ตอนที่ 191

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 191 – แคลงใจ

“ว้าว!”

ซอลจีฮูได้ดูโทรศัพท์ในทันทีที่เขาตื่นขึ้นมา และเขาถึงกับต้องอุทานขึ้นทันที มีข้อความยาวเหยียดที่ยังไม่ได้อ่านถูกส่งมา และสายไม่ได้รับอีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ถูกส่งมาจากคนๆเดียว

[เวรเอ้ย ฉันจะรอจนกว่าจะได้เจอกันอีกก็ได้]

เมื่อจินตนาการถึงภาพฟีโซราที่พิมพ์ข้อความแบบนี้แล้ว ซอลจีฮูก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา จากนั้นเขาก็เดินฮัมเพลงตรงไปที่ห้องน้ำ

วันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องกลับพาราไดซ์แล้ว มันเป็นวันที่เขารอคอยมานาน มันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกอารมณ์ดี

หลังจากล้างตัวแล้ว ซอลจีฮูก็ได้เตรียมตัวกลับไปอย่างสดชื่น ในเมื่อเขาได้เตรียมการทุกๆอย่างเกือบหมดแล้วในตอนเมื่อคืนวาน เพราะงั้นสิ่งที่เขาทำก็คือตรวจสอบครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง

อย่างแรกเขาต้องจัดการเรื่องราวครอบครัวให้ดีก่อน เพราะงั้นเขาจึงได้ส่งข้อความไปหาซอลวูซอก

[ผมมีเดินทางไปทำธุรกิจนะครับล]

[อีกแล้วหรอ? ไม่ใช่ว่านายเพิ่งจะทำโปรเจ็คใหญ่สำเร็จมาหรอกหรอ?]

[ผู้จัดการคิมเป็นคนประเภทที่ชอบทำงานต่อให้จะไม่มีงานก็ตาม]

[อ่อ ฉันคิดว่าฉันรู้แล้วว่านายหมายความว่ายังไง]

[ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะต้องไปทำงานต่างประเทศ เพราะงั้นผมอาจจะไม่ได้กลับมาสักพัก แต่ว่าพอกลับมาแล้ว ผมก็น่าจะจ่ายหนี้ส่วนใหญ่ไปได้แล้วล่ะล

[โอเค ฉันเข้าใจว่านายอยากจะใช้หนี้ให้เร็วที่สุดนะ แต่ว่าอย่าทำร้ายสุขภาพตัวเองล่ะ กินวิตามินบ้างก็ดีนะล

เมื่อได้อ่านข้อความรอยยิ้มสุขใจก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซอลจีฮู เขาอยากจะคุยมากกว่านี้ แต่ว่าเขารู้ว่าซอลวูซอกจะต้องยุ่งกับการเตรียมทำงานแน่ๆ

เมื่อคิดได้แบบนี้ ซอลจีฮูก็ได้เสียบชาร์จโทรศัพท์ หลังจากหยิบเสื้อผ้าใหม่ๆออกมาจากราวตาผ้าแล้ว เขาก็ใส่มันลงไป กินกล้วยเป็นมื้อเช้า จากนั้นก็ตรวจดูของที่จะเอาไปในพาราไดซ์ด้วย

“เอาล่ะนะ โสมแดงสำหรับอาจารย์จาง… ของขวัญสำหรับพี่สาวยูฮุย… ของขวัญสำหรับเจ้าหญิงกับโฟลน… เรื่องที่จะแกล้งคุณฟีโซรา…”

หลังจากโยนเปลือกกล้วยทิ้งไปแล้ว ขณะที่การเตรียมสอบซ้ำกำลังจะจบลงนี้เอง

ก็อก ๆ เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้นมา ทำให้ซอลจีฮูต้องหันไปมอง

‘วันนี้เป็นใครอีกล่ะ?’

เขาไม่คิดว่าจะมีใครมาเยี่ยมเขาเลย ซอลจีฮูได้แต่เดินไปที่ประตูด้วยความสงสัย

“ใครหรอครับ?”

