ตอนที่ 183

The Second Coming of Gluttony

เรื่องราวที่เกิดขึ้น (2)

ทุกๆคนต่างก็พูดในสิ่งเดียวกันโดยไม่มีข้อยกเว้น

หนี มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชนะ ป้อมปราการในหุบเขาได้ถูกบุกทะลวงกวาดล้างโดยไม่เหลือแม้แต่หย่อมหญ้า

สงครามที่ถูกยอมรับว่าเป็นความจริงที่ไม่อาจเลี่ยงได้มาถึงข้อสรุปในท้ายที่สุด หลังจากการต่อสู่โชกเลือดโดยไม่สนว่าจะอยู่หรือตาย ป้อมปราการในหุบเขาก็ได้ถ่ายทอดรายงานออกมาอย่างเรียบง่ายสี่ประโยค

ปรสิตพ่ายแพ้ เจ็ดกองทัพได้ถอยกลับ ความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ได้ถูกกำจัด

และ…

ขอความช่วยเหลือในการลำเลียงผู้บาดเจ็บ

ฮารามาร์คได้ปะทุเสียงโห่ร้องกำลังใจแห่งชัยชยะออกไปจนถึงสกีเฮราซาร์ด นัวร์ อีวา และเมืองอื่นๆในพาราไดซ์

ในจุดๆนี้ ทุกๆคนไม่ว่าจะเป็นชาวพาราไดซ์หรือชาวโลกต่างก็ชื่นชมยินดี

นี่มันคือชัยชนะเป็นครั้งแรกเลยนับตั้งแต่ที่จักรวรรดิได้ล้มสลายไป นอกไปจากนี้ความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ ผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่งอันมีชื่อเสียงก็ได้ถูกกำจัดในสงครามครั้งใหญ่นี้ จนเกิดเป็นชัยชนะที่หอมหวานสำหรับเหล่ามนุษยชาติ

แต่แน่นอนว่าเพียงแค่ชัยชนะครั้งเดียวยังคงไม่พอที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของปรสิต หรือทำให้ความมั่นคงของปรสิตสั่นคลอน

ยังไงก็ตามมันเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกยินดีเพราะพวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสั่นกลัวจากการถูกฆ่า พวกเขาได้เก็บสะสมความหวาดกลัวเอาไว้ในหัวใจมามากมายนัก

เพราะงั้นคงไม่มีใครจะโทษพวกเขาได้ที่รู้สึกยินดีกับข่าวที่ว่าในที่สุดมนุษยชาติก็เอาคืนราชินีปรสิตไปได้บ้าง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฮารามาร์คที่เป็นเวทีหลักสำหรับการรบ

ผู้คนที่เดินไปมาตามท้องถนนดูจะยินดีกันอย่างเห็นได้ชัด

ไม่ว่าใครจะไปที่ไหนก็จะมีแต่คนพูดกันแต่เรื่องของสงคราม และผู้คนก็เดินไปมาตามท้องถนนเหมือนกับอยู่ในช่วงเทศกาล

ยี่ซอลอาก็เป็นคนแบบนั้นเช่นกัน

ข่าวชัยชนะของพวกเขาได้ทำให้เธอยินดียิ่งกว่าใครๆ เธอได้วิ่งไปที่เมืองด้วยความตื่นเต้น และรู้สึกภาคภูมิในในทุกๆครั้งที่มีการพูดถึงซอลจีฮูที่เป็นฮีโร่แห่งสงครามนี้

จางมัลดงอยู่เงียบผิดปกติหน่อยๆ และเธอก็เอียงหัวออกมาอย่างไม่เข้าใจเมื่อยี่ซังจินได้พูดออกมาว่า ‘พี่สาว พี่คิดว่าอาจารย์จางอารมณ์ไม่ค่อยดีหรือเปล่า?’ แต่ว่าเธอก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก

