ฟางฉีมองไปรอบๆ เห็นถึงท่าทีที่ดูงี่เง่าของผู้คน เขายักไหล่และพูดว่า “แปลกใจกันละสิ!”
[ฮ่าๆๆ แปลกใจสิ]
[ซงฉิงเฟิง ท่านสุดยอดมาก!]
สาวกของสำนักหลิงหยวนต่างเฮกันลั่นร้าน นอกจากนี้พวกเจายังส่งความเห็นกันอย่างต่อเนื่อง
“หน้าตาพวกเขาตลกดีเวลาทำหน้าประหลาดใจ ฮ่าๆ” อันหูเว้ยกล่าว
“เทคนิคควบคุมดาบของเจ้าเด็กคนนี้มันใช้ได้” นาหลันฮงวูเอ่ยชม
เจียงเสี่ยวหยูซึ้งน้ำตานอง “เขาทำได้”
เซียวหยูเองก็แอบมีน้ำตา “ท่าน! ข้าต้องการที่จะเรียนรู้ด้วย .. โปรดให้โอกาสข้าด้วย!”
ตงชิงลี่รู้สึกเบื่อ แต่เธอเองก็ประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นภาพบนหน้าจอ “ทำไมมีคนเชี่ยวชาญในเทคนิคนี้หลายคน?”
เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นฟางฉีใช้เทคนิคการควบคุมดาบ แต่กลับกันตงชิงลี่รู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นคนอื่นใช้เทคนิค
“เวลาที่พวกเขากำลังฝึกเทคนิคการควบคุมดาบ เราเองก็พยายามปราบปรามร้านนี้” จางวันยูพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังจะร้องไห้
การโจมตีอย่างแท้จริงแม้จะแค่เพียง ครั้งเดียว!
ก่อนที่หวางปู่จินจะสามารถป้องกันตัวเองและปลดปล่อยเทคนิคการต่อสู้ออกไป ไหล่ของเขาถูกแฉลบด้วยดาบของคู่ต่อสู้เสียดก่อน!
การโจมตีเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมดาบถึงบินเองได้? มีเทคนิคดาบที่น่าอัศจรรย์บนโลกใบนี้ด้วยหรือ? เขาเป็นผู้ฝึกฝนหรือนักรบกันนะ?
นี่เป็นคำถามในหัวของคนสว่ยใหญ่ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ท่านซู!” ชายชราจากตระกูลยูพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “นี่ท่านพยายามจะโกงเราหรือ?”
ซงฉิงเฟิงที่เดินออกจากสนามรบรู้สึกพล่าเบลอ รองอาจารย์สำนักซูที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ากล่าว “นี่เจ้าหนู ข้าขอมือหน่อย”
เพื่อให้แน่ใจอย่างถ่องแท้เขาจึงทำการตรวจสอบอีกครั้ง
จากนั้นเขาหัวเราะ “นี่ผู้อาวุโสยูและเจียง เด็กคนนี้มีกำลังภายในร่างราย เขาไม่มีแม้แต่ร่องรอยของพลังทางจิตวิญญาณ หากพวกท่านไม่เชื่อเชิญมาตรวจสอบด้วยตัวเอง!”
“มีเพียงนักรบฉี? ไม่มีพลังทางจิตวิญญาณ?” รองอาจารย์อีกสองคนทำหน้างง
“หากไม่มีปัญหาอะไร โปรดกลับมายังที่เดิมและให้การสอบดำเนินต่อในทันที” ท่าจักรพรรดิตีระฆัง
รองอาจารย์ยูและเจียงไม่พบปัญหาใดๆ นั่นจึงทำให้เขาต้องกลับไปนั่งยังที่เดิม
“ขอบคุณพวกท่านที่เตือนความจำ สถานะการณ์กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ” รองศาสตราจารย์ซูของสำนักหลิงหยวนหัวเราะ
พวกเขารู้สึกเหมือนหน้ากำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ
จักรพรรดิที่นั่งอยู่มองดูด้วยความสงสัยว่าใครกันเป็นผู้สร้างเทคนิคนี้มันพิเศษจริงๆ
ซงฉิงเฟิงเพียงแค่ควบคุมดาบและส่งมันพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นั่นยังไม่ได้แสดงถึงพลังที่แท้จริงสักเท่าไร แต่เพียงเท่านี้ก็ยังทำให้หลายคนเกิดความประหลาดใจ
มันเป็นเทคนิคการต่อสู้ใหม่ของตระกูลซงหรือเปล่า? ข้าอยากจะถามเขาหลังจากการทดสอบจบ แม้ความอยากรู้ของจักรพรรดิจะมีมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถถามไถ่เขาได้เพราะทุกอย่างจำต้องดำเนินต่อไป
.. เขาจะต้องได้รับคำตอบหลังจากจบการสอบระดับชาติครั้งนี้!
