ภาคที่ 2 บทที่ 86 สอบสวน

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 86 สอบสวน

 

 

หลังจากชั้นเรียนตอนเช้าจบลง ซูเฉินเดินทางกลับที่พัก โดยวันนี้เลือกเดินไปยังทางเดินต้นไม้สูงแผ่ร่มเงาริมทะเลสาบ

 

 

ระหว่างทางกลับถูกชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินตรงเข้ามา

 

 

เขามีรูปร่างค่อนข้างผอม จมูกแหลมโคงเป็นตะขอ ถัดลงมาคือหนวดที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

 

 

เขายืนตรงหน้าซูเฉิน เอ่ยเสียงทุ้มหนักออกมา “ซูเฉิน ?”

 

 

“คือข้า แล้วท่าน……?” ซูเฉินเอยถาม

 

 

“ข้ามีนามว่าจางเทียนเยว่ เป็นลุงสองของจางเซิ่งอัน เจ้าน่าจะเคยได้ยินชื่อเขา” ชายหนวดสวยกล่าว

 

 

สุดท้ายก็ยังมาสินะ

 

 

เมื่อซูเฉินเหลือบมองซ้ายขวา ยังเห็นเงาอยู่หลายเงา

 

 

ซูเฉินหัวเราะเสียงเบาก่อนตอบ “แน่นอน เขามีชื่ออยู่บ้าง เราไปหาที่คุยกันดีหรือไม่ ?”

 

 

คล้ายกับตกใจกับความสงบนิ่งของซูเฉิน จางเทียนเยว่จึงจ้องลึกไปนัยน์ตาซูเฉินก่อนตอบ “ดี”

 

 

คนทั้งสองเดินไปยังร้านน้ำชาหลังเล็กที่ตั้งอยู่ริมธารน้ำอันเป็นร้านประจำของซูเฉิน

 

 

จางเทียนเยว่นั่งตรงตำแหน่งที่จูเฉินเคยนั่งแล้วจ้องซูเฉินนิ่ง

 

 

“จางเซิ่งอันเป็นเด็กมีความสามารถ แม้จะเป็นหลาน แต่ข้าก็ปฏิบัติกับมันเช่นลูก ตอนได้ยินข่าวข้าไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ข้าคิดว่าต้องเป็นคำลวงเป็นแน่ ข้ารู้ฝีมือจางเซิ่งอันดี เขาอินทรีโรยอาจเป็นสถานที่อันตราย แต่ก็เป็นอันตรายสำหรับผู้ที่ไม่แข็งแกร่งมากเท่านั้น ไม่ใช่กับจางเซิ่งอัน โคลนยักษ์นั่น…… จางเซิ่งอันอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่อย่างน้อยหากต้องการก็น่าจะหนีจากมันได้”

 

 

“งั้นหรือ ? เช่นนั้นแสดงว่าเขาไม่ต้องการหนีมันกระมัง” ซูเฉินยักไหล่ตน

 

 

จางเทียนเยว่สีหน้าทะมึนลง “เรากำลังคุยเรื่องการตายของหลานชายข้า เจ้าจริงจังกว่านี้ได้หรือไม่ ?”

 

 

“ท่านเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อดูข้าตีหน้าเศร้างั้นหรือ ?”

 

 

“ที่ข้ามาที่นี่เป็นเพราะจากที่ตรวจสอบ เจ้าและหลานข้าไม่ถูกกันก่อนที่หลานข้าจะตาย”

 

 

“ดู !” ซูเฉินผายมือ “ท่านก็รู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นข้าจึงไม่คิดโศกเศร้ากับการตายของเขาอย่างไร ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ท่านควรรู้ไว้ ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ถูกกับเขา แต่เป็นเพราะเขาแย่งของของเราไปต่างหาก !”

 

 

“เจ้าก็เลยสังหารเขาหรือ ?”

 

 

“ไม่แปลกที่ท่าจะพูดเช่นนั้น” ซูเฉินหัวเราะเสียงเย็น “พวกตระกูลสายเลือดชั้นสูงก็เป็นเช่นนี้กระมัง ? หากลากคนลงหลุมไปด้วยกันไม่ได้ก็จะตายตาไม่หลับ”

 

 

เปลวเพลิงพลันลุกโชนขึ้นในนัยน์ตาจางเทียนเยว่ “เจ้าหนู เจ้าคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกข้าทำสิ่งใด ? ข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว เจ้าพูดถูก โคลนยักษ์โจมตีจางเซิ่งอันและคนอื่น ๆ จริง แต่นอกจากนั้นยังมีร่องรอยการต่อสู้อื่นอยู่อีก ! แม้ร่องรอยจะถูกกำจัดไปหลังจากนั้น แต่เจ้าคิดว่ามันจะหลุดรอดสายตาข้าไปได้หรือ ?”

