“หู้ว ..” ซงฉิงเฟิงจ้องมองผู้คนมากมายด้วยความตื่นเต้นปนหงุดหงิดเล็กน้อย “ในบรรดาบ้านทั้งสี่หลัง บ้านหวังของเรามีความแข็งแกร่งด้านการบ่มเพาะต่ำที่สุดใช่มั้ย?”
“บ้านหวังของเรามีความสามารถที่ไม่แพ้ใคร!” เพื่อนในกลุ่มเอ่ยขึ้น ในขณะที่เหล่าสาวกส่วนใหญ่กำลังฝึกซ้อมในสำนักเฉิงจิ้ง ตอนนี้ต่างเต็มไปด้วยฝูงชนที่ห้อมล้อมพวกเขา
“ดูอย่างนาหลันหมิงสื่อสิ เธอมาจากสำนักหลิงหยวนแถมยังเป็นถึงนับรบทางการอีกด้วย”
“หวังปูจิน จากสำนักเฉิงจิ้งและเหลียวหยุนจากสำนักฉียี่ ทั้งสองเองก็เป็นถึงนักรบทางการเช่นกัน”
เนื่องจากทั้งสามสำนักมีข้อกำหนดการแบ่งชั้นตามฝีมือและอายุ ซึ่งบ้านหวังส่วนใหญ่จัดเป็นศูนย์ร่วมของคนเก่งน้อยมาก มารวมกัน
แม้ว่าพวกเขาจะใช้เวลาเพื่อฝึกฝนมามากแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาทดสอบจริงๆ พวกเขาก็ยังคงไม่หยุดซ้อม เพื่อที่จะเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการทดสอบตลอดเวลา
ซงฉิงเฟิงจ้องมองนาหลันหมิงสื่อและยกนิ้วให้เธอ “เธอนี่เป็นเก่งสุดๆ ไปเลย แม้จะยังไปไม่ถึงนักรบแห่งสวรรค์แต่ในไม่ช้าเธอจะต้องไปถึงอย่างแน่นอน”
นาหลันหมิงสื่อพูดด้วยเสียงโทนต่ำ “ฉันว่าคะแนนของฉันน่าจะเพียงพอแล้ว”
“นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ดี” ซงฉิงเฟิงตอบ
“ซงฉิงเฟิง เจ้าควรแสดงความแข็งแกร่งของนักรบในระดับที่หก พวกเราจะแสดงให้ระดับสี่หรือห้าเอง” หลินเซียวกล่าว
“เฮ้! เจ้าเด็กจากบ้านหวังนั่นน่ะ เจอกันอีกแล้ว” หลิวชีจีผู้เคยพบกับซงฉิงเฟิงและเพื่อนๆ เขามาพร้อมนักรบชุดดำ
“เจ้ารู้จักพวกเขาหรือ?” นักรบชุดดำเอ่ยถามด้วยความเร่งรีบ “ไปเหอะ อย่าช้า”
“นั่นใช่หวังกุนจากบ้านซวนของสำนักหลิงหยวนหรือเปล่า?”
“นักรบอันดับหนึ่งจากบ้านซวนของสำนักหลิงหยวน”
“ใครกันที่เดินอยู่ข้างหลังเขา?”
สองคนนี้เดินทางมาที่นี่เพื่อทดสอบพลังภายในของพวกเขา หวังกุนเป็นนักรบระดับสูง ส่วนหลิวชีจีเป็นนักรบในระดับเจ็ด
…
เวลาเดียวๆ กัน ซูฉีซินเองก็ยังคงลังเลใจอยู่ “ชิงชิงเราควรจะเปิดเผยจุดแข็งของเราหรือไม่?”
“อ๊ะ ..” เฉินชิงชิงสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งในระดับหก ซึ่งของซูฉีซินเองอยู่ในระดับห้า เธอทั้งสองมาจากบ้านซวนของสำนัก
ขณะที่สาวกบ้านซวนคนอื่นๆ ต่างประสบความสำเร็จจนไปถึงนักรบขั้นสูงกันแล้ว แต่เด็กสาวสองคนนี้เพิ่งมีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าไปกลัว”
ซูฉีซินจ้องหวังกุนที่เพิ่งทดสอบเสร็จ “เราจะแสดงจุดแข็งแบบเขา”
“เอาล่ะ!”
ในไม่ช้าผลการทดสอบก็ออกมา “ซูฉีซินจากบ้านซวนได้คะแนนเยอะสุดของนักรบระดับกลาง ส่วนเฉินชิงชิงจากบ้านซวนได้คะแนนสูงสุดของนักรบระดับสูง!”
“หืม? พวกเขาซุ่มซ้อมจากไหนกัน!?”
สาวกหลายคนของสำนักเฉิงจิ้งและสำนักซียี่ต่างบ่นกันว่า “ซูฉีซิน .. ทำไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”
“ฉันเคยได้ยินเธอ แต่เธอเคยอยู่ในรายชื่ออันดับต้นๆ ของสำนักหลิงหยวน”
“เฉินชิงชิง! เธอคนนี้อยู่ในรายชื่อด้วยหรือไม่? ทำไมฉันเหมือนไม่เคยเห็นเธอมาก่อน”
“ฉันไม่เห็นรู้อะไรเกี่ยวกับพวกเธอเลย เธอเขามาอยู่ในสำนักหลิงหยวนยังไงกัน?”
“เหมมือนมันมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง! พวกเขามาจากบ้านซวนจากสำนักหลิงหยวน แถมยังเก่งทั้งคู่ นี่พวกเขามาจากบ้านซวนจริงหรือเปล่า!?”
