บทที่ 224 เจ้าคู่ควรแล้วหรือ?
ไป๋ชินหยุนยกมือขยี้ตาตัวเอง
“ทะ…ท่านพี่หงเซียง บอกทีว่าข้าตาฝาดไปหรือไม่?”
เด็กสาวพูดด้วยความเหลือเชื่อ
แต่เยว่หงเซียงก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นเดียวกัน
นางรู้ดีว่าหลินเป่ยเฉินมีฝีมือแข็งแกร่ง
นางรู้ดีกว่าที่คนอื่นรู้
แต่เยว่หงเซียงไม่คิดเลยว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
สิ่งที่เห็นเป็นการยืนยันว่าเด็กหนุ่มมีร่างกายแข็งแรงมากพอที่จะยกกระถางน้ำหนัก 2,500 ชั่งได้โดยไม่ต้องใช้พลังลมปราณ
นี่หมายความว่าในผู้ฝึกยุทธ์ระดับพลังเดียวกัน ไม่มีใครจะมีพละกำลังมากกว่าเขาอีกแล้ว
ในดวงตาของเยว่หงเซียงเป็นประกายวูบวาบ
ไม่ว่านางจะพยายามฝึกฝนอย่างหนักมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางไล่ตามหลินเป่ยเฉินทัน
บริเวณโต๊ะที่นั่งของคณะอาจารย์ ทุกคนจ้องมองการยกกระถางด้วยสีหน้าตื่นตะลึง พวกเขาเบิกตาโต อ้าปากค้าง เหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น!
ชิวเทียนมีสีหน้าเหมือนคนที่กำลังเผชิญกับฝันร้าย
ฉู่เหิน หลิวฉีไห่ และพานเว่ยหมินมีสีหน้าเหมือนคนที่กำลังฝันหวาน
ส่วนคณะอาจารย์คนอื่นๆ มีสีหน้าเหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในความฝันที่เหลือเชื่อมากเกินไป
แม้แต่ผู้สังเกตการณ์อย่างหลี่ชิงสวน รวมไปถึงผู้ช่วยของเขา ก็มีสีหน้าตกตะลึงชัดเจน
โดยเฉพาะหลี่ชิงสวน
เขาเฝ้าดูการเติบโตของหลินเป่ยเฉินมาตลอดเวลา นับตั้งแต่ตอนที่เด็กหนุ่มเป็นคนไม่เอาไหน จนกระทั่งพัฒนาตนเองสามารถทำคะแนนได้ดีในการสอบกลางภาคของสถาบัน
แต่ชายชราไม่คิดเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะเติบโตและเก่งกาจขึ้นมาในอัตราที่รวดเร็วขนาดนี้
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน พี่สาวของเขาอย่างหลินถิงซาน ก็ยังเก่งกาจได้ไม่เท่านี้ด้วยซ้ำไป
ส่วนผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริดเป็นหนึ่งเดียว
ในขณะที่ดวงตาของนักบวชสาวเยว่เว่ยหยางเป็นประกายสุกสกาวราวแสงจันทรา
มีแต่เพียงหลิงเฉินคนเดียวเท่านั้นที่มีสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจแม้แต่น้อย
…
“นี่มัน…นี่มัน…”
ในบ่อนพนันที่ใหญ่ที่สุดประจำเมืองหยุนเมิ่ง บรรดานักเสี่ยงโชคพูดอะไรไม่ออกกันอีกแล้ว
บางคนถึงขั้นคิดว่าสัญญาณการถ่ายทอดสดขัดข้อง และสิ่งที่เห็นเป็นเพียงภาพที่ไม่ใช่ความจริง
ชายหนุ่มผู้ไว้ผมจุกบนศีรษะเบิกตาโตจนดวงตาแทบจะถลนออกนอกเบ้า
“นี่มัน…นี่มัน…นี่มัน…”
เขาจ้องมองโต๊ะที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า โต๊ะที่ทำขึ้นมาจากไม้มะฮอกกานีเนื้อแข็ง ขาของมันเป็นเหล็กกล้า ถ้าต้องรับประทานโต๊ะตัวนี้ทั้งตัวจริงๆ เขาจะสามารถทำได้อย่างไร?