เธอก็แค่ออกไปสนุกกับงานเทศกาลข้างนอก และเฝ้ารอคอยให้ซอลจีฮูกลับมา

เธอได้เฝ้าฝันว่าจะไปตามตื้อถามซอลจีฮูเรื่องสงครามในทันทีที่เขากลับมา

แต่ว่าเมื่อรถม้าได้มาถึงเมือง ความคิดของเธอก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป

***

กรุ๊บ ๆ ๆ ๆ

เสียงรถม้าถูกฮอรัสแปดตัวลากผ่านถนนได้ดังสนั่นราวกับพื้นจะแยก

ยี่ซอลอาได้ขมวดคิ้วขึ้นเมื่อเห็นทหารเดินออกมาที่ถนน พวกเขาต่างก็กันเส้นทางไปสู่วิหารลูซูเรียเอาไว้ นี่มันไม่ปกติเลย

ในตอนนี้เองยี่ซอลอาถึงได้สังเกตถึงความแปลกประหลาด

มีจุดที่น่าสงสัยอยู่หลายจุด ทหารที่กันถนนก็เรื่องหนึ่ง แต่กระทั่งราชาฟีไฮก็ยังมาที่สำนักงาน

เธอไม่อาจจะได้ยินรายละเอียดได้เพราะเธอได้ยินจางมัลดงขอให้เธอออกไปก่อน แต่ว่าเธอก็สังเกตเห็นถึงความเคร่งเครียดของสถานการณ์จากการเหลือบมองเพียงแค่ครั้งเดียว

หลังจากคุยกันจบลงแล้ว จางมัลดงก็ได้รีบออกไปโดยที่บอกว่าเขาอาจจะไม่ได้กลับมาอยู่หลายวัน

‘แปลก’

ยี่ซอลอาได้พึมพำกับตัวเอง และจ้องไปที่รถม้าที่ขับหายไปเกือบจะลับตาแล้ว

จากนั้น ในทันทีที่ทหารเปิดทางถนนกลับมา ยี่ซอลอาก็รีบสิ่งตามไป รถม้าได้มาหยุดลงตรงหน้าวิหารลูซูเรียดังคาดไว้

เธอยังเห็นคนจำนวนมากรีบวิ่งหายเข้าไปข้างใน แม้ว่าพวกเขาจะหายเข้าไปในตอนที่เธอมาถึงวิหาร แต่ว่าการตามพวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ถึงจะเป็นนักธนูระดับ 2 แต่ก็ยังเป็นนักธนูอยู่

เนื่องจากว่าเธอรู้ว่าพวกเขาเข้ามาในวิหาร การตามรอยที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่นาทีก็ไม่ใช่งานที่ยากอะไรเลย

จะมีก็แต่ทหารสองคนที่กันทางเอาไว้อยู่เท่านั้นเอง

“คุณไปไกลกว่านี้ไม่ได้ครับ”

มันก็เป็นอย่างที่เธอคาด เมื่อเธอแอบเข้ามา ทหารก็ได้กางหอกกันทางเอาไว้ทันที

“ทำไมกันล่ะ?”

“เลยจุดนี้ไปเป็นพื้นที่พักฟื้น มีการออกราชกฤษฎีกาห้ามเข้าเยี่ยมสักพักหนึ่ง จะมีก็แค่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้บาดเจ็บเท่านั้นที่จะเข้าไปได้”

เมื่อได้ยินทหารพูดถึงราชกฤษฎีกาในท่าทีคุกคาม ยี่ซอลอาก็รีบโกหกออกมา

“ฉันเกี่ยวข้องนะ”

“ว่าไงนะครับ?”

