บทที่ 171 คำอธิบายนี้เจ๋งมาก

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 171 คำอธิบายนี้เจ๋งมาก

เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า ฟางหนิงรอคอยอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน ทันใดนั้นระบบก็พูดขึ้น “ท่าไม่ดีแล้ว ทำไมพวกเขาถึงหนีไป อีกอย่างฉันคลับคล้ายคลับคลาจะสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณหกสายแปลกประหลาดมากมาจากไกลๆ มันปรากฏขึ้นในทิศทางที่พวกเขาหนีไป”

ฟางหนิงได้ฟังก็พอใจมาก แต่น้ำเสียงของเขากลับราบเรียบมาก “ดูสิ กุนซือการรบอย่างฉันไม่เคยผิดพลาด พวกนั้นขี้ขลาดจริงๆ คงกลัวพวกเราจะตอบโต้ตอนใกล้ตาย แต่ก็ไม่อยากยื้อต่อถึงได้หนีไป แต่ที่แกพูดว่าพลังหกสายอะไรนั่นมันแปลกตรงไหนกันแน่”

ระบบ “พลังลมปราณที่ส่งมาถึงฉันนั้นอ่อนมาก อย่างมากก็ถึงระดับช้อนส้อม แต่ภัยคุกคามที่นำมานั้นกลับยิ่งใหญ่มากจนเกือบจะถึงระดับบ่อน้ำ”

ฟางหนิงไม่เคยสงสัยในความสามารถการสังเกตสนามรบของระบบ ตอนนี้เขากำลังคิดอย่างกังวล นี่มันเกิดอะไรขึ้น

ฉีเยียนที่กำลังรักษาอัศวิน A จู่ๆ ก็พบว่าเธอไม่อาจถ่ายทอดกำลังภายในของตนเองได้อีกต่อไป

เธอตกตะลึง ก่อนพบว่าอีกฝ่ายหนึ่งยืนขึ้นและเชิดหน้าทอดสายตามองออกไปไกลๆ

ฉีเยียนเอ่ยถามทันที “อัศวิน A เกิดอะไรขึ้นคะ”

อัศวิน A เพียงชำเลืองมองเธอและพูดเสียงเรียบ “ครั้งนี้อันตรายมาก คุณเป็นเพียงแค่ผู้เล่นระดับถ้วยอย่าตามมาอีก เมื่อถึงตอนนั้นจะทำให้ข้าลำบากเปล่าๆ”

ฉีเยียนรู้สึกค่อนข้างงุนงงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น อะไรคือ ‘แค่’ แล้วอะไรคือ ‘ผู้เล่นระดับถ้วย’ ทั้งหมดนั้นคืออะไรกัน และยังน้ำเสียงของเขาก็ดูเปลี่ยนเร็วเกินไปหน่อยไหม

เมื่อครู่ยังเหมือนคนปกติ เมื่อเห็นเธอมาช่วยเขา น้ำเสียงที่เอ่ยดูเหมือนจะแฝงความซาบซึ้ง

เหตุไฉนตอนนี้น้ำเสียงกลับเย็นชาอีกแล้วล่ะ น้ำเสียงเย่อหยิ่งอย่างนี้เป็นแบบที่เธอจำเขาได้มากกว่า…

ยังไม่ทันที่เธอจะตอบสนอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียง ‘พรึ่บ’ พร้อมกับร่างอัศวิน A ที่หายตัวไปต่อหน้าต่อตา

ฉีเยียนยืนเซ่อมองร่างที่หายไปของอีกฝ่าย คนคนนี้บาดเจ็บสาหัสแต่เขายังวิ่งได้เร็วมากขนาดนั้น หรือว่าทักษะทางการแพทย์ที่ตนเองสืบทอดจากบรรพบุรุษจะวินิจฉัยมันผิดกันแน่

ฟางหนิงรู้สึกจนใจ เมื่อครู่ระบบแย่งร่างของเขาไปขู่บังคับคนอื่น ท่าทางรีบร้อนอย่างนี้ มันคงรีบไปจับปีศาจแน่ๆ…

หลังจากนั้นไม่นานอัศวิน A ก็ปรากฏตัวขึ้นบนเนินเขาที่อยู่ห่างออกไปสามลี้ เขาซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางสุมทุมพุ่มไม้กำลังมองลงมา

