สร้างผลงานหรือ ก็คือการนำชีวิตของพี่ชายไปแลกหรือ
อวิ๋นหว่านชิ่นสีหน้าผ่อนคลายลง ยืดตัว สีหน้าไร้อารมณ์ แต่กลับยกมือขึ้นมากะทันหัน ตบไปบนหน้าของหลี่ว์ชีเอ๋อร์อย่างรวดเร็วจนนางตั้งรับไม่ทัน พร้อมกับเสียงดังลั่น “จิตใจโฉดชั่ว!” ตบนี้เพื่อหลี่ว์ปา
หลี่ว์ชีเอ๋อร์เห็นว่านางท่าทีใช้ได้ จึงไม่ได้ระวังตัว จะรู้ได้อย่างไรว่านางจะตบตัวเอง ยังไม่ทันได้ตอบสนอง กลับเห็นนางตบมาอีกครั้ง “ครั้งนี้เพื่อตัวข้าเอง!”
เพียะ! เสียงดังลั่นอีกครั้ง!
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ถูกตบไปถึงสองครั้ง แก้มสองข้างของนางก็ประทับด้วยรอยฝ่ามือ แดงบวมจนน่ากลัว แต่นางกลับชะงักค้างไป กุมหน้าข้างหนึ่ง “เจ้า เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร…”
แต่กลับเห็นสาวน้อยตรงหน้ายิ้มออกมา “โดนตบแค่สองครั้ง เจ้าก็รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมแล้วหรือ ข้ายังระบายความแค้นไม่หมดเลย”
หญิงสาวตรงหน้า ไม่ใช่เด็กสาวชนบท การกะพริบตา ขนตาที่พุ่งงอน คือหญิงมีเสน่ห์ยั่วยวนชัดๆ
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ตกตะลึง “เจ้าจะเอาอย่างไร” ยังไม่ทันขาดคำ แขนก็ถูกอวิ๋นหว่านชิ่นดึงแล้วใช้แรงดันไปข้างสระ
ตู้ม! หลี่ว์ชีเอ๋อร์ตกลงไปในสระน้ำ น้ำตื้นนัก ไม่มีทางจมน้ำได้ แต่ในอากาศอันหนาวเหน็บนี้ ตกลงไปในน้ำก็ไม่ได้ดีกว่ากันนัก นางดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก สำลักจนพูดไม่ออก หนาวสั่นไปทั้งตัว กว่าจะลุกขึ้นยืนได้ ก็ลื่นลงไปอีก ตะลีตะลานจนร้องไห้ออกมา “ช่วยข้าด้วย…หนาว…ข้าจะจมน้ำตายแล้ว…”
อวิ๋นหว่านชิ่นถ่มน้ำลาย น้ำในสระนี้ ยังสูงไม่ถึงเอวนางเลย! ไร้ประโยชน์ถึงเพียงนี้เชียว! ทีทำร้ายคนอื่นละเก่งนัก!
หากไม่เห็นแก่หน้าหลี่ว์ปา ก็คงจะยืนชื่นชมอยู่ข้างๆ แล้ว
นางเห็นหลี่ว์ชีเอ๋อร์สีหน้าเริ่มม่วง ใกล้จะไม่ไหวแล้ว จึงขมวดคิ้วเดินเข้าไปแล้วยื่นมือให้ “ขึ้นมาสิ!”
หลี่ว์ชีเอ๋อร์ชูมือขึ้นมาจับไปมั่วอย่างลุกลี้ลุกลน เมื่อจับมือสาวน้อยบนฝั่งได้ ก็ดึงลงอย่างไร้ปราณี
อวิ๋นหว่านชิ่นเสียหลัก ตกลงในสระน้ำ
น้ำกระเซ็นกระจาย!
หลี่ว์ชีเอ๋อร์กลัวว่านางจะหาเรื่องตนอีก จึงรีบเหยียบก้อนหินปีนขึ้นไป แล้ววิ่งหนีไปด้วยตัวอันเปียกปอน
อวิ๋นหว่านชิ่นจับไปที่หน้าและหัวของตน บนนิ้วมือนั้นมีขี้ผึ้งสีเหลืองที่ละลายติดอยู่ ตาข่ายที่ผูกไว้บนหัวนั้นก็หลุดออกมา ผมจริงหลายจุกก็โผล่ออกมาเช่นกัน
แย่แล้ว เครื่องแปลงโฉมนั้นถูกละอองน้ำยังพอจะกันได้ แต่น้ำในสระเมื่อครู่นั้นสาดเทมา จนทำเครื่องแปลงโฉมหลุดออกมาแล้ว!
