ตอนที่ 150

Black Tech Internet Cafe System

นวนิยาย Diablo ในตอนนี้เป็นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะในร้านอาหารหรือแม้แต่ถนนเทียนฟุเองผู้คนต่างพูดถึงกันอย่างไม่ขาดสาย

 

แม้แต่คนที่ไม่ใช่แฟนนิยายเองเมื่อได้ยินชื่อนี้ก็ต่างอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน จากการบอกเล่าปากต่อปาก

 

เรื่องเล่าของโลกที่มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วยสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่ของหนังสือที่บรรยายให้เห็นถึงภาพและเกิดการจินตนาการ

 

นักรบและผู้ฝึกฝนอิสระบางคนเดินทางรอบโลกเพื่อท่องเที่ยวและสำรวจสิ่งใหม่ เมื่อพบกับหนังสือเล่มนี้มันให้ความรู้สึกราวกับว่าได้ออกไปผจญภัยในโลกใหม่

 

“ร้านเล็กๆ นั่นยังมีหนังสือ Diablo อยู่หรือเปล่า”

 

“ชู่! นี่มันยังกับยาเสพติด มันทำให้ข้าหลงเข้าไปในโลกแห่งความสนุก”

 

“ไม่น่าแลปกใจที่พวกเขากระตือรือร้นที่จะคว่ำบาตรร้านเล็กๆ แห่งนี้พวกเขาคงอิจฉามากจริงๆ”

 

นอกจากเชนคังและเพื่อนๆ แล้วยังมีอาจารย์จากสำนักหลิงหยวนคนอื่นๆ อีกที่เป็นแฟนคลับ Diablo “เข้าไปข้างในกันเถอะ”

 

พวกเขาสวมหมวกไม้ไผ่เป็นการบ่งบอกว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ใครจำหน้าได้ว่าพวกเขาคืออาจารย์จากสำนักหลิงหยวนสถานที่ที่เคยทำการห้ามและปราบปรามสาวกไม่ให้มายังคาเฟ่แห่งนี้

 

–  กลุ่มเอจากบ้านซวน สำนักหลิงหยวน  –

 

สาวกบางคนที่มาจากกลุ่มและบ้านซวนได้รับการลงโทษที่รุนแรง ทุกคนล้วนมีคุณสมบัติที่จะได้เข้าสอบระดับชาติ แต่ด้วยการกระทำผิดคนจึงทำให้พวกเขาเกือบครึ่งไม่ได้รับโอกาสที่ดี

 

ตัวอย่างเช่นจุดแข็งของซีฉี เขาอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับซงฉิงเฟิงอย่างมาก เขามีพลังมากอาจสามารถเอาชนะคนเกือบทั้งหมดของบ้านซวนเลยซะด้วยซ้ำ

 

“เจ้ายอมรับมันได้หรือเปล่า” มูฮงจูเอ่ยถามขณะกำลังทำการสอน “พวกเจ้าทุกคนมีความสามารถและกำลังกายที่แข็งแกร่ง แต่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ สองวันก่อนฉันได้มีโอกาสเล่น Diablo ฉันเองเข้าใจดีว่าพวกเจ้ารู้สึกเช่นไร”

 

สาวกทั้งหมดนิ่งอึ้ง

 

อาจารย์ผู้สอน .. ท่านไปที่คาเฟ่หรอ!?

 

“พรุ่งนี้เจ้าของร้านจะทำการถ่ายทอดสดระดับชาติในเมืองจิงฉี พวกเจ้าต้องการดูมั้ย?” มูฮงจูเอ่ยถาม

 

ซีฉี, ซีเซียวหยุน และคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในสำนักด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อได้ยินคำถามนี้ พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากในเวลาเดียวกันมันก็น่ายินดีที่พวกเขาจะได้ดูเพื่อนๆ ร่วมสำนัก

 

“อ่า! ข้ารักท่านจัง ท่านอาจารย์มู!” ซีเซียวหยุนเป็นแรกที่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เธอเดินเข้าไปกอดมูฮงจู

 

“อ๊าก เจ้าของร้านถ่ายทอดสดการสอบระดับชาติ!?” ซีฉีเองยังไม่หายตื่นเต้น “เขาไปจิงฉีหรอ?”

 

มูฮงจูพยักหน้า

 

“อาจารย์มั่นใจได้เลย พวกข้าทุกคนจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ!”

 

“ถ้างั้น ..” ซีฉีเหลือบมองรอบๆ ห้อง “มีใครอยากไปมั้ย?”

 

“อยาก!”

 

“ข้าด้วย!”

 

“ข้าก็อยากไปด้วย!”

 

“ไม่มีอะไรที่จะขัดขว้างเราได้แล้ว เราจะไปกันทุกคนเลย ใครกลัวโดนจับได้ก็สวมหน้ากากเอาละกัน!”

 

“นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้ไปเหยียบที่นั่น ฉันอึดอัดมาก!”