ฟางหนิงดูจากมุมมองของระบบและเข้าใจทุกอย่างในทันที

เขาเห็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ด้านล่างหุบเขา หญ้าเหี่ยวแห้งปลิวไหวไปตามสายลม สภาพแวดล้อมโดยรอบดูเยือกเย็นหนาวเหน็บ ได้ยินเพียงเสียงลมเหนือหวีดหวิว ไร้ซึ่งเสียงร้องของแมลงหรือนกใดๆ

บนพื้นหญ้ามีหุ่นยนต์ยักษ์ใหญ่สูงราวสิบเมตรหกตัวยืนเรียงรายกัน ปกติพวกมันมักจะปรากฏในภาพยนตร์หรืออนิเมะเท่านั้น แต่คราวนี้มันกลับปรากฏตัวในโลกแห่งความเป็นจริง

พวกมันยืนล้อมวงติดอาวุธครบมือ เครื่องยิงขีปนาวุธประทับบนบ่าและแบกปืนกลต่อสู้อากาศยานบนหลัง มือซ้ายถือปืนกลหลายลำกล้อง ขณะที่มือขวาถือปืนเอ็ม 61 วัลแคน และยังติดเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องบนหน้าอก

นี่เป็นเพียงอาวุธที่ฟางหนิงรู้จัก หุ่นยนต์เหล่านี้ยังติดอุปกรณ์แปลกประหลาดมากมายที่เขาไม่รู้จักสักนิด

ตรงกลางวงล้อมของหุ่นยนต์หกตัวปรากฏผู้สืบทอดตรีเทพแห่งเทียนจู๋ที่เพิ่งปล่อยท่าไม้ตายแล้ววิ่งหนีไป

ในเวลานี้พวกเขายังคงสวมชุดเกราะแห่งทวยเทพ คนที่ชื่อว่าเมลัมเด่นชัดมาก ทั้งสีเลือดและสีทองบนชุดเกราะผสมกันจนทำให้เขาดูโดดเด่นสะดุดตา

บัดนี้เมลัมกำลังพูดกับหุ่นยนต์ “เหรินรั่วเฟิง พวกเจ้าสร้างหุ่นยนต์พลังจิตขึ้นมาจริงๆ! แต่เจ้ามั่นใจหรือว่าเพียงใช้แค่เศษเหล็กพวกนี้จะรั้งพวกข้าได้”

ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงเอื่อยเฉื่อยก็ดังขึ้น

เสียงนั้นมาจากหุ่นยนต์ตัวสูงใหญ่ทาสีเงินทั้งตัว ท่าทางหยิ่งผยองเป็นที่สุด

“แกมองได้แม่นยำมาก หุ่นยนต์พลังจิตพวกนี้ยังเป็นเพียงรุ่นทดสอบเท่านั้น ก็จริงอยู่ถ้าจะรั้งพวกแกไว้คงจะยากหน่อย น่าเสียดายที่ตอนนี้มีแค่คู่ทดสอบระดับ A ที่สติปัญญาสูง อ้อ เมื่อดูจากมาตรฐานการประเมินของตระกูลมังกรที่ส่งมาก็คือคู่ทดสอบระดับบ่อน้ำหายากเกินไป โชคดีที่พวกแกพาตัวเองมาถึงที่ ใช้พวกแกทดสอบในการต่อสู้จริงได้พอดี…

แต่หากพวกแกคิดจะหนีล่ะก็ นั่นไม่มีทางเป็นได้ ฉันเหรินรั่วเฟิงวางแผนไม่เคยผิดพลาด จะมีแค่การปิดล้อมได้ยังไง พวกแกมีทางเลือกแค่สองทางเท่านั้น ยอมจำนนเสียดีๆ หรือถูกประหารที่นี่…”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมลัมทั้งประหลาดใจทั้งโกรธ “เหรินรั่วเฟิง พวกข้าเป็นถึงผู้สืบทอดตรีเทพแห่งเทียนจู๋และยังเป็นสมาชิกของสำนักงานสหพันธ์นานาชาติ หากพวกข้าไม่ยอมจำนน เจ้ากล้าที่จะฆ่าเราที่นี่จริงๆ งั้นเหรอ”