“อุ๊วะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เฮ้ยเฮ้ย…”
หวังจงเชิดหน้าสูงและกล่าวด้วยเสียงดังกังวาน “ข้ารู้อยู่แล้ว ข้ารู้อยู่แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า…ในที่สุดข้าก็ร่ำรวยแล้ว ไหนดูซิว่าการเดิมพันครั้งนี้ให้ผลตอบแทนข้าสักเท่าไหร่กัน บ๊ะ 700 เหรียญทองคำเลยหรือนี่…”
…
“เจ้าคิดว่าแค่ยกกระถางหมายเลขห้าได้ ก็เป็นจอมพลังแล้วหรือ?”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยามของหลินเป่ยเฉินดังทำลายความเงียบในห้องโถงใหญ่
เขากำลังหัวเราะเยาะใส่เฉาพั่วเถียน
เด็กหนุ่มผมทองใบหน้าซีดเซียวมากแล้ว
สีหน้าของเขาเหมือนคนที่ถูกลากมากระทืบกลางตลาดสดไม่มีผิด
“นี่เจ้า…” เฉาพั่วเถียนกัดฟันกรอด พูดอะไรไม่ออก
หลินเป่ยเฉินขัดขึ้นว่า “ที่ข้ายกเมื่อสักครู่นี้ คือกระถางหมายเลขห้าใช่หรือไม่?”
จากนั้น เด็กหนุ่มก็แค่นหัวเราะ “ข้าพูดว่าจะทำให้เจ้ารู้สึกหมดหวัง และนั่นหมายความว่าข้าจะไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้”
พูดจบ หลินเป่ยเฉินก็เดินตรงไปที่กระถางหมายเลขหก
ในห้องโถงใหญ่เกิดเสียงอุทานขึ้นมาด้วยความมหัศจรรย์ใจ
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?
อย่าบอกนะว่าหลินเป่ยเฉินคิดจะยกกระถางใบนั้น?
แต่ทุกคนก็ไม่มีเวลาได้คิดอะไรอีกแล้ว หลินเป่ยเฉินหยุดยืนอยู่เบื้องหน้ากระถางหมายเลขหก เขายังคงใช้มือซ้ายจับหูกระถาง และยกกระถางที่มีน้ำหนัก 3,000 ชั่งขึ้นเหนือศีรษะได้อย่างง่ายดาย!
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบสนิท
ก่อนหน้านี้ การที่หลินเป่ยเฉินสามารถยกกระถางหมายเลขห้าได้ด้วยมือเดียว ก็ทำให้ทุกคนพูดอะไรไม่ออกไปรอบหนึ่งแล้ว แต่นี่เขากลับเดินมายกกระถางหมายเลขหกด้วยมือเดียวได้หน้าตาเฉย นอกจากทำให้ทุกคนพูดอะไรไม่ออก ก็ยังทำให้สมองของพวกเขาขาวโพลนอีกด้วย
เฉาพั่วเถียนยืนตัวแข็งเป็นรูปปั้น
เขากำมือเป็นหมัดจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือ
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้…มันจะเป็นไปได้อย่างไร…”
เฉาพั่วเถียนไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
แต่ฝันร้ายของเขายังไม่จบ
เพราะว่าในขณะนี้ หลินเป่ยเฉินกำลังเดินไปยกกระถางหมายเลขแปด
มันมีน้ำหนัก 4,000 ชั่ง
เฉาพั่วเถียนถึงกับตัวสั่นเทา
หลินเป่ยเฉินยกกระถางหมายเลขแปดขึ้นเหนือศีรษะและหันมามองหน้าเฉาพั่วเถียนพร้อมกับพูดว่า “แค่ยกกระถางหมายเลขห้าได้ เจ้าก็คิดว่าตัวเองเป็นจอมพลังแล้วหรือ?”
นี่คือประโยคเดียวกับที่เด็กหนุ่มพูดก่อนหน้านี้ แต่เมื่อพูดออกมาอีกครั้งในขณะนี้ มันกลับทำลายภาพลักษณ์ของเฉาพั่วเถียนเสียยับเยิน
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มผมทองไม่ตอบรับคำใด หลินเป่ยเฉินก็วางกระถางหมายเลขแปดกลับคืนลงที่เดิม หลังจากนั้นจึงเดินมาหยุดยืนที่หน้ากระถางหมายเลขเก้า เขาจับหูกระถางแนบแน่น ส่งเสียงคำรามในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะยกกระถางหมายเลขเก้าได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ
เกิดเสียงอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อดังขึ้นในห้องโถงใหญ่
หลายคนอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว พวกเขาไม่ทราบเลยว่าตนเองควรพูดอย่างไรดี
ยังคงมีเสียงฮือฮาดังขึ้นไม่หยุดยั้ง
หลินเป่ยเฉินสามารถยกกระถางหมายเลขเก้าได้ครบกำหนดตามระยะเวลา เรียบร้อยดีแล้วเขาก็วางมันกลับคืนลงที่เดิมอย่างนุ่มนวล
เด็กหนุ่มหันมามองหน้าคู่ปรับตัวฉกาจอีกครั้ง “แค่ยกกระถางหมายเลขห้าได้ เจ้าก็คิดว่าตัวเองเป็นจอมพลังแล้วหรือ?”
