จู่ๆ จากรอบสนามที่อึ้งทึ้งเงียบสงบก็ดังขึ้นด้วยความวุ่นวาย
“ท้าทายศิษย์เลขที่หนึ่งของบ้านหลังสูง?”
“ใครกันกล้าทำเช่นนั้น?”
“เธอบ้าไปแล้ว”
สนามปะลองตอนนี้เต็มไปด้วยความร้อนแรง
“นี่ท่านยู ข้ารู้สึกประหลาดใจกับสำนักของท่านมากที่มีลูกศิษย์ที่บ้านบิ่นขนาดนั้น” รองศาสตราจารย์ยูยิ้มจางๆ แล้วเอ่ยขึ้น
“ท้าทายคนจากบ้านชั้นสูง?” เจ้าหญิงที่นั่งอยู่ถัดจากเจ้าของร้านหรี่ตามอง “ไม่แน่หลังจากที่ได้อันดับไปแล้วเธออาจะสูญเสียความเป็ฦนตัวเองก็ได้เป็นได้”
ในสนามปะลองคู่ต่อสู้ต่างเดินออกจากห้องตรวจสอบความเรียบร้อย นาหลันหมิงสื่อสวมเสื้อคลุมสีขาวพร้อมมีดสั้นห้อยจากเข็มขัดของเธอ
ฟางฉ๊นั่งเอนหลังด้วยความเกียจคร้าน “ถึงแม้จะดูไร้อารมณ์ แต่เธอมีการวางแผนและพรสวรรค์ที่เป็นเลิศ”
“เจ้าของร้าน ข้าคิดว่าคงไม่ใช่แค่พรสวรรค์อย่างเดียวหรอก” มูตงไลเอ่ยด้วยความสงสัย
“ข้าว่าเธอคงเป็ฦนเด็กที่ดีและมีความทะเยอทะยาน” ชายชราที่นั่งถัดจากมูตงไลส่ายหัว “ข้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนนี้มาก่อน เธอเป็นหลานของตระกูลนาหลัน เป็นที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับเด็กคนนี้ว่าเธอเป็นอัจฉริยะที่เก่งที่สุดในครอบครัวนั้น ซึ่งครอบครัวนี้มีความเป็นมาประมาณร้อยกว่าปีแล้ว ในอนาคตไม่แน่เธออาจได้เป็นใหญ่เป็นโต”
ฟางฉีนั่งเฉย “ท่านไม่คิดจะเชื่อใจข้าสักครั้งบ้างเลยหรอ?”
ชายชราจ้องหน้าเขา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อใจเจ้า แต่ข้าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด”
เขาจ้องหน้าฟางฉีอย่างไม่เข้าใจเท่าไรนัก “แล้วข้าจะเชื่ออย่างนั้นได้อย่างไร?”
[ดูถูกต่อไปเถ้อะ ข้าจะดูว่าท่านจะพูดต่อไปได้อีกนานแค่ไหน]
[เจ้าของร้านพูดจริง เขานี่ไม่รู้เรื่องเลย]
สีหน้าของฟางฉีดูเรียบเฉย เมื่อเห็นข้อความจากคนในคาเฟ่
“ฮ่าๆ ข้าละชอบเรื่องแบบนี้จริงๆ เพื่อเป็นการแสดงความยินดีข้าขอซื้อฮาเก้นดาสเพื่อเพิ่มอรรถรสสักหน่อย” นาหลันฮงวูรู้สึกสนุกกับเหตุการณ์บนหน้าจอและเขาเองก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ยังไม่ได้กินของอร่อยเลย “เสี่ยวหยูข้าขอฮาเก้นดาสสองข้าหนึ่งพี่อาวุโสฟู่หนึ่ง”
จากนั้นเขากลับไปนั่งเพลิดเพลินที่เก้าอี้ต่อ
…
“เซียวเลงยูจากเฉิงจิ้งเธอคือศิษย์หมายเลขหนึ่งเพิ่งเอาชนะศิษย์หมายเลขหนึ่งของสำนัก
ซียี่ไปใช่มั้ย?”
“ใช่ ผลงานของเธอทำออกมาด้วยดี ไม่มีฝ่ายใดสามารถเอาชนะได้เลย”
“มันเป็นความอัปยศที่คนงี่เง่าบางคนกล้าท้าทายเธอ!” ผู้ชมบางกลุ่มพูดคุยกันอย่างเพลิดเพลิน
เซียวเลงยูที่อยู่ในชุดสีดำเดินถือหอกเงินไว้ในมือพร้อมทิ่มฝังคมลง ทั้งสองฝั่งสนามปรากฏหญิงชุดดำฝั่งหนึ่งพร้อมหญิงชุดขาวฝั่งตรงข้าม กำลังเผชิญหน้ากัน
ใบหน้าของเซียวเลงยูดูเย็นชาอย่างเห็นได้ชัดเมืท่อถูกฝ่ายตรงข้ามจ้องมอง “เมื่อเจ้ายืนยันที่จะเสียคะแนนให้แก่ข้า เขาก็จะเมตตาและยอมรับมัน”
นาหลันหมิงสื่อเปิดปากอันเรียวงามของเธอ “แล้วแต่เจ้าเลย”
“เจ้าหมายความอย่างไร? อะไรก็ตาม?” สีหน้าของเซียวเลงยูมืดมน
เธอชัดหอกกลับมาใกล้ตัวอีกครั้ง พร้อมรวบรวมกำลัง โดยส่งผลให้บรรยากาศรอบๆ ตัวเริ่มเปลี่ยนไป
“แม้ว่าเจ้าจะมีอันดับที่เท่าไร ฉันขอไม่แสดงความเห็นใจต่อเข้า!”
“นี่คือ ..”
