บทที่ 194 – แรงค์เกอร์ระดับสูง (2)
สีครามและสีม่วงได้ถูกเผยออกมาให้เห็น
[ความสามารถโดยกำเนิด ‘นพเนตร’ ได้ถูกปลดล็อคอย่างสมบูรณ์]
[ความสามารถโดยกำเนิด ‘นิมิตร’ และความสามารถโดยกำเนิด ‘นพเนตร’ กำลังหลอมรวมกัน]
นพเนตรได้หลอมรวมนิมิตเข้ามาและเริ่มวิวัฒนาการขึ้น ภายใต้กระบวนการนี้ ซอลจีฮูได้รีบมองไปรอบๆด้วยความตกใจ
แสงเจิดจ้าได้ถูกรวมเข้ามาที่รอบตัวตาของเขาจนทำให้เขามองอะไรไม่เห็นเลย เขารู้สึกแปลกๆ มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเหมือนกับเส้นด้ายที่รัดพันกันอยู่ถูกคลายออกมา
ราวกับว่ามีเพียงเขาที่ถูกแช่แข็ง ในขณะที่ทั้งโลกกำลังหมุนผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักเมื่อความรู้สึกนี้ได้หายออกไปจากร่างเขาจนหมด และแสงก็หายไปจากดวงตาจนทำให้เขากลับมามองเห็น… ซอลจีฮูก็กลายเป็นพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นข้อความที่ลอยอยู่เต็มไปหมด
[ความสามารถโดยกำเนิดวิวัฒนาการเป็น ‘นพเนตรแห่งการทำนาย’]
ความสามารถโดยกำเนิดทั้งสองของซอลจีฮูได้หลอมหลวมกลายเป็นหนึ่ง เขายังเห็นข้อความอีกหลายข้อความจนทำให้เขาอ่านมันราวกับต้องมนต์
[นพเนตรแห่งการทำนาย (ไม่อาจระบุระดับ)]
-ความสามารถในการทำนายอนาคน หนึ่งในสามช่วงเวลา
-การทำนายอนาคตที่สามารถจะอ่านความลับของธรรมชาติ วิเคราะข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อนำไปทำนายอนาคต และนิมิตที่มีพื้นฐานจากความรู้สึกเหนือธรรมชาติ และความสามารถเหนือธรรมชาติ – ความสามารถพิเศษที่ไม่ได้สอดคล้องกับสามช่วงเวลาแต่อย่างใด
-ตัวตนที่มีประสบการณ์ในปรโลกที่ได้เปลี่ยนแปลงจิตสำนึกไปเป็นอารมณ์ และกักเก็บมันเอาไว้ภายในจิตใต้สำนึก เหมือนกับความสามารถในการนึกถึงสิ่งที่ ‘เกิดขึ้นไปแล้ว’ จนมันใกล้เคียงกับ ‘การทำนาย’
-ยิ่งผู้ใช้จดจำเรื่องราวในปปัจจุบันได้ดีเท่าไหร่ การตอบสนองของอารมณ์ที่ถูกกักเก็บเอาไว้ก็จะมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ซอลจีฮูรู้สึกตกใจไปกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน แต่ว่าเขาก็ยังส่งเสียงออกมาในความนึกคิด
‘ท่านกู่ลา นิมิตมัน-‘
[มันยังไม่ได้หายไปหรอก]
กู่ลาได้ตอบกลับราวกับว่าเธอรู้ว่าเขากำลังถามอะไร
[มันก็แค่กลับไปในที่ที่มันควรจะอยู่เท่านั้นเอง]
สิ่งที่เธอกำลังจะบอกก็คือ นิมิตที่ซึ่งยังไม่สมบูรณ์มาจนถึงตอนนี้ และได้แสดงออกมาแค่เศษเสี้ยวหนึ่งของพลังของมัน ในที่สุดแล้วหลังจากหลอมหลวมเข้ากับนพเนตรก็จะสามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้
[ตอนนี้เจ้าก็น่าจะรู้แล้วนะ]
น้ำเสียงของกู่ลาได้ทำให้ซอลจีฮูตื่นขึ้นจากความสับสน
[มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เจ้าได้เข้ามาในพาราไดซ์]
ความฝันของซอลจีฮูไม่ใช่เรื่องโกหก มันคือความจริง ความจริงที่เขาเคยประสบมาก่อน
[ข้าจะพูดแบบนี้เพื่อคลายความกังวลให้เจ้า อย่าได้เชื่อจนตามืดบอด]
กู่ลาได้พูดขึ้นอย่างมีพลัง