เขาได้กลืนกล้วยลงไปในปาก และเปิดประตูขึ้น-

“…”

ใบหน้าของเขาได้นิ่งงันไปเมื่อเขามองไปข้างนอกประตู ประกายความตื่นเต้นในดวงตาของเขาได้ลดลงไปในทันที ดวงตาของเขาได้เบิกกว้างขึ้น และปากก็อ้าค้างเล็กน้อย

สุดท้าย…

“อ่า”

มีคนที่เขาไม่คาดคิดกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา

“…เฮ้”

หญิงสาวที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูคงจะรู้สึกอายทำให้เธอค่อยๆรวบผมที่ข้างหูของเธอ

“นาย… สบายดีนะ?”

คนที่ถามเขาด้วยรอยยิ้มฝืนๆไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก… ยูซอนฮวา

เมื่อได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง ซอลจีฮูก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกไปได้เลย

เขาคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาได้จบลงไปแล้ว

เขาคิดว่าเขาจะไม่มีวันได้เจอเธออีก

และเพราะแบบนั้น… เขาก็เลยไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นฝ่ายมาหาเขา เขาได้ยืนมองเธออย่างสับสนโดยที่ทำอะไรไม่ถูกเลย

“ฉันขอเข้าไปได้ไหม?”

เสียงนิ่มๆของเธอได้ดึงให้เขากลับมาสู่ความเป็นจริง

“หืม? โอ้ ได้สิ”

เมื่อซอลจีฮูได้ถอยหลังไป ยูซอนฮวาก็ก้าวเข้ามา และถอดรองเท้าออกมา

“นี่มันสะอาดกว่าที่ฉันคิดนะ…”

เธอดูจะค่อนข้างเสียใจ

“แล้วกินข้าวเช้ากับอะไรหรอ? ฉันคิดว่านายคงยังไม่ได้กินอะไร เพราะงั้น-“

ยูซอนฮวาได้ยกถุงช็อปปิ้งในมือขึ้นมา และโบกมันเบาๆ ซอลจีฮูได้รีบเช็ดริมฝีปาก และหลบตาไป

จากนั้นยูซอนฮวาก็เห็นกล้วยสองลูกที่วางอยู่บนโต๊ะ

“อ่า กล้วย”

“เอาสักอันไหม?”

ยูซอนฮวาได้มองมาที่ซอลจีฮู จากนั้นก็ยิ้มขึ้น

“เอาสิ”

“?”

“ก็สักพักแล้วนะ ฉันรู้สึกได้เลย”

ซอลจีฮูไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลงเลยสักนิด แต่ว่าเขาก็ได้รีบเข้าไปหยิบกล้วยมา เมื่อเขาปลอกมันให้เธอ ยูซอนฮวาก็เผยสีหน้าคิดถึง

“นี่มันทำให้ฉันนึกถึงตอนนั้นเลย”

เธอได้พึมพำกับตัวเองก่อนที่จะค่อยๆกัดกล้วยลงไป

“อร่อยดีนะ…”

เธอได้ยิ้มบางๆจนแทบจะมองไม่เห็น จากนั้นเธอก็กินกล้วยจนหมด และมองไปรอบๆ ซอลจีฮูได้ยื่นมือของเขาออกไป

“เอามาสิ ฉันจะเอาไปทิ้งให้”

“ไม่หรอก ไม่เป็นไร เศษอาหารทิ้งไว้ไหนหรอ?”

“เศษอาหาร? ก็แค่ใช้ถังขยะตรงนั้น…?”

“ถังขยะ?”

ยูซอนฮวาได้รีบเดินไปที่ถังขยะ เมื่อเห็นเปลือกกล้วยวางกองกันอยู่ เธอก็ถอนหายใจออกมา

“เชอะ ฉันเคยบอกนายหลายครั้งแล้วนะว่าอย่าโยนเปลือกกล้วยไว้กับขยะอื่นๆ…”

จากนั้นเธอก็ไปหยิบเอาถุงพลาสติกสีเหลืองจากใต้ลิ้นชักอ่างล้างจาน และเริ่มแยกขยะให้ถูกต้อง

ซอลจีฮูที่เห็นยูซอนฮวายืนอยู่ตรงห้องครัว เขาก็เผลอวางมือไว้บนอกโดยไม่รู้ตัว เขาได้กระพริบตาอยู่หลายครั้ง พร้อมทั้งยังรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรง

“ฉันได้ยินมาว่า”

ยูซอนฮวาได้พูดขึ้นโดยที่ยังคงหันหลังแยกขยะอยู่

“ตอนนี้นายทำงานแล้ว แถมยังกำลังจ่ายหนี้คืนด้วยหรอ?”

