เหตุผลที่เหมาะสม
“คุณพี่คงไม่เข้าใจว่ามันยากลำบากขนาดไหน ทุกๆคนต่างก็ตึงเครียดเพราะว่าพวกเขาไม่อาจจะทำพลาดได้แม้แต่นิดเดียว เมื่อไหร่ก็ตามที่จู่ๆอาการของคุณพี่แย่ลง หรือว่าเมื่อไหร่ที่คุณพี่หยุดหายไปครู่หนึ่ง หัวใจของพวกเราต่างก็แทบจะหยุดเต้นกันไปเลยล่ะ
ขณะอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สีหน้าของยี่ซอลอาก็ได้มืดมนลงไป
“หลังจากวันนั้นคุณปู่ก็ต้องพักไปทั้งวัน… มันเป็นสัปดาห์นรกจริงๆเลยล่ะ ฉันได้รับแค่ให้ทำหน้าที่เล็กๆน้อยเท่านั้นเอง แต่ว่าแค่เห็นสถานการณ์กลายมาเป็นแบบนั้นมันก็ทำให้ฉันเหนื่อยแล้ว อ่า แต่สำหรับคุณพี่แล้วคงยากลำบากที่สุดแหละเนอะ
‘อาจารย์…’
ซอลจีฮูได้มองลงไปบนเข็มที่ปักอยู่เต็มแขนของเขา จางมัลดงจะต้องทำการฝังเข็มอย่างที่เขาคิดไว้
[บอกทัตสึยูกิแบบนี้นะ]
[ในทันทีที่พูดแค่คำว่า ‘ขะ’ จาก ‘เข็ม’ ต่อหน้าฉัน ฉันจะตัดการติดต่อทั้งหมดกับพวกนายเลย]
ซอลจีฮูยังจำได้ดีถึงคำปฏิเสธอันหนักแน่นของจางมัลดง ขณะที่เขารู้สึกซาบซึ้งที่จางมัลดงยอมล่ะทิ้งคำมั่นสัญยาเพื่อช่วยเขา แต่ว่าเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
“แล้วสหพันธรัฐช่วยฉันยังไงล่ะ?”
“ฉันไม่รู้ว่าพี่สาวเจ้าหญิงไปพูดอะไร แต่ว่าพวกเขาได้เอาอิลิเซียร์มาจริงๆ”
“จริงหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ คุณปู่ก็ยังตกใจเหมือนกัน เขาบอกว่าเขาไม่เคยคิดเลยว่าสหพันธรัฐจะให้ของล้ำค่านี่โดยไม่หวังอะไรตอบแทน…”
“พอจะบอกรายระเอียดเพิ่มเติมได้ไหม?”
“อืมม~ ฉันก็ไม่ได้เห็นกระบวนการรักษาโดยตรงหรอก… แต่ว่าจากที่ฉันได้ยินมาคือพวกเขาได้ใช้ยารักษาคุณพี่ไม่หมด และตัดสินใจใช้ส่วนที่เหลือรักษาบุตรแห่งลูซูเรียเช่นกัน…”
ทันใดนั้นยี่ซอลอาก็ครางยาวออกมา
“เธอพอจะบอกสิ่งที่เห็นแล้วก็ได้ยินไหม?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ทันใดนั้นยี่ซอลอาก็ทำสีหน้าลำบากใจ และดึงฮูดลงมาปิดหน้า จากนั้นก็กางแขนออกมา
“เราไม่เพียงแค่ได้ยืนยันถึงการกำจัดความหมั่นเพียรอันนิรันดร์เท่านั้น แต่ว่าเราก็ยังได้ยืนยันมาอีกด้วยว่าความถ่อมตนอันน่าขยะแขยงได้สำแดงพลังแห่งเทพ การผลักดันให้กองทัพปรสิตถูกทำลายมาถึงขนาดนี้… มันก็คุ้มค่าแล้วล่ะที่จะใช้อิลิกเซียร์ไปกับมนุษย์ที่ทำความสำเร็จอันน่าทึ่งเช่นนี้ หากว่าเขามีชีวิตรอดต่อไปก็ไม่อาจจะประเมินคุณค่าได้เลย นี่มันเป็นการตัดสินใจเอกฉันฑ์ของสหพันธรัฐ รวมไปถึงพันธมิตรมนุษย์สัตว์ด้วย”
เธอได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ ซอลจีฮูเข้าใจในทันทีว่าตอนนี้เธอกำลังเลียนแบบคนจากสหพันธรัฐอยู่
“แล้วก็?”