[ด้วยสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้เกิดขึ้นในตอนนี้-]
การฆ่าคังซอกในช่วงต้น อนาคตของ ‘กลุ่มดาวนักฆ่า’ ในเขตพื้นที่เป็นกลาง การตาจของอีวาเกเลี่ยน โรส ผู้ที่จะมีชื่อเสียงในอนาคต ‘ผู้พิทักษ์แห่งอีวา’ ในงานจัดเลี้ยง-
[ด้วยสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้เกิดขึ้นในตอนนี้-]
และการกำจัดความหมั่นเพียรอันนิรันดร์ในสงคราม…
[อนาคตได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว]
การไหลของน้ำที่ควรจะเป็นไปตามที่ถูกออกแบบไว้จู่ๆก็ได้เปลี่ยนแปลงไป และส่งผลให้สาบน้ำเล็กๆที่ได้รับผลกระทบจากซอลจีฮูในตอนนี้ ได้รับแรกผลักดัน และเริ่มเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นมา
[ความสามารถนี้จะกลายเป็นไกด์คอยช่วยชี้ทางเดินให้กับเจ้า]
กู่ลาได้เอื้อมมือออกมาลูบหัวของชายหนุ่มที่ยืนนิ่งเหมือนกับรูปปั้น ซอลจีฮูกำลังยืนรวบรวมสติ และมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
[ทิศเบื้องขวา (2) ของความสามารถโดยกำเนิด ‘นพเนตรแห่งการทำนาย’ – สีคราม: บุกเบิกชะตากรรม สีม่วง: วิวัฒน์ดวงดาว – ได้รับการปลดล็อค]
ก่อนหน้านี้มีเพียงสีน้ำเงินที่ถูกปลดล็อคออกมาจากเบื้องซ้าย และในตอนนี้ก็มีสีคราม และสีม่วงออกมา
ในอดีตซวอลจีฮูอาจจะมองข้ามเรื่องนี้ไปว่าเป็นสิ่งไม่สำคัญ แต่ว่าหลังจากที่ปลดล็อคเบื้องขวาออกมา และได้มีประสบการณ์ถึงความซับซ้อนของสีน้ำเงินแล้ว ซอลจีฮูก็รู้สึกได้ว่าบ่าของเขาหนักขึ้นมา
แค่การทำความเข้าใจทางเลือกแห่งโชคชะตาเพียงอย่างเดียวก็ทำให้เขาลำบากพออยู่แล้ว แต่ในตอนนี้เขายังจะต้องมาหาว่าอีกสองสีที่เพิ่มเข้ามาของเบื้องขวานี่มันทำงานยังไงอีก พูดตรงๆแล้ว เขาคิดไม่ออกเลยสักนิดว่าความสามารถใหม่ทั้งสองอย่างนี้มันทำงานยังไง
แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่เขารู้ เมื่อคำนึงถึงความสามารถทั้งสองนี้ในแง่ที่เชื่อมโยงกับนิมิต พวกมันจะต้องมีพลังที่ต่างไปจากทิศอื่นๆอย่างสิ้นเชิงแน่นอน
บุกเบิกชะตากรรม และวิวัฒน์ดวงดาว
เหมือนอย่างที่กู่ลากับเอียนได้บอกไว้ บางทีความสามารถทั้งสองอย่างนี้อาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่เอาไว้ใช้ต่อต้านแผนการกำจัดมนุษยชาติของราชินีปรสิตก็ได้
อย่างน้อยที่สุดเขาก็คิดแบบนี้
“ฟู่วววว”
ในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่มีทางรู้ได้ในตอนนี้ เขาจะต้องเดินหน้าต่อไป และคิดมันให้ออกเหมือนอย่างที่เคยทำ
ซอลจีฮูได้พ่นลมหายใจยาวที่กลั้นเอาไว้ออกมา จากนั้นเขาก็ค่อยๆปิดทีล่ะข้อความ รายชื่อทักษะที่เขาสามารถจะเรียนรู้ได้ในฐานะแรงค์เกอร์ระดับสูงที่ซึ่งถูกข้อความต่างๆก่อนหน้านี้บังเอาไว้ ได้ถูกเผยออกมา
ระดับ 5 หรือระดับของแรงค์เกอร์ระดับสูงที่ซึ่งชาวโลกได้ถูกพิจารณาว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาได้เห็นทักษะหลายอย่างที่ฟังดูแล้วไม่ธรรมดาอย่างปราณดาบ
‘หืม?’
