มือลื่นหรือ เวียนหัวหรือ หลังโต๊ะนั้น สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียด หากไม่ใช่เพราะจะถามเรื่องวันนี้ ก็คงไม่อยากจะเรียกนางเข้ามา
ใต้หล้านี้ทำไมถึงได้มีเด็กสาวที่ไร้เหตุผลเช่นนี้
“เคยรู้มาว่าเขตฉังชวนมักมีชาวบ้านหัวรั้น แต่ไม่คิดว่าจะหน้าด้านเช่นเจ้าจริงๆ” ในห้องนั้น เขาเปลี่ยนเป็นชุดยาวลายดวงจันทร์สีขาว แสงอันเยือกเย็น รับกับสีหน้าในตอนนี้ยิ่งนัก แล้วหมุนแหวนตรงนิ้วโป้งที่ยากจะสังเกตเห็น
การกระทำเล็กๆ แสดงให้เห็นว่าเขาจิตใจไม่สงบ
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่าเขาเหมือนจะนิ่งสงบ ก็นึกย้อนไปถึงตอนที่กอดเขาไว้ เขาสะดุ้งแล้วก็ผลักออกไปอย่างแรง จึงอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปแล้วหยอกเย้า “ที่จริง…ท่านอ๋องแต่งงานแล้วมิใช่หรือเพคะ เมื่อครู่นี้ ทำไมถึงได้เหมือนกับ…”
เพื่อไว้หน้าเขา ประโยคหลังจึงไม่ได้พูดออกมา แต่ก็ทำให้ซย่าโหวซื่อถิงสีหน้าเปลี่ยนไป ปีกจมูกแดงก่ำ “หุบปาก”
ใบหน้าอันงดงามแดงก่ำ เมื่อสังเกตดูแล้ว ตรงจอนนั้น มีเม็ดเหงื่อเล็กๆ เป็นประกายดั่งแก้วอยู่ด้วย
อวิ๋นหว่านชิ่นหวั่นไหวไปชั่วขณะ การกอดเมื่อครู่นั้น เป็นครั้งแรกในรอบเวลายาวนานที่ได้ใกล้ชิดกัน เหมือนดั่งได้ปลดปล่อยแมลงตัวเล็กๆ ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ รอยยิ้มของนางดั่งคลื่นซัดลูกใหญ่ ดวงตาทั้งคู่สดใส ทำให้ใบหน้าอันจืดชืดดูมีความสว่างใสขึ้นมา แต่ก็ใจกล้า ยังคงไม่รู้จักความเป็นความตาย “ท่านอ๋องแต่งงานแล้วจริงหรือเพคะ ไม่เหมือนเลยนะเพคะ ดูเหมือนว่า พระชายาท่านนั้นที่ใต้เท้าซือบรรยายเสียงดงาม ก็คงไม่ได้สนิทสนมกับท่านอ๋องสักเท่าไรกระมัง…”
เพิ่งจะพูดจบ ปกคอเสื้อแน่นรัดขึ้น ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งก็มาอยู่ตรงปกเสื้อ จับไว้แน่นแล้วยกขึ้นมา
ลมหายใจนางชะงักไปชั่วขณะ แอบถอนหายใจ รู้สึกเพียงชายหนุ่มจ้องตนอยู่อย่างโหดร้าย นางหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน”
ในห้องเงียบสงัด กลิ่นสารเคมีเฉพาะตัวชายหนุ่มผสมกับความร้อนไหม้วนเวียนรอบกายนาง ล้วนเป็นกลิ่นที่นางคุ้นเคย
นางจ้องความเงียบงันในดวงตาของเขา ก็ยิ่งรู้สึกอยาก แย่แล้ว ตนบ้าไปแล้วหรือ ยิ่งเขาเด็ดเดี่ยวองอาจยอมหักไม่ยอมงอ วางมาดเป็นสุภาพบุรุษเท่าไร ตนก็ยิ่งอยากจะเย้าหยอกเท่านั้น
ช่างเถิด ตายเป็นตาย!
นางไม่ขัดขืนใด กลับไปตามแรงของเขา จงใจเอนกายแล้วไถลเข้าอ้อมอกของเขา ยกมือทั้งสองขึ้น เกาะคอของเขาอย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ “รูปลักษณ์และท่าทางบ่าวเทียบไม่ได้กับพระชายา แต่บ่าวช่วยท่านอ๋องขับไล่โจรผู้ร้าย สำเร็จการใหญ่ได้ หญิงสาวมีเพียงรูปลักษณ์และฐานะมีประโยชน์อันใด หญิงสูงศักดิ์ที่พื้นเพดี รูปงดงามในเมืองหลวง ท่านอ๋องยังพบเห็นไม่พออีกหรือเพคะ ช่วยเหลือสามีได้สิถึงเรียกว่ามีความสามารถ…”
การกระทำของนางนั้นสำหรับชายหนุ่มแล้ว แทบจะใช้คำว่า ‘ตกตะลึง’ มาบรรยายมิได้
ปากและแก้มของนางมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้น ปลายนิ้วลูบไล้บนเสื้อผ้าเนื้อละเอียดบนหน้าอกของเขาแล้วเลื่อนลงไปอย่างแผ่วเบา “เมื่อครู่บ่าวเนื้อตัวเปียกปอนแล้วกอดท่านอ๋อง mjkoจึงเปียกไปด้วย ท่านอ๋องกลับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือยังเพคะ…”
หากนี่ไม่ใช่การเย้าหยอกแล้วคืออะไร
ซย่าโหวซื่อถิงตั้งสติได้ คำพูดนั้นแทบจะเสียดแทรกออกมาจากซอกฟัน จับมวยผมของนางแล้วยื่นตัวนางออกไป “สารเลว”
หากใช้แรงมากกว่านี้ ตาข่ายครอบผมก็จะถูกเขาดึงหลุดไปแล้ว อวิ๋นหว่านชิ่นยิงฟัน ช่างโหดร้ายยิ่งนัก นางเกาะพันตัวชายหนุ่มดั่งเถาวัลย์ ปากก็พูดต่อไปอย่างไหลลื่น “หากท่านอ๋องไม่ได้คิดอะไรกับบ่าว แล้วทำไมถึงได้เป็นพยานเท็จให้บ่าวเล่าเพคะ ท่านอ๋องให้ความสำคัญกับบ่าวใช่หรือไม่เพคะ!”
ทำไมถึงได้ช่วยชีวิตนางไว้หรือ หรือจะให้เขาบอกว่า เพราะนางโชคดี มีบุญวาสนา ที่ดวงตาและท่าทีคล้ายกับคนในดวงใจเขาอย่างนั้นหรือ
แต่ตอนนี้นางไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เพ้อเจ้อลมๆ แล้งๆ ถึงแม้จะหน้าตาเหมือนนางทุกอย่าง เขาก็ไม่หลงเหลือความอดทนอยู่แล้ว
อวิ๋นหว่านชิ่นรู้สึกว่ามือของเขาเลื่อนไปตามคอเสื้อแล้วบีบคอตนเอาไว้ ไม่ออมแรงในมือนั้นเลยสักนิด
ชายหนุ่มตรงหน้าสายตาเยือกเย็น ดวงตาดำมืด “เจ้าไม่คู่ควรมาเปรียบเทียบกับนาง หากกล้าพูดจาเหลวไหลอีก…” แล้วกดง่ามมือลง มือที่บีบคอของตนไว้ก็แน่นขึ้นเล็กน้อย มีเสียงดังของกระดูกอยู่เบาๆ
อวิ๋นหว่านชิ่นสีหน้าแดงก่ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในปอดแทบจะไม่ได้สูดอากาศสดใหม่ได้ เล่นเกินเลยไปแล้ว คนผู้นี้ล้อเล่นมิได้เลย น่าเบื่อสิ้นดี! รีบพยักหน้าอย่างลุกลี้ลุกลน ส่งเสียงร้อง อื้อๆ! อย่างน่าสงสาร
สายตาของซย่าโหวซื่อถิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ผลักนางลงพรมถักบนพื้นอย่างแรง เดิมทีอยากจะเรียกนางเข้ามาเพื่อฟังนางอธิบายเรื่องชาวสวน ตอนนี้คร้านจะฟังแล้ว ไม่อยากเห็นนางอีก แล้วสะบัดแขนเสื้อ “ไป ไสหัวออกไป ห้ามมาห้องข้าอีก!”
นางหายใจหอบอยู่สักพัก เมื่อหายใจเป็นจังหวะแล้ว ก็ปัดก้นแล้วลุกขึ้นมา แล้วจึงปัดแขนเสื้อ “ท่านอ๋อง บ่าวล้อเล่นเพคะ” จะให้เสียการมิได้
ซย่าโหวซื่อถิงเย็นชายิ่งนัก เห็นได้ชัดว่ายังไม่ให้อภัยนาง “ออกไป”
อวิ๋นหว่านชิ่นทำได้เพียงแก้ปัญหาที่ตนก่อไว้ พูดโน้มน้าวต่อ แล้วยื่นหน้ามา “ท่านอ๋อง บ่าวล้อเล่นจริงๆ เพคะ เมื่อครู่ที่สระน้ำนั้นบ่าวยังสนุกไม่พอเลยเพคะ ตอนนี้จึงได้นึกสนุกอีก บ่าวก็เป็นเช่นนี้แหล่ะเพคะ ท่านก็ไม่ได้รู้จักบ่าววันแรกนี่เพคะ! บ่าวมีคนรักอยู่แล้ว เคยบอกกับท่านอ๋องแล้วมิใช่หรือเพคะ อีกอย่าง ถึงบ่าวจะหนังหน้าหนาสิบชั้น ก็ไม่กล้าไปเทียบกับพระชายาในเมืองหลวงที่งดงามดั่งนางฟ้า ฉลาดเฉลียวผู้นั้นหรอกเพคะ! บ่าวเป็นใครเล่าเพคะ!”
ซย่าโหวซื่อถิงฟังนางชื่นชมคนนั้นในเมืองหลวง สีหน้าก็ผ่อนคลายลง ไม่ได้คร่ำเครียดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
อวิ๋นหว่านชิ่นรีบใช้โอกาสนี้กลับมาคุยเรื่องธุระ “บ่าวขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยชีวิตบ่าวในห้องทรมานก่อนหน้านี้นะเพคะ บ่าวรู้เพคะ ว่าถึงแม้ท่านอ๋องจะปล่อยบ่าวไป ละเว้นโทษตายให้บ่าว แต่ก็อาจจะไม่เชื่อใจบ่าวอีก แต่ว่า จะฟังคำอธิบายบ่าวก่อนได้หรือไม่เพคะ”
ซย่าโหวซื่อถิงมุมปากชาไป “เจ้าก็รู้ตัวดีนี่ นี่ก็คือสาเหตุที่ข้าไม่ทิ้งเจ้า แต่ว่าหากเจ้าเป็นคนของกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองจริง จุดจบของเจ้าที่ข้าให้ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าของผู้ตรวจราชการเหลียงเท่าไร”
อวิ๋นหว่านชิ่นมองดูเขา “คนที่มาหาบ่าวในวันนี้ เป็นคนของกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองจริงๆ เพคะ” เห็นว่าสีหน้าของชายหนุ่มมีแรงสังหารแล่นเข้ามาทันใด ก็รีบพูดต่อ “แต่ว่า บ่าวโอนเอนมาฝั่งทางการนะเพคะ”
ซย่าโหวซื่อถิงมองสาวน้อยตรงหน้าอย่างเยือกเย็น
อวิ๋นหว่านชิ่นงอเข่าแล้วนั่งคุกเข่าลงไป ตุบ! แล้วกล่าว “มาถึงขั้นนี้แล้ว บ่าวก็มิอาจปิดบังท่านอ๋องอีกแล้วเพคะ! ตอนนั้นบ่าวออกมาจากที่กลุ่มผ้าเหลืองมายังที่พระราชนิเวศน์นี้ไม่ง่ายนัก บ่าวบอกพวกเขาว่าจะเป็นสายให้กับพวกเขา แอบสืบเรื่องการทหารในที่พระราชนิเวศน์ หลี่ว์ปาจึงได้วางใจและจงใจปล่อยบ่าวออกมา หนึ่งในชาวสวนที่มาส่งผักวันนี้ก็คือคนที่หลี่ว์ปาส่งมา พวกเขารอไม่ไหวแล้ว จึงมาหาบ่าว คิดอยากสอบถามสถานการณ์ภายใน รวมไปถึงสภาพภูมิประเทศ การแบ่งสรรผู้คน เวลาในการยืนเวรของแต่ละวันเพคะ”
ซย่าโหวซื่อถิงฟังแล้วก็เคร่งเครียดมากขึ้น แต่แล้วก็ได้ยินนางกล่าวขึ้น “บ่าวไม่ได้บอกอะไรเลยเพคะ ไล่เขากลับไป มิเช่นนั้นตอนนี้จะกล้ามาสารภาพกับท่านอ๋องได้อย่างไรเล่าเพคะ”
ซย่าโหวซื่อถิงหรี่ตา “เจ้าหมายความว่า ตอนนั้นที่เจ้าเสนอตัวมาเป็นสายในที่พระราชนิเวศน์นี้ เป็นเพียงแผนที่เอาไว้หลอกหลี่ว์ปาหรือ”
“ท่านอ๋องปรีชายิ่งนัก” อวิ๋นหว่านชิ่นถอนหายใจ “ตอนนั้นบ่าวทำเพื่อหลบหนีจากกลุ่มผ้าเหลือง จึงได้พูดเช่นนั้นไป มิเช่นนั้นหลี่ว์ปาจะวางใจได้อย่างไรเล่าเพคะ ใครจะไปคิดว่าหลี่ว์ปาจะหาคนแฝงตัวมาเอาข้อมูลจากบ่าวจริงๆ”
ชายหนุ่มกลับหัวเราะเยาะ “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร พอเจ้าพูดเช่นนี้ ข้ายิ่งเชื่อเจ้าไม่ได้ หากเจ้าเป็นพวกของทั้งสองฝ่ายจะทำอย่างไรเล่า”