ยี่ซอลอาได้หยักหน้าลง และกางแขนออกมา
“พวกเขาขอขอบคุณที่ได้เตรียมร่างกายของเขาให้พร้อมรับอิลิเซียร์ เพราะแบบนี้ทำให้การรักษาเป็นไปได้อย่างราบรื่น พวกเราได้ทำทุกๆอย่างอย่างสุดความสามารถไปแล้ว ไม่ว่ามนุษย์คนนี้จะตื่นขึ้นมาได้หรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับพลังใจของเขาเองแล้วล่ะ”
“แล้วก็?”
ยี่ซอลอาที่ได้ยินแบบนี้ก็ลดแขนลง และเงยหน้าขึ้นมา
“ขนาดสหพันธรัฐใช้ฟ้าผ่านับพันที่สะสมไว้เป็นสิบๆปีไปก็ยังไม่อาจจะจะเทียบได้กับมนุษย์เพียงคนเดียวที่มาอยู่ในพาราไดซ์ไม่ถึงปี แล้วความสำเร็จนี่ก็ยังมาจากแค่สงครามเพียงครั้งเดียวอีกด้วย… ไม่ว่าจะคิดกี่ครั้ง มันก็ยังน่าทึ่งเช่นเดิม ฉันยอมรับนะว่าฉันรู้สึกขมขื่นเหมือนกัน สหพันธรัฐทำอะไรผิดไปกันล่ะ?”
“นี่คือสิ่งที่คนๆนั้นพูดจริงๆงั้นหรอ?”
ยี่ซอลอาได้ถอดฮูดออก จากนั้นก็พูดขึ้นมาราวกับจู่ๆนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“จริงสิ… เขายังบอกให้ฉันบอกคุณพี่ในตอนคุณพี่ตื่นขึ้นมาด้วยเหมือนกัน นั่นคือแบบนี้เราก็ได้ชดใช้หนี้จากสุสานแล้วนะ”
[ขอบคุณมาก พวกเราอีกสี่คนก็รอดมาได้เหมือนกัน คุณชื่ออะไรล่ะ?]
[ซอลงั้นหรอ? ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะ ฉันจะจำเอาไว้]
ซอลจีฮูได้อ้าปากร้อง ‘อ่า’ ออกมา เขารู้แล้วว่าใครเป็นคนที่มาจากสหพันธรัฐ
[มิคาเอล]
‘พอคิดถึงการติดต่อกันจากตอนนั้น…’
…ได้หวนกลับมาแบบนี้
เอียนพูดถูก โชคชะตามักจะซุกซนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างไปจากผลลัพธ์ที่เคยคาดคิดเอาไว้อย่างสินเชิง
‘อาจารย์เอียน’
ทันใดนั้นเขาก็หดหู่ขึ้นมา เมื่อนึกขึ้นได้ถึงรอยยิ้มที่อบอุ่นของเอียน เขาไม่มีความกล้าที่จะถามเรื่องของเอียนกับยี่ซอลอาเลยด้วยซ้ำไป
เทเรซ่า ฟีไฮ อาเบอร์ มูโต้ แล้วก็กระทั่งแจนแซงตัสก็ยังมาเยี่ยมเขาพร้อมกับทหาร การที่เอียนไม่ได้มา… นั่นมันหมายได้ถึงสิ่งเดียวเท่านั้น
“มีอะไรที่คุณพี่อยากจะรู้อีกไหมคะ?”
