ตอนแรกเถียนเซียวเซียวยังคิดอยู่เลยว่าการที่ซุปตาร์ฉินมาหาเธอคราวนี้ ในที่สุดเธอจะได้แสดงความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ใครจะรู้ล่ะว่า…
ที่แท้แล้วจะถามเรื่องอาจารย์เว่ย
เธอหยิบน้ำเปล่าข้างๆ ขึ้นมาดื่มอย่างเงียบๆ
สุดท้ายแล้วเธอยังหนีไม่พ้นชีวิตเส็งเคร็ง
ท่าทางและน้ำเสียงเธอดูแปลกไป ผู้จัดการมองตาฉินซิวเฉิน ฉินซิวเฉินก็นิ่งอยู่พักหนึ่ง
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองไปทางเถียนเซียวเซียว หรี่ตาลงครึ่งหนึ่งพลางจิบชา “มาหาคุณไม่ได้หรอ?”
น้ำเสียงเถียนเซียวเซียวไม่เหมือนกับปฏิเสธ แต่การแสดงออกของเธอคาดเดาไม่ได้เลยจริงๆ
“คุณรอเดี๋ยว…” เถียนเซียวเซียววางถ้วยชาลงบนโต๊ะ หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า ปัดหน้าจอปลดล็อกและเปิดเบอร์โทรศัพท์ฉินหร่าน ต่อสายออกไป
โทรศัพท์ดังได้ไม่นานก็มีคนรับสาย
เธอเปิดลำโพง
“หร่านหร่าน”
เมื่อได้ยินเสียงเถียนเซียวเซียว ซุปตาร์ฉินก็เต็มไปด้วยความตกใจ เขาไม่คิดว่าเถียนเซียวเซียวจะโทรหาฉินหร่าน
อันที่จริง…
เหตุผลที่ฉินซิวเฉินไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฉินหร่านนั้นก็เพราะไม่อยากให้ฉินหร่านคิดว่าเขาเห็นแก่ความสามารถของเธอหรือเห็นแก่เส้นสายของเธอถึงได้ยอมรับเธอกลับมา
เขาเป็นคนมั่นใจมาโดยตลอด แต่กับเรื่องฉินหร่านหรือฉินหลิง เขากลับทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวังอย่างมาก
ไม่คิดเลยว่าเถียนเซียวเซียวจะโทรหาฉินหร่านโดยตรง
ปลายสาย ฉินหร่านพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ว่าไง”
“ซุปตาร์อยู่ข้างๆ ฉันนี่ วันนี้เขามีธุระมาหาฉัน” เถียนเซียวเซียวเท้าคาง ลอนผมที่แสนเหนื่อยหน่ายสยายลงมา
ขณะนี้ฉินหร่านมาถึงที่โรงอาหารแล้ว เธอยกมือไม่ให้หนานฮุ่ยเหยากับสิงไคเสียงดัง
หนานฮุ่ยเหยาที่ค่อนข้างเสียงดังรูดซิปปากทันที จากนั้นก็นั่งที่เก้าอี้ของโรงอาหารพลางมองฉินหร่าน
ฉินหร่านนั่งข้างเธอ ขมวดคิ้ว “มีอะไร”
เถียนเซียวเซียวยิ้ม “เขามาขอให้ฉันช่วยติดต่ออาจารย์”
เธอกับฉินหร่านมีอาจารย์อยู่แค่คนเดียวนั่นคืออาจารย์เว่ย ทันทีที่เถียนเซียวเซียวเอ่ยออกมา ฉินหร่านก็รู้แล้วว่าคนที่ซุปตาร์ฉินอยากพบคือใคร
ฉินหร่านเสียบหลอดดูดลงบนโค้กสี่แก้วที่ฉู่หังยกมาเสิร์ฟ นิ่งไปสักพัก “เธอให้เขาตรงมาที่มหาวิทยาลัยเลย ฉันจะรออยู่ที่หน้าประตู”
ทั้งสองวางสาย
ทางด้านเถียนเซียวเซียว ฉินซิวเฉินกดหว่างคิ้ว นิ้วเรียวกดจนเป็นสีขาว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อนฉินหร่านจะเป็นคนเฉียบขาดอย่างเธอ
“ซุปตาร์ฉิน ยังไงเธอก็ต้องรู้เรื่องนี้” เถียนเซียวเซียวส่ายหน้า “บนโลกออนไลน์ต่างก็ขุดออกมาว่าฉันเป็นลูกศิษย์นอกคอกของอาจารย์เว่ย”
ประโยคหลังเถียนเซียวเซียวพูดดูถูกตัวเองเล็กน้อย
ผู้จัดการซุปตาร์ฉินที่นั่งข้างๆ ผงะ เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “อาจารย์เว่ยเป็นวิทยากรรับเชิญพิเศษของสมาคมM แค่จุดนี้ ถึงแม้จะเป็นแค่ลูกศิษย์ในนามก็ไม่ธรรมดาแล้ว”
“แต่ลูกศิษย์ในนามนี้แค่เป็นเพราะฉินหร่านสอบออกมาได้ดี อาจารย์เว่ยถึงได้ดีใจและฝืนใจรับฉันเป็นลูกศิษย์” เถียนเซียวเซียวมองผู้จัดการอย่างเงียบๆ
เพราะฉินหร่านสอบออกมาได้ดี?