“ฉันเป็นสมาชิกของคาเพเดี่ยม ฉันชื่อยี่ซอลอา อาจารย์จางบอกให้ฉันมาน่ะ…”

ยี่ซอลอาดูจะมีความสามารถพิเศษในเรื่องนี้ทำให้เธอสามารถจะแก้ตัวได้ง่ายๆเลย

ทหารทั้งสองคนได้มองสบตากันก่อนจะพูดขึ้น

“…ต้องขออภัยด้วย แต่ว่าเราขอดูหน้าต่างสถานะได้ไหมครับ?”

เมื่อพวกเขาได้ยืนยันถึงหน้าต่างสถานะของยี่ซอลอาแล้ว พวกเขาก็เอียงหัว และเปิดทาง เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าเธอคือสมาชิกคาเพเดี่ยม พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลให้ขวางทางเธอไว้แล้ว

และเพราะแบบนี้ยี่ซอลอาก็ได้ก้าวผ่านทหารเข้าไปได้สำเร็จ

-อ๊ากกกกกกกกกกก!

เสียงกรีดร้องสิ้นหวังที่น่าขนลุกได้ดังออกมาจนถึงโถงทางเดิน

นี่เป็นเสียงโหยหวนที่ดังออกมาเหมือนกับเสียงกรีดร้องของคนที่ถูกเผาทั้งเป็น เมื่อได้ยินแบบนี้ยี่ซอลอาก็ได้ชะงักเท้าไปในทันที

สายตาของเธอได้เหลือบมองไปทางประตูด้านซ้ายที่อยู่สุดทางเดินอย่างลังเล

-อ๊าาาา! อ๊าากกกกก!

เสียงกรีดร้องได้ดังออกมาอีกครั้งหนึ่ง เธอยังได้ยินเสียงคนตะโกนว่า ‘กดเขาไว้! จับเขา!’ อีกด้วย

อึก เธอได้กลืนน้ำลายลงไปโดยไม่รู้ตัว

ต่อมาเมื่อเธอได้ย่องไปที่ประตู และเหลือบมองเข้าไปข้างใน

“กดแขนขาของเขาเอาไว้! อย่าให้เขาขยับตัว!”

เสียงกรีดร้องแหลมสูงก็ได้ดังเข้าหูของเธอ

ยี่ซอลอาได้ผงะไปก่อนที่จะตกอยู่ในความสับสน

นี่มันเพราะว่าเธอได้เห็นร่างของชายหนุ่มกำลังดิ้นพล่านเหมือนกับปลา พร้อมทั้งทำเสียงหายใจไม่ออกเหมือนกับกำลังหอบ

เมื่อกลิ่นเลือดได้ฉุนเตะจมูกของเธอ ยี่ซอลอาก็เบิกตากว้างขึ้น

“อึก!”

เธอได้เอนตัวไปข้างหลัง จากนั้นก็ล้มไปลง เธอได้รีบปิดปากเอาไว้ ก่อนที่จะก้มหัวลงโดยไม่ตั้งใจ

“อึก! เฮือกกก!”

สมองของเธอไม่อาจจะประมวลผลภาพที่น่ากลัวที่เธอเพิ่งเห็นได้ และทำให้เธอเกือบจะอาเจียนออกมา หยดน้ำตาได้ปรากฏขึ้นรอบดวงตาของเธออย่างรวดเร็ว

[หากว่าพวกเธอเห็นพาราไดซ์เป็นเกมที่เอาไว้สนุกในเวลาว่าง ฉันก็ไม่อยากจะให้เราไปด้วยกัน]

ในที่สุดเธอก็เข้าใจถึงคำเหล่านี้ และในเวลาเดียวก็รู้สึกแย่กับตัวเองด้วย

เธอมัวแต่ไปยินดีกับข่าวชัยชนะ โดยไม่ได้ฉุกคิดถึงขั้นตอนในการเอาชัยชนะนั้นมาเลย

“โอ้ คุณไม่เป็นไรนะ?”

นักบวชที่พึ่งมาถึง ได้เข้ามาถามยี่ซอลอาที่กำลังนั่งตกตะลึงอยู่บนพื้น

ซอลจีฮูได้รีบส่ายมือ และหยักหน้ารัวๆ

“กำลังทำอะไรอยู่น่ะ!? เข้ามานี่เลย!”

