ตอนที่ 286 ยืมมีดสังหารคน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“อีกอย่าง… ข้าเป็นผู้อาวุโสของสำนักอวิ๋นเยียน สำนักนิกายระดับหนึ่ง หากว่าถูกผู้อื่นฆ่าตาย เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนของข้าสามารถรู้ได้ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือ ยอดฝีมือแห่งสำนักอวิ๋นเยียนของข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่ เจ้าก็จงรอคอยการเอาคืนของสำนักอวิ๋นเยียนของข้าเถอะ”

“แหวนมิติ!” มู่เฉียนซีหยิบแหวนมิติของผู้อาวุโสสำนักอวิ๋นเยียนออกมา

บนแหวนมีตราประทับวิญญาณของผู้อาวุโสสูงสุดผู้นี้ คนอื่น ๆ ไม่สามารถใช้มันได้ และก็ไม่สามารถหยิบเอาของข้างในออกมาได้

เสียงเย็นชาดังเข้ามาในหูของมู่เฉียนซี “มันก็แค่ตราประทับวิญญาณที่อ่อนแอ  ซี… เจ้าสามารถลบมันออกไปได้อย่างง่ายดาย”

มู่เฉียนซีตะลึงงัน “ข้าสามารถลบมันได้อย่างง่ายดายรึ ทําอย่างไรล่ะ ?”

จิ่วเยี่ยชี้แนะมู่เฉียนซีอย่างอดทน “คลุมพลังวิญญาณไว้บนตราประทับวิญญาณ หลังจากนั้นก็เช็ดออกให้หมด…”

สิ่งที่จิ่วเยี่ยกล่าวมานั้นง่ายมาก มู่เฉียนซีเองก็ทําได้อย่างง่ายดาย แต่เวลานี้ผู้อาวุโสสูงสุดแทบจะหมดสติไปแล้ว  เมื่อเขารู้ว่าตราประทับวิญญาณบนแหวนมิติของตนได้ถูกขจัดทิ้งและหายไป  เขาก็มองมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าลบตราประทับวิญญาณของข้า เป็นไปได้อย่างไร ?”

มีเพียงพลังที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าของแหวนเท่านั้นถึงจะสามารถลบตราประทับวิญญาณของเขาได้ แต่สาวน้อยระดับปรมาจารย์ภูตอายุไม่ถึงยี่สิบผู้นี้กลับทําได้!

ให้ตายเถอะ เป็นไปได้อย่างไรกันนี่!

มู่เฉียนซีหยิบผลึกดอกบัวหัวใจศักดิ์สิทธิ์ที่ดูราวกับดอกบัวผลึกน้ำแข็งใส ๆ แวววาว ๆ นั่นออกมาจากแหวนมิติของผู้อาวุโสสำนักอวิ๋นเยียนก่อนจะกล่าวว่า “ผู้เฒ่าอย่างท่านช่างไม่ทะนุถนอมสมุนไพรวิญญาณเอาเสียเลย ปล่อยวางผลึกดอกบัวหัวใจศักดิ์สิทธิ์ไว้อย่างตามใจชอบเกินไป”

นางวางผลึกดอกบัวหัวใจศักดิ์สิทธิ์ไว้ในมิติเก็บของของตัวเอง จากนั้นจึงไปที่มิติเก็บของของผู้อาวุโสสำนักอวิ๋นเยียนเพื่อหาของอย่างอื่น นางพลิกดูอยู่เป็นเวลานานแล้วจึงกล่าวว่า “ท่านเป็นถึงผู้อาวุโสของสํานักนิกายระดับหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีของดีอะไรเลย”

ผู้อาวุโสสำนักอวิ๋นเยียนโกรธแทบกระอักเลือด สาวน้อยผู้นี้แย่งแหวนมิติของเขาไป ลบตราประทับวิญญาณของเขา แล้วยังเอาสมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีของเขาไป  มาตอนนี้ยังดูถูกของอย่างอื่นของเขาว่าไม่ดีอีก

ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย…

ผู้อาวุโสสำนักอวิ๋นเยียน “ของที่เจ้าต้องการก็ได้เอาไปแล้ว เจ้าก็อย่าได้บีบบังคับข้าให้ลําบากเลย เรื่องในวันนี้ข้าจะไม่ถือสาเจ้า”

ผู้อาวุโสสำนักอวิ๋นเยียนคิดในใจ ‘รอข้ากลับไปยังสํานักอวิ๋นเยียนก่อนเถอะ ข้าจะพาศิษย์น้องและยอดฝีมือของสํานักไปทําลายสํานักทั้งหมดของเจ้าให้สิ้นซาก ไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!’

มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “ผู้อาวุโสสํานักอวิ๋นเยียน ข้าขอถามอะไรท่านสักหน่อย หากข้าฆ่าท่าน ก็คงทําให้เจ้าสํานักอวิ๋นเยียนรู้ได้ เช่นนั้นถ้าหากข้าทําให้ท่านพิการล่ะ คงไม่ทำให้เจ้าสํานักของท่านรู้ได้กระมัง ?”

