปข้างหลัง จากนั้นก็ล้มไปลง เธอได้รีบปิดปากเอาไว้ ก่อนที่จะก้มหัวลงโดยไม่ตั้งใจ
“อึก! เฮือกกก!”
สมองของเธอไม่อาจจะประมวลผลภาพที่น่ากลัวที่เธอเพิ่งเห็นได้ และทำให้เธอเกือบจะอาเจียนออกมา หยดน้ำตาได้ปรากฏขึ้นรอบดวงตาของเธออย่างรวดเร็ว
[หากว่าพวกเธอเห็นพาราไดซ์เป็นเกมที่เอาไว้สนุกในเวลาว่าง ฉันก็ไม่อยากจะให้เราไปด้วยกัน]
ในที่สุดเธอก็เข้าใจถึงคำเหล่านี้ และในเวลาเดียวก็รู้สึกแย่กับตัวเองด้วย
เธอมัวแต่ไปยินดีกับข่าวชัยชนะ โดยไม่ได้ฉุกคิดถึงขั้นตอนในการเอาชัยชนะนั้นมาเลย
“โอ้ คุณไม่เป็นไรนะ?”
นักบวชที่พึ่งมาถึง ได้เข้ามาถามยี่ซอลอาที่กำลังนั่งตกตะลึงอยู่บนพื้น
ซอลจีฮูได้รีบส่ายมือ และหยักหน้ารัวๆ
“กำลังทำอะไรอยู่น่ะ!? เข้ามานี่เลย!”
ทันใดนั้นน้ำเสียงเฉียมคมก็ดังออกมาจากในห้อง นักบวชได้กลายเป็นทำอะไรไม่ถูกก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องอย่างรวเร็ว
“ฮึก… ฮึก…”
ยี่ซอลอาที่แทบจะสงบสติอารมณ์ไม่ได้ ได้ฝืนกลืนน้ำลายลงไปในคอ และหันหน้าไปทางประตู
“ตอนนี้คุณทุกคนคงได้เห็นสภาพของเขาในตอนนี้แล้วนะ”
ข้างในเทเรซ่ากำลังมองไปที่กลุ่มนักบวช
“ตั้งใจฟังให้ดี เสนอการรักษาเขามาได้เลยไม่ว่าต้องทำอะไรก็ตาม ไม่ต้องห่วงเรื่องทรัพยากร ราชวงศ์ฮารามาร์คจะดูแลทุกๆ อย่างที่จำเป็นให้เอง”
เมื่อเทเรซ่าได้สติขึ้นมาแล้ว เธอก็รู้ถึงสถานการณ์ที่ซอลจีฮูเป็นอยู่ และรีบเข้าไปช่วยเขาทันที เธอเป็นคนที่ติดต่อหาราชวงศ์ และเตรียมรถม้าที่เร็วที่สุดในฮารามาร์ค และนักบวชทุกๆคนที่มารวมกันนี้ก็เกิดขึ้นจากคำสั่งของเธอ
“เสนอมาได้เลยไม่ว่าจะอะไรก็ได้ นี่คือหน้าที่ของพวกคุณ และเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกคุณถูกเรียกตัวมา”
จากการคำรามเสียงของเธอ มันราวกับว่าเธอกำลังขมขู่พวกเขา ยังไงก็ตามนักบวชเพียงแต่มองหน้ากันเงียบๆ
พวกเขาเป็นนักบวชที่มาจากสกีเฮราซาร์ด และเมืองข้างเคืองอื่นๆ แต่ว่ามันมีเหตุผลที่พวกเขาพูดไม่ออกอยู่
ด้วยทักษะของพวกเขา พวกเขารู้ถึงสภาพของชายหนุ่มที่เป็นอยู่ดี เมื่อเห็นชายหนุ่มแล้ว พวกเขาก็ได้แต่เลือกต้องอยู่เงียบๆ
ใครจะไปโทษพวกเขาได้ล่ะ? แม้กระทั่งซอยูฮุยยังทำได้เพียงรักษาฉุกเฉินเท่านั้น เธอไม่มีวิธีกู้ชีวิตเขากลับมาได้เลย เพราะงั้นแล้วพวกเขาจะไปทำอะไรได้ล่ะ?
