โดยที่ไม่รู้ตัวเลย เจ้าหญิงหันหน้ามาถาม “ท่านมู .. สุภาพบุรุษคนนี้คือ ..”
“นี่คือฟางฉี” ดูเผินๆ เหมือนว่ามูตงไลเองไม่ค่อยชอบเข้าร่วมกิจกรรมที่มีผู้คนมากมายนัก
“เขาเป็นเจ้าของร้านที่วิเศษที่สุด!” คนรอบๆ ตัวฟางฉีทำหน้างุนงง
ร้านค้า? จะวิเศษขนาดไหนกัน? เขาเป็นเพียงเจ้าของร้าน ..
หลังจากทักทายกันอย่างสุภาพ ผู้คนที่อยู่รอบๆ หันกลับไปมองที่สนามฝึกเช่นเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
[มีการต้อนรับเจ้าของร้านเล็กน้อย]
[ฮ่าๆ เจ้าของร้าน ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าข้าเองจะได้เห็นสิ่งนี้]
[เจ้าของ! ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะแสดงเทคนิคการควบคุมดาบ!]
[ฉันเห็นด้วย! ท่านแสดงเทคนิคการควบคุมดาบและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเลย แสดงให้พวกเขาได้เห็น ข้าละอยากจะเห็นจริงๆ ว่าพวกเขาจะทำหน้าแบบไหน]
หน้าของฟางฉีเปลี่ยนสี [นี่ข้ามาที่นี่เพื่อดูการสอบระดับชาติ ..]
เวลาเดียวกันคนเริ่มหลังไหลเข้ามาในคาเฟ่จำนวนมาก คนในร้านเกือบทั้งหมดต่างสวมหน้ากากเพื่อบดบังใบหน้า บางคนก็มองดูรอบๆ ด้วยความระมัดระวังและใช้น้ำเสียงพูดคุยอย่างแผ่วเบา พวกเขามาที่นี่พร้อมผู้สอน! ช่างเป็นสถานะการที่ไม่อาจจินตนาการได้
“การสอบระดับชาติเริ่มต้นขึ้นแล้ว!”
“เริ่มแล้ว!”
“ดูนั่น อาจารย์มู ข้าเห็นสาวกจากสำนักหลิงหยวนของเราบนหน้าจอ!” ซีเซียวหยุนกระซิบพร้อมชี้นิ้วไปที่หน้าจอ
“จริงหรอ? ไหนๆ” พวกเขาทั้งหมดหันมองไปทางเดียวกัน
กฏสำหรับการสอบระดับชาติครั้งนี้ค่อนข้างง่าย จากการทดสอบเมื่อวานนี้ สาวกทุกคนมีคะแนนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทุกคนสามารถท้าทายสาวกจากต่างสำนักได้ไม่เกินสามครั้ง แต่ละคนสามารถยอมรับการท้าทายได้ไม่เกินสามครั้งเช่นกัน ผู้ที่ต่อสู้ชนะจะได้รับคะแนนของอีกฝ่ายทั้งหมดคะแนนของผู้แพ้จะกลายเป็นศูนย์ทันที
แน่นอนว่ามีข้อจำกัดบางประการเกี่ยวกับความท้าทาย เราไม่สามารถท้าทายคนที่อ่อนแอกว่าได้ การจัดอันดับของบุคคลขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพวกเขา เพื่อแสดงให้เห็นความเป็นธรรมและความยุติธรรมสำสำทุกคน
“เราจะทำยังไงกัน” อาจารย์เฉินจงจากกลุ่มเอบ้านซวนเรียกทุกคนมารวมตัวกัน
“นาหลันหมิงสื่อ เจ้ามีความเห็ฦนอย่างไร?” เฉินจงต้องการฟังความคิดเห็นจากสาวก
“เราต้องมีกลอุบาย” นาหลันหมิงสื่อทำหน้าครุ่นคิด “ท้าทายถึงสามครั้งและยอมรับคำท้าสามครั้ง หมายความว่าเราแต่ละคนมีโอกาสที่จะได้รับคะแนนจากผู้อื่น ดังนั้นเราจะต้องปกป้องคะแนนของเรา อย่่งไรก็ตามการที่เราได้คะแนนเยอะนั่นอาจเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้อื่น จากการต่อสู้ทั้งสามครั้งหากแพ้จะต้องเสียคะแนนทั้งหมดไปและไม่สามารถเอาคืนได้เลย”
“กลยุทธ์ที่ดีคือการป้องกันตัวก่อนแล้วจึงโจมตี” เฉินจงกล่าว
านาหลันหมิงสื่อพยักหน้า “หลังจากยอมรับความท้าทายถึงสามครั้งแล้ว จากนั่นเราออกไปท้าทายพวกเขาบ้างแต่จะต้องไม่มีใครได้รับคะแนนจากพวกเราแม้แต่แต้มเดียว!”
