บทที่ 172 ยอมตายดีกว่าเป็นเชลย

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

บทที่ 172 ยอมตายดีกว่าเป็นเชลย

ฟางหนิงฟังคำอธิบายของแอนเดอร์สันแล้วก็รู้สึกว่าต่อไปเขาคงไม่จำเป็นต้องกลับไปทบทวนการแจ้งเตือนของระบบอีกแล้ว เพราะจากนี้เขาจะสามารถเข้าใจการต่อสู้ส่วนใหญ่ได้

อาศัยคำอธิบายของแอนเดอร์สัน ตอนนี้เขาพบว่าวิธีที่ใช้การได้ดีที่สุดของผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำที่จะปะทะกับการผสมผสานของอาวุธเทคโนโลยีสมัยใหม่กับทักษะพลังชีวิตก็คือการหลบหลีก เพราะการปะทะซึ่งหน้าจะเสียเปรียบมาก

เพียงแต่เมื่อเมลัมเผชิญการโจมตีแบบเฉพาะจุด เขายังหลบเลี่ยงการโจมตีไปได้หมด แม้เขาจะไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ก็ยังสามารถใช้เกราะแห่งทวยเทพรับมือ

ทว่าเมื่อเผชิญการโจมตีแบบครอบคลุม โดยส่วนใหญ่สามารถหลบหนีจากบริเวณโจมตีหลักได้ แต่ยังคงถูกลูกหลงบาดเจ็บบ้าง…

แอนเดอร์สันสมแล้วที่เป็นอัจฉริยะ เขาคาดการณ์ทุกอย่างได้ถูกต้องไม่ผิดพลาด ที่นี่วางค่ายกลจองจำที่กักขังรอบด้านจริงๆ ด้วย

เมลัมเพิ่งจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า พยายามหลบหลีกการโจมตีจากขีปนาวุธลูกสุดท้าย ทว่าลอยไปได้ไม่ถึงสามร้อยเมตรมันก็ร่วงหล่นลงมา เห็นได้ชัดว่ามีขีดจำกัดด้านระดับความสูง

เมื่อกระสุนที่ยิงจากทุกทิศทุกทางพลาดเป้า ยิงออกไปได้ไม่ถึงสองร้อยเมตรมันก็หายวับไปในอากาศ ดูเหมือนระยะทางของมันก็จำกัดเช่นกัน

เมื่อเหรินรั่วเฟิงใช้อาวุธจนหมดเกลี้ยงและหยุดโจมตีชั่วคราว ฟางหนิงจึงเอ่ยถาม “แอนเดอร์สัน แกคิดว่าทดสอบอาวุธทั้งหมดของหุ่นยนต์ที่เหรินรั่วเฟิงขับแล้ว พวกเขาจะเริ่มจับทั้งสามคนตอนนี้เลยหรือเปล่า”

แอนเดอร์สันส่ายหัวพลางเอ่ยขึ้น “ยังเร็วเกินไปนัก ท่านอดทนรอดูอีกหน่อยเถอะ”

ฟางหนิงงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็เข้าใจว่าทำไมแอนเดอร์สันถึงพูดว่า ‘เร็วเกินไป’

ปรากฏว่าไม่นานหลังจากนั้น หุ่นยนต์สีแดงอมส้มตัวหนึ่งก็เข้าร่วมการโจมตีด้วย ดูเหมือนว่าต้องการทดสอบผลการโจมตีกลุ่มของหุ่นยนต์สองตัว

ฟางหนิงคิดในใจ ‘ยังเร็วเกินไปจริงๆ ด้วย ที่นี่มีหุ่นยนต์หกตัว หลังจากทดสอบไปแล้วสองตัวก็ยังต้องทดสอบอีกสามตัว สี่ตัว…จนกระทั่งสุดท้ายหกตัวโจมตีพร้อมกัน’

อย่างไรก็ตาม ขณะที่หุ่นยนต์ทั้งสองโจมตีพร้อมกัน เมลัมที่กำลังหลบหลีกก็หัวเราะเยาะเย้ยไปพลาง

“หุ่นยนต์พลังจิตของพวกเจ้าแข็งแกร่งมากก็จริง แต่ตอนนี้ข้ามองเห็นจุดอ่อนของมันแล้ว!”

