ตอนที่ 26 - 2 หนี้แค้นต้องชำระ

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

จิ่งเหิงปัวรู้สึกได้ทันทีว่าผิดปกติอยู่บ้าง ร้องเอ๊ะออกมาก่อนกล่าวว่า “เหตุใดจนถึงยามนี้คนของตระกูลเซวียนหยวนยังไม่มาอีก พวกเขาชอบเอาเปรียบเป็นที่สุดไม่ใช่หรือ?” 

 

 

“พวกเขาอยู่ที่นี่” ข้างหลังพลันมีเสียงแว่วมา จิ่งเหิงปัวหันหลัง มองเห็นเหยียลี่ว์ฉียิ้มให้นาง 

 

 

เขาหิ้วคนคนหนึ่งไว้ในมือ จิ่งเหิงปัวมองอยู่สักพัก เพิ่งจำได้ว่าเจ้าคนพิการหน้าตาฟกช้ำคนนั้นคือเซวียนหยวนฉี่ที่มีท่วงท่าทรงภูมิปัญญาคนนั้น 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีจัดการเซวียนหยวนฉี่แล้วหรือ? เขาถูกพิษบาดเจ็บสาหัส แล้วเอาพละกำลังมาจากที่ไหน? อีกทั้งองครักษ์มากมายขนาดนั้นของตระกูลเซวียนหยวนล่ะ เหตุใดหายไปแล้ว? 

 

 

นางมองดูสีหน้าของเหยียลี่ว์ฉีแล้วรีบร้อนล้วงยาถอนพิษที่เก็บมาให้เขา บอกใบ้ให้เขากินเข้าไป เหยียลี่ว์ฉีเองก็ไม่เกรงใจเช่นกัน เขารับไว้ยิ้มแย้มพลางเอ่ยว่า “ยามนี้เป็นหนี้ชีวิตเจ้าอีกครั้งแล้ว ต้องให้ข้าได้ทยอยชดใช้” 

 

 

“ช่างเถิด” จิ่งเหิงปัวกล่าวอย่างเสียอารมณ์ว่า “อยากดื้อแพ่งอยู่ด้วยก็อยู่ไป ไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลเช่นนี้ พวกเราต่างเจ้าช่วยข้า ข้าช่วยเจ้าตั้งกี่ครั้งแล้ว? นับให้ชัดเจนได้หรือ” 

 

 

“ข้าช่วยเจ้าเพียงเพื่อใช้หนี้ ทว่าเจ้าช่วยข้าถือว่าข้าเป็นหนี้เจ้า” เหยียลี่ว์ฉียิ้มแย้มมอบเซวียนหยวนฉี่ให้นาง เอ่ยว่า “คิดจะจัดการอย่างไร” 

 

 

จิ่งเหิงปัวยิ้มตาหยีก้มตัวลง ตบใบหน้าของเซวียนหยวนฉี่ กล่าวว่า “ไฮ! เจ้าดูท่าทางคล้ายไอ้สวะนะ” 

 

 

“ใช่ๆ ข้าคือไอ้สวะๆ!” เซวียนหยวนฉี่ใช้ใบหน้าถูไถมือของนางโดยพลัน เอ่ยว่า “ขอร้องล่ะ ท่านปล่อยไอ้สวะเช่นข้านี้ไปเถิด! ข้าจะขอบคุณท่านอย่างเต็มที่เป็นแน่ จะไม่มีวันแก้แค้นท่าน ข้าสาบานด้วยเกียรติศักดิ์ของตระกูลเซวียนหยวน!” 

 

 

“เกียรติศักดิ์ของตระกูลเซวียนหยวน? ฮ่าๆ เกียรติศักดิ์ของตระกูลเซวียนหยวน!” จิ่งเหิงปัวหัวเราะลั่น กล่าวว่า “ตระกูลเซวียนหยวนเคยมีเกียรติศักดิ์ด้วยหรือ?” 