หลายคนที่นั่งชมอ้าปากค้างโดยอัตโนมัติ “นั่นมันเทคนิคสายรุ้ง?”
“เทคนิคขั้นสูงของท่านผู้นำใช่มั้ย?”
“การปกป้องประเทศของท่านผู้นำในสมัยนั้น ท่านใช้เทคนิคนนี้ในการต่อสู้”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอได้เรียนรู้ตั้งแต่อายุยังน้อย”
“เธอจะโจมตีพุ่งไปทางหญิงสาวคนนั้นหรอ?” องค์ชายสองกระซิบ
.. เขาหันไปมองหน้าฟางฉีเอ่ยถามว่า “นี่ท่านฟางทำไมท่านไม่ตอบกลับละ”
ฟางฉีกระตุกยิ้ม “ท่านไม่เชื่อในคำพูดข้า ข้าจะเป็นต้องพูดอะไรอีก”
“ท่า .. ยังคงยึดติดกับคำตัดสินเดิมอยู่หรือไม่?” เจ้าหญิงหันมองด้วยใบหน้าดูแคลน
อย่างไรก็ตามคำดูถูกดูแคลนของเธอกลับกลายเป็นการสร้างความตกใจให้เธอภายหลัง
“เดี๋ยว! ดูนั่นสิ”
“การปรากฏตัวครั้งนี้ ..”
“นักรบระดับห้า ..”
“ระดับหก?”
“ระดับเจ็ด?”
“มันสูงขึ้นหรอ?”
“ระดับเก้า?”
ทุกคนลุกขึ้นฮือฮาพร้อมกัน โดยที่จ้องมองไปกลางสนามด้วยความตกใจ
นาหลันหมิงสื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย ตอนนี้อุณหภูมิรอบๆ เริ่มลดลงเรื่อยๆ จนพื้นกลายเป็นน้ำแข็ง
“ไม่จริง!”
นาหลันหมิงสื่อปลอดดาบออกมา สกิลดาบผ่าลงราวกับสายฟ้า
“เทคนิคการต่อสู้แบบนี้นำมาใช้ในระยะเท่านี้ได้อย่างไร? มันห่างตั้งสามสิบเมตร”
เซียวเลงยูห่างจากนาหลันราวๆ สามสิบเมตร จู่ๆ แสงสีเงินพุ่งเข้าหาเธอด้วยความรวดเร็ว!
“ระวัง!”
กระบี่ที่รวดเร็วและแข็งแกร่งได้ทำลายการป้องกันของนักรบที่อยู่รอบๆ เซียวเลงยู
ในระยะสามสิบเมตร เซียงเลงยูถูกดจมตีด้วยดาบก่อนที่ได้ใช้เทคนิคหอกของเธอ
ตู้ม!
เธอหันหอกไปทันทีที่ได้ยินเสียงระเบิดเกิดขึ้น พวกเขากำลังปะทะกัน! เซียวเลงยูถอยหลังไปครึ่งก้าวในขณะที่ดาบนั้นกำลังบินพุ่งไปทางเธอ
ริมฝีปากของฟางฉีโค้งขึ้น “หากท่านต้องการใช้เทคนิคการควบคุมดาบ พวกท่านสามารถให้นำมาใช้ได้ภายนอกร้านของฉัน”
เจ้าหญิงทำท่าตกใจ! องค์ชายสองและชายชราที่มีท่าทางนิ่งๆ ก็ตกใจไม่แพ้กัน
“นี่คือ ..”
“นี่เรียกว่าเทคนิคการควบคุมดาบหรือไม่?”
ทุกคนโฦน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อติดขอบสนาม พวกเขากลัวที่พลาดอะไรเด็ดๆ ไป เหมือนเดิมนาหลินหมิงสื่อพยายามที่จะเปลี่ยรนิ้วเพื่อให้ดาบพุ่งออกจากมุมกำแพง
“ทีฉันบ้าง” ผู้คนในตอนแรกเห็นเพียงแค่ความรวดเร็วของพลังสายรุ้ง แต่ตอนนี้พวกเขากำลังชื่นชมการประยุกต์ใช้กำลังของนาหลัยหมิงสื่อ!
นาหลันหมิงสื่อเป็นคนฉลาดมากในขณธเดียวกันซงฉิงเฟิงเองเป็นคนเก่งและมีความเชี่ยวชาญเป็นทุนเดิม เธอโบกมือเพื่อกระจายพลังส่งกระบี่อันเย็นออกไปเพื่อโจมตี
นาหลันยับมืออีกครั้งเพื่อบังคับดาบให้พุ่งเข้าหาเซียวหยู จากนั้นเธอพุ่งตัวตามไปโจมตีในระยะประชัด!
เซียวเลงยูถูกโจมตจีด้วยดาบและพลังภายในมัดของนักรบทำให้เธอเองรับมือไม่ไหว มันเหมือนเธอกำลังโดนรุมด้วยคนสามคน
เทคนิคการควบคุมดาบนั้นว่องไวทักทักษะและการฝึกฝน และแม้เซียวเลงยูจะมีความแข็งแกร่งมาก แต่เธอก็พบว่าเธอไม่มีโอกาศที่จะโจมตีต่อเลยหลังจากคาดการเคลื่อนไหวผิด
“การแสดงนี้ค่อนข้างดี” ฟางฉียิ้มมุมปาก
[การควบคุมนี้สุดยอด]
[ใกล้เป็นจริงอย่างเจ้าของร้านแล้ว]
[มันเกือบลใกล้เคียงกับเจ้าทจองแล้ว]
[เจ้าของท่านช่วยขยายหน้าพวกเขาหน่อยได้มั้ย ข้าอยากเห็น]
[ข้าด้วย!]