 

 

“แล้วอย่างไร ?”

 

 

“ข้าได้ยินว่าเจ้าคิดค้นบางอย่างที่เรียกว่าเพลิงอัสนีขึ้นมาใช่หรือไม่ ? ที่นั่นมีร่องรอยไหม้เกรียมจากเพลิงอัสนีหลงเหลืออยู่ !”

 

 

“ข้าขายพวกมันไปมาก”

 

 

“ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นนักปรุงยา ยังมีขวดยาที่มีกลิ่นยาไอหมอกและยาขับไล่สัตว์อสูรอยู่”

 

 

“พวกนั้นข้าก็ขายไปมากเช่นกัน” ซูเฉินยักไหล่

 

 

“เช่นนั้นเจ้าจะไม่ยอมรับว่าเจ้าเองก็อยู่ในสถานที่ที่จางเซิ่งอันถูกสังหารเช่นกันใช่หรือไม่ ?”

 

 

“เพราะข้าไม่ได้อยู่ที่นั่น” ซูเฉินพยักหน้าเป็นมั่นเป็นเหมาะ “เรื่องที่ท่านกล่าวมาไม่เกี่ยวกับข้าทั้งสิ้น อาจมีคนใช้เพลิงอัสนีหรือยาที่ซื้อมาจากข้าก็เป็นไปได้ แต่ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”

 

 

จางเทียนเยว่หัวเราะเสียงต่ำ “ดี ข้าก็อยากได้ยินเจ้าพูดเช่นนี้ หากข้าพบหลักฐานว่าเจ้าอยู่ที่นั่น ข้าก็สามารถเชื่อมโยงได้ว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของจางเซิ่งอันสินะ ?”

 

 

ซูเฉินได้ยินแล้วท่าทางดูตกใจไปเล็กน้อย ใบหน้าเผยแววระแวดระวัง

 

 

เขามองจางเทียนเยว่นิ่งก่อนพยักหน้าเบา ๆ

 

 

จางเทียนเยว่ลุกขึ้นในที่สุด “เมื่อเป็นเช่นนั้นข้าขอตัว จำที่ตนพูดไว้ให้ดี ครั้งหน้าข้ามาพบเจ้า ระวังตัวไปเถอะ”

 

 

จางเทียนเยว่หัวเราะเสียงทุ้มแล้วเดินจากไป ทิ้งซูเฉินผู้มีสีหน้าหนักแน่นมั่นคงไว้เบื้องหลัง

 

 

เดินไปได้ไม่ไกล จางเทียนเยว่ก็พลันเอ่ยขึ้น “ซินหยวน !”

 

 

คนหนุ่มผู้หนึ่งปรากฏกายข้างตัวจางเทียนเยว่ “ผู้อาวุโสสอง”

 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง ?”

 

 

“ซูเฉินดูเยือกเย็นมาก หากแต่ท่าทางกลับแสดงออกตรงกันข้าม ตอนที่คุยกับท่าน เขาดื่มชาหมดไป 3 แก้วติด เดี๋ยวไขว้ขาไปมาห้าครั้ง สายตาล่อกแล่ก อีกทั้งบนหน้าผากยังชื้นเหงื่อ แน่นอนว่าน่าจะกำลังพูดโกหกอยู่ขอรับ”

 

 

“น่าจะ ? ข้าบอกให้ใช้ทักษะต้นกำเนิดจับคำลวงกับเขาไม่ใช่หรือ?”

 

 

“ข้าใช้แล้ว แต่ไม่ได้ผลขอรับ”

 

 

“เจ้ามีพลังแข็งแกร่ง จะไม่ได้ผลได้อย่างไร ?”

 

 

“ไม่ใช่เช่นนั้นขอรับ จิตเขาคล้ายกับมีเกราะป้องกันอยู่ชั้นหนึ่ง ไม่อาจทะลวงผ่านไปได้ ไม่ใช่ทักษะต้นกำเนิด แต่คล้ายเป็นของเสริมบางอย่าง เช่นว่าอาจกินยาเพิ่มความแกร่งจิตชั่วคราวไว้ล่วงหน้า”

 

 

จางเทียนเยว่หรี่ตาลง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ยาประเภทจิตทั้งหลายราคาสูงนัก แต่ละขวดอย่างน้อยก็มีราคาสูงถึงหินพลังต้นกำเนิดหลายพันก้อน ยาระดับสูงหน่อยอาจมีราคาสูงถึงหินพลังต้นกำเนิดหลายหมื่นก้อน แม้มันจะเป็นนักปรุงยาก็ไม่อาจปรุงยาเช่นนี้ออกมาโดยไร้เหตุจำเป็น หรือมันจะคาดการณ์ไว้และเตรียมตัวมานานแล้ว ? ดูท่าซูเฉินผู้นี้น่าสงสัย !”