 

เมื่อได้ยินข่าวว่าจะมีการถ่ายทอดสดการสอบระดับชาติ สาวกหลายคนในสำนักได้วางแผนจะออกไปดูกัน

 

 

สำหรับสถานที่การทดสอบในการสอบระดับชาตินั่นเป็นสนามกีฬารูปวงรีขนาดใหญ่ ที่นั่งของฟางฉีอยู่ในทางทิศเหนือสุดของสนาม เขามองไปทางขวามือเห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดดำลายดอกไม้ เธอดูมีเกียรติและสง่างาม ด้านขวาของเธอเป็นชายหนุ่มรูปงามพร้อมกล้ามเนื้อเขาสวมเสื้อคลุมลายมังกรสีทองส่งผลให้ดูแล้วยิ่งใหญ่และแข็งแกร่ง

 

ทั้งสองฝั่งของสนามเป็นแขกที่ได้รับเชิญให้มาชมการสอบระดับชาติ พวกเขาทั้งหมดดูเป็นคนมีพละกำลังมากมาย ฟางฉีมองไปรอบๆ สะดุดเข้ากับผู้อาวุโสกลุ่มเมฆดำที่อยู่ถัดไปจากเขาไม่ไกลนัก

 

มูตงไลเองนั่งอยู่ข้างซ้ายของฟางฉี พื้นที่แห่งนี้ถูกสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับวีไอพีที่ได้รับเชิญเท่านั้น และห่างไปจากบริเวณวีไอพีนั่นที่นั่งตรงกลางของผู้จัดงานคือชายชราคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำ เขานั่งพักพลางหลับตาพริ้ม

 

จากท่านั่งลักษณะท่าทางแล้ว แม้ว่าจะอยู่ไกลแต่ด้วยสัญชาตญาณของเขาบอกได้เลยว่าชายชราคนนี้มีพลังมากจริงๆ

 

การนั่งตรงกลางในที่แบบนั่น ใครดูก็รู้ว่าเขาเป็นใคร

 

ฟางฉีที่นั่งอยู่เฉยๆ รู้สึกเริ่มเบื่อ เขาจึงเริ่มทำการถ่ายทอดสดในทันที

 

ณ คาเฟ่อินเตอร์เน็ต

 

“เจ้าของร้านจกำลังถ่ายทอดสด!?”

 

“นั่นที่ไหน?”

 

“การสอบระดับชาติเริ่มขึ้นแล้วหรอ?”

 

เสียงผู้คนเริ่มตะโกนดังขึ้นเมือหน้าจอแสดงการถ่ายทอดสดขึ้น

 

[เจ้าของร้าน! มองไปทางขวาสิ] อันเชงเอ่ยพลางส่งความเห็น

 

[ขวา!? เจ้าหมายถึงผู้หญิงสวยๆ ที่อยู่ข้างขวาของฉันน่ะหรอ? เขามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?] ฟางฉีตอบกลับความเห็นโดยการพิมพ์เช่นกัน มันจะดูแปลกๆ หากเขาเลือกที่จะพูดตอบ

 

“สาวสวย?” บูเช่นั่งนิ่ง ในมือก็กำลังพิมพ์ข้อความ [ที่นั่งตรงนั่นมีใครรู้จักกับท่านบางมั้ย?]

 

[เจ้าไปนั่งตรงนั่นได้อย่างไร ..]

 

[เธอคือเจ้าหญิง ..]

 

สมาชิกในร้านต่างส่งความเห็นกันจอแทบแตก

 

[เจ้าของร้านท่านแน่ใจนะว่าไม่ได้กำลังนั่งที่ของคนอื่นอยู่!?] โอหยางเฉินรู้สึกงอแง [คนที่สองที่นั่งด้านขวาของท่านคือเจ้าชายองค์ที่สอง]

 

ฟางฉี “…”

 

สาวสวยที่นั่งถัดจากฟางฉีคือเจ้าหญิงส่วนชายหนุ่มรูปหล่อทางขวามือของเจ้าหญิงคือเจ้าชายองค์ที่สองใช่มั้ย ฟางฉีหันมองเบาๆ พลางคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นสมาชิกของราชวงศ์

 

“สมาชิกของราชวงศ์หลายคนรอบตัวเขา เขาควรจะเอ่ยทักอย่างเป็นทางการ” ด้านหลังผู้ชมอันหูเว้ยกระซิบกับหลี่เฮาสรัน “แล้วเขาจะทำตัวยังไงละนั่น”

 

“สมาชิกของหอดวงดาวและกลุ่มพันธมิตรวูเว้ยได้รับการยกเว้นการพูดจาอย่างเป็นทางการ” หลี่เฮารันเอ่ย

 

“หอดวงดาว ชิบ!” อันหูเว้ยดีดนิ้ว “งั้นคนที่นั่งจากเขาก็คือ ..”

 

“มีเพียงคนเดียวจากหอดวงดาว อันหูเว้ยเอ้ย”

 

“มู!?” อันหูเว้ยพูดขึ้นอย่างฉับพลัน

 

ในขณะเดียวกันเจ้าหญิงเองก็หันมาทางฟางฉีด้วยสายตาเย็นชา

 

ฟางฉีรู้สึกทำตัวไม่ถูกเขาเองก็ส่งข้อความเพื่อพูดคุยเช่นกัน [เธอคนนี้น่ะหรอ? เจ้าหญิงทำไมดูดุจัง]

 

[ดุ?]

 

[ท่าน! เดี๋ยวข้อความของท่านก็พาซวยหรอก!]

 

[เจ้าหญิงมีความสามารถด้านกลยุทธ์ ทางทหารและการปกครองระดับประเทศ เธอเป็นคนฉลาดมีความรอบรู้ในด้านศิลปะและการเพาะปลูก]

 

[เธอทั้งสง่าสามและสวยมาก] ศัพท์ทางการมันยาก พวกเขาเลยพิมพ์คำพูดธรรมดาที่ดูเรียบร้อย

 

“ฉันทำอะไรผิด!?” ฟางฉีอ่านความเห็นในหยกสื่อสารของเขา

 

ขณะเดียวกันอันหูเว้ยเองก็กำลังตักฮาเก้นดาสเข้าปากด้วยความอร่อย พลางหันมองคนอื่นที่กำลังอ่านความเห็นกันอย่างเมามัน

 

ฟางฉีรู้สึกหน้ากระตุกทำตัวไม่ถูก นี่ความคิดเห็นของฉันมันหยาบคายหรือมีอะไรแปลกไปงั้นหรอ ..