ทันใดนั้นน้ำเสียงเฉียมคมก็ดังออกมาจากในห้อง นักบวชได้กลายเป็นทำอะไรไม่ถูกก่อนที่จะหายเข้าไปในห้องอย่างรวเร็ว

“ฮึก… ฮึก…”

ยี่ซอลอาที่แทบจะสงบสติอารมณ์ไม่ได้ ได้ฝืนกลืนน้ำลายลงไปในคอ และหันหน้าไปทางประตู

“ตอนนี้คุณทุกคนคงได้เห็นสภาพของเขาในตอนนี้แล้วนะ”

ข้างในเทเรซ่ากำลังมองไปที่กลุ่มนักบวช

“ตั้งใจฟังให้ดี เสนอการรักษาเขามาได้เลยไม่ว่าต้องทำอะไรก็ตาม ไม่ต้องห่วงเรื่องทรัพยากร ราชวงศ์ฮารามาร์คจะดูแลทุกๆ อย่างที่จำเป็นให้เอง”

เมื่อเทเรซ่าได้สติขึ้นมาแล้ว เธอก็รู้ถึงสถานการณ์ที่ซอลจีฮูเป็นอยู่ และรีบเข้าไปช่วยเขาทันที เธอเป็นคนที่ติดต่อหาราชวงศ์ และเตรียมรถม้าที่เร็วที่สุดในฮารามาร์ค และนักบวชทุกๆคนที่มารวมกันนี้ก็เกิดขึ้นจากคำสั่งของเธอ

“เสนอมาได้เลยไม่ว่าจะอะไรก็ได้ นี่คือหน้าที่ของพวกคุณ และเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกคุณถูกเรียกตัวมา”

จากการคำรามเสียงของเธอ มันราวกับว่าเธอกำลังขมขู่พวกเขา ยังไงก็ตามนักบวชเพียงแต่มองหน้ากันเงียบๆ

พวกเขาเป็นนักบวชที่มาจากสกีเฮราซาร์ด และเมืองข้างเคืองอื่นๆ แต่ว่ามันมีเหตุผลที่พวกเขาพูดไม่ออกอยู่

ด้วยทักษะของพวกเขา พวกเขารู้ถึงสภาพของชายหนุ่มที่เป็นอยู่ดี เมื่อเห็นชายหนุ่มแล้ว พวกเขาก็ได้แต่เลือกต้องอยู่เงียบๆ

ใครจะไปโทษพวกเขาได้ล่ะ? แม้กระทั่งซอยูฮุยยังทำได้เพียงรักษาฉุกเฉินเท่านั้น เธอไม่มีวิธีกู้ชีวิตเขากลับมาได้เลย เพราะงั้นแล้วพวกเขาจะไปทำอะไรได้ล่ะ?

แต่ว่าเมื่อคำนึงถึงค่าจ้างที่พวกเขาได้รับไปแล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ความคิดต่างๆมากมายได้ถูกเสนอออกมา แต่ว่าความคิดเหล่านี้ต่างก็ใช้ไม่ได้หรือเกินจริงไป

ขณะที่เทเรซ่ากำลังเคาะเท้าอยู่ซ้ำๆด้วยสีหน้าเป็นกังวลและหวาดกลัว

“บุตรแห่งลูซูเรียอยู่ไหน?”

จางมัลดงก็ได้กระแทกประตูเปิดขึ้นมา

เทเรซ่าได้รีบพูดขึ้นในทันที

“เธอน่าจะเข้าไปในห้องพักฟื้นแล้ว”

“เธอกลับมาเมื่อไหร่?”