หมายความว่าอะไร?
ผู้จัดการและซุปตาร์ฉินเหมือนจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ทั้งสองกลับไม่เข้าใจหรือความคิดนั้นดูจะไร้เหตุผลเกินไป เถียนเซียวเซียวพูดต่อด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย——
“…หลังจากหร่านหร่านเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่เคยกลับไปที่สมาคมไวโอลินอีกเลยและก็ไม่ได้เข้าสอบวัดระดับต่อ แม้แต่ไปฝึกก็ยังไม่ไป ฉันคิดว่า…เธอเองก็อาจจะลืมไปแล้วว่าเธอคือลูกศิษย์คนสำคัญของอาจารย์เว่ย”
**
มหาวิทยาลัยเมืองหลวง
โรงอาหารชั้นสาม
ฉินหร่านวางสาย เธอคำนวณดูเวลาแล้วว่าฉินซิวเฉินน่าจะมาถึงที่นี่ประมาณบ่ายโมงยี่สิบ เธอเอนหลังพิงเก้าอี้ กัดหลอดดูดดื่มโค้กต่อ
บนโต๊ะ หนานฮุ่ยเหยา สิงไค และฉู่หังกำลังมองเธอนิ่งๆ
“ลูกพี่ของเกมท่องยุทธภพคนนั้นที่กลุ่มเพื่อนม.ปลายเธอพูดถึงก็คือเธอหรอกเหรอ?” หลังจากผ่านไปนาน ฉู่หังที่ควบคุมตัวเองได้ดีกว่าในบรรดาสามคนก็พูดขึ้นมาก่อน
ฉินหร่านนั่งไขว่ห้าง พยักหน้า
สามคนนี้เดาได้ตั้งนานแล้ว ตอนนี้พอมาได้ยินแบบนี้ก็ไม่นับว่าแปลกใจอะไร สิงไคยังไม่อยากจะเชื่อ “แล้ว…เธอเป็นเพื่อนร่วมทีมกับเทพหยางตามที่ลือกันในอินเทอร์เน็ตจริงๆ หรือเปล่า? สมาชิกหญิงที่มีสปีดมือสูงสุดในทีมOSTด้วยความเร็วถึง1000 ? ? ! ”
ฉินหร่านที่วางโค้กไว้บนโต๊ะและกำลังถือตะเกียบทานข้าวได้ยินดังนั้นก็อดบีบขมับไม่ได้ “สปีดมือ1000นายก็เชื่อเหรอ?”