เสียงของเหรินรั่วเฟิงเรียบนิ่ง “เอ๊ะ ท่านเมลัม เพิ่งจะพูดอะไรทำนอง ‘ความยุติธรรมอยู่ในมือของผู้แข็งแกร่ง’ ไม่ใช่หรือ สิ่งที่แกพูดจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อตอนนี้ฉันแข็งแกร่งกว่าแกแล้ว ฉันเป็นตัวแทนของความยุติธรรม ถ้าแกไม่ยอมจำนนซะตอนนี้ เช่นนั้นฉันก็จะใช้หมัดเหล็กแห่งธรรมสังหารแก…”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเหรินรั่วเฟิง มือขวาของหุ่นยนต์สีเงินก็เคลื่อนไหว หมัดเงินยักษ์เล็งไปที่เมลัม ทันใดนั้นมันก็ทะยานออกไปถึงเป้าหมายในพริบตา

เมลัมเป็นขุมพลังระดับบ่อน้ำ เมื่อเผชิญกับการโจมตีกะทันหัน เขายังหลบสองสามก้าวได้ทัน หมัดเงินยักษ์เฉียดผ่านร่างกายของเขาพอดี

เกราะแห่งทวยเทพสั่นเบาๆ ชั้นแสงสีทองบนสุดอ่อนลง

“บ้าชิบ พลังโจมตีทรงพลังขนาดนี้เชียว นี่ไม่ใช่การโจมตีร่างกายธรรมดาๆ!” แม้ว่าเมลัมจะหลบการโจมตีได้ทัน แต่เขาก็ยังหวาดกลัวอย่างมาก ระมัดระวังตัวมากขึ้นทีเดียว

เหรินรั่วเฟิงดูเหมือนจะค่อนข้างผิดหวัง หุ่นยนต์เงินปล่อยเสียงอีกครั้ง “ช่างน่าเสียดาย ความเร็วและอัตราการถูกเป้าหมายยังไม่ค่อยดีนัก ฉันคิดว่าจะฆ่าแกได้ในหมัดเดียว ดูเหมือนว่าต้องให้ไอ้พวกหุ่นนี้อยู่ล่วงเวลาให้ฉันปรับแต่งหน่อย…”

ฟางหนิงเห็นแล้วก็ตกตะลึง เมลัมผู้นี้เป็นยอดฝีมือระดับบ่อน้ำ ถ้าจะให้ระบบจับ ตอนนี้ยังต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะรู้ผลแพ้ชนะ

ทว่าเหรินรั่วเฟิงกลับพูดว่าถ้าหุ่นยนต์โจมตีถูกเมลัมได้ในหมัดเดียว ก็จะมีความสามารถปลิดชีพคู่ต่อสู้ พลังโจมตีนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ

เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ได้ถูกพันธมิตรควบคุมแล้วจึงไม่น่าเป็นอันตราย หลังจากที่ฟางหนิงตกตะลึงแล้วก็อยากจะซักถามรายละเอียดของหมัดนี้

ฟางหนิงเอ่ยถามระบบ “หมัดเมื่อกี้ทรงพลังขนาดนั้นเชียว”

ระบบ “อย่าเพิ่งถามเยอะ ฉันไม่มีเวลาตอบคำถามตอนนี้”

ฟางหนิงนิ่งไป เขาเข้าใจว่าระบบต้องเตรียมตัวเต็มที่เพื่อรอชิงศัตรู

แต่ฟางหนิงยังไม่ยอม หลังจากครุ่นคิดก็พบว่ายังมีช่างเทคนิคอีกคนที่ตอบคำถามนี้ได้

เขาพูดต่อว่า “ถ้าแกไม่ตอบก็เอาหน้าจอฉายภาพสำนักงานพัศดีในพื้นที่ระบบมาให้ฉัน คงไม่เสียเวลาแกมากหรอก ฉันถามคนอื่นก็ได้ เชื่อฉันเถอะ มันสำคัญมาก เกี่ยวข้องกับภาพรวมในอนาคต”

ทันทีที่ระบบได้ยินเกี่ยวกับ ‘ภาพรวม’ มันก็อ่อนลง โฮสต์คงไม่เอาเรื่องใหญ่มาหลอกมัน

มันแบ่งเวลานิดหน่อยได้ ไม่นานนักระบบก็ทำให้ฟางหนิงเรียบร้อย

สำนักงานพัศดี ‘เรือนจำพลังมังกร’ ในพื้นที่ระบบ ซึ่งเป็นห้องขังเฉพาะของแอนเดอร์สันแสดงหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันก็ปรากฏภาพสนามรบด้านนอก

ทั้งหมดเกิดขึ้นราวกับปาฏิหาริย์ ฟางหนิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แน่นอนว่ามันใหญ่ที่สุดในพื้นที่ระบบ ต่อไปเขาจะอยู่ที่นี่ คงต้องเชื่อฟังสักหน่อย…