ฟางหนิงงงงวย “เขามองเห็นอะไรเหรอ เป็นไปได้ไหมว่าจุดอ่อนทั้งหมดของมันคือการควบคุมพลังจิตและเขาก็ต้องการตัดมันออกจากการเชื่อมต่อพลังจิต”

น้ำเสียงของแอนเดอร์สันปฏิเสธอย่างนอบน้อม “อาจไม่ใช่อย่างที่ท่านคิด หากฉันอยู่ล่ะก็ แค่ตัดพลังจิตก็ทำได้แล้ว แต่นักวิจัยของสำนักงานสัจธรรมก็คงคาดการณ์เรื่องนี้ได้และมีมาตรการรับมือเช่นกัน ฉันคิดว่าจุดอ่อนที่เขาเห็นอาจเป็นอย่างอื่น”

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนา ทันใดนั้นหอกสีทองก็ปรากฏขึ้นในมือของเมลัม

ฟางหนิงพยักหน้า คู่ต่อสู้นี้ไม่เลวเลยจริงๆ เตรียมอาวุธได้ทันการดีมาก

ในเวลานี้ จู่ๆ ระบบก็พูดขึ้น “น่าเสียดาย สิ่งนี้ก็ระเบิดไม่ได้เหมือนกัน”

ฟางหนิงพูดไม่ออก เขาไม่สนใจจอมละโมบ เพียงเฝ้าสังเกตสถานการณ์ในสนามรบโดยละเอียด

ทันทีที่หอกสีทองปรากฏขึ้น มันก็เล็งไปที่หุ่นยนต์สีแดงอมส้มที่เพิ่งมาใหม่ มันพุ่งเข้าใส่ในทันที!

ในมุมมองของฟางหนิง เพราะหุ่นยนต์ตัวนี้ถูกออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่จึงไม่น่ามีทักษะการหลบหลีกที่สูงมากนัก ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีพลังป้องกันที่สูงตามไปด้วย

อย่างที่คาดหุ่นยนต์สีแดงอมส้มไม่ได้ปัดป้องหรือหลบเลี่ยงใดๆ แต่กลับมีโล่สีขาวปรากฏขึ้นขวางหอกสีทอง

การโจมตีครั้งแรกของเมลัมไม่เป็นผล แต่เขาก็ยังไม่ลดละ หอกสีทองยังคงปรากฏอยู่ในมือบุกโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง

เป็นไปตามคาดเหรินรั่วเฟิงกำลังทดสอบอยู่จริงๆ ขณะนี้เมื่อเขาเห็นคู่ต่อสู้โจมตีก็หยุดการโจมตีของหุ่นยนต์สีเงิน คล้ายกับกำลังลองดูเชิงอย่างใจเย็น

หลังจากที่โล่สีขาวปรากฏขึ้น หุ่นยนต์สีแดงอมส้มก็หยุดการเคลื่อนไหวไม่โจมตีอีก

อาจเป็นเพราะมันคือรุ่นทดลองจึงไม่สามารถโจมตีพร้อมกับป้องกันได้

หลังจากถูกหอกสีทองหลายสิบเล่มโจมตี ชั้นคุ้มกันสีขาวก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นหอกสีทองก็พุ่งเข้าใส่เอวและท้องของหุ่นยนต์สูงใหญ่

ดูเหมือนมันไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้ หุ่นยนต์ยังคงส่งเสียงร้องเตือนอื้ออึงไม่หยุด

“แจ้งทั้งทีม บ่อพลังเวทย์ถูกใช้จนถึงขั้นต่ำสุดแล้ว ไม่มีทางป้องกันการโจมตีด้วยพลังจิตที่อาจเกิดขึ้นได้อีกต่อไป การเชื่อมโยงพลังจิตของผู้ควบคุมหมายเลขสองถูกตัดแล้ว หุ่นยนต์ตัวนี้จำเป็นต้องออกจากสนามรบเพื่อเติมบ่อพลังเวทย์ มิฉะนั้นจะต่อสู้ต่อไปไม่ได้ ตอนนี้สลับเป็นโหมดปฏิบัติการ AI แบบผสมผสานการควบคุมระยะไกลไร้สายชั่วคราว”

ฟางหนิงรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นรุ่นทดสอบในสนามทดสอบ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะประกาศเช่นนี้ในสนามรบจริงให้ศัตรูได้ยินผลการโจมตีของพวกเขา

หลังจากเสียงประกาศ หุ่นยนต์ตัวนั้นก็ก้าวเท้ายาวออกไป มันถอนตัวออกจากสนามรบจริงๆ ด้านเมลัมไม่ได้ไล่ตาม แต่กลับเปลี่ยนเป้าหมายการโจมตี

ฟางหนิงพยักหน้า “แอนเดอร์สัน แกพูดถูก ฉันคิดไม่ถึงจุดอ่อนที่แท้จริงของมันจะไม่ใช่การติดต่อพลังจิต แต่เป็นการสำรองพลังเวทย์ของหุ่นยนต์ตัวนี้ มันไม่ใช่อาวุธเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว โดยทั่วไปเทคโนโลยีของหุ่นยนต์สมัยใหม่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำได้ถึงขั้นนี้อย่างแน่นอน ดูจากขนาดที่ใหญ่โตแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าพลังงานแบบธรรมดาขับเคลื่อนมันไม่ได้”

แอนเดอร์สัน “ท่านพูดได้ถูกต้อง บ่อพลังเวทย์ที่มันพูดถึงคงจะเป็นโมดูลสำรองที่ใช้บรรจุพลังเวทย์ ซึ่งใช้เพื่อสนับสนุนค่ายกลสลักบนตัวของมันที่ถูกใช้ไป เพียงแต่ปริมาณพลังเวทย์สำรองทั้งหมดที่เก็บไว้ยังไม่อาจต้านทานพลังโจมตีของยอดฝีมือระดับบ่อน้ำได้โดยสิ้นเชิง”

เมื่อมองเห็นจุดนี้ ฟางหนิงก็เข้าใจเบื้องลึกของหุ่นยนต์พลังจิตชนิดนี้ได้พอสังเขป พลังระเบิดนั้นแข็งแกร่งมากและมีคุณค่ามาก แต่ไม่อยู่ยงคงกระพัน

เมลัมโจมตีได้สำเร็จ เผยความกระหยิ่มยิ้มย่องบนใบหน้าร

เขาออกคำสั่ง “คามาล ทำตามวิธีของข้า จัดการกับอีกสี่ตัวพร้อมกัน อย่าเพิ่งจัดการหุ่นยนต์ของเหรินรั่วเฟิง”

ในเวลานี้ เสียงของเหรินรั่วเฟิงดังออกมาจากด้านในหุ่นยนต์สีเงิน “สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือระดับบ่อน้ำ หาจุดอ่อนได้เร็วมากจริงๆ หลอกล่อให้หุ่นยนต์ทดลองของฉันใช้พลังเวทย์สำรองจนหมดเกลี้ยง แต่พลังเทพที่เจ้าใช้อยู่ตอนนี้ก็คงเหลือไม่เท่าไรแล้วเช่นกัน”

หลังจากได้ยินฟางหนิงก็มองออกไป เกราะสีทองบนร่างกายของเมลัมถึงแม้จะแข็งแกร่งและต้านทานการโจมตีด้วยอาวุธสมัยใหม่ที่มีความรุนแรงสูงได้หลายครั้ง แต่ออร่าของมันกลับทอแสงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

เมลัมเอ่ยดูหมิ่น “งั้นเจ้าก็คงทายผิดแล้ว เทพเจ้าอยู่ข้างเราเสมอ”

พอเมลัมพูดจบก็คุกเข่าลงพนมมือ ใบหน้าเคร่งขรึม ริมฝีปากขมุบขมิบราวกับกำลังสวดภาวนา

