นวนิยาย Diablo ในตอนนี้เป็นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะในร้านอาหารหรือแม้แต่ถนนเทียนฟุเองผู้คนต่างพูดถึงกันอย่างไม่ขาดสาย
แม้แต่คนที่ไม่ใช่แฟนนิยายเองเมื่อได้ยินชื่อนี้ก็ต่างอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน จากการบอกเล่าปากต่อปาก
เรื่องเล่าของโลกที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วยสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่ของหนังสือที่บรรยายให้เห็นถึงภาพและเกิดการจินตนาการ
นักรบและผู้ฝึกฝนอิสระบางคนเดินทางรอบโลกเพื่อท่องเที่ยวและสำรวจสิ่งใหม่ เมื่อพบกับหนังสือเล่มนี้มันให้ความรู้สึกราวกับว่าได้ออกไปผจญภัยในโลกใหม่
“ร้านเล็กๆ นั่นยังมีหนังสือ Diablo อยู่หรือเปล่า”
“ชู่! นี่มันยังกับยาเสพติด มันทำให้ข้าหลงเข้าไปในโลกแห่งความสนุก”
“ไม่น่าแลปกใจที่พวกเขากระตือรือร้นที่จะคว่ำบาตรร้านเล็กๆ แห่งนี้พวกเขาคงอิจฉามากจริงๆ”
นอกจากเชนคังและเพื่อนๆ แล้วยังมีอาจารย์จากสำนักหลิงหยวนคนอื่นๆ อีกที่เป็นแฟนคลับ Diablo “เข้าไปข้างในกันเถอะ”
พวกเขาสวมหมวกไม้ไผ่เป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ใครจำหน้าได้ว่าพวกเขาคืออาจารย์จากสำนักหลิงหยวนสถานที่ที่เคยทำการห้ามและปราบปรามสาวกไม่ให้มายังคาเฟ่แห่งนี้
– กลุ่มเอจากบ้านซวน สำนักหลิงหยวน –
สาวกบางคนที่มาจากกลุ่มและบ้านซวนได้รับการลงโทษที่รุนแรง ทุกคนล้วนมีคุณสมบัติที่จะได้เข้าสอบระดับชาติ แต่ด้วยการกระทำผิดคนจึงทำให้พวกเขาเกือบครึ่งไม่ได้รับโอกาสที่ดี
ตัวอย่างเช่นจุดแข็งของซีฉี เขาอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับซงฉิงเฟิงอย่างมาก เขามีพลังมากอาจสามารถเอาชนะคนเกือบทั้งหมดของบ้านซวนเลยซะด้วยซ้ำ
“เจ้ายอมรับมันได้หรือเปล่า” มูฮงจูเอ่ยถามขณะกำลังทำการสอน “พวกเจ้าทุกคนมีความสามารถและกำลังกายที่แข็งแกร่ง แต่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ สองวันก่อนฉันได้มีโอกาสเล่น Diablo ฉันเองเข้าใจดีว่าพวกเจ้ารู้สึกเช่นไร”
สาวกทั้งหมดนิ่งอึ้ง
อาจารย์ผู้สอน .. ท่านไปที่คาเฟ่หรอ!?
“พรุ่งนี้เจ้าของร้านจะทำการถ่ายทอดสดระดับชาติในเมืองจิงฉี พวกเจ้าต้องการดูมั้ย?” มูฮงจูเอ่ยถาม
ซีฉี, ซีเซียวหยุน และคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในสำนักด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำถามนี้ พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกันมันก็น่ายินดีที่พวกเขาจะได้ดูเพื่อนๆ ร่วมสำนัก
“อ่า! ข้ารักท่านจัง ท่านอาจารย์มู!” ซีเซียวหยุนเป็นแรกที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เธอเดินเข้าไปกอดมูฮงจู
“อ๊าก เจ้าของร้านถ่ายทอดสดการสอบระดับชาติ!?” ซีฉีเองยังไม่หายตื่นเต้น “เขาไปจิงฉีหรอ?”
มูฮงจูพยักหน้า
“อาจารย์มั่นใจได้เลย พวกข้าทุกคนจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ!”
“ถ้างั้น ..” ซีฉีเหลือบมองรอบๆ ห้อง “มีใครอยากไปมั้ย?”
“อยาก!”
“ข้าด้วย!”
“ข้าก็อยากไปด้วย!”
“ไม่มีอะไรที่จะขัดขว้างเราได้แล้ว เราจะไปกันทุกคนเลย ใครกลัวโดนจับได้ก็สวมหน้ากากเอาละกัน!”
“นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้ไปเหยียบที่นั่น ฉันอึดอัดมาก!”