คนที่ฟางหนิงต้องการถามย่อมเป็นแอนเดอร์สัน

แอนเดอร์สันเคยขโมยเทคโนโลยีของสำนักงานสัจธรรม อีกทั้งอยู่ในประเทศมิอิที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่เจริญก้าวหน้าสูง แอนเดอร์สันย่อมช่ำชองเรื่องอาวุธสมัยใหม่ทุกประเภท

ดูแล้วแอนเดอร์สันกลั้นหายใจเต็มที่ คราวนี้ได้เห็นภาพในสนามรบที่ฉายบนหน้าจอขนาดใหญ่ ทันทีที่ฟางหนิงเอ่ยถาม เขาก็ตอบไม่หยุด

“หมัดของหุ่นยนต์สีเงินตัวนั้นน่าจะลงผนึกค่ายกลเร่งความเร็ว ตรึงเป้าหมาย และเพิ่มพลังทำลายล้าง ทั้งยังติดตั้งเทคโนโลยีระบุตำแหน่งอัตโนมัติรุ่นล่าสุด ส่วนเรื่องมันแข็งแกร่งขนาดไหน ฉันคงต้องรอให้เหรินรั่วเฟิงออกหมัดอีกครั้งก่อนถึงจะประเมินได้”

ก่อนที่แอนเดอร์สันจะพูดจบ ก็มองเห็นหุ่นยนต์สีเงินบนหน้าจอใหญ่ปล่อยหมัดอีกครั้ง

เมลัมมีประสบการณ์แล้วครั้งหนึ่ง คราวนี้เขาหลบได้หมด หมัดสีเงินนั้นคว้าน้ำเหลว

แอนเดอร์สัน “พลังโจมตีถึงระดับบ่อน้ำ ความเร็วทะลุความเร็วเสียง คงจะมีการผนวกค่ายกลป้องกันพิเศษเข้าไปด้วย ถึงไม่ได้ยินเสียงดังความเร็วเหนือเสียง แค่มองเห็นความผันผวนเล็กน้อยในอากาศบริเวณใกล้เคียงเท่านั้น เพียงแต่ปฏิกิริยาตอบสนองและการสังเกตของยอดฝีมือระดับบ่อน้ำแกร่งมาก ถ้าไม่เพิ่มการโจมตีที่แน่นอนล่ะก็ อัตราการถูกเป้าหมายจะเป็นปัญหา ตอนที่มันเริ่มการโจมตีจะมีจังหวะเคลื่อนไหวล่วงหน้าหลายอย่าง เมลัมเองคงจะจับจุดตรงนี้ถึงได้คาดการณ์ล่วงหน้าหลบฉากได้”

ฟางหนิงฟังแล้วพอใจมาก “อืม ฉันก็มองจุดนี้ออก แอนเดอร์สันแกพูดได้ดีมาก ต่อไปให้แกทำหน้าที่อธิบายสนามรบ ครั้งนี้ฉันจะมอบยาให้เป็นรางวัลในเมื่องานอธิบายนี้ค่อนข้างใช้พลังมาก”

แอนเดอร์สันทั้งประหลาดใจและดีใจ น้ำเสียงของเขากระตือรือร้นเป็นอย่างมาก “ให้ฉันได้เห็นโลกภายนอกเป็นการตอบแทนมากที่สุดแล้ว ขอบคุณท่านหัวหน้าพัศดีมาก ฉันจะคอยอธิบายอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าท่านเข้าใจการต่อสู้ชัดแจ้ง”

ฟางหนิงพยักหน้า “อืม ฉันเคยได้ฟังทักษะการบรรยายการต่อสู้ของแกมาครั้งหนึ่งแล้ว ข้าเชื่อในตัวแกมาก ต่อจากนี้ก็ตั้งใจทำให้ดีล่ะ”

เขาเข้าใจดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงตื่นเต้นนัก ใครก็ตามที่ถูกขังนานเกินไปมักจะรอคอยเรื่องราวใหม่ๆ จากภายนอกเสมอ

แอนเดอร์สันมีพรสวรรค์เหลือล้น สิ่งใดจรรโลงใจเพียงพริบตาเดียวเขาก็สามารถมองเห็นแก่นแท้ ในข้อมูลของเขาไม่มีงานอดิเรก มีแค่เรื่องสดใหม่และน่าตื่นเต้นเท่านั้นที่ทำให้แอนเดอร์สันมีชีวิตชีวา งานนี้ไม่ใช่ภารกิจสำหรับเขา แต่มันคือเกม