“เราไม่มั่นใจ เธอได้ทำพิธีกรรมทั้งๆที่เธออยู่ในสภาพที่แย่อยู่แล้ว…”

คำพูดของเทเรซ่าได้ขาดห้วงไปในช่วงท้าย

“มะ… มีวิธีอื่นไหม?”

จากนั้นเธอก็ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน

นักบวชที่เธอได้รวบรวมมาต่างก็ใช้งานไม่ได้ทั้งนั้น ในตอนนี้จางมัลดงเป็นเพียงคนเดียวแล้วที่เธอเชื่อใจ

จางมัลดงได้ส่งเสียงครางยาวออกมา เขาได้ยินสรุปสถานการณ์คร่าวๆออกมาแล้ว

ซอยูฮุยได้ร่ายเวทย์โบราณที่มีชื่อว่าสุดขั้นออกมาผ่านทางพิธีกรรม นี่เป็นเวทย์ประเภทการเสียสละตัวเอง โดยส่งเอาพลังชีวิตของผู้ใช้ครึ่งหนึ่งไปยังเป้าหมายพร้อมทั้งรับความเจ็บปวดของเป้าหมายมาครึ่งหนึ่ง

เวทย์โบราณนี้เป็นเวทย์ที่ใช้ชะลอการตายของคนๆหนึ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด… แต่มันก็เท่านั้นแหละ

การที่เขามาอยู่ในสภาพนี้หลังจากใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว… จางมัลดงคิดไม่ออกเลยว่าก่อนหน้านี้เขาจะมีสภาพเป็นยังไงกัน

เสียงร้องได้ดังออกมาอีกครั้ง ซอลจีฮูได้โหยหวนออกมาพร้อมกับตาที่กลอกขึ้นไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อเห็นแบบนี้จางมัลดงก็ขมวดคิ้วขึ้น

“ท่านคะ…!”

เทเรซ่าได้เร่งเขาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะร้องไห้

มันไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว

แม้ว่าซอยูฮุยจะได้ใส่พลังชีวิตจำนวนมหาศาลมาให้เขา แต่ว่ามานาที่คลั่งอยู่ในตัวซอลจีฮูก็น่าจะกลืนกินชีวิตของซอลจีฮูอยู่ในตอนนี้

จางมัลดงได้กัดฟันแน่น

“มีอยู่สองวิธี”

เมื่อได้ยินว่ามีถึงสองวิธี ดวงตาเทเรซ่าก็เป็นประกายขึ้นมา

“วิธีอะไรคะ?”

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่อาการบาดเจ็บของเขา ร่างกายของเขาได้ไปถึงสภาพที่ใช้งานไม่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เพราะงั้นเราจำเป็นต้องหาทางจัดการกับเรื่องนี้”

“แล้ววิธีคือยังไงคะ?”

“เราต้องการร่างกายของอีกเผ่าพันธุ์ ร่างกายที่ทรงพลังพอที่จะเป็นที่สิงสู่ มีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว และมีความทนทานที่ดี”

เทเรซ่าได้อ้าปากออกมา

“แต่ว่า… เขาจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป!”

สิ่งที่จางมัลดงแนะนำออกมามันไม่ต่างไปจากการเปลี่ยนซอลจีฮูให้เป็นปรสิตเลย

“นั่นมันเป็นเพียงวิธีที่ฉันคิดได้ในตอนนี้ อีกวิธีก็คือการฆ่าเขา แล้วก็ชุบชีวิตเขาขึ้นมา”

นั่นก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเช่นกัน ปัญหาคือการต้องหาคนที่จะทำความปรารถนานี้ และต่อให้พวกเขารวบรวมแต้มคุณูปการได้มากพอ มันก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าซอลจีฮูจะทนอยู่บนโลกได้นานขนาดนั้นไหม

แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์มาหลายปี แต่ว่าจางมัลดงก็ไม่มั่นใจว่าในช่วงสั้นๆนี้ซอลจีฮูได้มีประสบการณ์มามากขนาดไหน

“เพราะงั้นมันหมายความว่า…”

น้ำเสียงสั่นเครือของเทเรซ่าได้ดังออกมา

“มันไม่มีอะไรที่เราทำได้…”

เพียงเท่านั้นความสิ้นหวังก็ได้เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“อืมม…”

เสียงที่เบาเหมือนกับยุงบินได้ดังออกมา

“หากว่าด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ยังช่วยเขาไม่ได้ ทำไมเราไม่ลองใช้ยาดีๆกันล่ะ?”

