ตอนที่ 187 คนแรกที่สังหารเขา

เล่ห์รักกลกาล [ส่วนที่ 2 ภาคครองใต้หล้า]

เสินเซ่อเทียนเอ่ย ฮ่องเต้ก็ทรงนิ่งไป แล้วทอดพระเนตรมองเสินเซ่อเทียนอย่างใช้ความคิด

เสินเซ่อเทียนรีบอธิบาย “วันนี้มีเยี่ยเม่ยอยู่ข้างกายเขา ช่วงนี้คลื่นลมในเมืองหลวงสงบลง ข่าวลือที่บอกว่าองค์ชายสี่เป็นปีศาจก็ค่อยๆ เงียบไป กระหม่อมคิดว่าทุกอย่างเหล่านี้พัฒนาไปในทางที่ดี อนาคตขององค์ชายสี่ไม่แน่ว่าจะไม่ใช่ผู้สืบทอดของฝ่าบาท”

เมื่อเสินเซ่อเทียนเสนอ

เป่ยเฉินเซี่ยวทรงเลิกพระขนง “เสินเซ่อเทียน ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์อาจารย์อย่างล้ำลึกกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ดังนั้นเจ้าถึงได้เข้าข้างเขา แต่ว่าเรื่องแผ่นดินบ้านเมือง ไม่ใช่การละเล่นของเด็กๆ”

เสินเซ่อเทียนคลี่ยิ้มออก “ฝ่าบาท กระหม่อมกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่นับว่ามีสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์อาจารย์อย่างล้ำลึก เขาไม่ยอมเรียกอาจารย์เลยสักคำเดียว ซ้ำยังแย่งสตรีอันเป็นที่รักกับกระหม่อม กระหม่อมรักษาภาพลักษณ์สูงส่งไว้จึงไม่สังหารเขา ก็นับว่าเกรงใจมากแล้ว”

เป่ยเฉินเซี่ยว “…”

เสินเซ่อเทียนจำเป็นต้องย้ำเรื่องที่เขาชอบเยี่ยเม่ยกับพระองค์อีกครั้งเชียวหรือ มีความจำเป็นอย่างนั้นหรือ

อีกอย่าง…

ที่แท้พระองค์หลงคิดไปเองว่าระหว่างเสินเซ่อเทียนและเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีความผูกพันศิษย์อาจารย์ล้ำลึก

ความจริงเสินเซ่อเทียนยังเคยคิดสังหารเป่ยเฉินเสียเยี่ยนด้วยหรือ

เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ไม่ตรัสอะไร เสินเซ่อเทียนกล่าวต่อ “เพียงแต่กระหม่อมเห็นว่าองค์ชายสี่มีความสามารถที่จะสืบทอดบัลลังก์ที่สุดเท่านั้นเอง เรื่องนี้เชื่อว่าฝ่าบาทก็คงเห็นอย่างชัดเจน เพียงแต่นิสัยขององค์ชายสี่ยากคาดเดา ฝ่าบาทไม่กล้าเชื่อเขาง่ายๆ ก็เท่านั้น”

คำพูดนี้พูดได้ตรงจุดอ่อนในใจฮ่องเต้มาก

ถูกต้อง ฮ่องเต้ไม่ได้ตาบอด ย่อมมองออกว่าบุตรชายคนใดที่มีความสามารถ ใครที่ไร้สามารถ

เมื่อเปรียบเทียบด้านวรยุทธ์ สติปัญญา การวางแผน อย่าว่าแต่บุตรชายคนอื่นๆ ไม่กี่คนของพระองค์เลย ต่อให้เป็นคนในใต้หล้านี้ก็มีคู่ต่อสู้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

ปราชญ์อย่างเซี่ยโหวเฉินยังไม่กล้าปะทะกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนซึ่งๆ หน้า

หลายปีนี้ไม่ว่าเป่ยเฉินอี้จะกำเริบเสิบสานเพียงใด จิตใจเด็ดเดี่ยวโหดเหี้ยมอย่างไร ก็ไม่เคยผูกความแค้นกับเป่ยเฉินเสียเยี่ยน

เรื่องเหล่านี้ก็มากพอทำให้เห็นความสามารถของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน

แม้กระทั่งการเลือกสตรี เป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ยังมีสายตาสูงส่งกว่าบุตรชายคนอื่นๆ ของพระองค์มาก

เมื่อก่อนฮ่องเต้เองก็เข้าใจว่าจะแต่งภรรยาต้องแต่งคนที่คุณธรรม สมควรเลือกชาติตระกูลสูงส่ง เป็นศรีภรรยาที่ดี สามารถดูแลบ้านได้