มีอยู่สองทักษะที่ดึงความสนใจของเขาเป็นพิเศษ
‘คำสาป… อาฆาต…?’
[เนเมซิส: หอกต้องสาปอวมงคล]
-หอกที่บิดเบื้อนกฏแห่งกรรมเพื่อทำให้โชคของเป้าหมายบิดเบี้ยว และส่งความโชคร้ายออกไปให้เขาหรือเธอ ความสามารถนี้สามารถจะมองได้ว่าเป็นคำสาปเพราะจะทำให้เกิดหายนะขึ้นกับเป้าหมายโดยไม่รู้ตัว
-แต่เนื่องจากว่ามันเป็นการฝืนกฎแห่งกรรม ผู้ใช้งานจะต้องทนรับแรงสะท้อนจากพลังที่เท่าเทียมกัน
-ถึงแม้ว่ามันจะใช้งานได้ต่อเนื่อง แต่ผู้ใช้จะต้องระวังในการใช้งานเพราะมันอาจจะทำให้ผู้ใช้งานตายจากการใช้คำสาปมากเกินไปได้
[เนเมซิส: หอกอาฆาตลงทัณฑ์]
-มองการลงทัณฑ์จากสวรรค์สู่เป้าหมายที่สมควรได้รับตามกฎแห่งกรรม เทคนิคนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยเทพธิดาแห่งความโลกกู่ลา ที่ได้เฝ้าสังเกตความสามารถ ‘ผลัดดอก’ ของเทพสัประยุทธ์
-ระหว่างการต่อสู้ เมื่อคุณได้รับความเสียหายที่เกินขีดจำกัดที่กำหนดไว้ ทักษะนี้จะส่งการโต้กลับแบบ ‘สมบูรณ์’ กลับไปเท่ากันกับความเสียหายที่คุณได้รับ
ความประหลาดใจได้เกิดเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น ไม่นานนักก็มีความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ว่างเปล่าของเขา ทักษะพวกนี้มันน่าเหลือเชื่อมากก็จริง แต่ว่าเขาก็บอกได้เลยว่าการจะได้รับมันมายากขนาดไหนกัน
[เจ้ากังวลเรื่องอะไรกันล่ะ?
กู่ลาได้ถามออกมาเหมือนกับอ่านความคิดของเขาได้
[ไม่ต้องห่วงหรอก แค่ตั้งใจฝึกฝนให้มากขึ้น อนาคตมันไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่ได้รับการผลักดันนะ]
ซอลจีฮูได้เอียงหัวออกมา นี่มันเป็นครั้งแรกเลยที่กู่ลาได้พูดอะไรแบบนี้ เมื่อคำนึงว่าเธอคือเทพแล้ว ซอลจีฮูก็ไม่คิดว่าเธอก็แค่พูดปลอบใจเขาแน่ๆ มันเป็นไปได้มากว่ามันมีความลับที่เขายังไม่ได้ค้นพบท่ามกลางการวิวัฒนาการความสามารถใหม่จำนวนมากนี้
‘ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากครับ!’
หลังจากโค้งคำนับรูปปั้นด้วยความเคารพแล้ว ซอลจีฮูก็ได้ค่อยๆก้าวเท้าออกไปจากวิหาร
และขณะที่กู่ลามองจุดที่ซอลจีฮูเคยยืนอยู่นี้ น้ำเสียงอันเย้ายวนจู่ๆก็ดังขึ้นจากความว่างเปล่า
[เห็นไหมล่ะ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าเขาจะชอบมัน]
น้ำเสียงนี้เป็นเสียงของลูซูเรีย เทพธิดาแห่งราคะ
[ดูสิว่าเขาซาบซึ้งขนาดไหน นแล้วนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นเรื่องชื่อคลาสของเขาใช่ไหมล่ะ?]