“เธอรู้ได้ยังไง?”

“พี่วูซอกบอกฉัน”

“พี่บอกหรอ?”

ไม่ใช่ฉันบอกว่าพี่ไม่ต้องไปโน้มน้าวใครไม่ใช่หรอ? ไม่สิ บางทีพี่อาจจะบอกซอนฮวาไปโดยไม่ได้คิดเรื่องนี้ก็ได้ ชีวิตฉันที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ฉันมั่นใจว่าพี่จะต้องอธิบายเรื่องการชดใช้นี้ด้วยเงินของฉันแน่

ซอลจีฮูได้ตัดสินใจที่จะไม่ล้ำเส้นมากเกินไป

“ตอนได้ยินเรื่องที่นายเข้าไปในซินยอง คุณป้าดีใจมากๆเลยล่ะ คุณน้าบอกว่าในที่สุดลูกชายของคุณน้าก็ลุกขึ้นมายืนได้ด้วยตัวเองแล้ว”

แล้วพ่อกับจินฮีล่ะ?

ซอลจีฮูได้หยุดตัวเองไม่ให้ถามออกไป เขาคิดว่ามันจะต้องมีเหตุผลที่เธอไม่พูดเรื่องนี้แน่

“โอ้ ยังไงก็ตามนะ”

หลังจากมัดถุงพลาสติกเข้าด้วยกันแล้ว ยูซอนฮวาก็ค่อยๆลดแขนลง ไหล่ของเธอสั่นไหวเล็กน้อยในตอนที่หันกลับมา

“ฉันได้ยินมาว่านายเพิ่งจะทำโปรเจ็คใหญ่สำเร็จหรอ?”

“พี่บอกเรื่องนี้ด้วยหรอ?”

“ร่างกายนายสบายดีนะ?”

ในตอนนี้เองซอลจีฮูก็รู้สึกแปลกๆ เธอไม่ได้ชมเขาหรือถามเรื่องาน แต่ว่ากลับมาถามเรื่องร่างกายของเขาเนี้ยนะ?

ขณะที่เขากำลังคิดว่าเธอได้ถามเรื่องอะไรแปลกๆ-

“พี่วูซอกบอกว่านายทำงานจนดึกทุกวัน แล้วก็ยังต้องเดินทางทำธุรกิจอีกด้วย อย่าได้ถูกเจ้านายเอาเปรียบเชียวนะ!”

“โอ้ แน่นอนสิ”

ซอลจีฮูได้ยอมรับด้วยความคิดแปลกๆว่า ‘พวกเขาคงคุยกันทุกๆเรื่องแน่เลย’

“จริงสิ ร่างกายฉันไม่เป็นอะไรเลย ทำไมล่ะ ฉันดูเหมือนคนป่วยหรอ?”

“…”

“ถ้าฉันไม่ดูแลสุขภาพ แล้วใครจะมาดูแลให้กันล่ะ? ฉันไม่ได้ไปในที่ที่อันตราย แล้วก็ระวังตัวอยู่เสมอ เพราะงั้นไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

“…ฮ่าห์”

ซอลจีฮูได้ผงะไปเมื่อจู่ๆยูซอนฮวาก็ถอนหายใจออกมาเหมือนกับตกตะลึง ดวงตากระจ่างชัดของเธอเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย บรรยากาศที่เย็นชาได้ออกมาจากตัวเธอ เธอดูเหมือนกับจะจ้องเขม็งมาที่เขา

“ฟู่”

หืม? นี่มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนที่เธอจะให้โอวาทเขาไม่ใช่หรอ?