ยี่ซอลอาที่กำลังนั่งลงบนพื้นประตูและมองเข้าไปในห้องอยู่

“ยาดีๆ?”

ช่างเรื่องที่เธอมาอยู่ที่นี่ไปก่อน เทเรซ่าได้รีบถามอย่างรวดเร็วเหมือนกับอยากจะคว้าฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้

“ใช่แล้ว ฉันได้ยินมาว่าพาราไดซ์มียาครอบจักรวาลที่รักษาได้ทุกโลก…”

“เธอหมายถึงอิลิเซียร์?”

จางมัลดงได้คิดถึงสิ่งที่เธอพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

ยี่ซอลอาได้หยักหน้ารับออกมา

“ชะ ใช่แล้วค่ะ ฉันคิดว่ามันน่าจะชื่อนั้นแหละ”

“…มันคุ้มค่าที่จะลอง อิลิเซียร์น่าจะสามารถรักษาบาดแผลของเขา และช่วยฟื้นฟูวงจรที่พังทลายไปได้ มันจะช่วยให้เขาควบคุมมานาเหมือนกระกระทิงคลั่งในร่างเขาได้”

“ถ้างั้น!”

“แต่ว่ามันก็ยังมีปัญหาอยู่”

จางมัลดงได้ยอมรับเรื่องการใช้อิลิกเซียร์ในทันที แต่ว่าก็เสริมเรื่องที่น่าเศร้าออกมาในตอนท้าย

“อิลิกเซียร์คือต้นกำเนิดพลัง และแก่นแท้แห่งชีวิตที่ถูกเทพที่รับใช้โอฟินู โอดอร์ทิ้งเอาไว้ในตอนบั่นปลายชีวิต และขึ้นสู่สวรรค์ มันเป็นสมบัติที่อยู่ภายใต้การดูแลอย่างถึงที่สุดของแฟรี่แห่งท้องฟ้า เธอมีแผนจะไปเอามันมายังไงกันล่ะ? คิดจะขโมยมันมางั้นหรอ?”

หรือก็คือ ความคิดนี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงได้เลย

ยี่ซอลอาได้แต่ก้มหัวลง

จากนั้นเอง เทเรซ่าก็ร้อง ‘อ่า!’ ออกมาในทันทีที่เธอนึกถึงสหพันธรัฐ

ตึง!

จากนั้นเธอก็รีบวิ่งออกไปจากห้องเต็มแรง จากการกระทำที่กระทันหันของเธอทำให้จางมัลดงกับยี่ซอลอาได้แต่มองประตูที่ถูกผลักกระเด็น

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เทเรซ่าก็ได้กลับมาพร้อมกับข่าวที่ไม่น่าเชื่อ เธอบอกว่าเธอได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสหพันธรัฐ

การตอบกลับของพวกเขามีแค่สั้นๆเท่านั้น

‘ยึดป้อมปราการไทกอลคืนสำเร็จ กำลังกลับบ้าน’

และ..