ขณะเดียวกันเจ้าหญิงและองค์ชายสองพร้อมชายชราที่นั่งอยู่ถัดจากมูตงไลเริ่มเข้าใจถึงความหมายของคำว่า ‘จุดสุดยอดกำลังมา’ ที่ฟางฉีเคยเอ่ย
นี่มัน .. สุดยอดจริงๆ
ศิษย์มายเลขหกของบ้านซวงจากสำนักหลิงหยวนสามารถเอาชระศิษย์หมายเลขหนึ่งบ้านหวังของสำนักเฉิงจิ้งได้ด้วยเทคนิคดาบอันยอดเยี่ยใ
เขาถูกสงสัยว่าเป็นผู้ปลูกฝัง แต่เมื่อได้ทำการตรวจสอบแล้วก็ไม่ะบกับพลังทางจิตวิญญาณใดในร่างกายเขา
“ท่าน .. ฟาง?” องค์ชายสองรู้สึกสงสัยทำไมชายคนนี้ดูเหมือนรู้ล่วงหน้ามาก่อน เจ้าหญิงเองก็เหลือบมองเขาด้วยความสงสัย
ตอนนี้ทุกคนรอบๆ ต่างหันไปมองหน้าฟางฉีด้วยความไม่ไว้ใจ
ณ ที่พักของสำนักเฉิงจิ้ง
“เทคนิคการควบคุมดาบหรอ?” หอกในมือเซียวเลงยูสั่น
เธอจำได้ว่าชายหนุ่มที่ทิ้งพวกเขางงกลางทางได้พูดถึงเทคนิคการควบคุมได้ ตอนนี้เธอได้เห็นมันอีกครั้งในสนามรบ
“ใจเย็น อย่าเพิ่งตื่นตระหนก” ชายหนุ่มชุดคลุมสีทองเดินเข้ามา “มันเป็นเพียงแค่ชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านหวัง คะแนนที่เหลือจะต้องเป็นของเราแน่นอน”
“เราเพียงแต่ต้องนำคะแนนจากบ้านอื่นๆ เพื่อสะสมคะแนนต่อไป”
“ศิษย์พี่จีพูดถูก!”
…
ณ ที่พักของกลุ่มบ้านหลิงหยวน
สาวกในสำนักจากที่เคยชื่นชอบฉินบิงตอนนี้พวกเขาเริ่มรู้สึกกลัว
ศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาเรียนในสำนักต่างถูก ตราหน้าว่าเป็นสาวกที่แย่เพียงเพราะแพ้การโจมตี
“ฉันยังมีโอกาสที่จะทำคะแนน” ฉินเจียงพูดด้วยเสียงเศร้า จี้หยางนั่นพลังเยอะมาก เขาเองไม่สามารถท้าทายผู้ร่วมเกมคนเดิมได้อีก ตังนั้นต่อจากนี้เขาจะเสียคะแนนอีกไม่ได้
“สำนักหลิงหยวนดูไม่ค่อนยดีเท่าไร” เจ้าหญิงส่ายหัว “สำนักซียี่และเฉิงจิ้งกำลังได้คะแนนอย่างต่อเนื่อง สำนักหลิงหยวนก็ตามมาติดๆ แต่ก็ต้องพยามมากกว่านี้”
“นั่นถือว่าปกติ” ฟางฉีกล่าว “บางทีคนที่มีคะแนนในมือมากอาจเป็นเพียงแค่คนที่รอโดนสังหาร”
“โดนสังหาร?” เจ้าหญิงแสยะยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน “เซียวเลงยูและจี้หยางเป็นถึงนักรบระดับสูง ใครจะไปสามารถฆ่าพวกเขาได้”
เมื่อเธอพูดจบ จู่ๆ เสียงประกาศก็ดังขึ้น
“นาหลันหมิงสื่อศิษย์หมายเลขหนึ่งจากบ้านหวังของสำนักหลิงหยวนได้ขอท้าทายเซียวเลงยูศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักเฉิงจิ้ง”
“อะไรกัน!?” ใบหน้าของเจ้าหญิงดูหดลง
ฟางฉีแตะหน้าผากของตัวเองเบาๆ และเอ่ยว่า “ข้าควรจะแสดงความเสียใจให้กับท่านทีตั้งหวังมากไปดีมั้ย”
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ” ในขณะเดียวกันคาเฟ่ของฟางฉีเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“ฮ่าๆ เจ้าของร้ายจริงๆ”
“สุดยอดไปเลย!”
“เธอเป็นคนน่ากลัวอันดับสองรองจากเจ้าของร้าน” คนในคาเฟ่เอ่ยชื่นชมนาหลันหมิงสื่อ
“เราทุกคนต่างตั้งใจเชียร์นาหลันหมิงสื่อในครั้งนี้!” ฟางฉีเอ่ย
“!!??” เจ้าหญิงทำหน้างง
ทุกคนในสนามก็เช่นกัน “!!??”
พวกเขาตกตะลึงอย่างไม่คาดคิดอีกครั้ง!