[ข้าก็แค่ไม่เข้าใจ]
กู่ลาได้พึมพำขึ้นเมื่อลูซูเรียได้โอ้อวดออกมา
[ชื่อแบบนี้มันดีตรงไหนกัน…? ผู้ใช้หอกมานาระดับสูงยังฟังดูดีกว่าซะอีก]
[ช่างหยาบคาย]
[ฮึ่ม ที่คราวนี้ข้าปล่อยมันไปก็เพราะเจ้ายืนกรานขนาดนั้น แต่ว่าเมื่อกลายเป็นระดับ 6 ข้าจะต้องใส่มานาเข้าไปในชื่ออย่างแน่นอน!]
หากว่าซอลจีฮูได้ยินแบบนี้ เขาก็จะต้องคัดค้านอย่างรุนแรงแน่นอน ลูซูเรียที่ตกใจได้รีบหยุดเธอไว้ในทันที
[อย่านะ หากว่าบุตรแห่งข้าหลงทางเจ้าจะทำยังไง?]
[บุตรเจ้า? ในตอนนี้นะมันไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือบุตรแห่งข้า]
ภายในวิหารการโต้เถียงของสองเทพธิดาได้ดำเนินต่อไปอย่างยาวนาน
***
หลังจากออกมาจากวิหารแล้ว ซอลจีฮูก็ได้หยุดลง และเงยหน้าขึ้นมา เมฆหมอกได้ปกคลุมอยู่บนท้องฟ้าทำให้มองเห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินอันสดชื่น
ซอลจีฮูได้ยิ้มขึ้นในขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
[หน้าต่างสถานะของคุณ]
วันที่อัญเชิญ: 2017:03:16
ตราประทับ: ทองคำ
เพศ/อายุ: ชาย/26
ส่วนสูง/น้ำหนัก: 180.5 ซม./68.6 กก.
สถานะภาพในปัจจุบัน: สุขภาพดี
คลาส: ผู้ใช้หอกแห่งเนเมซิส ระดับ 5
สัญชาติ: เกาหลี (พื้นที่ที่ 1)
สังกัด: คาเพเดี่ยม
นามแผง: เจ้าเล่ห์, บุคคลชั้นนำ, ดาวดวงแรก,น่าปวดหัว,เด็กขี้แย่,ขี้แกล้ง, วีรบุรุษสงครามแห่งฮารามาร์ค,ปฏิปักษ์,คลั่งการฝึก
ในที่สุด!! ในที่สุดเขาก็มาถึงระดับ 5 แล้ว
ในตอนนี้เขาได้กลายเป็นแรงค์เกอร์ระดับสูง เป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเดินยืนอกอย่างภาคภูมิใจได้แล้ว เขาสามารถจะพูดได้เลยว่าไม่มีใครในพาราไดซ์นี้จะเมินเฉยต่อพลังของเขาได้อีก
เมื่อนึกไปถึงว่าเขาเคยเข้าร่วมการสำรวจในฐานะคนแบกของในตอนยังเป็นนักรบระดับ 1 เขาก็ค่อนนข้างกระอักกระอ่วนใจ แต่ว่าการเลื่อนคลาสขึ้นยังไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เขามีความสุขอีกด้วย
[คลาส: ผู้ใช้หอกแห่งเนเมซิส ระดับ 5]
เมื่อเห็นชื่อคลาสแล้ว รอยยิ้มยินดีก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาได้มองดูมันหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง และอีกหลายครั้ง ไม่ว่าจะมองดูมันกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อเลย
นั่นก็เพราะว่ามันเท่
จริงๆแล้วเขาก็ไม่ได้คาดหวังชื่อเท่ๆแบบนี้ แค่เอาคำว่า ‘มานา’ ออกไปเขาก็เพียงพอใจแล้ว สำหรับซอลจีฮูที่สาบานว่าจะไปรับใช้เทพธิดาองค์อื่นหากว่ามีแม้แต่คำว่า ‘มา’ ของมานา’ ในชื่อคลาสใหม่ เพราะงั้นการที่กู่ลายอมรับคำขอของเขาจึงทำให้เขายินดีมาก
“อึก”
เขาประทับใจมากจนน้ำตาเริ่มไหลออกมา เขายังจำได้ดีถึงวันอันยากลำบากที่เขาอายเกินกว่าจะเปิดเผยชื่อคลาสออกมา