ทว่าไม่รู้ทำไมในเวลานี้เหรินรั่วเฟิงกลับไม่ได้สั่งให้หุ่นยนต์ตัวอื่นฉวยโอกาสเข้าโจมตี เพียงปล่อยให้อีกฝ่ายร่ายเวทย์มนตร์

ผ่านไปครู่หนึ่งก็เห็นแสงสีทองสายหนึ่งลงมาจากท้องฟ้า หลังจากที่เกราะสีทองบนร่างของเมลัมได้รับแสงสีทองก็พลันสว่างวาบและกลับคืนสู่สภาพเดิมในทันที

ฟางหนิงเห็นแบบนี้เป็นครั้งแรกก็รู้สึกประหลาดใจทีเดียว “แสงสีทองนั่นคงเพิ่มพลังเทพให้แก่พวกเขาสินะ”

แอนเดอร์สันอธิบายทันที “เป็นจริงดังนั้น เรื่องนี้ฉันรู้ดี เพราะพวกเขาเคยพูดกับฉันว่าตราบใดที่พวกเขาสวดภาวนาอย่างจริงใจ ตรีเทพที่อยู่เบื้องบนก็จะมอบพลังเทพให้กับพวกเขา ฉันคิดว่าสิ่งที่เรียกว่าพลังเทพคงแปรเปลี่ยนมาจากการรวบรวมพลังจิตมนุษย์ของชาวเทียนจู๋ ซึ่งแตกต่างจากพลังจิตที่มนุษย์อย่างพวกเราใช้ แก่นแท้เป็นเรื่องเดียวกัน เพียงแต่ละเอียดอ่อนมากขึ้นก็เท่านั้น”

ฟางหนิงครุ่นคิด ตอนนี้เสินโจวกำลังส่งเสริม ‘หลักสูตรการฝึกจิตขั้นพื้นฐาน’ ให้กับประชาชนเพื่อเพิ่มพูนพลังจิตของทุกคน ทั้งเครือข่ายเทียนหลัวก็รับพลังจิตนั้นได้พอดี เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ภูมิหลังของสำนักงานสัจธรรมนี้เป็นสิ่งที่หยั่งรู้ได้ยากจริงๆ

ขณะที่เขากำลังขบคิด เวลานี้สนามรบก็ร้อนระอุขึ้นในทันใด

ชายหนุ่มผิวขาวนามคามาลยังไม่ถูกโจมตีเลยแม้แต่น้อย พลังจิตจึงยังแข็งแกร่ง หอกทองสัมฤทธิ์สิบกว่าเล่มปรากฏขึ้นในมือแล้วพุ่งโจมตีหุ่นยนต์อีกสี่ตัวที่เหลือพร้อมกัน

หุ่นยนต์ยักษ์ใหญ่อีกสี่ตัวใช้แผนป้องกันเหมือนเดิม นั่นคือชั้นเกราะป้องกันสีขาว ทันทีที่ตั้งรับพวกมันก็หยุดโต้ตอบ

หอกทองสัมฤทธิ์ที่คามาลขว้างออกไปต่างกำหนดเป้าหมาย อีกทั้งรวดเร็วมาก เดิมทีพวกหุ่นยนต์ไม่เหมาะกับการหลบหลีก แม้จะเห็นว่าพวกมันพยายามปรับเปลี่ยนตำแหน่ง แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงการต้านทานที่ไร้ประโยชน์ ทำได้แต่ปะทะตรงๆ

ไม่นานหลังจากนั้น หุ่นยนต์ทั้งสี่ก็ส่งเสียงร้องเตือนแล้วแยกย้ายล่าถอยออกจากสนามรบ

เมลัมแผดเสียงหัวเราะ ‘ฮ่าฮ่า’ ดังลั่น “แกยังมีไพ่ไม้ตายอะไรอีก เหรินรั่วเฟิง หงายออกมาได้เลย!”

น้ำเสียงของเหรินรั่วเฟิงเรียบนิ่ง “ดูเหมือนว่าตอนนี้รุ่นทดลองจะชนะผู้แข็งแกร่งระดับบ่อน้ำไม่ได้ แต่แกลืมไปหรือเปล่า ฉันเคยบอกว่าฉัน – ไม่ – เคย – พลาด!”