แต่ว่าเมื่อคำนึงถึงค่าจ้างที่พวกเขาได้รับไปแล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ความคิดต่างๆมากมายได้ถูกเสนอออกมา แต่ว่าความคิดเหล่านี้ต่างก็ใช้ไม่ได้หรือเกินจริงไป
ขณะที่เทเรซ่ากำลังเคาะเท้าอยู่ซ้ำๆด้วยสีหน้าเป็นกังวลและหวาดกลัว
“บุตรแห่งลูซูเรียอยู่ไหน?”
จางมัลดงก็ได้กระแทกประตูเปิดขึ้นมา
เทเรซ่าได้รีบพูดขึ้นในทันที
“เธอน่าจะเข้าไปในห้องพักฟื้นแล้ว”
“เธอกลับมาเมื่อไหร่?”
“เราไม่มั่นใจ เธอได้ทำพิธีกรรมทั้งๆที่เธออยู่ในสภาพที่แย่อยู่แล้ว…”
คำพูดของเทเรซ่าได้ขาดห้วงไปในช่วงท้าย
“มะ… มีวิธีอื่นไหม?”
จากนั้นเธอก็ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน
นักบวชที่เธอได้รวบรวมมาต่างก็ใช้งานไม่ได้ทั้งนั้น ในตอนนี้จางมัลดงเป็นเพียงคนเดียวแล้วที่เธอเชื่อใจ
จางมัลดงได้ส่งเสียงครางยาวออกมา เขาได้ยินสรุปสถานการณ์คร่าวๆออกมาแล้ว
ซอยูฮุยได้ร่ายเวทย์โบราณที่มีชื่อว่าสุดขั้นออกมาผ่านทางพิธีกรรม นี่เป็นเวทย์ประเภทการเสียสละตัวเอง โดยส่งเอาพลังชีวิตของผู้ใช้ครึ่งหนึ่งไปยังเป้าหมายพร้อมทั้งรับความเจ็บปวดของเป้าหมายมาครึ่งหนึ่ง
เวทย์โบราณนี้เป็นเวทย์ที่ใช้ชะลอการตายของคนๆหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด… แต่มันก็เท่านั้นแหละ
การที่เขามาอยู่ในสภาพนี้หลังจากใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว… จางมัลดงคิดไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้เขาจะมีสภาพเป็นยังไงกัน
เสียงร้องได้ดังออกมาอีกครั้ง ซอลจีฮูได้โหยหวนออกมาพร้อมกับตาที่กลอกขึ้นไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเห็นแบบนี้จางมัลดงก็ขมวดคิ้วขึ้น
“ท่านคะ…!”
เทเรซ่าได้เร่งเขาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะร้องไห้
มันไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว
แม้ว่าซอยูฮุยจะได้ใส่พลังชีวิตจำนวนมหาศาลมาให้เขา แต่ว่ามานาที่คลั่งอยู่ในตัวซอลจีฮูก็น่าจะกลืนกินชีวิตของซอลจีฮูอยู่ในตอนนี้
จางมัลดงได้กัดฟันแน่น
“มีอยู่สองวิธี”
เมื่อได้ยินว่ามีถึงสองวิธี ดวงตาเทเรซ่าก็เป็นประกายขึ้นมา
“วิธีอะไรคะ?”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่อาการบาดเจ็บของเขา ร่างกายของเขาได้ไปถึงสภาพที่ใช้งานไม่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เพราะงั้นเราจำเป็นต้องหาทางจัดการกับเรื่องนี้”
“แล้ววิธีคือยังไงคะ?”
“เราต้องการร่างกายของอีกเผ่าพันธุ์ ร่างกายที่ทรงพลังพอที่จะเป็นที่สิงสู่ มีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว และมีความทนทานที่ดี”
เทเรซ่าได้อ้าปากออกมา
“แต่ว่า… เขาจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป!”