เฉาพั่วเถียนใบหน้าซีดขาว มีเหงื่อออกเต็มแผ่นหลัง
ทุกครั้งที่หลินเป่ยเฉินพูดประโยคนี้ออกมา หัวใจของเด็กหนุ่มผมทองก็เหมือนถูกคมกระบี่ทิ่มแทงโดยตรง มันทำให้เขาอยากจะกระอักเลือดออกมาแล้ว!
กระถางหมายเลขเก้าเป็นกระถางที่ใบใหญ่ที่สุด!
มีน้ำหนักถึง 4,500 ชั่ง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ประเมินดูจากรูปร่างของหลินเป่ยเฉิน เขาไม่ควรยกได้เกินกระถางที่มีน้ำหนัก 2,000 ชั่ง
นั่นหมายความว่าเจ้าแกะดำมีร่างกายแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไปถึงสองเท่า หากคู่ต่อสู้ถูกเขาต่อยเข้าไปสักหมัด มีหวังหมัดได้ทะลุผิวหนัง และคู่ต่อสู้คงต้องช้ำในตายเป็นแน่!
ผู้สังเกตการณ์หลี่ชิงสวนอ้าปากออกหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ประกาศผลการทดสอบเสียที
ทว่า สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือหลินเป่ยเฉินเพิ่งจะเริ่มแสดงฝีมือที่แท้จริงเท่านั้น
“จากนี้ไป จงเบิกตาสุนัขของเจ้าดูให้ดี ว่าจอมพลังที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร”
หลินเป่ยเฉินเดินย้อนกลับไปที่กระถางหมายเลขหนึ่งอีกครั้ง
“นั่นเขาจะทำอะไรน่ะ?”
“นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“เขาจะยกใหม่อีกรอบอย่างนั้นหรือ?”
“นี่มัน…”
กลุ่มผู้เข้าแข่งขันในห้องโถงใหญ่อดอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้
พวกเขาทําได้เพียงยืนมองหลินเป่ยเฉินยกกระถางหมายเลขหนึ่งขึ้นไปซ้อนในกระถางหมายเลขสอง
จากนั้นเขาก็ยกกระถางหมายเลขสองลงไปซ้อนไว้ในกระถางหมายเลขสาม
แล้วเขาก็นำกระถางหมายเลขสามยกเข้าไปซ้อนในกระถางหมายเลขสี่
ต่อด้วยการยกกระถางหมายเลขสี่ลงไปซ้อนในกระถางหมายเลขห้า
การเคลื่อนไหวของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่น
ดวงตาของทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขัน คณะกรรมการ หรือคณะอาจารย์ต่างก็จ้องมองมาที่เด็กหนุ่มเป็นหนึ่งเดียว
อย่าบอกนะว่าหลินเป่ยเฉินจะ…
แล้วภาพที่ทุกคนกำลังคิดอยู่ในหัวก็เป็นไปตามนั้นจริงๆ
หลินเป่ยเฉินยกกระถางหมายเลขห้าด้วยสองมือ เขาเกร็งกำลังสุดตัว เลือดลมภายในร่างกายสูบฉีดรุนแรง บางส่วนฉีดพ่นออกมาตามรูขุมขนของเขากลายเป็นม่านละอองสีแดงเจือจาง ในขณะนั้น เขาก็คำรามออกมาว่า “ขึ้นมาสิวะ!”
การยกในครั้งนี้ หมายความว่าเขากำลังจะกระถางหมายเลขหนึ่ง หมายเลขสอง หมายเลขสาม หมายเลขสี่ และหมายเลขห้าขึ้นมาพร้อมๆ กัน
นี่คือครั้งแรกที่เด็กหนุ่มต้องยกด้วยสองมือ
กระถางทั้ง 5 ใบรวมกันมีน้ำหนักถึง 7,500 ชั่ง
นี่คือสถิติที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
หลินเป่ยเฉินยกแขนขึ้นสูงและชูกระถางหมายเลขห้าขึ้นไปเหนือศีรษะ
เปรี๊ยะ!
แผ่นหินที่เท้าของเขาเหยียบอยู่เกิดรอยปริแตกเพราะแบกรับน้ำหนักมากเกินไป บนพื้นหินจึงเกิดเป็นรอยแตกร้าวคล้ายกับใยแมงมุมขึ้นมารอบเท้าของหลินเป่ยเฉิน
“แค่ยกกระถางหมายเลขห้าได้ ก็เป็นจอมพลังแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เสียงคำรามของหลินเป่ยเฉินดังกังวานปานฟ้าผ่า กึกก้องอยู่ในห้องโถงใหญ่สนั่นหวั่นไหว “คิดที่จะทำลายสถิติตระกูลหลิน เจ้าว่าตัวเองคู่ควร?”
หัวใจของเฉาพั่วเถียนในขณะนี้มีสภาพแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
ฟู่!
พลัน เด็กหนุ่มผมทองเจ็บช้ำใจจนต้องกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ และล้มฟุบลงไปบนพื้นด้วยความหมดหวัง