ทันทีที่สิ้นเสียงพลันปรากฏมือยักษ์สีทองเหนือท้องฟ้ากดทับใส่เมลัม

“หลบเร็ว!” ซีน่าที่เงียบมาตลอดตะโกนเตือนขึ้น

อย่างไรก็ตาม มันช้าไปแล้ว ทันทีที่มือยักษ์ปรากฏขึ้น มันดูใหญ่โตแต่กลับฝ่าแรงอากาศพุ่งตรงลงมาได้ในทันใด ก่อนจับเมลัมไว้แน่น!

จากนั้นมือยักษ์ก็ค่อยๆ ชูเมลัมขึ้นกลางอากาศใกล้กับหัวหุ่นยนต์สีเงินราวกับต้องการให้เขาเข้ามาใกล้ขึ้น

เวลานี้เหรินรั่วเฟิงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “เป็นยังไงบ้าง ถึงเกราะแห่งทวยเทพกับหอกแห่งทวยเทพที่มาจากพลังเทพจะทรงพลังก็จริง แต่ฉันมีหัตถ์เทพเจ้าเทียนหลัวที่เหนือกว่า”

“ปล่อยข้า!” เมลัมพยายามดิ้นรนอย่างหนักแต่กลับไม่เป็นผล ขณะเดียวกันเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าพลังเทพทั้งหมดของตนเองนั้นถูกกักขังจนไม่สามารถระดมพลังได้แม้แต่น้อย

น้ำเสียงของระบบรู้สึกผิดหวังมาก “เสียเที่ยวจริงๆ วันนี้จับปีศาจสามตัวนี้ไม่ได้สักตัว โฮสต์ไม่น่าแจ้งสำนักงานสัจธรรมเลยจริงๆ ฉันคงต้องลงโทษคุณโทษฐานที่วางแผนพลาด ไม่อย่างนั้นยกเลิกเวลาพักร้อน รีบไปฝึกวิทยายุทธ์ซะ…”

ฟางหนิงตกตะลึงรีบพูดแย้ง “เดี๋ยวก่อนสิ เรื่องสำนักงานสัจธรรม ถึงฉันไม่แจ้ง พวกเขาก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย”

ระบบ “งั้นเหรอ พวกเราไปกันเถอะ ฉันจะกลับไปพักผ่อน ครั้งนี้ทำฉันเสียเวลาไปครึ่งวัน ฉันจะหักมันออกจากเวลาพักของคุณก็แล้วกัน”

เมื่อฟางหนิงได้ยิน เขาก็รีบหว่านล้อมระบบ “ไม่จำเป็น รอดูอีกหน่อย ฉันคิดว่าเราประเมินเมลัมและคนอื่นๆ ต่ำเกินไป เขาอาจมีอะไรที่เหนือความคาดหมายของเราก็ได้… “

ระบบยังคงคิดแต่ที่จะกำจัดปีศาจ อัศวิน A ไม่ได้ออกจากเนินเขา แต่ยังคงเตรียมพร้อมเก็บคน

เหรินรั่วเฟิงเคลื่อนไหวและดูพออกพอใจ “แกดิ้นรนไปก็ป่วยการ พลังเทพของเจ้าพื้นฐานคือพลังจิต ข้ารวบรวมพลังจิตของทุกคนผ่านเครือข่ายเทียนหลัว แก่นแท้ของมันไม่ด้อยไปกว่าพลังเทพของเจ้า กลับกันปริมาณนั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก แกยอมไปที่คุกใต้ดินของสำนักงานสัจธรรมกับพวกเราแต่โดยดีเสียเถอะ…”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเมลัมก็เปลี่ยนไป ร่องรอยความอาฆาตฉายแวบขึ้นในดวงตา ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองส่องลงมาบนร่างกายของเขา จากนั้นทั้งร่างก็ระเบิดออก!

“บัดซบ แกระเบิดตัวเองจริงๆ เหรอเนี่ย! ฉันไม่ได้บอกว่าข้าจะฆ่าแกสักหน่อย…” น้ำเสียงของเหรินรั่วเฟิงแสดงความประหลาดใจเป็นครั้งแรก

วิญญาณสีทองอ่อนซ่อนในเลือดเนื้อที่กระจายเต็มท้องฟ้า ตอนนี้การก่อตัวของค่ายกลดูเหมือนจะไม่เป็นผลอีกต่อไปแล้ว วิญญาณพุ่งขึ้นไปเหนือความสูงสามร้อยเมตรและยังคงลอยขึ้นไปเรื่อยๆ

ระบบ “ฮ่าฮ่า โฮสต์ไม่ผิดพลาดจริงๆ ด้วย โอกาสของฉันมาถึงแล้ว”

ฟางหนิงถึงค่อยโล่งใจ ดูท่าเขาจะรักษาเวลาพักครึ่งวันไว้ได้ ไม่ถูกหมอนี่ยึดไปแล้ว…

ในเวลานี้อัศวิน A กระโดดจากเนินเขาลงไปกลางอากาศแล้วแปลงเป็นมังกรไล่ติดตามไป

ครู่หนึ่งฟางหนิงก็ได้ยินการแจ้งเตือนของระบบ

(ระบบจับวิญญาณเมลัมเดอไซทายาทตรีเทพเทียนจู๋…และใส่เข้าไปในคุกของระบบ

ระบบหยุดการรุกรานเสินโจวจากภายนอก โฮสต์ได้รับคะแนนความประทับใจสิบคะแนนสำหรับคุณสมบัติทั้งหมดของเทพเจ้ามังกรตัวจริง

ระบบได้รับชื่อเสียงกล้าหาญปริมาณมหาศาล

ระบบได้รับค่าพลังปราณมหาศาล สล็อตพลังปราณทั้งหมดได้รับการเสริมจนเต็มเกินขีดจำกัด)

ฟางหนิงแสร้งพูด “เป็นยังไงล่ะ เชื่อฉันไม่เลวเลยใช่ไหม”

ระบบ “โฮสต์ช่างฉลาดเฉียบแหลม คุณรู้ได้ยังไงว่าสุดท้ายแล้วเมลัมจะระเบิดตัวเอง”

แน่นอนว่าฟางหนิงบอกไม่ได้…ที่จริงแล้วเขาแค่วางเดิมพัน

เขาเอ่ยเสียงเรียบ “แค่ดูจากนิสัยที่เย่อหยิ่งจองหองและกล้าต่อปากต่อคำกับแก ฉันก็รู้แล้วว่าเขาน่าจะเจ้าอารมณ์มาก คงไม่ยอมถูกจับเป็นเชลยให้ขายหน้าหรอก…”

“อีกอย่างแอนเดอร์สันเคยบอกว่าชาวเทียนจู๋มีความสัมพันธ์ดีมากกับสมาคมดุลอำนาจแห่งโลก ครั้งก่อนที่หนานคุนปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาด้วยการระเบิดตัวเอง การที่เขาคิดจะไปหาทอมแมวดำก็คงเพื่อต้องการย้ายวิญญาณกลับไปเกิด ฉันเดาว่าบางทีเขาอาจจะมีแผนเดียวกัน เดี๋ยวซักถามแอนเดอร์สันก็รู้”

ระบบ “โฮสต์ คุณเดาได้หลายอย่างขนาดนี้เลยเหรอ ฉันชื่นชมคุณเท่าไรก็คงไม่พอ…”

ฟางหนิง “พูดจาเยินยอจอมปลอมน้อยๆ หน่อย ตอนนี้กลับได้แล้วจริงๆ”

ระบบ: “ยังเหลืออีกสองคนด้านล่างนี้…จะไม่รอต่อเหรอ”

ฟางหนิง “สองคนนั้นเก็บไม่ได้”

ระบบ “ฉันจะรออีกหน่อย”

แน่นอนว่าคำเยินยอที่ระบบเอ่ยขึ้นมาไม่จริงใจ ขณะนี้อัศวิน A ที่กลายร่างเป็นมังกร หยุดอยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อน