ซอลจีฮูได้เกาหัวออกมาด้วยความสงสัยว่าเขาทำอะไรผิดไป

อึก ยูซอนฮวาได้กลืนน้ำลายลงไป ก่อนที่จะสูดหายใจและพูดออกมา

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”

ในที่สุดมันก็ถึงเวลาแล้ว ซอลจีฮูได้มองตายูซอนฮวาโดยไม่หลบตา หน้าอกของเขาได้แน่นขึ้นมาจากความกังวล

“เรื่องเงินที่นายให้กับฉัน…”

“นั่นมันเงินของเธอ”

ซอลจีฮูได้ขัดเธอเอาไว้ด้วยการเผยออกมาว่าเขาไม่อยากจะได้เงินคืน ยูซอนฮวาได้ส่ายหัวออกมา

“ให้ฉันพูดจบก่อน”

ซอลจีฮูได้เงียบลงไป

“ฉันคิดว่าจะเปิดร้านค้าเล็กๆ”

“ร้านค้า?”

“ใช่แล้ว ด้วยเงินเก็บของฉัน บวกกับเงินที่นายให้ฉัน ฉันอาจจะต้องกู้เงินมาบ้างส่วน แล้วก็ไม่มั่นใจว่ามันจะไปได้ดีไหม แต่ว่าในเมื่อฉันไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหรือสำรองเงินไว้ อย่างน้อยที่สุดฉันก็ควรจะหาธุรกิจทำขึ้นมาแล้ว”

“โอ้ ยินดีด้วยนะ!”

เขาไม่มั่นใจเลยว่าทำไมจู่ๆเธอถึงมาพูดเรื่องนี้ แต่ว่าเขาก็แสดงความยินดีกับเธอจากก้นบึ้งของจิตใจ

‘เธอคงจะมีเงินเยอะแน่ๆเลย’

ในคราวนี้เขาก็แค่ตกใจ และไม่ได้คิดอะไรอีก แต่ว่าเมื่อเขาได้ยินคำต่อมา ความคิดเขาก็ต้องเปลี่ยนไป

“นายอยากจะมาทำด้วยกันกับฉันไหม?”

“…อะไรนะ?”

ใบหน้าของเขาได้เผยถึงความไม่อยากจะเชื่อออกมาในทันที

“มันเป็นร้านค้าที่ค่อนข้างใหญ่”

ยูซอนฮวาได้พูดต่อนิ่มๆด้วยสีหน้านิ่งสงบ

“อยู่ตรงใจกลางของสี่มหาวิทยาลัย ด้วยตัวฉันคนเดียวมันก็ค่อนข้างจะยาก เพราะงั้นฉันเลยอยากให้นายมาช่วยด้วย”

“ซะ ซอนฮวา?”

“นายก็แค่ต้องมาเป็นพนักงาน เพราะงั้นมันก็คงไม่ยากหรอก สิ่งที่นายทำก็มีแค่ช่วยทำความสะอาดบางครั้ง แล้วก็เปิดปิดร้านในตอนเช้ากับกลางคืน”

“ดะ เดี๋ยวก่อน”

“มาทำด้วยกันเถอะ ถ้านายต้องการ ฉันจะใส่ชื่อเป็นเจ้าของร่วมก็ได้นะ ฉันจะพูดได้ว่าเงินที่นายให้มาเป็นการลงทุน”

ในตอนนี้ซอลจีฮูได้ก้าวข้ามคำว่าตกตะลึงไปจนถึงขั้นช็อคแล้ว

ทำไมจู่ๆเธอถึงได้ยื่นข้อเสนอนี้มาให้กับเขา ซอลจีฮูรู้สึกว่าเธอจะต้องมีความตั้งใจบางอย่างอยู่ ในอดีตซอลจีฮูจะต้องสนใจข้อเสนอนี้อย่างแน่นอน หากว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับที่ติดการพนันอยู่ เขาก็จะตอบตกลงด้วยความยินดี

แต่ว่าในตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว

“ไม่ล่ะ”

ซอลจีฮูส่ายหัวออกมา

“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้”

มีอยู่สองเหตุผลที่ทำให้เขาปฏิเสธข้อเสนอนี้ อย่างแรกคือเขาได้จบความสัมพันธ์ส่วนใหญ่กับยูซอนฮวาไปแล้ว และอย่างที่สองก็ชัดเจนว่าคือพาราไดซ์

เขาไม่ยอมที่จะยอมแพ้กับมัน ต่อให้เขาจะถูกปืนจ่อก็ตาม

“ทำไมล่ะ?”