แต่ว่าวันคืนเหล่านั้นได้จบลงไปแล้ว เมื่อเขาคิดว่าเขากำลังพูดว่า ‘สวัสดี ฉันผู้ใช้หอกแห่งเนเมซิส ระดับ 5 แรงค์เกอร์ระดับสูง ซอลจีฮู’ เขาก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาแล้ว
แม้ว่าบุกเบิกชะตากรรมกับวิวัฒน์ดวงดาวจะโผล่เข้ามาในหัวของเขาอย่างกระทันหัน แต่ซอลจีฮูก็สะบัดความคิดนี้ออกไป อย่างน้อยเขาอยากจะมีความสุขในวันนี้
แสงเจิดจ้าที่ส่องลงมาจากบนท้องฟ้ามันดูเหมือนกับจะทำให้อนาคตของเขาสว่างขึ้น ซอลจีฮูที่รู้สึกมีความสุขมากกว่าที่เคยได้เช็ดน้ำตาออกไป และค่อยๆก้าวขึ้นบันไดไป
[มานานั่น มานานี่! มันเกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันเนี้ย!?]
[แล้วคำว่ามานามันมีปัญหาตรงไหนกันล่ะ!?]
และในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่ได้รู้เลยว่าเทพธิดาทั้งสองคนยังคงถกเถียงกันอยู่ที่วิหาร
***
โดยปกติแล้วจากวิหารจะต้องใช้เวลาเดินทางไปคาเพเดี่ยมสิบนาที แต่ว่าวันนี้เขาใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น
ซอลจีฮูได้ยืดหลังตรงพร้อมกับเปิดประตูเดินเข้าไป แต่แล้วเขาก็ต้องผิดหวังไป
เขาไม่เห็นจางมัลดงเลย
‘ยังไม่มีใครกลับมาอีกหรอ…? คุณฟีโซราอยู่ในห้องไหมนะ?’
ซอลจีฮูได้มองสอดส่องไปรอบๆ และก็เห็นบางอย่างสีดำ เมื่อสายตาของเขาเพ่งมอง จู่ๆมันก็หายไปในทางห้องของเขา
เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาก็ได้รีบตามภาพแผ่นหลังลึกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นเขาก็ได้เห็นควันสีดำคู้ตัวอยู่ที่มุมห้อง
สีหน้าซอลจีฮูสดใสขึ้นมาทันที
“โฟลน!!”
เขาได้ตะโกนออกมาอย่างยินดี
[ฮึ่ม]
แต่ว่ากลับมีเพียงเสียงฮึ่มตอบกลับมา ส่วนบนของควันกระทั่งหันหลังกลับไป
“โฟลน?”
[ฮึ่ม!]
หลังจากแค่นเสียงออกมา โฟลนก็เข้าไปใต้เตียงราวกับไม่อยากเจอเขาอีก
‘อ่อ’
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าในระหว่างที่เขาอยู่ในอาการโคม่า และไม่มีใครอยู่ด้วย โฟลนก็จะอยู่กับเขาตลอดเวลา ซอลจีฮูก็ร้อง ‘อ่อ’ ออกมาทันที
โฟลนคงจะเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะถูกจางมัลดงบังคับให้เขาโลกไป แต่ว่าเขาก็จากไปโดยไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลยสักนิด ที่แย่ไปกว่านั้นคือกระทั่งตอนเขากลับมา เขาก็ทิ้งเธอเอาไว้ในห้องไม่เคยมาหาเธอเลยแม้กระทั่งครั้งเดียว เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องของเขา
เมื่อเขาคิดไปถึงตอนที่เธอช่วยเขาในระหว่างสงคราม และการที่เธอช่วยเทเรซ่า เขาก็รู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น
“โฟลนนนน”
ซอลจีฮูได้ขอโทษโดยบอกให้เธอออกมา และกระทั่งเอากระสอบกวาดเข้าไปข้างเตียง
“ย๊ากกก!”