ซอลจีฮูได้หยุดความคิดของเขาลงเมื่อได้ยินเสียงยี่ซอลอาดังขึ้นมา เขาได้ฝืนยิ้มขึ้น
“ไม่แล้วล่ะ ขอบคุณที่บอกฉันนะ”
แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจ แต่เขาก็เดาว่าเขาได้ตกอยู่ในอาการโคม่าหลังจากที่ผ่านสหพันธรัฐรักษาเสร็จ เขาได้อยู่ในสภาพโคม่าที่มีเพียงแค่เศษเสี้ยวสติที่หลงเหลืออยู่เป็นเวลาถึง 15 สัปดาห์
พอมาคิดแบบนี้แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนกับการตื่นขึ้นมาเป็นเหมือนโชคลาภ ว่าไปแล้วเขาก็ยังเคยได้ยินว่าผู้ป่วยโคม่ามีคนที่หมดสติไปเป็นสิบๆปีด้วยซ้ำไป
“ไม่มีอะไรแล้วสินะคะ! ตอนนี้ก็ถึงเวลา…”
ยี่วอลอาได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“เวลา…?”
ซอลจีฮูได้ยกมือขึ้น และเห็นหญิงสาวสูดหายใจลึกอยู่หน้าประตู เธอดูเหมือนจะบอกว่าเธอได้รอเวลานี้มานานแล้ว
“ซอลอา เดี๋ยวก่อน”
แต่ว่าก่อนที่เขาจะได้พูดจบว่า ‘ตอนนี้ทุกๆคนน่าจะหลับอยู่ รอสักหน่อยดีกว่า-‘ ยี่ซอลอาก็เปิดประตูออกไปแล้ว
จากนั้น…
“ทุกคนตื่นนน!!!”
เธอได้วิ่งออกไปร้องลั่น ซอลจีฮูได้แต่มองแผ่นหลังยี่ซอลอาออกไปด้วยสีหน้าโง่งม พร้อมทั้งฟังเสียงดังก้องกังวาลทั้งโถงทางเดิน
***
พายุรุนแรงได้ปะทุขึ้นในห้องพักผู้ป่วยแทบจะในทันที ผลจากเสียงร้องตะโกนของยี่ซอลอา ได้ทำให้ผู้คนได้กรูกันเข้ามาก่อนที่พระอาทิตย์จะได้ขึ้นซะอีก
เพราะงั้นแล้วนอกจากตอนที่จางมัลดงได้เอาเข็มออกจากร่างเขา และตอนที่ซอยูฮุยได้ตรวจร่างกายเขา เขาก็ต้องได้ยินคำพูดเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปตลอดทั้งเช้าจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นกลางท้องฟ้า
‘ฉันรอด…’
แม้กระทั่งการถูกชมก็ยังเหนื่อยเลยหลังจากได้ยินมาถึงสามสี่ครั้ง
ในตอนแรกเขาประทับใจกับคำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยของทุกๆคน แต่ว่าเมื่อตกเย็นแล้ว ความรู้สึกนี้ก็ได้หายไปอย่าสิ้นเชิง นอกไปจากนี้ร่างกายของเขาที่เพิ่งฟื้นตัวขึ้นมาก็ยังเหนื่อยล้าจนกรีดร้องออกมา
แต่ว่าเขาก็ไม่อาจจะไล่ทุกๆคนที่เขามาเยี่ยมเยือนเขาด้วยความจริงใจไปได้อยู่ดี
“แต๋น แต๋ แด๋น-! หัวหน้ากลุ่มคาเพเดี่ยม วีรบุรุษสงคราม ซอล ได้กลับมาแล้ววว!!!”