 

 

เซวียนหยวนฉี่พยักหน้าติดๆ กัน เอ่ยว่า “ใช่ๆ ไม่มีเกียรติศักดิ์ ไม่มี! ข้าเอ่ยวาจาผิดแล้ว! ท่านปล่อยข้าไปเถิด! ข้าจะไม่กลับตระกูลเซวียนหยวนด้วย! ข้าดูถูกตระกูลน่ารังเกียจตระกูลนี้มาตั้งนานแล้ว! จริงๆ นะ!” 

 

 

จิ่งเหิงปัวยืดตัวตรง นางคร้านจะมองคนคนนี้แล้ว ไม่มีแม้แต่กระดูก ไม่คู่ควรให้นางโค้งกาย 

 

 

เหยียลี่ว์ฉีพลันยิ้มแย้มพลางเอ่ยว่า “หากตระกูลเซวียนหยวนมีลูกหลานเช่นนี้เพิ่มมากขึ้น เจ้าคงไม่ต้องสิ้นเปลืองสมอง อีกไม่กี่ปีก็ย่อมล่มสลายแล้ว” 

 

 

ในใจจิ่งเหิงปัวกระตุกวูบ เข้าใจความหมายของเขา รู้สึกได้ทันทีว่าในใจรื่นรมย์ 

 

 

“เหตุใดถึงไม่กลับบ้านเล่า?” นางยิ้มแย้มกล่าวว่า “เจ้าต้องกลับบ้านสิ หากเจ้าไม่กลับบ้าน ข้าจะหาจอมล้างผลาญที่เลวร้ายครบถ้วนขนาดเจ้ามาทำลายทรัพย์สินของตระกูลเซวียนหยวนจากที่ใดล่ะ?” 

 

 

เซวียนหยวนฉี่เงยหน้ามองนาง สายตาทั้งสับสนทั้งร้อนรน 

 

 

จิ่งเหิงปัวฉวยมือค้นในกระเป๋าสะพายหลัง ล้วงหญ้าพิษที่ตนเองไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นพิษอะไรออกมายัดเข้าไปในปากของเขา เซวียนหยวนฉี่ไม่กล้าต่อต้าน ได้แต่กลืนเข้าไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง 

 

 

“มียาถอนพิษกระมัง?” พอเข้ากินเสร็จแล้ว จิ่งเหิงปัวเพิ่งคิดจะถามเผยซู 

 

 

ใบหน้าของเซวียนหยวนฉี่เขียวคล้ำแล้ว 

 

 

เผยซูเกาคาง ครุ่นคิดอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก เอ่ยว่า “อาจจะกระมัง?” 

 

 

ใบหน้าของเซวียนหยวนฉี่เริ่มออกสีม่วง 

 

 

“ข้าไม่สังหารเจ้า เจ้ากลับไปเถิด ทว่าจำไว้ว่ายาถอนพิษของเจ้ายังอยู่กับข้า” จิ่งเหิงปัวชี้ปากของเขา กล่าวว่า “เจ้ากลับไป พยายามแย่งชิงทรัพย์สินของตระกูล พยายามทำให้ท่านพ่อเจ้าโมโห หากเจ้ากระทำเรื่องราวได้น่าพอใจ ข้าจะมอบยาถอนพิษให้เจ้า แม้กระทั่งประคองเจ้าก้าวสู่ตำแหน่ง กลายเป็นผู้นำตระกูลเซวียนหยวนได้ด้วย” 

 

 

เซวียนหยวนฉี่เงยหน้าขึ้นโดยพลัน แววตาประหลาดใจไม่อยากจะเชื่อ ทว่าเปล่งประกายแสงแห่งความหวังอีกครั้ง 

 

 

“ช่วยเจ้าง่ายดายเสมือนพลิกฝ่ามือ ทว่านับแต่นี้เจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งข้า ข่าวสารตระกูลเซวียนหยวนของพวกเจ้า แหล่งทรัพยากร รวมทั้งของทุกสิ่งที่ข้าอยากได้ เจ้าจะต้องหามาให้ข้าโดยพลัน มิฉะนั้น…” จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มสนิทสนม กล่าวต่อไปว่า “ในเมื่อข้ามีวิธีประคองเจ้าก้าวสู่ตำแหน่ง ก็ย่อมลากเจ้าลงมาได้ทุกเวลาเช่นกัน ถูกต้องหรือไม่? อืม เจ้าคิดว่าอยู่ในหุบเขาเทียนฮุยตลอดชีวิตเป็นอย่างไร” 