แต่ว่าตอนนี้ได้พบเยี่ยเม่ย ถึงแม้จะไม่ใช่ศรีภรรยา แต่กลับมีความสามารถ มีบุรุษเพียงไม่กี่คนที่เทียบเคียงกับนางได้ หากตัดความระแวงของฮ่องเต้ออกไป ช่วงนี้พระองค์ก็พอพระทัยในตัวเยี่ยเม่ยมากจริงๆ

ที่เสินเซ่อเทียนพูดไม่ผิดเลย ความโดดเด่นของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน พระองค์มองเห็น เพียงแค่ไม่กล้าเชื่อถือ

เมื่อคิดถึงการกระทำทั้งหลายตลอดหลายปีของเป่ยเฉินเสียเยี่ยนหลังกลับลงมาจากตำหนักเขาหลิงซาน ฮ่องเต้ทรงหวนคิดแล้วก็รู้สึกหวาดหวั่น

ฮ่องเต้ทนไม่ไหวมองเสินเซ่อเทียน ตำหนิว่า “ปีนั้นหากไม่ใช่เจ้ายืนกรานรับเขาไว้เป็นศิษย์ ตอนนี้เขาก็ไม่มีความสามารถที่ทำอะไรโดยไม่สนฟ้าดิน”

คำพูดนี้ก็คือความจริง

ทำให้เสินเซ่อเทียนก้มหน้าไม่กล้าเถียงสักคำเดียว

ก็ถูก หากเขาไม่สอนวรยุทธ์เป่ยเฉินเสียเยี่ยน อีกฝ่ายก็คงไม่มีคุณสมบัติกำเริบเสิบสานเช่นทุกวันนี้ แต่ว่า…

เสินเซ่อเทียนเอ่ยอีกครั้งว่า “ฝ่าบาทควรจะทราบว่า สรรพสิ่งทั่วหล้าต่างมีชะตาของตัวเอง หากชะตากำหนดใช้องค์ชายสี่เป็นคนเช่นนี้ ต่อให้ปีนั้นกระหม่อมไม่ได้พบเขา องค์ชายสี่ก็จะได้พบยอดฝีมือท่านอื่น ได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป”

ในทางกลับกันเป็นเพราะปีนั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนได้พบกับเขา ดังนั้นถึงแม้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนไม่ใช่คนเห็นแก่ความสัมพันธ์ ทั้งไม่สำนึกตอบแทนคุณคน แต่จะมากจะน้อยก็เป็นเพราะการคบหากับเขา ถึงได้พอมีขอบเขตอยู่บ้าง

ฮ่องเต้ก็ทรงเข้าพระทัยเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ตรัสมากความ ทอดพระเนตรมองเสินเซ่อเทียน ตรัสอย่างจริงจังว่า “เจ้าสนับสนุนเขาเช่นนี้จริงๆ หรือ”

เสินเซ่อเทียนพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง “เป็นเช่นนี้จริงๆ กระหม่อมก็หวังว่าฝ่าบาททรงใคร่ครวญให้ดี”

ยามนี้ฮ่องเต้เงียบเข้าสู่ภวังค์ความคิด

เสินเซ่อเทียนอายุน้อยกว่าพระองค์ สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงกว่า แน่นอนว่าพระองค์ต้องจากโลกไปก่อนเสินเซ่อเทียนแน่

นั่นก็หมายความว่า เสินเซ่อเทียนจะคอยประคับประคองสนับสนุนบุตรชายของพระองค์

หากให้เสินเซ่อเทียนคอยสนับสนุนคนที่ตัวเขายังไม่เห็นชอบด้วยเลย ฮ่องเต้ทรงคิดแล้ว ด้วยนิสัยของเสินเซ่อเทียน ทำเช่นนี้ก็ลำบากเสินเซ่อเทียนแล้ว ส่วนชั่วชีวิตนี้ของพระองค์ คนที่ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้มากที่สุดก็คือคนตรงหน้าแล้ว

ดังนั้นหลังจากเงียบไปสักครู่

ฮ่องเต้ทรงเอ่ยว่า “ข้ายอมฟังเจ้าก็ได้ ให้โอกาสเป่ยเฉินเสียเยี่ยนสักครั้งหนึ่ง”

เสินเซ่อเทียนได้ฟังก็รู้สึกแปลกใจมาก เงยหน้ามองฮ่องเต้ทีหนึ่ง

อย่างไรเสียเขาก็นับว่าพอเข้าใจฝ่าบาท ความไม่ชอบที่มีต่อเป่ยเฉินเสียเยี่ยนของฮ่องเต้นั้น เสินเซ่อเทียนเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ยามนี้ฮ่องเต้ยินยอมปล่อยวาง นี่ทำให้เสินเซ่อเทียนรู้สึกไม่อยากเชื่อ

หลังจากเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นฮ่องเต้ทรงจ้องมองเขา แววพระเนตรล้ำลึกนั้นแฝงไว้ด้วยสิ่งที่อยากเอ่ยมากมาย

เสินเซ่อเทียนก้มหน้าลงอย่างแรง ถอนสายตากลับ จากนั้นได้ถอนหายใจเบาๆ ไม่กล้าจ้องพระเนตรฮ่องเต้อีก

เขาก้มหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เสินเซ่อเทียนก็ขอบพระทัยฝ่าบาทแทนองค์ชายสี่แล้ว”

ฮ่องเต้ตรัส “หากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนเป็นอย่างที่เจ้าว่า สามารถแบกรับภาระของบัลลังก์ได้ เป็นผู้สืบทอดของข้าก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้อีกแล้ว อย่างไรเสียข้าก็หวังให้ราชสำนักเป่ยเฉินมีบุตรชายที่มีความสามารถมาสืบทอด บางทีนี่อาจทำให้ราชสำนักเป่ยเฉินมีอนาคตที่ดียิ่งขึ้น แต่หากเขามีใจคิดร้าย…”

นี่คือปัญหาที่ฮ่องเต้ทรงกังวลพระทัยที่แท้จริง

หากเป่ยเฉินเสียเยี่ยนมีใจคิดร้าย เยี่ยเม่ยก็มีใจคิดร้ายเช่นกัน เช่นนี้ก็เป็นอันตรายต่อราชสำนักเป่ยเฉินอย่างที่สุด

ในมือของพวกเขามีกำลังทหารจำนวนไม่น้อย หากพระองค์ตัดสินพระทัยให้โอกาสเป่ยเฉินเสียเยี่ยน ให้เขาเป็นหนึ่งในตัวเลือกผู้สืบทอดบัลลังก์ เช่นนั้นก็หมายความว่า ภายหน้าพระองค์ต้องมอบความไว้วางใจและกำลังทหารให้พวกเขามากขึ้นอีก

นี่เป็นเรื่องที่อันตรายมาก

เสินเซ่อเทียนกลับถามขึ้นว่า “อย่างนั้นฝ่าบาททรงคิดว่า พระองค์มอบกำลังทหารจำนวนมากให้องค์ชายใหญ่ แล้วองค์ชายใหญ่จะไม่มีจิตใจคิดเป็นอื่นอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“นี่…” คำถามนี้ทำให้ฮ่องเต้ชะงักไป

ความจริงก่อนหน้านี้พระองค์ทรงมอบกำลังทหารให้เป่ยเฉินเสียงไม่น้อย แต่พระองค์ก็มีใจระวังเขาเช่นกัน มิเช่นนั้นศึกต้ามั่วครั้งก่อน พระองค์ก็คงไม่มอบตราทัพให้กับคนที่ชอบก่อเรื่องเป่ยเฉินเสียเยี่ยน แต่ไม่ยกมันให้เป่ยเฉินเสียงแล้ว

เสินเซ่อเทียนเห็นว่าฮ่องเต้ไม่ตอบจึงรุกต่อว่า “ดังนั้นข้าคิดว่าไม่ว่าใครที่ครอบครองอำนาจมากขึ้นล้วนมีโอกาสเปลี่ยนเป็นกบฏทั้งนั้น สิ่งที่ฝ่าบาทควรคำนึงก็คือทำอย่างไรให้พระองค์ไม่พ่ายแพ้ ทำอย่างไรถึงรับรองได้ว่าไม่ว่าผู้ใดก่อกบฏ บัลลังก์ของพระองค์จะยังมั่นคง ไม่ใช่มากังวลกับเรื่องเหล่านี้”

อย่างไรเสียใต้หล้านี้คนที่คิดอยากก่อกบฏ คิดขึ้นเป็นราชาเหนือปวงชนก็มากเสียเหลือเกิน

เป่ยเฉินเซี่ยวคล้ายตื่นขึ้นจากฝัน ตรัสเสียงขรึมว่า “ที่เจ้าพูดก็ถูก เช่นนั้นเป่ยเฉินเสียเยี่ยน…”

เสินเซ่อเทียนเอ่ย “ขอฝ่าบาททรงวางพระทัย ถึงกระหม่อมจะสนับสนุนเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเชื่อใจเขาทั้งหมด กระหม่อมจะช่วยจับตามอง หากเขามีใจคิดเป็นอื่น กระหม่อมจะเป็นคนแรกที่จะสังหารเขาเอง”