ฮิวโก้ได้ทำเสียงเป่าทรัมเป็ตออกมาตั้งแต่เช้า และพาดง้าวที่หน้าส่งสารไว้ด้านหลัง เมื่อซอลจีฮูนึกไปถึงฮิวโก้ที่มักจะเอาง้าวไว้ใต้กางเกงในอยู่เสมอ เขาก็คิดว่าสถานการณ์อาจจะดีขึ้นแล้วทำให้ฮิวโก้ไม่ทำอะไรที่น่ารังเกียจอีก
“ฉันดีใจ… ฉันเป็นห่วงนายมาก… นายไม่เคยตื่นขึ้นมาอีกเลย…”
เทเรซ่าได้ร้องไห้ออกมา ซอลจีฮูก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆที่เห็นหญิงสาวใช้นิ้วปาดน้ำตาออกไป
เทเรซ่าดูเหมือนจะเชื่อซอลจีฮูโดยไร้เงื่อนไขใดๆ แต่ว่าเขาก็ยังจำได้ถึงการกระทำอันป่าเถื่อนในทุกๆครั้งที่เธอมาเยี่ยมเขา
เธอมาเยี่ยมเขาหกครั้ง หรือแปดครั้งกันนะ?
เทเรว่าได้จ้องลงมาที่เขาก่อนจะขยับหน้าเข้ามาใกล้ และจมูกของพวกเขาก็ได้สัมผัสกัน ในตอนแรกเพราะเขาไม่รู้สึกอะไร ทำให้เขาไม่รู้เลยว่าเธอกำลังทำอะไร แต่ว่าเมื่อจมูกของเธอได้มาแตะจมูกเขาเป็นครั้งที่สี่ ในที่สุดแล้วเขาก็ได้รู้ว่าเธอกำลังจูบเขา
นอกจากความตกตะลึงที่ได้รับอยู่เสมอแล้ว เขาก็ยังสงสัยว่าระหว่างที่จูบเขาเธอก็พึมพำอะไรอยู่เสมอ จนกระทั่งมาถึงตอนที่เขาได้ยินเสียงเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ได้รู้
-นี่เป็นครั้งที่ 500 แล้ว… ทำไมเขาถึงยังไม่ตื่นล่ะ?
-ฉันได้ยินมาว่าเจ้าหญิงนิทราจะตื่นขึ้นมาจากจูบของเจ้าชาย… ทำไมในทางกลับกันมันถึงไม่ได้ผลล่ะ?
-หรือว่าฉันจะต้องใช้ลิ้นด้วย?
-ฉันจะลองไปจนถึงครั้งที่พันแล้วกัน แล้วจากนั้นก็จะลองจูบที่อื่นดู
‘ที่ไหน?’
เมื่อซอลจีฮูนึกไปถึงช่วงเวลานั้น ขนทั้งร่างของเขาก็ลุกตั้งชัน และตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง
เธอมาทำร้องไห้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาหลังจากที่คุกคามทางเพศเขาในตอนที่เขาขยับไม่ได้สักนิดเนี้ยนะ
เขาควรจะวางตัวยังไงกับเรื่องนี้ดีล่ะ…
‘เธอกระล่อนเกินไปแล้ว…’
“ฉันมีเรื่องที่สงสัยอยู่”
ขณะที่ซอลจีฮูกำลังคิดจะบอกเธอว่าเขารู้ทุกอย่าง น้ำเสียงที่อดกลั้นอยู่ก็ดังออกมา แอ็กเนสกำลังมองหน้าเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ฉันอยากจะให้นายตอบคำถามฉัน”
ซอลจีฮูมีลางสังหรณ์ใจว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับนิมิตของเขา แต่ว่าเขาก็ได้เตรียมการตอบไปแล้วว่าเขาจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น-
“เป็นไปได้ไหมว่า…”
แอ็กเนสได้ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ เธอค่อยๆเอียงหัวออกมาอย่างน่ากลัวเพราะอะไรบางอย่าง
“ในตอนนายหลับบนเตียงนายหมดสติอยู่ตลอดเลยใช่ไหม?”
ซอลจีฮูได้ผงะไป ทำไมเธอถึงถามเรื่องนั้นล่ะ?
“ทำไมหรอครับ?”