เฉินจงรู้สึกสตั้น เขาแปลกใจเด็กผู้หญิงคนนี้กล้าแกร่งซะเหลือเกิน “เราจะทำตามกลยุทธ์นี้” เขากล่าว
ในช่วงเวลาที่พวกเขากำลังตัดสินใจเกี่ยวกับกลยุทธ์นั่น เสียงประกาศก็ดังขึ้น “หลิวหยุนสาวกอันดับหนึ่งของบ้านซวนจากสำนักซียี่ได้ขอท้าทายนาหลันหมิงสื่อจากสำนักหลิงหยวน!”
“หลิวหยุนจากซียี่ งั้นหรอ”
เสียงอุทานของผู้ชมดังขึ้น “มีคนกล่าวว่าหลิวหยุนจากซียี่เป็นลูกสาวนายพลหลิว เขาเป็นผู้พิทักษ์ทางทิศเหนือ ได้ยินมาว่าหลิวหยุนใช้เวลาผจญภัยและล่าสัตว์ด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ 12!”
“เธออายุไม่าถึง 17 ปี แต่เดินทางมาถึงระดับสูงขนาดนี้ เธอไม่ธรรมดาจริงๆ”
“เป็นเวลาสิบปีแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นคนวัยเท่านี้มีความสามารถมากมาย”
ซงฉิงเฟิงและคนอื่นๆ นิ่ง ก่อนที่จะหัวเราะกลบเกลื่อน “ฮ่าๆ ฮ่าๆ พวกเจ้าประเมินนาหลันของเราต่ำเกินไปแล้ว”
“นั่นอาจเพราะจุดเริ่มต้นของฉันสูงไปหรือเปล่า” นาหลันหมิงสื่อตอบเสียงแผ่ว ก่อนที่จะเดินออกไปที่สนามรบ
“ขอตรวจเช็ค!” เพื่อความเป็นธรรมสาวกทุกคนที่เข้ามาในสนามรบจะถูกตรวจสอบ สิ่งประดิษฐ์และอาวุธทางจิตวิญญาณของพวกเขาจะต้องเกิดขึ้นจากพลังการฝึกฝนของตัวเองไม่ใช่จากแหล่งอื่น
“นาหลันหมิงสื่อมีดาบสั้นธรรมดา ไม่มีอะไรอื่น” ชายหญิงที่ทำการตรวจสอบมีท่าทีที่ประหลาดใจ นาหลันหมิงสื่อทิ้งทุกอย่างเหลือไว้เพียงดาบสั้น ซึ่งแขวนอยู่บนเข็มขัดของเธอก่อนจะเดินออกไป
“นาหลันหมิงสื่อกำลังจะต่อสู้ในนัดแรกหรอ!?” สาวกจากสำนักหลิงหยวนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อมองเหตุการณ์บนหน้าจอ
“จะสู้แล้วหรอ?” ซีฉีที่กำลังซื้อฮาเก้นดาสอยู่หันมาถามด้วยความตื่นเต้น
“ผู้หญิงคนนั้นที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินเขาเป็นใครกัน!?”
“เจ้าไม่ได้ยินรึ? เธอคือหลิวหยุนศิษย์อันดับหนังของบ้านซวนจากสำนักซียี่!”
[ฉันชื่นชมเธอนะนาหลันหมิงสื่อ] ซีฉีส่งความเห็น
“น้องหญิง” เจ้าชายองค์ที่สองผู้หล่อเหลาเอ่ยถาม “ระหว่างเด็กสาวจากตระกูลนาหลันและอีกคนจากตระกูลหลิวทางตอนเหนือ ทั้งสองมีความอัจฉริยะล้ำเลิศ เธอทั้งสองอยู่ในระดับสูงทั้งคู่เจ้าคิดว่าใครจะชนะ?”
“หลิวหยุนเข้ามาศึกษาในสำนักซียี่ก่อนนาหลันหมิงสื่อหนึ่งปี ได้ยินมาว่าสำนักซียี่ฝึกสาวกโดยใช้กฏทางทหาร แต่ในทางกลับกันสำนักหลิงหยวนเองก็ใช้วิธีที่รุนแรงไม่แพ้กัน” เจ้าหญิงกล่าว
“น้องหญิง เจ้าคิดว่าหลิวจะชนะใช่มั้ย?”