เมื่อได้ยินข่าวว่าจะมีการถ่ายทอดสดการสอบระดับชาติ สาวกหลายคนในสำนักได้วางแผนจะออกไปดูกัน
…
สำหรับสถานที่การทดสอบในการสอบระดับชาตินั่นเป็นสนามกีฬารูปวงรีขนาดใหญ่ ที่นั่งของฟางฉีอยู่ในทางทิศเหนือสุดของสนาม เขามองไปทางขวามือเห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดดำลายดอกไม้ เธอดูมีเกียรติและสง่างาม ด้านขวาของเธอเป็นชายหนุ่มรูปงามพร้อมกล้ามเนื้อเขาสวมเสื้อคลุมลายมังกรสีทองส่งผลให้ดูแล้วยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง
ทั้งสองฝั่งของสนามเป็นแขกที่ได้รับเชิญให้มาชมการสอบระดับชาติ พวกเขาทั้งหมดดูเป็นคนมีพละกำลังมากมาย ฟางฉีมองไปรอบๆ สะดุดเข้ากับผู้อาวุโสกลุ่มเมฆดำที่อยู่ถัดไปจากเขาไม่ไกลนัก
มูตงไลเองนั่งอยู่ข้างซ้ายของฟางฉี พื้นที่แห่งนี้ถูกสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับวีไอพีที่ได้รับเชิญเท่านั้น และห่างไปจากบริเวณวีไอพีนั่นที่นั่งตรงกลางของผู้จัดงานคือชายชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ เขานั่งพักพลางหลับตาพริ้ม
จากท่านั่งลักษณะท่าทางแล้ว แม้ว่าจะอยู่ไกลแต่ด้วยสัญชาตญาณของเขาบอกได้เลยว่าชายชราคนนี้มีพลังมากจริงๆ
การนั่งตรงกลางในที่แบบนั่น ใครดูก็รู้ว่าเขาเป็นใคร
ฟางฉีที่นั่งอยู่เฉยๆ รู้สึกเริ่มเบื่อ เขาจึงเริ่มทำการถ่ายทอดสดในทันที
ณ คาเฟ่อินเตอร์เน็ต
“เจ้าของร้านจกำลังถ่ายทอดสด!?”
“นั่นที่ไหน?”
“การสอบระดับชาติเริ่มขึ้นแล้วหรอ?”
เสียงผู้คนเริ่มตะโกนดังขึ้นเมือหน้าจอแสดงการถ่ายทอดสดขึ้น
[เจ้าของร้าน! มองไปทางขวาสิ] อันเชงเอ่ยพลางส่งความเห็น
[ขวา!? เจ้าหมายถึงผู้หญิงสวยๆ ที่อยู่ข้างขวาของฉันน่ะหรอ? เขามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?] ฟางฉีตอบกลับความเห็นโดยการพิมพ์เช่นกัน มันจะดูแปลกๆ หากเขาเลือกที่จะพูดตอบ
“สาวสวย?” บูเช่นั่งนิ่ง ในมือก็กำลังพิมพ์ข้อความ [ที่นั่งตรงนั่นมีใครรู้จักกับท่านบางมั้ย?]
[เจ้าไปนั่งตรงนั่นได้อย่างไร ..]
[เธอคือเจ้าหญิง ..]
สมาชิกในร้านต่างส่งความเห็นกันจอแทบแตก
[เจ้าของร้านท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังนั่งที่ของคนอื่นอยู่!?] โอหยางเฉินรู้สึกงอแง [คนที่สองที่นั่งด้านขวาของท่านคือเจ้าชายองค์ที่สอง]
ฟางฉี “…”
สาวสวยที่นั่งถัดจากฟางฉีคือเจ้าหญิงส่วนชายหนุ่มรูปหล่อทางขวามือของเจ้าหญิงคือเจ้าชายองค์ที่สองใช่มั้ย ฟางฉีหันมองเบาๆ พลางคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมาชิกของราชวงศ์
“สมาชิกของราชวงศ์หลายคนรอบตัวเขา เขาควรจะเอ่ยทักอย่างเป็นทางการ” ด้านหลังผู้ชมอันหูเว้ยกระซิบกับหลี่เฮาสรัน “แล้วเขาจะทำตัวยังไงละนั่น”
“สมาชิกของหอดวงดาวและกลุ่มพันธมิตรวูเว้ยได้รับการยกเว้นการพูดจาอย่างเป็นทางการ” หลี่เฮารันเอ่ย
“หอดวงดาว ชิบ!” อันหูเว้ยดีดนิ้ว “งั้นคนที่นั่งจากเขาก็คือ ..”
“มีเพียงคนเดียวจากหอดวงดาว อันหูเว้ยเอ้ย”
“มู!?” อันหูเว้ยพูดขึ้นอย่างฉับพลัน
ในขณะเดียวกันเจ้าหญิงเองก็หันมาทางฟางฉีด้วยสายตาเย็นชา
ฟางฉีรู้สึกทำตัวไม่ถูกเขาเองก็ส่งข้อความเพื่อพูดคุยเช่นกัน [เธอคนนี้น่ะหรอ? เจ้าหญิงทำไมดูดุจัง]
[ดุ?]
[ท่าน! เดี๋ยวข้อความของท่านก็พาซวยหรอก!]
[เจ้าหญิงมีความสามารถด้านกลยุทธ์ ทางทหารและการปกครองระดับประเทศ เธอเป็นคนฉลาดมีความรอบรู้ในด้านศิลปะและการเพาะปลูก]
[เธอทั้งสง่าสามและสวยมาก] ศัพท์ทางการมันยาก พวกเขาเลยพิมพ์คำพูดธรรมดาที่ดูเรียบร้อย
“ฉันทำอะไรผิด!?” ฟางฉีอ่านความเห็นในหยกสื่อสารของเขา
ขณะเดียวกันอันหูเว้ยเองก็กำลังตักฮาเก้นดาสเข้าปากด้วยความอร่อย พลางหันมองคนอื่นที่กำลังอ่านความเห็นกันอย่างเมามัน
ฟางฉีรู้สึกหน้ากระตุกทำตัวไม่ถูก นี่ความคิดเห็นของฉันมันหยาบคายหรือมีอะไรแปลกไปงั้นหรอ ..
…