“มีฉายาแปลกๆเพิ่มเข้ามาในนามแฝงของฉันน่ะสิ เพราะคนบางคนทำให้ฉันติดนิสัยชอบเช็คหน้าต่างสถานะทุกๆวัน และในวันที่ฉันมาที่นี่…”
“นะ นามแฝงอะไรหรอครับ?”
เมื่อซอลจีฮูได้ถามออกมาอย่างตกใจ…
“…ใครจะรู้ล่ะ?”
น้ำเสียงของแอ็กเนสได้กลายเป็นทุ้มลึกขึ้น เธอได้ค่อยๆใช้นิ้วกลางปรับแว่นของเธอ ประกายแสงที่ออกมาจากเลนส์ทำให้ซอลจีฮูต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
จริงๆแล้วในตอนที่เขาหลับอยู่บนเตียงมีความคิดมากมายอยู่ในหัวเขา ท้ายที่สุดแล้วนั่นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เขาได้ทำไป
มีอยู่ครั้งหนึ่งในตอนเบื่อๆ เขาได้สร้างเพลงขึ้นมาว่า ‘ตืออ~ ตือ ตือ ตืออ~ ตือ~ ตือ ตือ ตือ~ ตือ ตือ ตือ ตึง ก้นกระทะ!’ แม้ว่าเขาจะร้องมันอยู่หลายครั้ง แต่ว่าเขาก็ไม่มีความกล้ามากพอจะสารภาพออกมา
“เอ่อ ผมไม่รู้เรื่องอะไรนะ”
เขาได้แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“หืม… เข้าใจแล้ว”
แอ็กเนสยังคงสงสัยอยู่ชัดๆ แต่ว่าเธอคงจะคำนึงถึงสภาพของเขาในฐานะคนป่วยทำให้เธอยอมถอยไปเงียบๆ
ข้างๆกันเทเรซ่าก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินแอ็กเนสพูดต่อว่า “ให้ตายสิ ถ้างั้นแล้วมันเป็นใคร?”
“ถึงเวลาแล้ว! เวลาเยี่ยมใกล้จะปลดแล้ว”
แป๊ะ! เสียงปรบมือได้ดังออกมา
ซอยูฮุยได้เดินเข้ามาเห็นท่าทางที่เหนื่อยล้าของซอลจีฮู เมื่อเธอได้เสริมขึ้นอีกว่าเธอจะตรวจร่างกายเขาอีกครั้งให้แน่ใจ คนอื่นๆก็ได้รีบออกไป
แต่แน่นอนว่าก็ยังมีคนทำหูทวนลม และอยู่ต่ออย่างเทเรซ่ากับโชฮง
“นายไม่มีไข้… แล้วรู้สึกยังไงบ้าง?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่เหนื่อยนิดหน่อย”
“แล้วหน้าต่างสถานะล่ะ? มีอะไรที่มันน่าสังเกตไหม อย่างการลดลงของระดับสภาพร่างกาย
“ค่าสถานะทั้งหมดลดลงหมดเลย แต่ว่ามันบอกว่าเป็นแค่ชั่วคราว ไม่ได้ถาวร ผมคิดว่าพอหายดีแล้วมันก็น่าจะกลับมาเป็นปกติ”
“ยินดีด้วยนะ คงเป็นเพราะอิลิเซียร์ที่ถูกนับเป็นสมบัตินั่นแหละ”
ซอยูฮุยได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจขมขื่น การที่หน้าต่างสถานะของเขายังเป็นแบบนี้ทั้งๆที่ได้รับการรักษาอย่างทรงประสิทธิภาพไปแล้วนั่นมันหมายความว่าอิลิเซียร์ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีรักษาเขาไปแล้ว
“ไม่ได้เจ็บตรงไหนนะ? มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายไหม?”