สิ่งที่จางมัลดงแนะนำออกมามันไม่ต่างไปจากการเปลี่ยนซอลจีฮูให้เป็นปรสิตเลย
“นั่นมันเป็นเพียงวิธีที่ฉันคิดได้ในตอนนี้ อีกวิธีก็คือการฆ่าเขา แล้วก็ชุบชีวิตเขาขึ้นมา”
นั่นก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ปัญหาคือการต้องหาคนที่จะทำความปรารถนานี้ และต่อให้พวกเขารวบรวมแต้มคุณูปการได้มากพอ มันก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าซอลจีฮูจะทนอยู่บนโลกได้นานขนาดนั้นไหม
แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์มาหลายปี แต่ว่าจางมัลดงก็ไม่มั่นใจว่าในช่วงสั้นๆนี้ซอลจีฮูได้มีประสบการณ์มามากขนาดไหน
“เพราะงั้นมันหมายความว่า…”
น้ำเสียงสั่นเครือของเทเรซ่าได้ดังออกมา
“มันไม่มีอะไรที่เราทำได้…”
เพียงเท่านั้นความสิ้นหวังก็ได้เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“อืมม…”
เสียงที่เบาเหมือนกับยุงบินได้ดังออกมา
“หากว่าด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังช่วยเขาไม่ได้ ทำไมเราไม่ลองใช้ยาดีๆกันล่ะ?”
ยี่ซอลอาที่กำลังนั่งลงบนพื้นประตูและมองเข้าไปในห้องอยู่
“ยาดีๆ?”
ช่างเรื่องที่เธอมาอยู่ที่นี่ไปก่อน เทเรซ่าได้รีบถามอย่างรวดเร็วเหมือนกับอยากจะคว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้
“ใช่แล้ว ฉันได้ยินมาว่าพาราไดซ์มียาครอบจักรวาลที่รักษาได้ทุกโลก…”
“เธอหมายถึงอิลิเซียร์?”
จางมัลดงได้คิดถึงสิ่งที่เธอพูดออกมาอย่างรวดเร็ว
ยี่ซอลอาได้หยักหน้ารับออกมา
“ชะ ใช่แล้วค่ะ ฉันคิดว่ามันน่าจะชื่อนั้นแหละ”
“…มันคุ้มค่าที่จะลอง อิลิเซียร์น่าจะสามารถรักษาบาดแผลของเขา และช่วยฟื้นฟูวงจรที่พังทลายไปได้ มันจะช่วยให้เขาควบคุมมานาเหมือนกระกระทิงคลั่งในร่างเขาได้”
“ถ้างั้น!”
“แต่ว่ามันก็ยังมีปัญหาอยู่”
จางมัลดงได้ยอมรับเรื่องการใช้อิลิกเซียร์ในทันที แต่ว่าก็เสริมเรื่องที่น่าเศร้าออกมาในตอนท้าย
“อิลิกเซียร์คือต้นกำเนิดพลัง และแก่นแท้แห่งชีวิตที่ถูกเทพที่รับใช้โอฟินู โอดอร์ทิ้งเอาไว้ในตอนบั่นปลายชีวิต และขึ้นสู่สวรรค์ มันเป็นสมบัติที่อยู่ภายใต้การดูแลอย่างถึงที่สุดของแฟรี่แห่งท้องฟ้า เธอมีแผนจะไปเอามันมายังไงกันล่ะ? คิดจะขโมยมันมางั้นหรอ?”
หรือก็คือ ความคิดนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงได้เลย
ยี่ซอลอาได้แต่ก้มหัวลง
จากนั้นเอง เทเรซ่าก็ร้อง ‘อ่า!’ ออกมาในทันทีที่เธอนึกถึงสหพันธรัฐ
ตึง!
จากนั้นเธอก็รีบวิ่งออกไปจากห้องเต็มแรง จากการกระทำที่กระทันหันของเธอทำให้จางมัลดงกับยี่ซอลอาได้แต่มองประตูที่ถูกผลักกระเด็น
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เทเรซ่าก็ได้กลับมาพร้อมกับข่าวที่ไม่น่าเชื่อ เธอบอกว่าเธอได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสหพันธรัฐ
การตอบกลับของพวกเขามีแค่สั้นๆเท่านั้น
‘ยึดป้อมปราการไทกอลคืนสำเร็จ กำลังกลับบ้าน’
และ..