คิ้วเรียวยาวของยูซอนฮวาได้ขมวดขึ้นจนผิดรูป

“ฉันบอกแล้วไงว่ามันไม่ได้ยากเลย นายจะได้รายได้มากกว่าในตอนนี้ แล้วก็มีเวลามากขึ้นด้วย มองในระยะยาวสิ-“

“นั่นมันไม่ใช่ปัญหาเลย”

หากว่าเขาปล่อยให้เธอพูดต่อ เขาก็รู้สึกว่าเธอจะโน้มน้าวเขา เพราะงั้นเขาจึงพูดแทรกขึ้นมา

“ฉันก็แค่ ก็แค่ชอบงานในตอนนี้”

“นายชอบมันหรอ?”

“ใช่แล้ว ถึงเธอจะพูดถูก แต่ว่านี่มันก็เป็นเรื่องของความชอบ ฉันคิดว่างานที่ฉันทำอยู่ในตอนนี้มันเหมาะกับฉันมาก นอกไปจากนี้- ฉันก็ยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำ”

ซอลจีฮูได้พูดอย่างหนักแน่นโดยไม่สะดุดแม้แต่นิด

“ฉันจะไม่ลาออก”

เมื่อเขาตอกตะปูปิดฝาโลงไปแล้ว ยูซอนฮวาก็ได้จ้องเขาอย่างแรง

“…แต่ว่ามันอันตราย”

คำพูดสั้นๆได้หลุดออกมาจากปากของเธอ เมื่อสายตาของพวกเขาสบกัน จู่ๆซอลจีฮูก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง นอกไปจากนี้เขาที่ได้ยินคำพึมพำเบาๆ นั้นก็ได้แสดงสีหน้าตกใจขึ้นมา

หัวใจของเขาได้บีบรัดขึ้นเล็กน้อย

“อะ อันตราย?”

เขาได้หลบสายตาของเธอโดยไม่รู้ตัว

“บริษัทเภสัชกรรม”

นี่มันยังไม่เพียงพอที่จะพูดว่างานของเขาอันตราย

“ฉันคิดว่าเธอคงจะเข้าใจอะไรผิดอยู่นะ ฉันไม่ได้ทำงานเป็นหนูทดลองยา หรือกระทั่งค้นคว้ายาใหม่ๆ ฉันก็แค่ทำงานในฝ่ายขาย มันไม่ได้มีอันตรายเลย”

“จริงหรอ?”

ซอลจีฮูได้อธิบายอย่างเขี่ยวชาญ แต่ว่ายูซอนฮวาก็ยังคงคาดคั้นต่อ

“นายพูดได้ไหมว่ามันไม่ได้อันตรายเลยสักนิด?”

ซอลจีฮูได้ขมวดคิ้วขึ้น จากการพูดของเธอแล้ว มันราวกับว่าเธอกำลังบอกให้เขาลาออกมาเพราะว่างานนี้มันอันตราย จากนั้นความสงสัยเล็กน้อยที่อยู่ภายในใจของเขาก็กลายเป็นจริงขึ้นมา

“เธอจะบอกว่าฉันโกหกอยู่หรอ?”

เมื่อรู้สึกได้ว่าเธอกำลังขัดขวางไม่ให้เขาเข้าไปในพาราไดซ์ น้ำเสียงของเขาก็กลายเป็นคมกริบขึ้นมา แต่ว่าหลังจากพูดออกไปแล้ว เขาก็ต้องเผลอร้องอ่าออกมา

ในเวลาเดียวกัน ยูซอนฮวาก็ดูเหมือนกับว่าเธอจะพูดไม่ออก เธอได้เม้มปากเล็กน้อย และมองตรงมาที่ชายหนุ่ม

ทันใดนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมอย่างกระทันหัน

“เพราะนาย…”

ยูซอนฮวาได้พูดขึ้นเบาๆ เพื่อทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดนี้

“เพราะว่าในตอนโกหก นายจะไม่มองตาฉัน”