“ผมคิดว่ารู้สึกหิวหน่อยๆน่ะ”
ซอลจีฮูได้เลียริมฝีปากและมองไปที่ของกินเล่นที่ถูกวางเอาไว้ข้างๆเตียง เมื่อเขาได้เห็นขนมปังที่ดูจะนิ่ม และเอื้อมมือออกไป ซอยูฮุยก็ได้คว้ามือเขาเอาไว้
“ไม่ได้ กระเพาะของนายยังหดเกร็งอยู่ นายจะปวดท้องหากว่ากินอะไรผิดๆลงไป”
“แค่อันเดียวก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ…”
“อย่างแรกต้องใช้น้ำเกลือทำความสะอาดกระเพาะ จากนั้นค่อยกินโจ๊กได้ พอหายดีแล้วเดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะเลี้ยงอาหารอร่อยๆทุกอย่างให้เอง โอเคไหม?”
“โอเค”
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มสดใสของซอลจีฮู ซอยูฮุยก็ชะงักไปเล็กน้อย
“…มาเริ่มกันเถอะ นอนสบายๆนะ”
ซอลจีฮูได้ล้มตัวลงนอน เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขารู้ว่าซอยูฮุยกำลังจะทำอะไร
ซอยูฮุยไม่เพียงแค่ให้อาหารเสริมกับเขา แต่เธอยังเช็ดตัวเขาในระหว่างอาการโคม่าด้วย ไม่สิ เธอให้การดูแลเขาเกินกว่าการดูแลแบบธรรมดาทั่วไปแล้ว
เมื่อร่างกายของเขาได้นอนนิ่งมาเป็นเวลานาน มันจึงเป็นธรรมดาที่ร่างกายเขาจะอ่อนแอ ซอยูฮุยได้คำนึงถึงเรื่องนี้ และได้ให้ซอลจีฮูทำกายบริหารเพื่อที่จะไม่ให้กล้ามเนื้อและแขนขาของเขาอ่อนแรง
“ผ่อนคลายร่างกายนะ”
สิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ในตอนนี้มันคล้ายๆกันกับการแพทย์ไคโรแพรคติก
ทุกๆครั้งที่ซอยูฮุยได้บิดข้อต่อหรือกล้างเนื้อ กระดูกของซอลจีฮูก็จะส่งเสียงร้องดังลั่นออกมา
‘อ๊า รู้สึกดีจัง”
“พี่สาวเป็นหมองั้นหรอ?”
“ไม่หรอก ฉันก็แค่มีใบอนุญาตกายภาพบำบัดเท่านั้นเอง ช่วยกอดอกแล้วก็ยกตัวขึ้นมาได้ไหม?”
ซอลจีฮูได้ทำตามที่เธอบอกไว้
ซอยูฮุยได้กอดหลังของซอลจีฮูจากทางด้านหน้าแน่น จากนั้นก็ค่อยๆดันร่างกายของเขาให้ลดไปข้างล่าง และเมื่อเธอเพิ่มแรงที่แขนมากขึ้นก่อนที่หลังของซอลจีฮูจะแตะลงไปบนเตียง
กร๊อบบบ!
เสียงของกระดูกข้อต่อตามส่วนต่างๆก็ได้ดังลั่นออกมา เขารู้สึกเหมือนกับว่ากล้ามเนื้อที่แข็งทื่อของเขาได้คลายตัวออกมา
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกดี
‘อ่า…’
ความรู้สึกอบอุ่นบนใบหน้ามั่นมากพอที่จะทำให้เขาตัวสั่นขึ้นมา ความง่วงได้ถาโถมเข้ามาหาตัวเขา
‘เยี่ยมไปเลย…’
“ฟู่วว… หืม?”
