“ฮ่าๆ ดูหน้าของคนนั้นสิที่นั่งถัดไปจากเจ้าของร้าน!”
“ตะลึง!”
[เจ้าหญิง ท่านคงไม่เชื่อสายตาตัวเองสินะ นี่คือทักษะการต่อสู้ระชะประชิด!]
หลังจากได้รับชัยชนะในรอบแรก ซีฉีและสาวกคนอื่นๆ ของกลุ่มเอรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก มูฮงจูก็เช่นกันเธอมีความสุขเมื่อได้เห็นฉากบนหน้าจอ
“เธอคงไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้ใช่มั้ย?” มูฮงจูถามด้วยความสับสน
“เป็นไปไม่ได้!” เจ้าชายสองมองไปที่สนามด้วยความประหลาดใจ “เธอไม่ได้ใช้เทคนิคการต่อสู้อะไรใช่มั้ย? ทำไมเธอสามารถทำลายเทคนิคลมได้ด้วยมือเปล่า?”
ชายชราที่นั่งถัดจากมูตงไลนั่งคิด “เด็กผู้คนนี้ดูเหมือนจะหลบหลีกการโจมตีของคู่ต่อสู้โดยใช้ประสบการณ์ส่วนตัว พร้อมกับการตัดสินใจที่แม่นยำ”
“มันเป็นส่วนหนึ่งของทักษะการต่อสู้ที่เรียกว่าการต่อสู้ระยะประชดใช่มั้ย?” มูตงไลรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ถึงแม้เขาเองก็คาดหวังอยากให้นาหลันหมิงสื่อชนะในเกม อืม .. ชนะอย่างง่ายดายจริงๆ
“ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดควรจะเป็นเช่นนี้แหละ” ฟางฉีอธิบายต่อ “ใช้กลลวงและความว่องไวในการฝึกฝนทักษะนี้”
ผู้คนรอบตัวเขาถามโดยพร้อมเพียง “ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดคืออะไร? มันเป็นเทคนิคแบบไหนกัน”
พวกเขาทำหน้าสับสน
ในขณะเดียวกันสาวกส่วนใหญ่ของทั้งสามสำนักยังคงงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า “เป็นไปไม่ได้”
“การโจมตีเพียงครั้งเดียว?”
“ศิษย์น้องหวางปู่ เจ้าเห็นการโจมตีของเธอคนนั้นมั้ย?” ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีทองเอ่ยถาม คนที่นั่งถัดจากเขาคือหวางปู่จิน ศิษย์อันดับหนึ่งบ้านหวังของสำนักเฉิงจิ้ง
“อย่ากังวลไปพี่ชาย แม้ระดับของข้าจะไม่สามารถเอาชนะเธอได้ แต่ข้ามีพลังที่ซ่อนเร้น” หวางปู่จินยิ้มอย่างมั่นใจ
“ดี” ชายหนุ่มชุดทองพยักหน้า “จงอดทนและอนุญาติให้เธอได้รับคะแนนมากกว่านี้ จากนั่นค่อยท้าทายเธอ”
“เข้าใจแล้วพี่ชาย”
ในพื้นที่ส่วนตัวของสำนักหลิงหยวนที่ทางเจ้าบ้านจัดไว้ให้ ฉินบิงตะโกนขึ้น “เธอรักษาชื่อเสียงของเราไว้ได้”
ขณะเดียวกันสำนักซียี่และเฉิงจิ้งก็ได้เริ่มการแข่งขันนัดที่สอง
“ฉิินเจียงท้าทายศิษย์อันดับสองของบ้านโลกจากสำนักเฉิงจิ้ง เพราะนาหลันหมิงสื่อจบการแข่งขันเร็วเกินไป ผู้ชมยังไม่ทันได้เห็นเทคนิคการต่อสู้ของหลิงหยวนเลย เจ้าควรแสดงให้ทุกคนเห็น!”
“ได้” ฉินเจียงคำนับ “แล้วองค์ชายห้าละ?”
“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา” ฉินบิงหัวเราะเบาๆ “ถ้าไม่มีใครท้าทายเขา ข้าจะส่งหนิงเฮาและซือหยวนไปท้าทายเขาเอง จากนั่นครั้งสุดท้ายเจ้าก็ค่อยไปท้าทายเขา”
ฉินเจียงพยักหน้า หลังจากการแข่งขันสองสามครั้งผ่านไป เขาเอ่ยท้าทายสาวกอันดับสองของบ้านโลกโดยไม่ลังเล เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้เขาตั้งใจจะเอาชนะให้ได้
เขาชนะได้อย่างง่ายดาย
“ช่วงหลายปีผ่านมานี่ดูเหมือนหลิงหยวนเริ่มแข็งแกร่งขึ้นมาก ..” ชายชราคนหนึ่งที่นั่ง ณ ที่นั่งชมเอ่ยขึ้นพลางจับเครา
“นั่นเป็นเพราะนักเรีบนหัวกะทิของฉันยังไม่แสดงฝีมือออกมา!” ชายชราที่มีนามสกุลยูเอ่ยแทรก
จู่ๆ ประกาศก็ดังขึ้น “เซียวเลงยูศิษย์อันดับหนึ่งจากบ้านซวนของสำนักเฉิงจิ้งขอท้าทายวังกวนศิษย์หมายเลขหนึ่งจากบ้านซวนของสำนักหลิงหยวน”
“อะไร!?”