ขณะที่ทุกคนกำลังบ่นกัน ศิษย์อีกคนจากสำนักหลิงหยวนก็ได้เข้าทดสอบ “เกาซง! นักรบระดับห้า”
“???”
“ผู้ชายคนนี้อยู่ในสำนักนี่ด้วยหรอ?”
“ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน!?”
“เขามาจากไหน”
“เกา .. ฉันไม่คิดว่าจะมีครอบครัวใหญ่ๆ อย่างตระกูลเกามาก่อน ไม่เห็นเคยได้ยินเลย”
“เขาเป็น ..”
“เขามาจากครอบครัวธรรมดาหรอ!?”
ความคิดต่างๆ ถูกส่งต่อไปยังซีรีบรัมของทุกคน
“เกิดอะไรขึ้นในเฉิงจิ้งวันนี้? ที่นี่เสียงดังมาก” หญิงสาวชุดดำเดินผ่าฝูงชยเขามา หากฟางฉีปรากฏตัวขึ้น เขาคงจำเธอได้แน่ในฐานะเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่บนนกอินทรียักษ์
“ท่านพี่เซียว!”
“พี่อยู่ในระดับไหนใช่นักรบบรรพบุรุษหรือเปล่า”
“เซียวเลงยูจากบ้านซวน นักรบบรรพบุรุษระดับหนึ่ง!”
“เอ่อ .. นักรบบรรพบุรุษ ข้าว่าความสามารถแบบพี่สามารถอยู่โนบ้านโลกได้!”
สาวกจากสำนักเฉิงจิ้งต่างตื่นเต้นกับเสียงประกาศ
…
ณ ร้านยิ่งเทียน
ท่านมูกำลังหัวเราะ “ไม่ได้มีแค่เจ้าชายองค์ที่ห้าคนเดียวในงานที่ธรรมดา เซียวเลงยูหลานสาวของผู้นำก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน”
“ดูยิ่งซงซวนจากชียี่เป็นตัวอย่าง เขาอายุยังไม่ถึงสามสิบ แต่สามารถเข้าไปถึงในระดับหกของนักรบบรรพบุรุษ ฉันกลัวว่าอีกไม่นานเขาจะสามารถบรรลุไปถึงชั้นสูง”
“ด้วยสกิลเทคนิคการเคลื่อนไหวของตระกูลยิ่งและเทคนิคมังกร เขาสามารถเอาชนะทุกคนในหมู่เพื่อนได้” มูตงไลพูดต่อด้วยความสงสัย “ฉันกำลังคิดว่าสำนักหลิงหยวนอาจมีจุดแข็งซ่อนอยู่ ฉันได้ยินมาว่าฉินบินมีแผน ฉันคิดว่ามันอาจเป็นเป้าหมายที่เข้าถึงยาก”
“เจ้าของร้าน ท่านอยากดูแผนการการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้มั้ย?” มูตงไลกล่าว “ข้าคิดว่าการสอบระดับชาติครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความสามารถ”
ฟางฉีพยักหน้า ขณะหยิบยกสื่อสารออกมา เขาพบข้อความมากมาย
[เจ้าของร้าน ทำไมท่านถึงทำแบบนี้ หยุดการถ่ายทอดสดทำไมข้าอยากดูต่อ – อันเชง]
[นี่เจ้าของ! ข้าอยากเห็นจิงฉี เปิดถ่ายทอดสดตอนนี้! – เจียงเสี่ยวหยู]
[ออกอากาศเถอะ ข้าไม่ได้มีเกมให้เล่นเหมือนคนอื่นๆ ได้โปรด – เซียวหยู]
สีหน้าของฟางฉีดูเซง นี่ฉันเป็นเจ้าของคาเฟ่อินเตอร์เน็ตนะ ไม่ใช่พิธีกรหรือทำสาระคดี ทำไมทุกคนแลมีความสุขในขณะที่ฉันเดินทาง ..
ฟางฉีเก็บหยกสื่อสารลงในกระเป๋า “ข้าขอไปเดินเล่นรอบๆ เมืองก่อน พรุ่งนี้ข้าไปดูการสอบได้มั้ย? เขาให้คนนอกเข้าไปหรือเปล่า?”
“ไม่แน่นอน” มูตงไลกล่าว “พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าไป”
ณ คาเฟ่อินเตอร์เน็ต
“เจ้าของร้านไม่สนใจข้อความฉัน!” เจียงเสี่ยวหยูทำหน้ามุ่ยกระทืบเท้า
“เจ้าเด็กนี้ไม่อ่านข้อความฉันเลย” อันหูเว้ยบ่น
“ฉันด้วย” ซูเทียนจิเองก็ส่งไปหลายข้อความ
“ส่งข้อความต่อไป! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเมินพวกเราได้!”
จู่ๆ หยกสื่อสารของเจียงเสี่ยวหยูก็สั่นขึ้น [พรุ่งนี้ฉันจะทำการถ่ายทอดสดฉันจะไปปดูการสอบระดับชาติ] ข้อความจากฟางฉีเด้งขึ้น
“การสอบระดับชาติ?” เจียงเสี่ยวหยูทำหน้าเหยียด “ไม่เห็นน่าสนุกเลย”
“เจ้าของร้านบอกว่าพรุ่งนี้เขาจะไปดูการสอบระดับชาติพร้อมทำการถ่ายทอดสดไปด้วย”
มูฮงจูที่อยู่ที่นั่นตัวสั่นเมื่อได้ยินคำพูดจากเจียงเสี่ยวหยู พรุ่งนี้เขาจะถ่ายทอดสดการสอบระดับชาติ!
หรือบางทีฉันควรพาสาวกทั้งหมดมาที่นี่เพื่อดูการสอบวัดระดับในวันพรุ่งนี้ดีนะ ..