 

 

“ไม่! ไม่! ข้ารับปากท่าน! ข้าได้เป็นผู้นำตระกูลหรือไม่ไม่เป็นไร ท่านให้ข้าอยู่รอดข้าจะทุ่มเททำงานให้ท่านตลอดชีวิต!” 

 

 

“เฮ้ยๆ เหตุใดจึงไม่เป็นไร? ข้าเอ่ยว่าให้เจ้าเป็นเจ้าก็ต้องเป็นสิ! นอกจากตัวตลกเช่นเจ้านี้แล้ว ผู้ใดยังจะคู่ควรเป็นผู้นำตระกูลเซวียนหยวนอีกเล่า?” จิ่งเหิงปัวหัวเราะฮ่าๆ  

 

 

“ลูกหลานตระกูลเซวียนหยวนที่มีคุณสมบัติแย่งชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล ขณะนี้ส่วนใหญ่อยู่บริเวณนี้ทั้งสิ้น” เหยียลี่ว์ฉีคล้ายเอ่ยตามอารมณ์อีกประโยคหนึ่ง 

 

 

เขาคล้ายไม่สนใจอะไรทั้งนั้น มองเห็นนายกองบรรดาศักดิ์กับมนุษย์กระดาษกลุ่มใหญ่ติดตามอยู่ข้างหลังจิ่งเหิงปัว ดูไม่มีสีหน้าประหลาดใจอะไรนัก ทว่าสายตาทยอยกวาดผ่านร่างเผยซูหลายครั้ง 

 

 

เขามองดูเผยซูแล้วมองดูจิ่งเหิงปัว สายตาแฝงความนัยลึกล้ำบางส่วน 

 

 

“ดีเลย! ยามนี้ให้เจ้าได้เห็นความจริงใจของข้า” จิ่งเหิงปัวหัวเราะฮ่าๆ ตบมือเพียงครั้ง กล่าวว่า “เจ้าเฉวียน เผยซู งานของพวกเจ้ามาแล้ว! ขับไล่เจ้าพวกแอบมองฝูงนี้ให้ห่างไกลจากตระกูลเซวียนหยวนก่อนเถิด ปูทางเพื่อว่าที่ผู้นำตระกูลเซวียนหยวนของพวกเรา!” 

 

 

“ขอรับ!” เฉวียนหนิงเหาไม่พูดไม่จาแม้เพียงคำเดียว 

 

 

“เรียกข้าว่าเผยซู!” เผยซูเคลื่อนไหวไปพลางร้องด่าไปพลาง วิ่งไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

หลังได้ยินคำว่าเผยซู สีหน้าของเหยียลี่ว์ฉีตกตะลึงเล็กน้อย 

 

 

“เจ้าทายถูก” จิ่งเหิงปัวยิ้มแย้มกล่าวว่า “เป็นเขา” 

 

 

นางเชิดคิ้วขึ้น อยากมองสีหน้าของเขาให้ชัดเจน การปรากฏตัวของเผยซูเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กับเส้นทางภายภาคหน้าของนาง สำหรับเหยียลี่ว์ฉี เขาอยากเห็นหรือไม่อยากเห็น? 