อวิ๋นหว่านชิ่นกำลังจะปีนขึ้นไป เพื่อกลับไปแปลงโฉมใหม่ในห้องก่อน ยังไม่ทันได้จับก้อนหินบนฝั่ง ก็พบว่ามีเสียงฝีเท้าลอยมาจากประตูจันทราของเรือนเล็ก
ฉินอ๋องเดินนำซือเหยาอันมา
เงาของทั้งสองเพิ่งจะปรากฏขึ้น อวิ๋นหว่านชิ่นก็รีบหันหลังกลับในสระน้ำนั้นอย่างรวดเร็ว เสียงน้ำกระเซ็น ซ่าๆ! ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ซย่าโหวซือถิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวนั้นก็ลองหันมาดู เห็นนางตกลงไปในน้ำ ใบหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ซือเหยาอันก็ตกตะลึงไปเช่นกัน เห็นนางหันหลังให้ตนและองค์ชายสาม ไม่ขยับเขยื้อนใด ก็ยิ่งแปลกใจ จึงตะโกนเรียก “ทำไมเจ้าถึงได้ตกลงไปในสระเล่า ขึ้นมาสิ! อากาศหนาวเพียงนี้ ยังอยากจะแช่อาบน้ำอีกหรือ”
“อืม บ่าวไม่ทันระวัง จึงพลาดตกลงมา จะขึ้นมาเดี๋ยวนี้เพคะ ท่านอ๋องกับใต้เท้าซือไปก่อนเถิดเพคะ!” อวิ๋นหว่านชิ่นกระทืบเท้าในน้ำ หันหลังให้ทั้งสองคนด้วยความร้อนรน
เหมือนจะผิดปกติ ซย่าโหวซื่อถิงสายตาเคร่งเครียด เดินมาที่ฝั่งแล้วก้มลง “เท้าบาดเจ็บหรือ”
สระนี้เล็กนัก ถึงแม้อวิ๋นหว่านชิ่นจะหลบให้ไกลออกไป แต่ก็ห่างจากฝั่งเพียงหนึ่งเอื้อมมือเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…แขนของเขานั้นยังเรียวยาวอีก
นางสูดหายใจเข้า ตั้งปกเสื้อขึ้นทำเป็นหมวกไว้บดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง ไม่รู้ว่าเพราะกลัวเขาจะพบหรือว่าหนาวกันแน่ ฟันเริ่มสั่นเทา “เปล่า เปล่าเพคะ ท่านอ๋องกลับเรือนก่อนเถิดเพคะ…”
ซย่าโหวซื่อถิงสีหน้าเคร่งเครียด โน้มตัวขึ้นหน้าเล็กน้อย เอื้อมมือไปจับปกเสื้อด้านหลังของนางพอดี แล้วช้อนตัวนางขึ้นมาจากในน้ำ
คอของเด็กสาวตึงแน่นไปชั่วขณะ ตัวอันเปียกชุ่มลอยขึ้นมากลางอากาศ ถูกชายหนุ่มบนฝั่งถอนขึ้นมาจากสระเหมือนดั่งรากบัว!
ความคิดแรกของอวิ๋นหว่านชิ่นก็คือต้องปิดใบหน้าไว้ให้แน่น ยังไม่ทันได้ตอบสนองใด ก็ถูกยกขึ้นฝั่งเสียแล้ว
ชายหนุ่มด้านหลังปล่อยมือ ปลายเท้าของนางจรดพื้น ก้มคลานเข่าอยู่บนฝั่งแล้วสำลักน้ำออกมา จึงฉวยโอกาสงอหลังก้มหน้า ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น
บนตัวหญิงสาวนั้นยังคงสวมใส่เสื้อนวมลายดอกตัวบางตัวเมื่อวาน เปียกปอนไปทั่วตัว เสื้อผ้าแนบกาย เส้นโค้งเว้าเด่นชัดกว่าทุกครั้ง เวลานี้ความหนาวเหน็บปะทุขึ้นทั่วร่าง เหมือนดั่งเถาวัลย์ที่กองอยู่บนพื้น เส้นผมบดบังใบหน้า ไอไม่หยุด
ซย่าโหวซื่อถิงขมวดคิ้ว แล้วยื่นแขนเข้าไป “เจ้าเป็นอะไรหรือ”
นางรู้สึกถึงไอร้อนด้านหลังกล้ำกรายเข้ามา จึงกัดฟันแล้วกระโจนเข้าไปในอ้อมอกของเขาอย่างรวดเร็ว ซุกหน้าเข้าไปแน่น สองแขนอ้าออกรัดกอดเอวบางของชายหนุ่มเหมือนดั่งนกน้อยบินกลับรัง ท่าทียั่วยวนยิ่งนัก น้ำเสียงถึงแม้จะแหบพร่า แต่ก็เพิ่มเติมด้วยความสั่นเครือเล็กน้อยด้วย “บ่าวหนาว…”
ซือเหยาอันตะลึงงันไป กลางวันแสกๆ ตนก็ยังอยู่ คิดอยากจะยั่วท่านอ๋องก็ไม่ต้องใจกล้าถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง วันนั้นยังสาบานอย่างหนักแน่นว่าไม่ได้มีใจต่อท่านอ๋อง สาวใช้คนนี้ ใจลึกยากหยั่งถึงนัก!