เมื่อซอยูฮุยได้เช็ดเหงื่อออกมาไป เธอก็ต้องกระพริบตาอย่างสับสน เธอได้ปล่อยซอลจีฮู และยืดหลังขึ้นมา แต่ว่าใบหน้าของซอลจีฮูก็ยังคงฝังอยู่ที่หน้าอกของเธอ
‘ความรู้สึกนี้… คุ้นเคยจัง…’
ซอลจีฮูได้ฝังใบหน้าลงไปในอ้อมกอดของซอยูฮุยเหมือนกับกระรอกที่มีถั่วเข้ามาในปากแล้ว ซอยูฮุยได้ยิ้มอย่างลำบากใจก่อนที่จะลูบหัวซอลจีฮูเบาๆ
โชฮงกับเทเรซ่าที่ไม่ยอมออกไปจากห้องก่อนหน้านี้ได้จ้องมองผู้ป่วยกับหมออย่างดุดัน พวกเธอกระทั่งกระแอ่มออกมาดังๆเพื่อเตือนว่าพวกเธอยังอยู่ในห้อง
แต่ถึงแบบนั้นชายหนุ่มกับหญิงสาวก็ทำเหมือนในโลกนี้มีแค่พวกเขาสองคน
“อืม คุณซอยูฮุย คุณมั่นใจนะว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการรักษา? การรักษาจำเป็นต้องสัมผัสก้นของเขาแบบนั้นด้วยหรอ? ฉันไม่คิดเลยนะว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ ฉันผิดหวังจริงๆ”
เสียงประท้วงที่ดุดันได้ดังออกมาในทันที
“เฮ้ นายก็ด้วย เอาหน้าออกมาได้แล้ว ถึงจะห้ามตัวเองไม่ได้แต่ว่ามันหยาบคายนะ- อ๊ะ!”
โชฮงได้รีบปิดปากของเธอไว้กลางทาง ยังไงก็ตามซอลจีฮูก็ทันได้ยิน และหันหน้ามา
“ห้ามตัวเองไม่ได้?”
เขาได้ถามออกมาทั้งๆที่ยังคงเกาะอยู่ที่เดิม
เมื่อได้ยินแบบนี้ซอยูฮุยก็บอกออกมาว่าเธอจะออกไปเอาโจ๊ก และพยายามดิ้นออกมา แต่ว่าซอลจีฮูกลับเกาะเธอแน่นกว่าเดิมโดยไม่อยากจะปล่อยเธอไปเลย
หลังจากยื้อกันอยู่สักพัก ซอยูฮุยก็ได้ยอมแพ้และอธิบายออกมา
“พลังชีวิต?”
ยี่ซอลอาได้บอกเขาเรื่องพิธีกรรม เพราะงั้นนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“มะ ไม่มีทาง ถ้างั้น…”
“ไม่เป็นไรหรอก”
เพราะว่าซอลจีฮูดูเหมือนกับพร้อมจะมุดลงไปอีก ซอยูฮุยก็รีบส่ายหัวออกมา
“ฉันหายดีแล้ว ฉันไม่ได้มีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันเลยสักนิด”
ในทางเทคนิคแล้วเธอก็ไม่ได้โกหก เธอก็แค่ข้ามส่วนสำคัญ และอธิบายออกมาให้น้อยที่สุด หากว่าเธอพูดตรงๆ มันชัดเจนมากว่าซอลจีฮูจะต้องเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแน่ๆ
“ในช่วงหนึ่งมันก็ค่อนข้างจะอันตราย… แต่ว่านายก็น่าจะได้ยินแล้วนี่ว่าสหพันธรัฐก็รักษาพี่สาวเหมือนกัน”
“ผมได้ยิน.. แต่ว่าพลังชีวิตนี่?”
ซอลจีฮูได้พูดต่อ
“ผมกังวลว่าพลังชีวิตของพี่สาวจะหายไป…”
ซอยูฮุยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อได้เห็นถึงคำถามที่น่ารักแบบนี้
ซอลจีฮูได้จ้องไปที่ซอยูฮุยที่กำลังหัวเราะอย่างสับสน
“มันก็ไม่ใช่แบบนั้นซะหมดหรอก ฉันจะพูดแบบนั้นอีกครั้งนะ ฉันไม่เป็นไรหรอก นายต่างหากที่เป็นคนที่ต้องระวัง”
“ผม”
เธอได้หยุดหัวเราะ จากนั้นก็วางมือลงบนหัวของซอลจีฮูด้วยสีหน้าคลุมเครือ
“การรับพลังชีวิตจากคนอื่นมันไม่ใช่เรื่องง่าย ยกตัวอย่างเช่น… ใช่แล้ว ลองนึกถึงคนที่ไปห้องฉุกเฉินเพราะขาดเลือดสิ นายคิดว่าเขาจะตื่นขึ้นมาแค่เพราะการถ่ายเลือดงั้นหรอ?”