 

 

สีหน้าเปลี่ยนไปเพียงพริบตาเดียว ครู่ต่อมาเขาก็ถอนหายใจยืดยาวเล็กน้อย เอ่ยว่า “เผยซูผู้นี้โด่งดังตั้งแต่เยาว์วัย เล่ากันว่าเย่อหยิ่งเจ้าอารมณ์ ไม่เห็นผู้อื่นในสายตาด้วยเหตุนี้ คนเช่นนี้ควบคุมได้ยาก ต่อให้ถูกเจ้ายั่วยุจนติดตามเจ้าชั่วขณะ ทว่าอาจเกิดเรื่องไม่คาดคิดได้ทุกเวลา ยิ่งกว่านั้นข้างกายเจ้ายังมีทหารคั่งหลงซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้นของเขา เจ้าผู้นี้ไม่ค่อยมีคุณธรรมเพียงใด เจ้าต้องระวังเขาทรยศ ตามความเห็นข้าแล้ว ไม่อาจผ่อนคลายความระมัดระวัง ทางที่ดีเลือกคนสุขุมจงรักภักดีมีความรับผิดชอบในหมู่นายกองบรรดาศักดิ์ พยายามตีสนิทกับเผยซู ประการแรกคือซื้อใจ อีกประการหนึ่งคือเฝ้าระวัง หากได้รับตำราวิชาอวี้ฮวงที่เล่ากันว่าอยู่ในมือเผยซูจะดียิ่งขึ้น นั่นคือตำราพิชัยสงครามโด่งดังที่เผยซูใช้สร้างชื่อเสียง หากได้รับสิ่งนั้น ย่อมต้านทานขุนพลเรืองนามนายหนึ่งได้แล้ว” 

 

 

จิ่งเหิงปัวจ้องมองดวงตาของเขา นัยน์ตาของเขาดำสนิทดุจหินเฮยเย่า แม้ลึกซึ้งแต่ไร้ซึ่งแสงแห่งความหลอกลวง 

 

 

เขาครุ่นคิดเพื่อนางอย่างจริงใจ วางแผนละเอียดรอบคอบเพียงนี้ 

 

 

“เพียงแต่เรื่องเหล่านี้ ต้องให้เจ้าครุ่นคิดด้วยตนเองแล้ว” เหยียลี่ว์ฉีหัวเราะอีกครั้ง เอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าอยู่กับเจ้าไม่ได้” 

 

 

จิ่งเหิงปัวเลิกคิ้วขึ้น 

 

 

“ข้าต้องไปตามหาท่านพี่ ส่งนางไปหลบซ่อนยังสถานที่ปลอดภัย จากนั้นหากเป็นไปได้ ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีกครั้งนะ” เขายิ้มแย้มจนลมเคลื่อนเมฆคลาย 

 

 

“จริงหรือ?” 

 

 

“แม้ข้าหลอกเจ้าบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่หลอกเจ้าแน่แท้” 

 

 

“เหตุใดไม่ให้สวินหรูไปกับพวกเราด้วย?” 

 

 

“ท่านพี่มีนิสัยแปลกประหลาด ไม่ชอบคบค้าสมาคมกับผู้อื่นมากเกินไปตั้งแต่ไหนแต่ไร” เขาเอ่ยอย่างขออภัยว่า “ข้าจัดการเรื่องนางแล้วจะรีบตามไป” 

 

 

“ช่างเถิด” จิ่งเหิงปัวโบกมือ กล่าวว่า “อย่าลืมกลับมานะ” 

 

 

“แน่นอน” 

 

 

จิ่งเหิงปัวยืนบนพื้นหิมะ มองเงาด้านหลังของเหยียลี่ว์ฉีล่องลอยค่อยๆ สูญสลายกลางสายลมหิมะ เขาก้าวเดินด้วยฝีเท้าว่องไว แต่ในใจนางพวยพุ่งด้วยความผิดหวังเล็กน้อย 

 

 

เคยเป็นศัตรู ไม่เคยคิดว่าจะได้เคียงข้างตลอดทางร่วมเป็นร่วมตายช่วงหนึ่ง จนกระทั่งเมื่อจากกัน เพิ่งรู้ตัวว่าในใจสูญเสียความพร้อมไปมากกว่าครึ่งไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ไม่นึกว่าจะเกิดความโศกเศร้าเล็กน้อยเช่นนี้ 

 

 

“ข้ารู้ว่า…” นางพึมพำว่า “เจ้าหลอกข้าบ่อยครั้ง ครั้งนี้ เจ้าก็คงหลอกข้าอีกแล้ว”