น้ำเสียงโกรธเคืองได้ดังออกมาพร้อมกับแรงดึงอย่างรุนแรง เมื่อเขาได้เห็นรอยกัดที่กระสอบ ซอลจีฮูก็ได้แต่เกาหัวออกมา
จากนั้นจู่ๆความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวของเขา
“โฟลน ฉันเอาของขวัญมาให้ด้วยแหละ~”
โฟลนยังคงไม่ได้ตอบกลับมา ซอลจีฮูได้ค้นลงไปตามกระเป๋าของเขา เพราะว่าโฟลนเป็นวิญญาณ เพราะงั้นของที่เขาจะเอามาให้เธอจึงต่างไปจากคนอื่นๆ โชคดีที่เขาได้มีความคิดดีๆหลังจากครุ่นคิดอยู่นาน
ซอลจีฮูได้นั่งลงไปนเก้าอี้และแอบเหลือบมองไปด้านหลัง คำว่า ‘ของขวัญ’ คงจะต้องดึงความสนใจของเธออย่างแน่นอน เพราะงั้นจึงมีควันเส้นหนึ่งแอบออกมาจากใต้เตียง
เมื่อควันเห็นว่าซอลจีฮูมองมา มันก็เริ่มกลับไปซ่อนอีกครั้ง เพราะงั้นซอลจีฮูจึงรีบพูดขึ้น
“จี้น่ะ เธอบอกว่าจี้เป็นของที่ระลึกของคุณแม่ใช่ไหม?”
ควันได้หยุดลงเมื่อได้ยินคำว่า ‘ที่ระลึก’
[ใช่แล้ว]
น้ำเสียงไม่แยแสได้ดังออกมา ซอลจีฮูได้รีบกวักมือเรียกเธอทันที
“ฉันจะโชว์อะไรเจ๋งๆให้ดูล่ะ”
[เจ๋ง?]
“เธอจะต้องชอบมันแน่ๆ โฟลน”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่มั่นใจของชายหนุ่ม โฟลนก็ค่อยๆบินเข้าไปหาเขาอย่างลังเล
[ฮึ่ม ฉันแค่จะลองดูเท่านั้นแหละ]
“อ๊า ไม่เอาสิ พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ? ก่อนหน้านี้ฉันไม่ค่อยมีเวลาเท่านั้นเอง อภัยให้ฉันเถอะนะ”
ซอลจีฮูได้ทำตัวน่ารักนวดบริเวณที่เขาเชื่อว่าเป็นไหล่ของเธอ จากนั้นเขาก็วางจี้เอาไว้ตรงกลางโต๊ะ
ไม่ว่าจะมองจี้กี่ครั้ง มันก็ชัดเจนว่าจี้คืองานฝีมือที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างอัศจรรย์ แต่ว่าเพราะมันเป็นอาร์ติแฟคจากหลายร้อยปีก้อน เพราะงั้นจึงมีจุดที่สีซีดและจางลงไป
“ดูนี้นะ”
ซอลจีฮูได้หยิบถ้วยพลาสติกออกมา และเติมน้ำลงไปสามในสี่ จากนั้นก็เติมแอมโมเนียลงไปหนึ่งในสี่ ต่อมาเขาก็ใส่จี้เอาไว้ข้างในครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ใช้ผงซักฟอกที่เป็นกลางผสมเข้าไปในถ้วยน้ำอุ่นทำความสะอาดจี้จนสะอาด
ต่อมาเมื่อเขาได้ใช้แปรงขัดจี้เบาๆ และใช้ผ้าขนหนูเช็ดน้ำออกไป เสียงอุทานตื่นเต้นเบาๆก็ดังออกมา
[ว้าว…!]
มันไม่ใช่ขั้นตอนที่ยากอะไรเลย แต่ว่าทุกๆครั้งที่แปรงลูบผ่านจี้ รอยด่างสีเขียวก็จะหายไป และจี้เก่าๆก็ได้กลับมาเปล่งประกายอีกครั้งหนึ่ง สำหรับโฟลนที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนทำให้เธออดไม่ได้ที่จะตกใจขึ้นมา
[ว้าว ว้าววววว….]