ฟางหนิงพูดไม่ออก ระบบงี่เง่านี่ก็ซื่อตรงแบบนี้ เพื่งจะชื่นชมตัวเขาไปหยกๆ แต่ก็ยังแน่วแน่กับวิธีของตัวเอง เห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อใจเขาในฐานะที่ปรึกษาทางทหารคนนี้สินะ

…………

ในเวลานี้ที่สนามรบด้านนอก หัวมหึมาของหุ่นยนต์สีเงินหันไปหายอดฝีมือแห่งเทียนจู๋อีกสองคนที่เหลือ

น้ำเสียงของเหรินรั่วเฟิงเย็นชา “ว่าไง พวกแกยังจะคิดระเบิดตัวเองหนีไปอยู่อีกไหม คราวนี้ไม่มีโอกาสแล้ว อีกอย่างสาวน้อยคนนั้นอย่าได้เปลืองแรงอีกเลย ค่ายกลปิดกั้นนี้ยายแก่หงควบคุม ถ้าคิดจะเอาชนะล่ะก็ อยู่ต่อไปอีกห้าสิบปี จนถึงวัยของเธอตอนนี้อาจจะเป็นไปได้บ้าง…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนเย็นชาในอากาศ…ไอสังหารน่าเกรงขาม

ผู้สืบทอดตรีเทพเทียนจู๋เหลือเพียงชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เมื่อเห็นสถานการณ์ก็สั่นสะท้าน แอบคุยกันผ่านการส่งเสียง

คามาลอดไม่ได้ที่จะบ่น “ฉันบอกแล้วว่าไม่ควรมาที่นี่ มันไม่คุ้มค่าที่จะพิพาทกับสำนักงานสัจธรรม เราได้รับความโปรดปรานจากเทพและได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับ A เราควรจะหลุดพ้นจากข้อพิพาททางโลกของมนุษย์พวกนั้น”

“เพราะตาบ้าเมลัมดื้อรั้นเกินไปนั่นแหละ มัวแต่คิดจะกดหัวชาวเสินโจว เขายังเหลืออีกแค่หนึ่งวิญญาณ ไม่รู้ว่าเขาจะยังมีชีวิตมาให้เราเห็นหน้าอีกไหม แมวดำทอมใช่ว่าจะคุยง่าย…”

ซีน่าส่ายหัวพลางเอ่ย “พูดแบบนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ ยอมจำนนก่อนดีกว่า ฉันว่าเรายังมีทางรอด พวกเราทำเต็มที่แล้ว อย่างน้อยก็จัดการอัศวิน A จนเจ็บสาหัสปางตาย ถือเป็นการล้างแค้นให้กับร่างอวตารในโลกมนุษย์ของท่านเทพแห่งการทำลายล้างแล้ว ตอนนี้ตรีเทพคงจะไม่ตำหนิพวกเราหรอก”

ทั้งสองคนหยุดคุยกันก่อนค้อมตัวเล็กน้อยให้กับหุ่นยนต์สีเงิน “เรายินดีจะมอบตัว ได้โปรดให้การปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมแก่เราด้วย”

…………

มังกรเพลิงบินโฉบอยู่เหนือฟ้าทอดมองไปยังสนามรบเบื้องล่าง เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่มีท่าทีขัดขืนแม้แต่น้อย ถูกพันธนาการด้วยอุปกรณ์แปลกๆ ก่อนจะพานำตัวไป ดวงตามังกรก็ฉายแววผิดหวังขึ้นมาทันใด

ระบบ “โฮสต์ ทำไมคุณเดาได้ถูกอีกแล้วล่ะ…อีกสองคนที่เหลือขี้ขลาดชะมัด ไม่ยอมเลียนแบบเมลัม ยอมตายดีกว่าเป็นเชลย”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “แน่สิ ถ้าไม่ยอมเป็นนักโทษของสำนักงานสัจธรรม ก็จะต้องตกเป็นนักโทษของแก จุดจบมีแต่จะอนาถกว่า…”

………………………………………..