เป็นไปตามคาด ชายหนุ่มที่ตนโผกอดนั้นสะดุ้งเล็กน้อย จึงรีบจับแขนของนาง แล้วสะบัดตัวนางออกไป “บังอาจ!” แล้วถอยหลังไปสองสามก้าว เหลือบมองดูหญิงสาวที่ก้มตัวอยู่บนพื้นนั้นอย่างเยือกเย็น “มีอย่างที่ไหนกัน!” กล่าวจบก็ยกชายกระโปรงหันหลังกลับแล้วเดินจากไป
ซือเหยาอันตั้งสติได้ ไม่ทันได้พูดอะไร ก็เดินตามนายออกไป
อวิ๋นหว่านชิ่นถูกทิ้งไว้อย่างนั้น ข้อศอกสัมผัสกับพื้นผิวอันหนาวเย็น หนาวจนเจ็บไปหมด เมื่อเห็นว่าทั้งสองนั้นจากไปแล้วก็โล่งใจ จึงได้บีบนวดแขนแล้วลุกขึ้นมา รีบกลับห้องคนรับใช้ไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อกลับมาถึงห้อง โชคดีที่สาวใช้คนอื่นออกไปทำงาน หลี่ว์ชีเอ๋อร์ก็เนื้อตัวเปียกปอน คาดว่าน่าจะไปจัดการอยู่ที่ห้องอาบน้ำ
อวิ๋นหว่านชิ่นลงกลอนประตู หากระจกมาส่อง เป็นจริงดั่งคาด เครื่องแปลงโฉมบนหน้านั้นเสียหายไปครึ่งหนึ่ง ผมก็เบี้ยวไป โชคดีที่ทั้งสองคนไม่เห็น
นางหยิบเครื่องสำอางที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อตอนเข้าที่พักชั่วคราวมา แล้วแต่งเติมใหม่ สุดท้ายค่อยทำผมใหม่อีกครั้ง
ผ่านไปสักพักใหญ่ คนในกระจกก็กลับมาเป็นหน้าตาดั่งก่อนตกน้ำ
นางโล่งใจ เวลานี้จึงเพิ่งจะรู้สึกหนาวขึ้นมา ก่อเตาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้ผ้าขนหนูแห้งเช็ดตัวจนสะอาด แล้วสวมเสื้อนวมที่ไปเอามาจากป้าอู๋เมื่อเช้านี้ ผ่านไปสักพักจึงเริ่มอุ่นขึ้น
เห็นว่าจัดการเสร็จแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นก็เปิดประตูแล้วไปห้องในเรือนหลัก
ตรงทางเดินของเรือนหลัก ซือเหยาอันเห็นว่าสาวใช้ผู้นี้เพิ่งจะล่วงเกินเบื้องสูง ก็รีบวิ่งเข้ามาขวางด้วยสีหน้าบึ้งตึง “หยุด ถอยไป”
แต่กลับเห็นว่าสาวใช้ผู้นี้ดึงกระโปรงสองข้างแล้วคำนับ เหลือบมองไปที่หน้าต่างแล้วจงใจพูดเสียงดัง “บ่าวมาอธิบายเรื่องชาวสวนเพคะ”
ผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงลอยมาจากด้านใน “ให้นางเข้ามา” ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
อวิ๋นหว่านชิ่นเปิดม่านแล้วเข้าห้องมา เห็นเขานั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือเหมือนปกติ
บรรยากาศในห้องชะงักไป เขาเปลี่ยนเสื้อ น่าจะเพราะเมื่อครู่ถูกตนกอดจนเสื้อผ้าเปียกไปเช่นกัน ใบหน้านางกลับร้อนผ่าว ตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่มีความกล้าหาญเหมือนตอนอยู่นอกห้อง ทำเพียงก้มหน้า เปิดเผยตรงไปตรงมา “ท่านอ๋องเพคะ เมื่อครู่ข้างสระ บ่าวเพียงแต่มือลื่น ถูกน้ำเย็นสาดเทใส่จนเวียนหัว ท่านอ๋องอย่าได้ถือสาบ่าวเลยนะเพคะ”