“เซียวเลงยู จากเฉิงจิ้ง!?” หญิงสาวคนที่ฟางฉีพบระหว่างเดินทางไปจิงฉีได้ท้าทายศิษย์หมายเลขหนึ่งบ้านซวนจากสำนักหลิงหยวน ซึ่งเป็นเสียงประกาศที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนอย่างมาก
“หืม? เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ข้าพบระหว่างทางใช่มั้ย?” ฟางฉีมองไปที่ผู้หญิงคนนี้ เขาจำได้ทันที “เด็กคนนี้ดูแข็งแกร่ง”
“เด็กคนไหน?” ผู้ชมรอบตัวฟางฉีทำหน้าเหมือนหัวร้าน “เธอเป็นถึงหลานของท่านผู้นำคุ้มครองประเทศ เธอเก่งเทคนิคการใช้หอกมาก”
“ข้าวังกวนจากหลิงหยวน ข้ารับคำท้าเจ้า”
“ข้ายอมรับว่าสำนักหลิงหยวนทำได้ดีมากในรอบก่อนๆ ที่ผ่านมา” เซียวเลงยูยกหอกสีเงินในมือขึ้น “แต่นี่คือสิ่งที่เจ้าจะได้รับทั้งหมดในวันนี้”
เธอโบกหอกไปมา การปรากฏตัวอันทรงพลังจากปลายหอกแสดงให้เห็นถึงแสงสว่างอันเยือกเย็น ส่งผลให้เศษฝุ่นรอบข้างฟุ้งขึ้น
หญิงสาวแทงหอกไปข้างหน้าด้วยแรงอันท้วมท้น!
“เทคนิคภูเขา” วังกวนด้วยความตระหนักว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาจึงกำดาบในมือและใช้เทคนิคการต่อสู้ที่ดีที่สุด
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงสร้างเสียงดังขึ้น!
ตู้มมมมมมม!
ทั้งร่างหนึ่งลอยกระเด็นไปข้างหลัง
“แสงเย็นยะเยือกแบบนั้นปรากฏขึ้นราวกับร่างของมังกร?” ฟางฉีพึมพำ “เด็กหญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ”
[ทำไมเจ้าของร้านถึงเรียกเธอว่าเด็กหญิงคนนี้?] ผู้ชมต่างตั้งคำถาม
[เธอคนนี้ดูแข็งแกร่งจริงๆ]
“…”
“แข็งแกร่งมาก เธอใช้การโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็สามารถเอาชนะศิษย์หมายเลขหนึ่งของบ้านซวนจากสำนักหลิงหยวนอย่างง่ายดาย” คนดูรอบๆ สนามร้องออกมา
“ข้าจะสู้ในนัดต่อไป” ชายชุดทองเอ่ย
“นัดต่อไป! จี้หยางขอท้าฉินเจียงจากบ้านโลกของสำนักหลิงหยวน”
“อะไร!? หลังจากเซียวเลงยูที่เพิ่งท้าทายวังกวนไป ตอนนี้องค์ชายห้าก็เริ่มฮึกเหินขึ้นและต้องการที่จะท้าทายหนึ่งในคนที่ทรงพลังที่สุดในบ้านโลกของสำนักหลิงหยวนจนได้”
ฉินเจียงที่ยืนอยู่ด้านหลังฉินบิงกล่าว “ชัดเจนดี”
– ห้านาทีต่อมา –
จี้หยางยังคงอยู่ภายใต้การโจมตีของฉินเจียง ดูเหมือนจี้หยางจะไม่สะทกสะท้านต่อการโจมตีเลย ฉินเจียงเองดูเหมือนจะสิ้นหวัง
“จี้หยางและฉินเจียง .. ผู้ชนะคือ จี้หยาง!”
…
“ผู้ชนะคือยิ่งซงซวน”
“อะไรน่ะ?” เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่อาจคาดเดาได้เลย การต่อสู้กับสำนักหลิงหยวนผ่านไปง่ายดายหรือนี่จะเป็นแผนของสำนักหลิงหยวน?
ภายใต้การโจมตีที่ดุเดือดของคู่แข่ง สำนักหลิงหยวนนั่นพ่ายแพ้ให้แก่ทั้งสองสำนักอย่างง่ายดาย สถานการณ์เริ่มเลวร้ายขึ้น ผู้ชมต่างพูดคุยกันไม่หยุด
“วิธีการฝึกฝนของหลิงหยวนนั่นเบาและดูโบราณเกินไป”
“ไม่แปลกที่พวกเขาจะพ่ายแพ้”
“ตอนนี้สาวกที่หนึ่งของพวกเขาแพ้แล้ว อ่อนแอจริงๆ”
บนที่นั่งวีไอพีชายชราดูมีสีหน้าที่สดใส
“รองผู้อำนวยการซู พวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เข้ากันได้ดี” รองอาจารย์อีกสองเช่นกันพวกเขามีสีหน้าดูสบายใจกว่าตอนแรก
ในตอนนี้สาวกสามในสี่คนของหลิงหยวนได้พ่ายแพ้แล้ว แต่คนที่ยังคงอยู่นั่นคือนาหลัยหมิงสื่อ
จู่ๆ สถานการณ์ของหลิงหยวนก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน สีหน้าของฉินบิงในตอนนี้จากซีดเผือดกลับกลายเป็นมืดมนและดูหน้ากลัว!