สิงไคถอนหายใจเล็กน้อย ในที่สุดก็ไม่ได้ใช้สายตาแปลกๆ มองฉินหร่านอีก “สปีดมือของเทพหยางยัง600ต้นๆ เอง”
สปีดมือของผู้เล่นมืออาชีพทั่วไปอยู่ระหว่าง 300 ถึง 400 ส่วน600เป็นสปีดมือระดับเซียน
ผู้เล่นมืออาชีพทุกคนในเกมท่องยุทธภพที่มีสปีดมือถึง600 หาที่มือข้างเดียวก็ไม่ถึง600
สำหรับ1000ที่มากกว่า600ไปเกือบครึ่งนั้น…
นี่ก็ดูจะน่ากลัวไปหน่อย
สิงไคยังมีสปีดมืออยู่ที่100 ซึ่งถือว่าไม่เลวสำหรับคนทั่วไป
“งั้นสปีดมือเธอเท่าไหร่?” ฉู่หังที่อยู่ข้างๆ เริ่มกินข้าวแล้ว เขาเป็นหนึ่งในสามคนที่ยังมีสติดีที่สุด
ฉินหร่านกินซี่โครงหมู ฉู่หังเป็นคนเดียวที่ตักอาหารในวันนี้ เมื่อได้ยินดังนั้นฉินหร่านก็ไม่ได้เงยหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาเหมือนเดิม “เทียบกับหยางเฟยเมื่อสี่ปีที่แล้วก็730”
สปีดมือเธอก็ฝึกมาจากแฮกเกอร์ ตอนเก้าขวบ คอมพิวเตอร์เก่าๆ เครื่องนั้นของเฉินซูหลานยังเร็วไม่เท่าเธอ บ่อยครั้งหลังจากที่เธอพิมพ์โค้ดเสร็จ คอมพิวเตอร์เก่าเครื่องนั้นถึงจะแสดงผลลัพธ์ออกมาหลังจากผ่านไปแล้วสองนาที
ฉินหร่านจึงลงไปหาลู่จือสิงเพื่อใช้คอมพิวเตอร์ของเขา ผ่านไปได้ไม่กี่วัน ลู่จือสิงก็หาอะไหล่มาให้เธอกองหนึ่งพร้อมกับหนังสือเพื่อให้เธอประกอบคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง
พอเธอพูดจบ สิงไคที่กำลังดื่มโค้กอยู่ข้างๆ ก็สำลักได้สำเร็จ
เขาเงยหน้ามองฉินหร่าน อ้าปากอยู่นานกว่าจะโพล่งออกมาเพียงว่า “ยอดมนุษย์”
เดิมทีหนานฮุ่ยเหยายังไม่เข้าใจขีดจำกัดของสปีดมือ ตอนที่ทั้งสองคุยกัน เธอจึงนั่งดื่มโค้กฟังอย่างเงียบๆ
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน โทรศัพท์ฉินหร่านก็ดังขึ้น เป็นคณบดีเจียง
เธอรับสาย
ที่บ้านคณบดีเจียง ช่วงนี้เขาดูจะสุขสมหวัง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง “มีการแข่งขันICNEรายการหนึ่งในรอบเดือนพฤษภาคมปีหน้า ฉันจะส่งรายละเอียดไปให้ที่อีเมลของเธอ เธอดูด้วยนะ”
ทั้งสองพูดคุยกันได้ไม่กี่ประโยคก็วางสาย
ฉินหร่านวางโทรศัพท์ลง มองไปทางสามคนที่อยู่บนโต๊ะ “พวกเธอรู้จักICNEไหม?”
สิงไคส่ายหน้า ฉู่หังก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
“ฉันรู้จัก” หนานฮุ่ยเหยาเงยหน้า “การแข่งขันนวัตกรรมฟิสิกส์ไฮเทคระดับนานาชาติ เป็นการแข่งขันที่ใช้ศักยภาพและทักษะขั้นสูงในแวดวงวิทยาศาสตร์ โดยมีมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกกว่าสิบแห่งร่วมกับสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญอีกสามแห่ง เดือนพฤษภาคมปีนี้ก็เริ่มรับสมัครกันแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีการแบ่งตามระกับการแข่งขัน100ทีมเมื่อเดือนก่อนแล้วนะ มหาวิทยาลัยAเหมือนจะมีขบวนนักศึกษาระดับปริญญาโทเข้าร่วมคัดเลือกจำนวนหนึ่งด้วย ซึ่งเดือนกุมภาปีหน้าก็จะเป็นรอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติ”
หนานฮุ่ยเหยามาจากสำนักงานสมาพันธ์นักศึกษาของมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเมืองหลวงก็มีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันด้วย แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ไปต่อ ตอนนั้นเธอเป็นคนรวบรวมในส่วนของแบบฟอร์มข้อมูลของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงเพราะเกี่ยวข้องกับวิชาเอกของเธอ ดังนั้นเธอจึงได้อ่านมาบ้าง