พรึ่บ พรึ่บ
“ใช่ไหมล่ะ? เลือดจะต้องไหลเวียนผ่านเส้นเลือดของผู้ป่วย และกลายมาเป็นของเขา พลังชีวิตก็เหมือนกันแหละ ในตอนนี้มันได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว แต่ว่าเพื่อที่จะให้ร่างกายคุ้มเคยและกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของนาย… ฉันคิดว่ามันจะต้องใช้เวลาหน่อย ในระหว่างนั้นมันก็อาจจะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้”
‘ผลข้างเคียง?’
“นายอยากจะเกาะติดกับฉันใช่ไหม?”
ซอลจีฮูได้ผงะไป เธอรู้ได้ยังไงกัน?
“ไม่ต้องอายไปหรอก นี่มันเป็นหนึ่งในผลข้างเคียง เนื่องจากเดิมทีพลังชีวิตมันอยู่ในตัวฉัน มันก็เลยพยายามจะกลับมาหาฉันตามสัญชาตญาณ และมันทำให้ร่างกายของนายยึดติดกับร่างฉัน”
ซอลจีฮูได้เอียงหัวออกมา เขาเข้าใจถึงสิ่งที่เธอจะบอก แต่ว่ามองย้อนกลับไปแล้ว เขาก็เคยได้รับแร้งกระตุ้นคล้ายๆกันนี้ก่อนที่จะได้รับพลังชีวิตจากเธอซะอีก
‘ถ้างั้นมันเกิดอะไรขึ้น?’
“เพราะงั้นหากถูกกระตุ้นแบบนี้ ปล่อยมันออกมาอย่าไปกลั้นไป มันอาจจะใช้เวลาสักพัก แต่ว่าการปล่อยให้ผลข้างเคียงหายไปตามธรรมชาติจะดีกว่า หากว่านายเอาแต่กลั้นมันเอาไว้ เราก็ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง… โอเคนะ?”
เข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็คงไม่มีทางเลือก
ซอลจีฮูได้แสร้งทำเป็นครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นเขาก็พยายามที่ที่จะแสดงทีท่าไม่เต็มใจก่อนจะพูดขึ้น
“ขอโทษ ก็เพราะผม…”
แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่ว่าร่างกายของเขากลับซื่อตรง
สุดท้ายแล้ว…
‘ในที่สุด’
ในตอนนี้เขาก็มีเหตุผลที่เหมาะสมแล้ว
เหมือนอย่างที่พูดกันว่าฟ้าหลังฝน เขารู้สึกว่าประสบการณ์ที่น่ากลัวได้ระหว่างสงครามได้ถูกชะล้างออกไปแล้ว
“ไม่หรอก นายไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยินดีแค่ไหนที่นายตื่นขึ้นมา”
ซอยูฮุยได้กอดซอลจีฮูแน่น และพึมพำออกมา
“ฉันดีใจที่นายยังมีชีวิตอยู่ จริงๆแล้ว…”
เธอกระทั่งถูแก้มกับหัวของเขา และลูบอย่างเบาๆ
สายตาสองคู่ได้มองสำรวจดูชายหนุ่มกับหญิงสาวตั้งแต่บนลงล่าง
โชฮงที่ส่งสายตาไม่พึงพอใจสักนิดได้แค่นเสียงออกมา
“เฮอะ~”
เทเรว่าได้อ้าปากกว้างด้วยสีหน้านี่มันบ้าอะไรแบบนี้เช่นกัน
“เชี้ยยยย”