 

 

“ผู้อาวุโสสอง เช่นนั้นเรา……”

 

 

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน จับตาดูมันไว้ อย่าให้มันหนีไปได้ รอข่าวจากอีกฝั่งก่อนเถอะ อย่างไรกวนซานเหนียงก็ไม่ใช่ผู้ที่รับมือง่าย ไม่นานน่าจะได้ข่าวจากนางแล้ว”

 

 

————————————

 

 

แม้กวนซานเหนียงจะมีนามว่าซานเหนียง (ท่านแม่สาม) หากแต่นางยังสาวนัก อายุยังไม่ถึง 26 ดี

 

 

นางสวมชุดสีดำอยู่ตลอด บนศีรษะมีดอกไม้ขาวประดับ เป็นเพราะสามคนก่อนของนางต่างเสียชีวิตไปแล้ว

 

 

นางคือแม่ม่ายดำอันเลื่องชื่อ

 

 

ในตอนนี้ แม่ม่ายดำกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าจินหลิงเอ้อร์ ใช้เล็บยาวสีแดงเชยคางนางขึ้น จากนั้นเอ่ยเสียงเย้ายวนใจออกมา “เป็นใบหน้าที่งามนัก ดูแล้วซานอิงคงชอบไม่น้อย ดูท่าคนทั้งกลุ่มจะตายยกเว้นเจ้าคนเดียว เช่นนั้นอยุติธรรมนัก ข้าเชื่อว่าซานอิง แม้ในตอนนี้จะอยู่ในเก้าบ่อบาดาล (1) แต่ก็คงจะยังคิดถึงและโหยหาเจ้ามากเป็นแน่”

 

 

จินหลิงเอ้อร์สั่นกลัวไม่อาจกลั้นอยู่

 

 

นางรู้ดีว่าเล็บสีแดงของสตรีผู้นี้มิได้ตกแต่งมาแต่อย่างใด หากแต่เป็นยาพิษแดงที่สามารถกัดกร่อนเนื้อหนังได้ หากนางมีแผลเพียงนิด พิษบนเล็บกวนซานเหนียงก็ฆ่านายตายไปสามคราได้แล้ว

 

 

“ซานเหนียง……ข้า……”

 

 

“ชู่ววว !” กวนซานเหนียงแตะนิ้วชี้ซ้ายบนริมฝีปากตน จากนั้นส่งเสียงชู่เบา ๆ ใส่จินหลิงเอ้อร์ “อย่าได้รีบร้อนเช่นนั้น หากเจ้าตอบออกมาเร็วเกินควรก็หมดสนุกสิ แท้จริงแล้วซานอิงจะตายอย่างไรนั้นข้าไม่เห็นสำคัญ ปัญหาคือเขาตายไปตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องดีนัก อย่างไรก็ต้องมีคนตามไปเป็นเพื่อน”

 

 

นางพูดแล้วก็ใช้หลังเล็บลูบหน้าจินหลิงเอ้อร์

 

 

มันเย็นเฉียบนัก

 

 

จินหลิงเอ้อร์เอ่ยขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้ ข้ามาจากตระกูลสายเลือดชั้นสูง หากท่านทำร้ายคนจากตระกูลสายเลือดชั้นสูง ท่าน……”

 

 

“ข้าไม่ได้บอกจะฆ่าเจ้าสักหน่อย” กวนซานเหนียง หัวเราะ ลูบใบหน้าจินหลิงเอ้อร์ไปมา “ข้าจะทำเรื่องชั่วช้าเช่นนั้นได้อย่างไร ? ใต้หล้านี้ข้าสังหารเพียงบุรุษเท่านั้น”

 

 

จินหลิงเอ้อร์ถอนหายใจโล่งอก

 

 

“แต่ถึงข้าไม่ลงมือ คนอื่นอาจลงมือ อย่างไรซานอิงของตระกูลเราก็ตายไปพร้อมกับเซิ่งอัน จงติ่ง หงอู่ แล้วยังมีเจิ้นขวง พวกเขามาล้วนจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสิ้น แต่ก็คงไม่เป็นอะไรกระมัง ? หากเจ้าจัดการได้ดีพอก็ไม่มีปัญหาอันใด ใช่หรือไม่ ?”

 

 

กวนซานเหนียงเผยเสียงหัวเราะยินดี

 

 

เสียงหัวเราะนั้นเหมือนกับความกลัวไร้รูปร่างที่แผ่เข้าครอบงำจิตใจจินหลิงเอ้อร์

 

 

ในที่สุดจินหลิงเอ้อร์ก็ไม่อาจฝืนทนได้อีก

 

 

นางตะโกนออกมา “ข้าพูดแล้ว ! ข้าจะบอกเรื่องทุกอย่าง……”

 

 

 

เชิงอรรถ

 

เก้าบ่อบาดาล เป็นสถานที่ที่คนตายอยู่ตามความเชื่อ