“ที่เราต้องทำจากนี้ก็คือทำความสะอาดจี้ให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นแล้วก็ใช้แสงแดดทำให้มันแห้ง”
โฟลนที่แสดงร่างจริงออกมาก่อนที่ซอลจีฮูจะรู้ตัว เธอได้จ้องมองจี้ที่เป็นประกายด้วยสาวยตาสับสน เธอได้มองซอลจีฮูเหมือนกับเขาเพิ่งจะใช้เวทย์อันน่าพิศวง
“เป็นยังไงบ้างล่ะ?”
[สดชื่นมาก ฉันรู้สึกเหมือนกับเพิ่งอาบน้ำมาเลย]
เมื่อได้เห็นเธอบิดตัวอย่างอารมณ์ดี ซอลจีฮูก็ยิ้มขึ้นมา
***
ในเวลาเดียวกัน
ฟีโซราก็กำลังนั่งอยู่บนตัวที่อยู่ถัดจากห้องของซอลจีฮูสองห้อง ตัวเธอในปัจจุบันกำลังนั่งมองกล่องครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง
ความโกรธได้หายไปแล้ว และมีเพียงแค่ความสับสนเท่านั้นที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
“พระเจ้า ไอ้เจ้าเล่ห์นี่…”
ฟีโซราได้ปัดผมกลับไปด้วยความหงุดหงิดใจ
“นี่มันอะไรกัน?”
เธอได้หยิบของด้านในกล่องขึ้นมาพร้อมพึมพำกับตัวเอง
“ทำไมเขาถึงให้เจ้านี่กับฉัน”
สิ่งที่เธอหยิบขึ้นมาก็คือ… ชุดชั้นใน พูดให้ชัดมันก็คือบรากับกางเกงในที่เป็นเซ็ตเข้ากันอย่างเหมาะเจาะ
และมันก็ค่อนข้างจะสวยอีกด้วย
พูดตรงแล้ว หากถามว่าเธอชอบมันไหม เธอก็ชอบ ไม่เพียงแค่สีแดงเป็นสีที่เหมาะกับเธอเท่านั้น แต่ว่าเธอก็ยังชอบลวดลายดอกกุหลาบบนชุดชั้นในอีกด้วย แถวผิวสัมผัสของมันก็อ่อนนุ่ม
‘มันราคาแพงมาก…’
แค่มองผ่านๆเธอก็ยังบอกได้เลยว่ามันจะต้องมาจากแบรนด์ชุดชั้นในที่มีชื่อเสียงแน่ๆ เมื่อเธอได้เห็นป้ายราคา 210,000 วอน ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นมา
‘เขานี่มีรสนิยมดีจนน่าแปลกใจเลยนะ’
ใช่แล้ว เธอยอมรับและมีความสุข แต่ว่ามันมีอยู่ปัญหาหนึ่ง
“ทำไมเขาถึงให้มันกับฉันล่ะ?”
เธอคิดไม่ออกเลยว่าทำไมซอลจีฮูถึงได้ให้ของขวัญนี้กับเธอ เธอไม่ใช่แฟนเขาสักหน่อยนี้ มันแพงเกินไป และมีคุณภาพมากเกินกว่าที่จะเป็นของขวัญตลกๆ และมันก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาจะมีเจตนาร้ายอะไรอีกด้วย นอกไปจากนี้เธอก็ยังไม่เคยบอกขนาดหน้าอกของเธอกับเขา
ความจริงแล้วก็คือซอลจีฮูเป็นแค่คนโง่ เพราะยูซอนฮวาเคยชมเขาครั้งหนึ่ง เขาก็เลยเผลอคิดไปว่าคนอื่นๆก็จะชอบของขวัญแบบนี้เหมือนกัน
แต่ว่าเพราะฟีโวราไม่ได้รู้จักซอลจีฮูดีจนรู้เรื่องนี้ มันจึงเป็นธรรมดาที่เธอจะต้องกังวลถึงความหมายของของขวัญชิ้นนี้
ในท้ายที่สุดหลังจากคิดอยู่นาน ฟีโซราก็ได้ลองชุดชั้นใน
ไม่นานนัก…
“…เอ๋?”
ฟีโซราได้เบิกตากว้างขึ้นมา และมองลงไปที่หน้าอกก่อนจะกระพริบตารัว
“นี่มันพอดีเลยหรอ?”