เวลานี้ระบบเอ่ยขึ้น “โฮสต์ คุณพอได้แล้ว…”

ฟางหนิงกล่าวอย่างหนักแน่น “มันจำเป็น ฉันต้องเข้าใจสนามรบ ไม่อย่างนั้นต่อไปฉันจะออกแบบแผนพัฒนาให้แกได้ยังไง”

“หมัดนี้ทรงพลังมาก อย่าลืมเทคโนโลยีเหล่านี้ศึกษาขึ้นมาได้ หากพันธมิตรของเราศึกษาออกมาได้ ไม่คิดว่าศัตรูจะคอยจับตามองเราอยู่หรือไง ตอนนี้แกมีความสามารถหลบหลีกก็จริง แต่ถ้าคนอื่นก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก แกจะทำยังไง แกรู้วิธีรับมืองั้นเหรอ”

ระบบพูดไม่ออก “…”

ฟางหนิงยังคงคุยกับแอนเดอร์สันต่อไป โดยไม่สนใจระบบงี่เง่าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมแม้แต่น้อย

“แอนเดอร์สัน แกคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นยังไงต่อไป”

แอนเดอร์สัน “ฉันคิดว่าเหรินรั่วเฟิงน่าจะต้องการทดสอบอาวุธทั้งหมดก่อนถึงจะเข้าล้อมโจมตีครั้งสุดท้าย จับยอดฝีมือระดับบ่อน้ำของเทียนจู๋ทั้งสามคน คงจะไม่ได้คิดฆ่าทิ้ง แบบนั้นเป็นการเสียเปล่า ถึงยังไงในโลกปัจจุบันยอดฝีมือระดับบ่อน้ำหาได้ยาก ส่วนที่ใช้ทดลองได้ก็ยิ่งน้อย จริงสิ พวกเขามีดินแดนมรดก ที่นั่นน่าจะมีคนที่นำมาทดลองได้มาก”

ฟางหนิงพยักหน้า เรื่องราวต่อจากนั้นก็พัฒนาไปเหมือนกับที่แอนเดอร์สันคาดการณ์ไว้

เมื่อหุ่นยนต์สีเงินทดสอบอาวุธหมัดเสร็จสิ้น ก็ระดมใช้ปืนกลหนัก จรวด ปืนต่อต้านอากาศยานหรือแม้แต่ขีปนาวุธ แต่เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของหัวรบมีจำกัดและมุ่งเเป้าเมลัมเพียงคนเดียว

ในตอนแรกเมลัมยังพอหลบหลีกบนพื้นดินได้ แต่ต่อมาเขากลับทำได้เพียงหนีขึ้นไปในอากาศโดยเหาะเหินเดินเวหาถึงจะหลบหนีการโจมตีที่ถาโถมเข้ามาไม่ขาดสายไปได้อย่างฉิวเฉียด

“ช่างเป็นหนังสงครามที่สนุกจริงๆ” ฟางหนิงมองอย่างหลงใหล เอ่ยถามอีก “แถวนี้มีการวางค่ายกลอยู่ก่อนแล้วหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แบบนี้คงส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปแล้ว”

แอนเดอร์สัน “ท่านพูดถูก ในความคิดของฉัน การวางค่ายกลไว้แถวๆ นี้ไม่เพียงแต่ปิดกั้นเสียงเท่านั้น แถมยังมีรูปแบบการปิดกั้นที่ทรงพลังมากอีกด้วย ไม่อย่างนั้นสามคนนี้คงเลือกที่จะหนีมากกว่าจะติดอยู่ที่นี่และร่วมมือกับเหรินรั่วเฟิงทดสอบอาวุธ ฉันรู้จักทั้งสามคนแล้ว ซีน่าเชี่ยวชาญค่ายกลตะวันออกและค่อนข้างฉลาด ในตอนนี้เธอคงจะหาข้อบกพร่องของค่ายกลเพื่อพยายามหาทางออกอยู่แน่นอน”

คำอธิบายนี้เจ๋งมาก คำถามเดียวแต่ตอบละเอียดยิบ ฟางหนิงรู้สึกโล่งใจ ตนเองไม่ต้องพูดอะไรมาก ต่อไปนี้ถ้ามีการต่อสู้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องทำตัวต่ำต้อย ขอให้เจ้าเด็กเรียนนั่นคอยตอบคำถาม ขณะที่ระบบต่อสู้ก็ยุ่งมากจริงๆ

…………………………………………………