‘ได้รับคำขอจากราชวงศ์ฮารามาร์ค หากว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับที่ทำลายศูนย์วิจัย และหลบหนีออกมา และหากว่าการกำจัดผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่งของปรสิตเป้นเรื่องจริง ถ้างั้นสหพันธรัฐก็จะไม่ล่ะทิ้งความพยายามในการช่วย ‘ซอล’ จะเปลี่ยนเส้นทางและไปถึงฮารามาร์คในทันที’
นี่เป็นข่าวที่ไม่น่าเชื่ออย่างแท้จริง
อีกด้านหนึ่งหญิงสาวที่กำลังมองลงมาที่ซอลจีฮูด้วยดวงตาประกายสีทอง เธอได้หลับตาแน่นกับข่าวนี้
“…เขาจะรอดใช่ไหม?”
หลังจากพึมพำออกมาสั่นๆ ก็มีเพียงจางมัลดงเท่านั้นที่สังเกตเห็นถึงตัวตนของเธอ ดวงตาของเขาได้เบิกกว้างขึ้นมา นี่มันก็เพราะว่ามันวุ่นวายมากจน เขาไม่ได้รับรู้เลยว่าเธออยู่ที่นี่
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ว่าเขาก็รู้อย่างชัดเจนว่าเธอคือใคร
คนแรกที่กลายเป็นระดับ 8 ในพาราไดซ์ และเป็นผู้รับร่องรอยพลังแห่งเทพ
แบคเฮจู จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์
เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้มาที่นี่ แต่ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้
“เขาจะมีชีวิตไหม?”
เมื่อเธอได้ถามออกมาอีกครั้ง จางมัลดงก็ส่ายหัวออกมา
“ผมไม่มั่นใจ คุณซอยูฮุยได้ทำเต็มที่ที่จะยื้อเขาเอาไว้แล้ว แต่ว่าเท้าข้างหนึ่งของเขาได้ก้าวลงโลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงก็ตามเราก็มีวิธีที่ควรจะทดลองดู”
กร๊อบ! ทันใดนั้นเสียงกัดฟันแน่นก็ดังออกมา จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์แบคเฮจูได้ขมวดคิ้วขึ้น
“หากว่าเขาอยู่ในสภาพที่ไม่เป็นหรือตาย…”
เธอได้จ้องไปที่ห้องพักผู้ป่วยที่ซอยูฮุยได้เข้าไป จากนั้นจู่ๆเธอก็ยกร่างของซอลจีฮูขึ้นด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว และนั่งไขว้ห้างอยู่ด้านหลังเขา
“อะไร-?”
“ปกป้องฉันด้วย”
ต่อมาเธอก็ได้วางมือลงบนแผ่นหลังซอลจีฮูเบาๆ
มีประกายแสงปรากฏขึ้นในดวงตาของจางมัลดง เขารับรู้ถึงสิ่งที่แบคเฮจูกำลังทำแล้ว
มีขั้นตอนในการรักษาผู้บาดเจ็บอาการหนักอยู่ การใช้ยาที่ทรงพลังกับคนที่อยู่ในสภาพน่ากลัวแบบนี้อาจจะไม่ต่างกันการอยู่นิ่งๆเลย
พลังงานในตัวของเขาจะต้องถูกทำให้สงบลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อน จากนั้นร่างกายของเขาถึงจะพร้อมรับอิลิกเซียร์
นอกไปจากนี้พวกเขาจะต้องทำให้ซอลจีฮูสามารถทนอยู่รอดจนสหพันธรัฐมาถึงให้ได้
ในจุดๆนี้ แบคเฮจูกับจางมัลดงคิดเหมือนกัน
จางมัลดงได้สั่งให้คนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป จากนั้นเขาก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋า
แม้ว่าเขาจะสาบานกับตัวเองแล้วว่าจะไม่ใช่มัน แต่ว่านี่มันไม่ใช่เวลาจะมาดื้อแล้ว
เขาจะต้องทำทุกๆอย่างที่ทำได้
‘ฉันจะต้องช่วยเขา’
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
เปลวเพลิงได้ลุกโชดช่วงในดวงตาของจางมัลดง พร้อมกันกับที่เขาหยิบกล่องทรงกระบอกออกมา