ม่านตาของผู้อาวุโสสำนักอวิ๋นเยียนหดเล็กลง  เขากล่าวตะกุกตะกัก “เจ้า… เจ้า…”

“เหอะ! ดูจากสีหน้าของท่านแล้ว เห็นได้ชัดว่าหากข้าทําให้ท่านพิการ เจ้าสํานักของท่านจะไม่รู้ ฉะนั้นแล้วข้าก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ” กล่าวจบมู่เฉียนซีโบกมือ  พลันเข็มยาพุ่งไปตรึงแขนขาทั้งสี่ของผู้อาวุโสไว้

พลังวิญญาณหายไปอย่างไร้ร่องรอย เส้นชีพจรของแขนขาทั้งสี่ถูกพิษรุนแรงกัดกร่อน ผู้อาวุโสสํานักอวิ๋นเยียนกัดฟันกล่าว “สาวน้อย เจ้าอายุยังน้อยกลับโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้  อำมหิตนัก!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่แยแส “ถ้าหากท่านไม่ฉวยเอาของของข้าไป และไม่ปล่อยให้ลูกศิษย์ของท่านฉวยโอกาสเช่นนั้น ข้าก็ไม่อยากลงมือกับคนของสํานักอวิ๋นเยียนของท่านในตอนนี้ แต่ในเมื่อตอนนี้ท่านมาตกอยู่ในกำมือของข้า ข้าจะไม่ทําให้ท่านมีชีวิตที่ดีเป็นแน่”

ผู้อาวุโสสํานักอวิ๋นเยียนรู้สึกอนาถอย่างหนัก แต่เจ้าสํานักซวนปิงกลับน่าสังเวชยิ่งกว่า  เขาตะโกนขึ้นว่า “ไว้ชีวิตข้าด้วย! ปล่อยข้าไปเถอะ ขอเพียงเจ้าปล่อยข้าไป ต่อไปสํานักซวนปิงของข้าจะยอมทำตามคำสั่งเจ้าทุกประการ”

“เหอะ! ท่านคิดว่าท่านทรยศข้าครั้งหนึ่งแล้ว ข้ายังจะเชื่อท่านอีกเป็นครั้งที่สองรึ เจ้าสำนักซวนปิง ?”

“อ๊าก!  ข้าผิด ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปไม่กล้าอีกแล้ว” เหงื่อเย็นของเขาไหลออกมาไม่หยุด เขาเป็นลมไปหลายต่อหลายครั้งทว่าก็ฟื้นตื่นขึ้นมาโวยวายต่อ

มู่เฉียนซี “แท้ที่จริงแล้วข้าสามารถทำให้ท่านพ้นทุกข์ได้ เพียงแค่ท่านช่วยข้าฆ่าผู้อาวุโสผู้นั้น”

มู่เฉียนซีชี้ไปที่ผู้อาวุโสสํานักอวิ๋นเยียน แม้ว่าตาเฒ่าผู้นี้จะพิการไปเสียแล้ว แต่ตราบใดที่ให้โอกาสเขา เขาก็อาจจะสร้างปัญหาใหญ่ได้

อย่างไรเสียสํานักอวิ๋นเยียนแห่งสํานักนิกายระดับหนึ่งนี้ก็ไม่ใช่สํานักซวนปิงแห่งสํานักนิกายครึ่งระดับที่ตอนนี้ตระกูลมู่ของนางยังไม่อาจต่อกรได้

เวลานี้เจ้าสำนักซวนปิงถูกทรมานจนลืมสิ้นแล้วทุกอย่าง เขาคิดเพียงต้องการปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บปวดเท่านั้น เขาไม่คิดเลยแม้สักนิดว่าหากสังหารผู้อาวุโสสํานักอวิ๋นเยียน สํานักนิกายระดับหนึ่ง จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสํานักซวนปิงของพวกเขาอย่างไร

เขารีบกล่าวว่า “ได้!  ได้! ข้าจะฆ่าเขาประเดี๋ยวนี้…”

ใบหน้าของผู้อาวุโสสํานักอวิ๋นเยียนซีดเผือด “ข้ามีจุดจบเช่นนี้แล้ว เจ้ายังไม่ยอมให้ทางรอดชีวิตกับข้าอีกหรือ ?”

มู่เฉียนซีวางท่าทีเฉยเมยก่อนจะกล่าว “ขออภัย หากข้าให้ทางรอดแก่คนของสํานักอวิ๋นเยียนของพวกท่าน ต่อไปสำนักอวิ๋นเยียนของพวกท่านเกรงว่าก็คงจะไม่ให้ตระกูลมู่ของพวกข้า  สองอาหลานได้มีทางรอดชีวิต”

นางกับสํานักอวิ๋นเยียนเป็นศัตรูกัน!

ผู้อาวุโสสูงสุดตกตะลึง “ตระกูลมู่ ตระกูลมู่ของมู่อวู่ซวงรึ ?!”

“เจ้า…”

มู่เฉียนซียิ้ม “ใช่! ข้าคือผู้นําตระกูลมู่มู่เฉียนซี ข้าคิดว่าผู้อาวุโสอย่างท่านจะสามารถเข้าใจได้   เจ้าสำนักซวนปิง ลงมือเถอะ!”