เจ้าหญิงพยักหน้า
มูตงไลที่นั่งข้างๆ ฟางฉีก็ได้ถามคำถามเดียวกับเจ้าชายเช่นกัน “เจ้าของท่านคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ”
“อืม..” ฟางฉีนั่งลูบจมูกและตอบด้วยความงุ่มงาม “ข้าคงต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้หญิงที่ชื่อหลิวหยุนเป็นเวลาสามวิ”
[เจ้าของร้านพูดถูกใจข้า] ความเห็นเด้งขึ้น
ตอนนี้ความเห็นที่แซวหรือถูกใจคำพูดของเจ้าของร้านเด้งขึ้นอย่างไม่หวาดไม่ไหว
“ข้าว่ามีบางคนกำลังเห็นต่าง” เจ้าชายองค์ที่สองกล่าว
เห็นได้ชัดว่าผู้คนรอบๆ ข้างเลือกที่จะเพิกเฉยกับความคิดของฟางฉี
มีเพียงมูตงไลคนเดียวที่เห็นด้วยกับคำตอบ “ดูเหมือนว่านาหลันหมิงสื่อจะมีแววชนะ”
“นี่ท่านมู ท่านเห็นด้วยกับคำตัดสินของฟางฉีหรอ?” เจ้าหญิงมองหน้าเขาด้วยความประหลาดใจ น้ำเสียงของเธอไม่เห็นด้วยเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคนรอบตัวค่อนข้างมีความเห็นไปในทางเดียวกัน มีแต่ฟางฉีนี่ละที่เห็นต่าง
“เจ้าหนูน้อย เจ้าต้องรีบผิดชอบกับคำพูดของเจ้า” ชายแก่ในชุดดำมองหน้าฟางฉี
“ข้าดูเหมือนคนที่พูดไม่คิดถึงผลที่ตามมาหรือ?” ฟางฉีตอบกลับ
นาหลันหมิงสื่อที่เดินเข้าไปในสนามรบพร้อมหันไปมองเด็กสาวในชุดน้ำเงินที่มีท่าทางดุร้าย “นี่เจ้าไม่คิดจะอดทนอะไรเลยหรอ? ไม่คิดจะต่อสู้กับคนในระดับเท่าๆ กันบ้างหรือไง?”
“ฉันน่ะ ฆ่าอสูรมามากกว่าอาหารที่เธอกินเข้าไปอีกละมั้ง” หลิวหยุนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางดึงดาบยาวออกมา “โจมตีฉันสิ ฉันจะได้รู้ว่าฉันต้องใช้พลังงานมากแค่ไหนในการเอาชนะเจ้า”
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับเธอ
สาวกมองไปที่หน้าจอยักษ์ ทุกคนต่างร่วมกันส่งความเห็น
[ฉันรู้สึกไม่โอเคกับคำพูดของยัยคนนี้สักเท่าไร]
[พูดขนาดนี้ต้องจัดให้สักหน่อยแล้วแหละ]
[แหม! เก่งเหลือเกินแม่สาวน้อย]
นี่พวกเจ้ากำลังโมโหแทนใช่มั้ย ฟางฉีอ่านความเห็นและรู้สึกวิงเวียน เอาน่าปล่อยเธอไปเถอะ!
“พวกเขากำลังจะโจมตีใช่มั้ย?” สาวกในสำนักต่างร้องอุทาน
ในสายตาของพวกเขาหลิวหยุนกำลังเดินช้าๆ ไปยังจุดที่ห่างจากนาหลันหมิงสื่อในระยะสามเมตร เป็นระยะที่กำลังเหมาะสมสำหรับการโจมตี
แขนของหลิวหยุนที่งอลงเล็กน้อยและจับดาบด้วยสองมือวางไว้ตรงกลาง ขณะนี้จิตของเธอกำลังจดจ่ออยู่ที่ดาบ แผ่รัศมีอันเยือกเย็น!
เธอดูเหมือนคันธนูที่ถูกชักออกจนสุด ที่พร้อมจะโจมตีได้ทุกเมื่อ!
“เตรียมตัวดี” ผู้ปลูกฝังที่นั่งอยู่ข้างหลังฟางฉีเอ่ยชม “เธอยังเด็กอยู่เลย แต่การทดสอบรอบนี้น่าสนใจจริงๆ หวังว่าเธอจะไม่พลาด”
อีกด้านหนึ่งของกลุ่มเมฆดำ ผู้อาวุโสนั่งก้มหน้า “ดูเธอแล้วหันมาดูตัวเอง พวกเจ้าต้องฝึกฝนให้หนักขึ้นกว่าเดิม!”
เวลาเดียวกันที่หลายคนกำลังพูดคุย หลิวหยุนเองก้าวขาออกไปข้างหน้าแล้วสะบัดดาบของเธอออก กระบี่พุ่งโจมตีด้วยความเร็ว!
“นั่นมันคือ เทคนิคลมของสำนักซียี่!”
“เธอปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ ชายชราที่นั่งชมพยักหน้าเล็กน้อย “เธอใช้เทคนิคได้ดีทีเดียว”
แต่ก่อนที่จะพูดอะไรต่อ .. จู่ๆ กำปั้นสีชมพูก็พุ่งเข้าที่ท้องของหลิวหยุน
หลิวหยุน .. ล้มกระแทกพื้นทันที
ฟางฉีปิดตาของตัวเอง “หิ้วเธอไปที!”
เจ้าหญิงและเจ้าชาย .. พร้อมทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกสูญเสียคำพูด