ฉินบิงต้องการที่จะให้การสอบวัดระดับครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี สำนักหลิงหยวนของเขาต้องได้รับชัยชนะและมีชื่อเสียง แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เหลาสาวกของเขาแพ้จนคะแนนเป็นศูนย์
พวกเขาจะทำยังไงต่อไปดี? สาวกของเขาจะพลิกสถานการณ์ได้หรือไม่?
“เป็นไปไม่ได้ จี้หยางต้องปกปิดพลังของตัวเองไว้แน่และเซียวเลงยูเองก็น่าจะใช้กำลังไม่มาพอ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“การแสดงเริ่มน่าเบื่อ” หญิงสาวที่นั่งถัดจากฟางฉีส่ายหัว “จากผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็น สำนักเฉิงจิ้งคงจะเป็นอันดับแรก ตามมาด้วยซียี่ ในตอนนี้คงไม่มีใครจะเอาชนะจี้หยางและเซียวเลงยูได้แน่ ฉันว่าเดียวพวกเขาก็คงจะได้คะแนนจากสำนักหลิงหยวนอีกแน่”
“ฉันคิดว่าพวกเขาคงจะจัดคู่ต่อสู้ระหว่างสำนักอย่างเหมาะสม” ชายชรานั่งถัดจากมูตงไลส่ายหัว “ไหงผลมันออกมาชัดเจนขนาดนี้”
ผู้ชมในคาเฟ่ได้ยินความเห็นผ่านทางการถ่ายทอดสดของฟางฉี
“แหม ท่านผู้อาวุโสรอก่อนสิ”
“ฮ่าๆ ไร้เดียงสาจริงๆ เล้ย”
…
“ท่านคิดว่าผลคะแนนถูกเกร็งไว้หรือไม่?” ฟางฉีเหลือบมองไปรอบๆ
“ท่านไมาคิดงั้นหรอ?” เจ้าหญิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้ว่าฟางฉีจะทำนายผลได้ถูกต้องสำหรับการแข่งขัน แต่ตอนนี้สถานการณ์แสดงให้เห็นทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนแอในภาพรวมของสำนักหลิงหยวน ถึงแม้นาหลันหมิงสื่อจะแข็งแกร่ง แต่สาวกของบ้านซวนอย่างนาหลันเพียงคนเดียว อาจไม่สามารถพลิกสถานะการณ์ได้ทั้งหมด
กลางที่นั่งวีไอพี จู่ๆ ชายชราจากตระกูลซูก็ยืนขึ้นด้วยความโกรธ “ข้ามีธุระเร่งด่วนที่ต้องจัดการ ข้าต้องจัดการเดี๋ยวนี้!”
“ใช่เย็นก่อนน้องซู!” ชายชราอีกคนปรามเขา “วันนี้ทั้งสามสำนักกำลังทำการสอบวัดระดับ มันไม่เหมาะที่เจ้าจะออกไปกลางคันแบบนี้”
“ที่สำคัญทั้งองค์ชายและองค์หญิงก็อยู่ที่นี่กันพร้อมหน้า เจ้าต้องอยู่แสดงความเคารพต่อพวกท่านสิ”
“นั่งดูก่อน ใจเย็นๆ” ชายชราจากตระกูลซูทำหน้ามุ่ย
ในขณะเดียวกัน ณ ที่พักของสำนักหลิงหยวน ซงฉิงเฟิงกระซิบ “บางทีเราควรจะทำอะไรสักอย่าง ขืนรอต่อไปรองอาจารย์ซูอาจจะทนไม่ไหวจนออกไปแน่”
“จากสิ่งที่ข้าเห็นถึงความแข็งแกร่งของทั้งสองสำนัก ฉันว่าฉันสามารถเอาชนะได้”
นาหลันหมิงสื่อพยักหน้า “งั้นเริ่มเลย”
เสียงประกาศดังขึ้น “ซงฉิงเฟิงศิษย์หมายเลขหกบ้านหวังจากสำนักหลิงหยวน ขอท้าทายหวางปู่จินศิษย์อันดับหนึ่งบ้านหวังจากสำนักเฉิงจิ้ง”
“อะไรนะ?” ทุกคนตาโตเมื่อได้ยินประกาศ
หลิงหยวนหมายเลขหกต้องการท้าทายหมายเลขหนึ่งของเฉิงจิ้ง?
“อะไรกัน? ศิษย์สำนักหลิงหยวนนี่ไม่ธรรมดา” นักรบตัวสูงสวมชุดสีม่วงเดินไปที่สนามรบ
หวางปู่จินรู้สึกงงงวย ทำไมเจ้าคนนี้ชั่งกล้าท้าทายเขา?
ซงฉิงเฟิงนั่นกระโดดข้ามขั้นมาตั้งห้าขั้น! นี่เจ้าคนนี้อยู่แค่เพียงระดับกลางของนักรบเท่านั้น นี่เขากำลังทำสิ่งนี้เพื่อเยาะเย้ยฉันหรือเปล่านะ หวางปู่จินคิดในหัวเขาไม่ค่อยพอใจนัก
“ข้าขอบคุณเจ้าล่วงหน้าที่มอบคะแนนของเจ้าให้แก่ข้า” หวางปู่จินยิ้มเยาะ “ซงฉิงเฟิงเจ้าพร้อมที่จะลดคะแนนหรือยัง”
เมื่อผู้ชมได้ยินคำข่มขู่ต่างหัวเราะ “ฮ่าๆๆๆๆ”
“ข้าจะรับคะแนนเจ้าและเป็นอันดับหนึ่งของบ้านหวังเอง” หวางปู่จินพูดด้วยรวยยิ้ม “เจ้าไม่มีความเห็นหน่อยหรอ? ตั้งหมายเลขหกแน่ะ”
ฟางฉียักไหล่และพูดเปรย “จุดสุดยอดกำลังมา”
“กำลังมา?” เจ้าหญิงและองค์ชายได้ยินแบบนั้นพวกเขาหันมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ
“ซงฉิงเฟิง! เจ้าทำได้แน่นอน” ในคาเฟ่ ซีฉีและคนอื่นๆ กำหมัด
ตอนนี้เด็กกลุ่มเอบ้านหวังของสำนักหลิงหยวนยืนเฝ้าหน้าจอยักษ์กันอย่างตั้งใจ หึ! พวกเขารอเวลานี้มานานแล้ว!
“สู้!” มูฮงจูมองไปที่สาวกที่ยืนอยู่รอบๆ เธอรู้ว่าพวกเขามีความแข็งแกร่งและเก่ง เพียงแต่พวกเขาไม่ได้รับโอกาสที่จะไปสอบก็เท่านั้น
การแบกความหวังครึ่งหนึ่งของชั้นเรียนได้อยู่ที่ตัวแทนผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อไปสอบรดับชาติแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังจะแสดงมันออกมา!
เธอกัดริมฝีปากแน่นจนรู้สึกได้ว่าเลือดซิบออกมา เธอใช้กำลังมากเกินไป ในฐานะผู้สอนเองฉันไม่สามารถช่วยอะไรพวกเขาได้มากกว่านี้เลย สิ่งที่ฉันทำได้ในตอนนี้คือขอให้พวกเขาประสบความสำเร็จด้วยเถอะ
“เจ้าแน่ใจรึ” ซงฉิงเฟิงปลดดาบจากข้างหลังออกและวางมันบนพื้นข้างหน้าเขา
“นั่นเขากำลังทำอะไร?” ผู้คนรอบสนามมองด้วยความแปลกใจ
ซงฉิงเฟิงประกาศก้อง “หากเจ้าสามารถป้องกันการโจมตีจากดาบของข้าได้ ข้าจะยอมรับความพ่ายแพ้”
“อะไรนะ!?” ทุกคนอ้าปากค้าง
“นี่น้องซู ทำไมเด็กในสำนักของเจ้าถึงได้โอหังเช่นนี้” บนที่นั่งวีไอพีชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ข้าไม่เหมือนเจ้า” ซงฉิงเฟิงหันมอง “ข้าเดินทางมาที่นี่ด้วยความเชื่อ ข้าจะล้มเหลวไม่ได้!”
เขาขยับมือขวาและรวบรวมพลัง “ควบคุม!”
“ไร้สาระ!” ฉินบิงลุกขึ้นยืน แต่มันสายเกินไป
“เป็นไปไม่ได้”
“ดาบเนี่ยนะ? จะออกมาจากปลอกเองได้อย่างไร”
เวลาเดียวกันเจ้าหญิงที่นั่งอยู่ถัดจากเจ้าของร้านและคนอื่นๆ ในพื้นที่วีไอพี ต่างยืนขึ้นเพื่อมองดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
“นี่คือ..” เซียวเลงยูยืนจับหอกยาวของเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“เทคนิค!”
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังเล่นกลอะไร แต่เจ้าคงจะเอาชนะข้าได้แค่ในฝันนั่นละ!” หวางปู่จินทำหน้าเข้มพร้อมดวงตาอันดุเดือด
เขาดึงดาบออกมาแล้วพุ่งไปข้างหน้า “เทคนิคดวงจันทร์สามวงแหวน!”
พวกเขาทั้งสองอยู่ห่างกันประมาณสิบเมตรดาบของพวกเขารวดเร็วมากทั้งคู่ ..
ซงฉิงเฟิงชี้นิ้วไปข้างหน้า ดาบของเขาพุ่งไปข้างหน้าเร็วจนมองเห็นเป็นแสงสีเงิน!
หวางปู่จินเองที่ใช้เทคนิคดวงจันทร์สามวงแหวนวิ่งพุ่งมาจนเหลือระยะห่างเพียงแค่หกเมตรเท่านั้น!
ฉึบบบบบบ!
แสงดาบส่องประกาย จู่ๆ หวางปู่จินก็หยุดกึก!
เลือดไหลหยดจากแขนของเขา ดาบจากมือล่วงหล่นบนพื้นทันที
ความเงียบครอบงำ ..
ไม่เพียงแต่สาวกจากสำนักเฉิงจิ้งเท่านั้นที่อึ้งศิษย์จากซียี่ก็เช่นกัน รวมไปถึงผู้ฝึกฝนนักรบและผู้ชมในโซนวีไอพีทุกคนต่างพูดไม่ออก!