หลังจากเงียบอยู่สักพัก เสียงถอนหายใจยาวก็ดังออกมา ยูซอนฮวาได้วางถุงช็อปปิ้งลงไป

“ใช้เวลาคิดเรื่องนี้สักหน่อยนะ”

และแม้ว่าเธอจะจ้องซอลจีฮูอยู่นาน…

“ถ้างั้นฉันไปแล้วนะ”

แต่ไม่นานนักเธอก็จากไป

ประตูได้ถูกปิดลงเบาๆ เพียงพริบตาเดียวเขาก็ได้กลับมาอยู่เพียงลำพักอีกครั้ง ซอลจีฮูได้ยืนนิ่งเหมือนกับหินอยู่นาน จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงเท้าหายไป เขาถึงได้สติกลับมา

“…บ้าเอ้ย…”

ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นถุงช็อปปิ้งที่ยูซอนฮซาทิ้งไว้ให้เขา ภายในนั้นเป็นกล่องข้าวกับเครื่องเคียง

เขาได้ค่อยๆเปิดมันขึ้นทีล่ะกล่อง และได้เห็นซี่โครงตุ๋น ไข่นกกระทาหมักซอสถั่วเหลือง กิมจิ บุลโกกิ แล้วก็ผักต่างๆ ของพวกนี้ต่างก็เป็นของชอบของซอลจีฮูทั้งนั้น

“…อึก”

จิตใจของเขาได้กลายเป็นซับซ้อนขึ้นมา แต่ว่าปากที่ซื่อสัตย์ของเขา มันได้รีบสั่งให้เขากินมันลงไป

ในท้ายที่สุดซอลจีฮูก็ได้เริ่มกินอาหารเที่ยงแสนอร่อยก่อนเวลาอันควร

‘แต่ว่านั่นมันอะไรกัน?’

ยูซอนฮวามาหาเขาโดยไม่บอกมันไม่ใช่เรื่องแปลก ย้อนกลับไปแล้วนี่คือสิ่งที่เธอทำเป็นปกติ

ไม่ว่าเขาจะสร้างเรื่องลำบากให้เธอแค่ไหน หรือผลักไสเธอยังไง เธอก็จะคอยมาหาเขาและปลอบใจให้เขาดีขึ้นเสมอ แม้ว่าระยะเวลาที่มาหาเขาของเธอจะค่อยๆยาวนานขึ้นไปเพราะการที่เขาทรยศต่อความเชื่อใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆก็ตาม แต่ผลลัพธ์สุดท้ายมันก็ยังเป็นเช่นเดิม

ซอลจีฮูในอดีตรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร และใช้มันเอาเปรียบยูซอนฮวา

ปัญหาก็คือสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ซอลจีฮูได้อ้างว่าเขาเลิกเล่นการพนัน และกลับใจแล้ว เขาได้ขอร้องยูซอนฮวาให้อยู่ด้วยกันด้วยอพาร์ตเมนท์หลังใหม่ แต่ว่าในทันทีที่เขาได้รับเงินประกันค่าห้องจากเธอ เขาก็วิ่งไปที่คาซิโนทันที

หลังจากเหตุการณ์นี้ ยูซอนฮวาก็ได้กลายเป็นลังเลใจที่จะให้เงินเขา อะไรกันถึงได้ทำให้เธออยากจะเปิดร้านค้าร่วมกันกับเขา?

‘แปลกเกินไปแล้ว’

เขาได้เต็มไปด้วยความสงสยอยู่มากมาย แต่ยังไงก็ตามอาหารมันยอดเยี่ยมมาก สำหรับเขาที่คุ้นเคยกับฝีมือการทำอาหารของเธอ ซอลจีฮูได้หยักหน้าพร้อมกับกินซี่โครงตุ๋นที่นุ่มและเหนียว เหมือนกันกับที่ซอยูฮุยได้ทำให้เขาบนภูเขาหินยักษ์

“…”

เมื่อเขาคิดว่าอาหารทั้งสองนี้คล้ายกัน จู่ๆซอลจีฮูก็หยุดชะงักไป

‘เป็นไปได้ไหมว่า?’

ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว มันก็ดูเหมือนกับยูซอนฮซาจะพยายามดึงเขากลับมาจากพาราไดซ์ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม แน่นอนว่านี่มันจะสมเหตุสมผลได้ก็ต่อเมื่อยูซอนฮวาเป็นชาวโลกที่รู้ถึงการมีอยู่ของพาราไดซ์

เธอจะใช่คนประเภทนั้นหรือเปล่านะ?

[…แต่ว่ามันอันตราย]

ซอลจีฮูได้กลอกตาขึ้นมา เขามักจะรู้สึกว่าซอยูฮุยคล้ายกันกับยูซอนฮวาอย่างแปลกประหลาด

แม้ว่ามันจะมีความแตกต่างระหว่างพวกเธออยู่อย่างชัดเจน แต่ว่าซอลจีฮูก็ไม่ได้แปลกใจเลย เพราะว่าพาราไดซ์ก็มีเวทย์แปลกกายอะไรประเภทนี้อยู่แล้ว

ด้วยการมาเยี่ยมแปลกๆวันนี้ และความรู้สึกแปลกๆที่เขารู้สึก เขาคิดว่าหากจะสงสัยในความเป็นไปได้นี้มันก็ไม่ได้ผิดอะไรเลย

เขาอาจจะคิดถูก หรือคิดผิดก็ได้

‘ขอคิดดูก่อนนะ’

เขาได้คิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ว่าวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการยืนยันมันด้วยตัวเอง

ซอลจีฮูได้ลุกขึ้นจากโต๊ะห้องครัวในทันทีที่คิดขึ้นได้ เขารีบวิ่งไปที่หน้าต่าง และมองออกไป เขาได้เห็นยูซอนฮวากำลังเดินออกไปจากอาคาร

ไม่นานนักเธอก็เดินเข้าหัวมุมหนึ่ง และหายใจในตรอก

ซอลจีฮูได้รีบใส่เสื้อกับรองเท้าทันที เขายังไม่ลืมที่จะยัดอาหารที่เหลือลงไปในท้อง จากนั้นก็หยิบของที่เขาเตรียมไว้มา และสุดท้ายก็ฉีกตั๋วให้ขาด

ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาที่พาราไดซ์แล้ว

ตามปกติเขาก็จะเดินออกมาจากวิหารอย่างสบายๆ ด้วยความรู้สึกเป็นตัวเอง แต่ว่าในตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว

ซอลจีฮูได้รีบวิ่งไปที่แผนกต้อนรับในทันที และถามว่าเขาสามารถจะดูบันทึกการเข้าออกได้ไหม

แต่ว่าเขาก็ถูกตอบกลับมาว่า

“เราไม่อาจจะเผยข้อมูลส่วนตัวของบุคคลอื่นได้ ต่อให้คนถามจะเป็นคุณก็ตาม แล้วก็โดยเฉพาะว่าข้อมูลที่คุณกำลังถามเป็นของท่านหญิงซอยูฮุยแล้วด้วย”

พนักงานต้อนรับได้ตอบกลับมาอย่างหนักแน่น มันดูเหมือนกับว่าเธอจะไม่มีวันอ้อนข้อให้ไม่ว่าเขาจะร้องขอยังไงก็ตาม เพราะงั้นซอลจีฮูจึงหันหน้าจากไปโดยไม่ลังเลใจทันที

เขาได้เปิดใช้งานต่างหูเฟสติน่า รีบวิ่งไปที่ออฟฟิศคาเพเดี่ยมทันที แต่ว่าแทนที่จะเข้าไปในนั้น เขากลับเปลี่ยนเส้นทางมุ่งหน้าไปที่อาคารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน

‘หากว่าเธออยู่ที่นี่มันก็มีโอกาสน้อยที่ทั้งสองคนจะเป็นคนๆเดียวกัน’

‘หากว่าเธอไม่อยู่… ถ้างั้นก็จะต้องมีคำถามปรากฏขึ้นมาอีกแน่”

เขาปรารถนาอย่างรุนแรงให้ซอยูฮุยอยู่ข้างใน และยกมือต้อนรับเขาในตอนที่เขาเข้าไป

ตึง ตึง ตึง ตึง! เขาเคาะประตูเสียงดัง พร้อมกับตะโกนออกไป

“พี่สาวยูฮุย!”