‘ได้รับคำขอจากราชวงศ์ฮารามาร์ค หากว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับที่ทำลายศูนย์วิจัย และหลบหนีออกมา และหากว่าการกำจัดผู้บัญชาการกองทัพที่หนึ่งของปรสิตเป้นเรื่องจริง ถ้างั้นสหพันธรัฐก็จะไม่ล่ะทิ้งความพยายามในการช่วย ‘ซอล’ จะเปลี่ยนเส้นทางและไปถึงฮารามาร์คในทันที’

นี่เป็นข่าวที่ไม่น่าเชื่ออย่างแท้จริง

อีกด้านหนึ่งหญิงสาวที่กำลังมองลงมาที่ซอลจีฮูด้วยดวงตาประกายสีทอง เธอได้หลับตาแน่นกับข่าวนี้

“…เขาจะรอดใช่ไหม?”

หลังจากพึมพำออกมาสั่นๆ ก็มีเพียงจางมัลดงเท่านั้นที่สังเกตเห็นถึงตัวตนของเธอ ดวงตาของเขาได้เบิกกว้างขึ้นมา นี่มันก็เพราะว่ามันวุ่นวายมากจน เขาไม่ได้รับรู้เลยว่าเธออยู่ที่นี่

แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่ว่าเขาก็รู้อย่างชัดเจนว่าเธอคือใคร

คนแรกที่กลายเป็นระดับ 8 ในพาราไดซ์ และเป็นผู้รับร่องรอยพลังแห่งเทพ

แบคเฮจู จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์

เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้มาที่นี่ แต่ว่านี่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้

“เขาจะมีชีวิตไหม?”

เมื่อเธอได้ถามออกมาอีกครั้ง จางมัลดงก็ส่ายหัวออกมา

“ผมไม่มั่นใจ คุณซอยูฮุยได้ทำเต็มที่ที่จะยื้อเขาเอาไว้แล้ว แต่ว่าเท้าข้างหนึ่งของเขาได้ก้าวลงโลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงก็ตามเราก็มีวิธีที่ควรจะทดลองดู”

กร๊อบ! ทันใดนั้นเสียงกัดฟันแน่นก็ดังออกมา จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์แบคเฮจูได้ขมวดคิ้วขึ้น

“หากว่าเขาอยู่ในสภาพที่ไม่เป็นหรือตาย…”

เธอได้จ้องไปที่ห้องพักผู้ป่วยที่ซอยูฮุยได้เข้าไป จากนั้นจู่ๆเธอก็ยกร่างของซอลจีฮูขึ้นด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว และนั่งไขว้ห้างอยู่ด้านหลังเขา

“อะไร-?”

“ปกป้องฉันด้วย”

ต่อมาเธอก็ได้วางมือลงบนแผ่นหลังซอลจีฮูเบาๆ

มีประกายแสงปรากฏขึ้นในดวงตาของจางมัลดง เขารับรู้ถึงสิ่งที่แบคเฮจูกำลังทำแล้ว

มีขั้นตอนในการรักษาผู้บาดเจ็บอาการหนักอยู่ การใช้ยาที่ทรงพลังกับคนที่อยู่ในสภาพน่ากลัวแบบนี้อาจจะไม่ต่างกันการอยู่นิ่งๆเลย

พลังงานในตัวของเขาจะต้องถูกทำให้สงบลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อน จากนั้นร่างกายของเขาถึงจะพร้อมรับอิลิกเซียร์

นอกไปจากนี้พวกเขาจะต้องทำให้ซอลจีฮูสามารถทนอยู่รอดจนสหพันธรัฐมาถึงให้ได้

ในจุดๆนี้ แบคเฮจูกับจางมัลดงคิดเหมือนกัน

จางมัลดงได้สั่งให้คนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป จากนั้นเขาก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋า

แม้ว่าเขาจะสาบานกับตัวเองแล้วว่าจะไม่ใช่มัน แต่ว่านี่มันไม่ใช่เวลาจะมาดื้อแล้ว

เขาจะต้องทำทุกๆอย่างที่ทำได้

‘ฉันจะต้องช่วยเขา’

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

เปลวเพลิงได้ลุกโชดช่วงในดวงตาของจางมัลดง พร้อมกันกับที่เขาหยิบกล่องทรงกระบอกออกมา