พิษบนร่างของเจ้าสํานักซวนปิงถูกควบคุมไว้ เขาระเบิดพลังชักกระบี่เย็นเยือกออกมา กระบี่น้ำแข็งนับไม่ถ้วนทะลุผ่านร่างของผู้อาวุโสสำนักอวิ๋นเยียนไป!

ผู้อาวุโสหัวเราะ  กล่าวว่า “ฮ่า ๆ ๆ ตระกูลมู่ ผู้นำตระกูลมู่ เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักอวิ๋นเยียน สำนักนิกายระดับหนึ่งของพวกข้ารึ ? จุดจบของเจ้าไม่ดีแน่!”

“สํานักอวิ๋นเยียนของเราเป็นสำนักนิกายอันดับหนึ่งของทวีปเซี่ยโจว ในทวีปเซี่ยโจวไม่มีกองกําลังใดที่สามารถเป็นศัตรูกับสํานักอวิ๋นเยียนได้”

“เจ้าสํานักซวนปิง เจ้าต้องแก้แค้นให้ข้า!”

— ปัง! —

ผู้อาวุโสสํานักอวิ๋นเยียนล้มลงกับพื้น

……

— แกร๊ก! —

ในเวลานั้นเอง ณ สำนักอวิ๋นเยียน ป้ายชีวิตของผู้อาวุโสสํานักอวิ๋นเยียนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

สีหน้าของศิษย์สํานักอวิ๋นเยียนเปลี่ยนไปอย่างมาก “ผู้อาวุโส… ผู้อาวุโส…”

“รีบแจ้งท่านเจ้าสํานักเร็วเข้า!  เร็ว!”

ในสํานักอวิ๋นเยียน ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีป้ายชีวิต มีเพียงผู้อาวุโสสูงสุดและอวิ๋นเฟิง คุณหนูใหญ่แห่งสํานักอวิ๋นเยียนเท่านั้นถึงจะมี ส่วนบทบาทเล็ก ๆ  อย่างฉื่อเอี้ยนนั้นไม่มีป้ายชีวิต ดังนั้นคนอย่างเขาและคนอื่น ๆ ตายไปก็ไม่มีใครสังเกตเห็น

— ตูม! —

เมื่อเจ้าสํานักอวิ๋นเยียนได้รับข่าวนี้แล้ว เขากรุ่นโกรธอย่างหนัก เงาร่างสีขาวของเขาพุ่งออกไป และเมื่อถึงป้ายชีวิต เขาใช้ทักษะพิเศษของตนเอง

ชั้นหมอกสีขาวปรากฏขึ้น เขามองเห็นฉากการตายของผู้อาวุโสสำนักอวิ๋นเยียนที่ถูกกระบี่น้ำแข็งแทงทะลุหัวใจจนตาย

“ตรวจสอบให้ข้า เจ้าคนสารเลวนั่นมันเป็นผู้ใดกันแน่ ? ถึงกับกล้าสังหารผู้อาวุโสสํานักอวิ๋นเยียนของข้า ย่อมเป็นการยั่วยุสํานักอวิ๋นเยียนแห่งทวีปเซี่ยโจวอย่างไม่ต้องสงสัย!”

“ขอรับ!”

ก่อนหน้านี้สมคบคิดกันกับเจ้าสํานักอวิ๋นเยียน  ทว่าเวลานี้กลับกัดกันเอง

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าหลุดพ้นแล้ว”

เข็มยาหนึ่งเข็มถูกทิ่มไปยังกลางหลังของเจ้าสํานักซวนปิง ร่างของเจ้าสํานักซวนปิงแข็งทื่อและล้มลงกับพื้น

มู่เฉียนซีมองเสี่ยวหงและอู๋ตี้ แมวน้อยสีขาวที่เวลานี้ได้กลับมาเป็นรูปลักษณ์เดิมขนาดเดิมและกล่าวขึ้นว่า “เวลาครึ่งเดือนใกล้จะมาถึงแล้ว ดินแดนลึกลับกําลังจะปิด พวกเรารีบไปกันเถอะ ต้องรีบกลับจวนเพื่อจัดการพิษของท่านอา”

“ขอรับนายท่าน”

ร่างสีม่วงพุ่งไปยังทางออก ฮั่วอู๋จี๋มองไปที่มู่เฉียนซีพลางยิ้ม “อา… ข้าโล่งใจที่ได้เห็นเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย”

เวลานี้เจ้าสํานักชางเยี่ยก็ออกมาแล้ว ทว่านอกจากสองสํานักใหญ่ สํานักซวนปิงและคนของสํานักอวิ๋นเยียนกลับไม่มีผู้ใดออกมาแม้แต่คนเดียว

ในตอนนั้นเอง กลิ่นอายที่ปกคลุมท้องฟ้าพลันแผ่ออกมา ตามมาด้วยเสียงที่โกรธเกรี้ยวเหนือสิ่งใด “เจ้าสํานักซวนปิงและคนของสํานักซวนปิงอยู่ที่ใด ?!!!”

.