“ว่าแต่ ทำไมจู่ๆ เธอถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ล่ะ?” หนานฮุ่ยเหยาพูดถึงตรงนี้ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ “คณบดีเจียงบอกให้เธอเข้าร่วมคัดเลือกการแบ่งระดับการแข่งขันและรวมกลุ่มฝึกอบรมในรอบเดือนพฤษภาคมเหรอ? กล้าสมัครเข้าร่วมการแข่งขันนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง…เจ๊หร่าน ยังไงเธอก็คือเจ๊หร่าน…”
คนอื่นอีกสองคนเอาแต่เงียบ มองฉินหร่านโดยไม่พูดอะไร
การแข่งขันนี้มีแต่สมาชิกห้องปฏิบัติการหรือนักศึกษาระดับปริญญาโทที่ประสบความสำเร็จแล้วถึงจะกล้าไปสมัคร
สองทีมจากมหาวิทยาลัยเมืองหลวงที่สมัครรอบเดือนพฤษภาคมปีนี้ล้วนเป็นนักศึกษาปริญญาโทจากภาควิชาฟิสิกส์ทั้งนั้น มีทั้งหมดสิบคนและยังแพ้ให้กับมหาวิทยาลัยA…
เมื่อเทียบกับความสามารถที่น่าทึ่งของฉินหร่านแล้ว หนานฮุ่ยเหยากับพวกสิงไคสามคนต่างก็คิดว่าการที่คณบดีเจียงให้เธอลงสมัครรอบเดือนพฤษภาคมปีหน้า…ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ…มั้ง
ฉินหร่านยังดูนิ่งๆ เธอกินข้าวไปด้วยและเปิดอีเมลในโทรศัพท์ไปด้วย
ICNEที่คณบดีเจียงพูดถึงเมื่อสักครู่นี้ ฉินหร่านยังไม่เข้าใจ แต่พอเปิดดูอีเมลบวกกับได้ยินที่หนานฮุ่ยเหยาอธิบายให้ฟัง เธอก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเป็นการแข่งขันแบบไหน
ฉินหร่านกดไปที่รูปโปรไฟล์คณบดีเจียง จากนั้นก็ปฏิเสธไป
คณบดีเจียง——
(ทำไมไม่เข้าร่วม?)
คณบดีเจียงอยากให้เธอสมัครเข้าร่วมการแข่งขันอันทรงเกียรติรายการนี้ในปีหน้าเพื่อสั่งสมชื่อเสียง
เขาและกลุ่มศาสตราจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ต่างก็คิดว่างานวิจัยทางฟิสิกส์ของฉินหร่านในปัจจุบันมีศักยภาพมากพอที่จะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ดังนั้นจึงเตรียมการให้เธอลงสมัครในรอบเดือนพฤษภาคมปีหน้า
ด้วยชื่อเสียงฉินหร่านในมหาวิทยาลัยเมืองหลวง คณบดีเจียงและภาควิชาฟิสิกส์จึงใส่ใจกับการเติบโตของฉินหร่านอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉินหร่านไม่มีครูบาอาจารย์เป็นของตัวเองเหมือนซ่งลี่ว์ถิงที่เตรียมพร้อมไว้ให้เขาหมดแล้ว ดังนั้นคณบดีเจียงและภาควิชาฟิสิกส์จึงให้ความสนใจเธอเป็นพิเศษ และวางแผนงานต่อไปไว้ให้เธอแล้ว
แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าอาจารย์ใหญ่สวีก็เตรียมแผนไว้ให้เธอเช่นกัน
ฉินหร่านนึกถึงโครงการวิจัยชุดนั้นที่อาจารย์ใหญ่สวีมอบให้เธอเมื่อไม่กี่วันก่อน
เขาเตรียมไว้ให้เธอเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้แล้ว วันนั้นอาจารย์ใหญ่สวีไม่ได้พูดอะไร แต่แค่ให้เธอตั้งใจอ่านงานวิจัยอย่างละเอียด เมื่อเห็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับICNEที่คณบดีเจียงส่งมาให้โดยเฉพาะ ฉินหร่านก็พอจะเดาออกแล้ว——
อาจารย์ใหญ่สวีน่าจะมีโควตาการแข่งขันICNEในรอบเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าอยู่ในมือ
ฉินหร่านก้มหน้า ตอบคณบดีเจียง——
(หนูน่าจะเข้าร่วมรอบชิงชนะเลิศในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า)